เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 91
ในสถานการณ์ปกติทั่วไป คนเราจะมีสำนึกผิดชอบชั่วดี ซึ่งรู้ได้ด้วยตัวเอง รู้ได้ด้วยใจของเรา ทำให้เราเลือกสิ่งที่ถูกต้องให้กับชีวิตเราและสังคม ประเทศชาติเราได้
ถ้าสังคมอยู่ในภาวะปกติ คนที่รู้ผิดชอบชั่วดีจะมีมากกว่าคนเพี้ยน คนเพ้อเจ้อ เพราะเป็นคุณสมบัติธรรมชาติธรรมดาที่มีอยู่ในมนุษย์ ดังนั้นการฟังเสียงส่วนใหญ่ก็พอใช้ได้ พอยอมรับได้ ดังเช่น ระบบ Jury Sysytem ในศาล และคนส่วนใหญ่ ก็ไม่ค่อยมีส่วนได้ส่วนเสียกับผลประโยชน์จริงๆเท่าไร แต่อาจจะคำนึงถึงเรื่องปากท้องเสียมากกว่า
แต่ปัจจุบันเกิดวิกฤติทางด้านสังคมขึ้นด้วยหลายสาเหตุซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาโครงสร้างทั้งสิ้น เช่นโครงสร้างทางการเมือง ระบบราชการ เป็นต้น ทำให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หรือ สำนึกที่ดี หายไปจากจิตใจคน ที่เหลือก็เจือจางลงไป จึงเกิดเรื่องอย่าง " พวกมากลากไป" ขึ้นมาบ่อยๆไป อย่างที่ท่านว่า คือ จำนวนมือ หรือความเห็นเสียงข้างมากของประชาชนทั้งแผ่นดิน จะมาตัดสินว่า สิ่งนี้สิ่งนั้นมีคุณธรรมหรือไม่ กระนั้นหรือ... ก็ไม่น่าจะใช่
เราอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า ความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศนั้นอยู่ที่จำนวนเสียงและคนที่ออกมาเชียร์มากกว่าคนที่ออกมาคัดค้านเท่านั้น จึงไม่ได้สนใจไยดีว่า "เนื้อหาสาระ" แห่งการแสดงออกของทั้งสองฝ่ายนั้น แก่นแกนของปัญหา มีประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างไร
ความเห็นเสียงข้างมากของประชาชนทั้งแผ่นดินไม่ได้ให้สิทธิขาดให้ใครทำอะไรก็ได้โดยไม่ฟังเสียงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หรือเลือกฟังเฉพาะสิ่งที่อยากฟัง เลือกที่จะพูดหรือตอบเฉพาะที่อยากตอบโดยปล่อยให้สถานการณ์อึมครึมอยู่ต่อไป หรือเลือกรับแต่ช่อกุหลาบแดง...
ความเห็นเสียงข้างมากของประชาชนทั้งแผ่นดินไว้วางใจให้ท่านมาดีขี่กระแส
แต่การจะอยู่ดีหรือไม่นั้น ควรต้องฟังเสียงอื่นๆที่เหลือด้วย
ความเห็นเสียงข้างมากของประชาชนทั้งแผ่นดินสิ้นสุดหน้าที่และความรับผิดชอบหลังจากเดินออกจากคูหาเลือกตั้งใช่มั้ยคับ
ความชอบธรรม อธิบายในเชิงกฎหมายและรางลูกคิด(สมัยนี้เป็นดิจิตอล)เท่านั้นพอใช่มั้ยคับ
ความชอบธรรมของท่านคืออะไรคับ...
ถ้าสังคมอยู่ในภาวะปกติ คนที่รู้ผิดชอบชั่วดีจะมีมากกว่าคนเพี้ยน คนเพ้อเจ้อ เพราะเป็นคุณสมบัติธรรมชาติธรรมดาที่มีอยู่ในมนุษย์ ดังนั้นการฟังเสียงส่วนใหญ่ก็พอใช้ได้ พอยอมรับได้ ดังเช่น ระบบ Jury Sysytem ในศาล และคนส่วนใหญ่ ก็ไม่ค่อยมีส่วนได้ส่วนเสียกับผลประโยชน์จริงๆเท่าไร แต่อาจจะคำนึงถึงเรื่องปากท้องเสียมากกว่า
แต่ปัจจุบันเกิดวิกฤติทางด้านสังคมขึ้นด้วยหลายสาเหตุซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาโครงสร้างทั้งสิ้น เช่นโครงสร้างทางการเมือง ระบบราชการ เป็นต้น ทำให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หรือ สำนึกที่ดี หายไปจากจิตใจคน ที่เหลือก็เจือจางลงไป จึงเกิดเรื่องอย่าง " พวกมากลากไป" ขึ้นมาบ่อยๆไป อย่างที่ท่านว่า คือ จำนวนมือ หรือความเห็นเสียงข้างมากของประชาชนทั้งแผ่นดิน จะมาตัดสินว่า สิ่งนี้สิ่งนั้นมีคุณธรรมหรือไม่ กระนั้นหรือ... ก็ไม่น่าจะใช่
เราอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า ความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศนั้นอยู่ที่จำนวนเสียงและคนที่ออกมาเชียร์มากกว่าคนที่ออกมาคัดค้านเท่านั้น จึงไม่ได้สนใจไยดีว่า "เนื้อหาสาระ" แห่งการแสดงออกของทั้งสองฝ่ายนั้น แก่นแกนของปัญหา มีประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างไร
ความเห็นเสียงข้างมากของประชาชนทั้งแผ่นดินไม่ได้ให้สิทธิขาดให้ใครทำอะไรก็ได้โดยไม่ฟังเสียงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หรือเลือกฟังเฉพาะสิ่งที่อยากฟัง เลือกที่จะพูดหรือตอบเฉพาะที่อยากตอบโดยปล่อยให้สถานการณ์อึมครึมอยู่ต่อไป หรือเลือกรับแต่ช่อกุหลาบแดง...
ความเห็นเสียงข้างมากของประชาชนทั้งแผ่นดินไว้วางใจให้ท่านมาดีขี่กระแส
แต่การจะอยู่ดีหรือไม่นั้น ควรต้องฟังเสียงอื่นๆที่เหลือด้วย
ความเห็นเสียงข้างมากของประชาชนทั้งแผ่นดินสิ้นสุดหน้าที่และความรับผิดชอบหลังจากเดินออกจากคูหาเลือกตั้งใช่มั้ยคับ
ความชอบธรรม อธิบายในเชิงกฎหมายและรางลูกคิด(สมัยนี้เป็นดิจิตอล)เท่านั้นพอใช่มั้ยคับ
ความชอบธรรมของท่านคืออะไรคับ...
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 92
ความชอบธรรม
ในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ความถูกตามหลักธรรมะ, ความถูกต้องทางนิตินัย ในภาษาอังกฤษหมายถึง Just, Fairness, Legitimacy, Rightfulness, Moral.
สรุปความหมายของความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หมายถึง ความชอบธรรม ความถูกต้องและความสอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ ความเป็นไปในทิศทางเดียวกับรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ใช่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตราใดมาตราหนึ่ง ...
ทั้งนี้คำว่า ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จะกว้างกว่าคำว่า ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มิฉะนั้นก็คงไม่ต้องใช้หลายคำ ..
ที่มา : อมร รักษาสัตย์. การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยการตีความของศาลรัฐธรรมนูญกรณีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและการไม่ขัดหรือไม่แย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและความหมายของกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญ
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 93
บทบรรณาธิการ
ไทยรัฐ 15/2/49
ความถูกต้องชอบธรรม
ในช่วงเวลาที่นักสังเกตการณ์ ทางการเมืองส่วนใหญ่ มองว่าเป็นช่วงขาลงของรัฐบาลทักษิณ ขณะนี้มีนักวิชาการและปัญญาชน ออกมาแสดงความคิดเห็นมากขึ้นและถี่ขึ้น ทั้งในการเสนอผลงานการวิจัย การวิเคราะห์และวิจารณ์ เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ส่วนใหญ่มักจะออกมาในด้านลบ มีการตีแผ่ธนกิจการเมือง และล่าสุด คือการเผยแพร่ผลการวิจัยเรื่องจริยธรรมนักการเมือง
ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี เห็นพ้องกันว่าการเมืองไทยในปัจจุบัน เป็น ธนกิจการเมือง เป็นการเมืองที่ถูกครอบงำด้วยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งบางคนเรียกว่า ธุรกิจการเมือง หรือ ธนาธิปไตย ทำให้ประชาธิปไตยมืดมน เพราะมีการแทรกแซงและครอบงำทั้งองค์กรอิสระ สื่อ หรือองค์กรผู้ตรวจสอบ
ล่าสุดเป็นผลงานวิจัยของอาจารย์ ธีรภัทร เสรีรังสรรค์ นายกสมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทย จากการสัมภาษณ์บุคคลหลายกลุ่ม มีกลุ่มตัวอย่างเกือบ 90% เห็นว่าปัญหาจริยธรรมและผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการ เมือง ในขณะนี้มีความรุนแรงและเลวร้ายกว่าในอดีตค่อนข้างมากโดยเฉพาะวิธีการได้มาซึ่งอำนาจ การใช้อำนาจ และการสืบต่ออำนาจ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของการเมือง
สำหรับวิธีการได้มาซึ่งอำนาจ กลุ่มตัวอย่างเห็นตรงกันว่าในการเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2544 และ 2548 มีการทุจริต มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง มีการใช้อำนาจรัฐและอิทธิพลเถื่อน พรรคการเมืองส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และจริยธรรมทางการเมือง และมีการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เบียดบังงบประมาณแผ่นดินเป็นของตน ฯลฯ
ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่กล่าวมา เป็น ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพราะเป็นผลงานการวิจัยตามหลักวิชาการ ไม่ใช่จินตนาการเอาเอง และเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงสำหรับนักการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายที่คุมอำนาจ เพราะเป็นการกล่าวหาว่ามีการฉ้อฉลอำนาจ ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ซึ่งกระทบถึงปัญหา ความชอบธรรม ของอำนาจ ซึ่งมักจะเป็นปัญหาในยุคเผด็จการ
ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นรัฐบาลที่ ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเข้าสู่อำนาจตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต แต่องค์กรผู้ดูแลการเลือกตั้งก็ไม่ได้เอะอะโวยวาย จึงต้องยกประโยชน์ให้แก่ความสงสัย และยังถือว่าเป็นรัฐบาลที่เข้าสู่อำนาจ โดยถูกต้องตามวิถีทางประชาธิปไตย
แต่ถ้าเมื่อใดมีการกล่าวหามากขึ้น ทุกขณะ ว่ามีการใช้อำนาจเพื่อแสวงประโยชน์ส่วนตน พวกพ้อง บริวาร และวงศาคณาญาติ ก็จะเกิดคำถามเกี่ยวกับ ความชอบธรรม ของอำนาจ เพราะแม้จะมี ความถูกต้องตามกฎหมาย แต่อาจจะขาดความชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองสืบไป ถ้าหากมีการกระทำที่ผิดศีลธรรมหรือจริยธรรมร้ายแรง แม้จะอ้างว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม.
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 94
เสถียรภาพของรัฐบาลขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้ารัฐบาลไม่ได้รับศรัทธาจากประชาชน การมีเสียงสนับสนุนจำนวนมากก็ไม่มีความหมาย ยกตัวอย่าง ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์หลายคนที่ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น แต่ก็ถูกประชาชนขับไล่ในภายหลัง ล่าสุดนางกลอเรีย อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ก็ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น แต่ก็มีปัญหาในภายหลัง เพราะพัวพันกับการคอร์รัปชั่น
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
อดีตคณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 95
ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "จริยธรรมของการบริหารภาครัฐ"
เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ วันที่ 9 กรกฎาคม 2548
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)
โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
พล.อ.เปรมได้กล่าวถึงหัวใจสำคัญของจริยธรรมการบริหารงานภาครัฐ โดยชี้ถึงจริยธรรมตามหลักนิติรัฐที่ยังมีจุดอ่อน ผู้มีอำนาจอาจจะละเว้นไม่ออกกฎหมายเพื่อลิดรอนสิทธิของกลุ่มตนเองก็ได้ เช่น ตั้ง "ผู้ช่วยรัฐมนตรี" เพื่อเลี่ยงเปิดเผยทรัพย์สิน จริยธรรมของการบริหารภาครัฐจะไม่เกิดหากผู้บริหารไม่มีจริยธรรม และผู้บริหารต้องซื่อสัตย์ ดูแลคนรอบข้างให้ซื่อสัตย์ ไม่ลุแก่อำนาจ ไม่สองมาตรฐาน เลือกจริยธรรมมากกว่าประสิทธิภาพของงาน และขอเอาใจช่วยรัฐบาลปราบทุจริต
2 จริยธรรม 7จิตสำนึก กระตุ้นให้ผู้นำพึงสำเหนียก
พล.อ.เปรมได้กล่าวถึงการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) จำเป็นต้องใช้หลักจริยธรรม ซึ่งหมายความว่า คุณความดีที่พึงยึดเป็นข้อประพฤติปฏิบัติ ทั้งนี้หลักจริยธรรมสามารถแยกออกเป็น 2 มุมมองดังนี้
1. จริยธรรมตามหลักนิติรัฐ ยึดหลักการว่า การบริหารงานใดได้ดำเนิน การถูกต้องตามตัวบทกฎหมาย ถือว่าการบริหารงานนั้นถูกต้องตามหลักจริยธรรม แนวคิดนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจมีปัญหาเรื่องความไม่ครอบคลุม เพราะกฎหมาย มักจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่เกิดปัญหา และเพื่อมิให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก จึงออกกฎหมายมาบังคับใช้ ดังนั้นกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันจึงไม่เพียงพอในการกำกับพฤติกรรมการบริหารงานให้อยู่ในกรอบของจริยธรรมได้ทุกกรณี
นอกจากนั้นจริยธรรมตามหลักนิติรัฐยังมีจุดอ่อน กล่าวคือ ผู้มีอำนาจอาจจะละเว้นไม่ออกกฎหมายเพื่อลิดรอนสิทธิของกลุ่มตนเองก็ได้ สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อน เช่น นักการเมืองไม่จดทะเบียนกับคู่สมรส เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายที่ระบุว่าคู่สมรส (สามี/ภรรยา) ของนักการเมืองต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ นักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูงสั่งการด้วยวาจาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยตนเองไม่ต้องมีความรับผิดชอบ การกำหนดตำแหน่งทางการเมืองที่มีอยู่นอกกรอบกฎหมาย เช่น ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งทางการเมืองตามกฎหมาย ผู้ดำรงตำแหน่งจึงไม่ต้องเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณะ
2. จริยธรรมตามมาตรฐานจริยธรรม ยึดหลักความพยายามแสวงหาว่าด้วยความดีที่ยึดถือควรเป็นอย่างไร แล้วนำมาใช้เป็นมาตรฐานจริยธรรมกำหนด เป็นแนวทางปฏิบัติ จริยธรรมตามมาตรฐานจริยธรรมจึงมีความครอบคลุมกว้างขวางกว่าจริยธรรมตามหลักนิติรัฐ อย่างไรก็ตาม จริยธรรมตามมาตรฐานจริยธรรมมีจุดอ่อนที่สำคัญ คือ ขาดบทบังคับการลงโทษเมื่อมีการละเมิด เป็น ความแตกต่างจากจริยธรรมตามหลักนิติรัฐ ความจริงแล้วจริยธรรมของการบริหารมีมาตั้งแต่โบราณกาลในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีหลักธรรมของพระเจ้าแผ่นดิน ที่เรียกว่า ทศพิธราชธรรม นั่นคือ จริยธรรมในการปกครองราชอาณาจักร มีหลักธรรมที่เรียกว่า จักรวรรดิวัตร คือวัตรของพระจักรวรรดิ หรือพระจริยาที่พระจักรวรรดิพึงบำเพ็ญสม่ำเสมอ มี 12 ประการที่เป็นจริยธรรมเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันโลกาภิวัตน์ส่งผลให้ปัจจัยในการบริหารงานเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ก่อให้เกิดคำใหม่ ๆ เช่น รัฐชาติ (Nation state) รัฐตลาด (Market state) ประเทศพัฒนาแล้วได้สร้างระเบียบใหม่ของโลก (New World Order) เพื่อกำกับดูแลประเทศกำลังพัฒนา สร้างธนาคารโลก องค์การการค้าโลก ให้มีบทบาทในการดูแลเงินกู้จากประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้แน่ใจว่า ประเทศลูกหนี้จะใช้เงินไปอย่างถูกต้อง ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง และสร้างกติกาเพื่อควบคุม เรารู้จักกติกานั้นกันในชื่อว่า Good Governance คำที่เรายังไม่มีคำแปลเป็นไทย อย่างเป็นทางการ หลักสำคัญของ Good Governance มี 5 ประการ ได้แก่
1..Accountability แปลว่า ความน่าเชื่อถือและมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
2..Transparency แปลว่า ความโปร่งใส
3..Participation แปลว่า การมีส่วนร่วม
4..Predictability แปลว่า ความสามารถในการคาดการณ์ได้
5..ความสอดคล้องของ 4 หลักการข้างต้น
การพูดถึงการบริหารต้องพูดถึงผู้บริหาร เพราะเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันบางกรณีเป็นเรื่องเดียวกัน จริยธรรมของการบริหารภาครัฐจะไม่มีทางเกิดผลสำเร็จได้ถ้าผู้บริหารไม่มีจริยธรรม การที่ประเทศต่าง ๆ ทั้งที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกายังให้ความสำคัญของจริยธรรม เพราะเชื่อว่า การบริหารที่ยึดหลักกฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การบริหารจัดการที่ดีได้ และจริยธรรมของการบริหารงานภาครัฐ ย่อมนำไปใช้ในการบริหารงานภาคเอกชนได้ด้วย
การบริหารงานภาครัฐและภาคเอกชนนั้น ผู้บริหารจะต้องมีจิตสำนึก ที่ดีดังนี้
1..ความซื่อสัตย์ เป็นจริยธรรมทั้งของการบริหารภาครัฐและของผู้บริหาร ความซื่อสัตย์ในการบริหารงานคือ ความซื่อสัตย์ของผู้บริหาร ความซื่อสัตย์ไม่ได้หมายถึงการประพฤติปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ต้องถูกต้องตามจริยธรรมและศีลธรรมด้วย ความซื่อสัตย์มิได้หมายเฉพาะตนเองมีความซื่อสัตย์ เท่านั้น แต่หมายถึง ต้องควบคุมให้คนรอบตัวเรา มีความซื่อสัตย์ การบริหารและผู้บริหารไม่ซื่อสัตย์ เพราะมีกิเลสก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ องค์กร องค์การใด ผู้บริหารมีกิเลสต้องขจัดด้วย หิริโอตตัปปะ
2..กฎหมาย เป็นที่ยอมรับกันว่า กฎหมายไม่สามารถอุดช่องโหว่การบริหารของผู้บริหารที่จะแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ กฎหมายวางมาตรฐานขั้นต่ำของการประพฤติมิชอบไว้เท่านั้น แต่มาตรฐานทางจริยธรรมในเรื่องของการประพฤติชอบและความซื่อสัตย์นั้นสูงกว่ากฎหมาย ในบางเรื่องกฎหมายเขียนว่าไม่ผิด แต่เมื่อเอามาตร ฐานทางจริยธรรมมาจับก็อาจถือว่าผิดได้ เช่น เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน กฎหมายบัญญัติไว้เฉพาะเรื่องของตนเอง แต่ไม่ได้ห้ามไปถึงครอบครัวและญาติพี่น้องจึงมีการกล่าวกันว่ากฎหมายบางฉบับไม่เป็นธรรม
3..ความเป็นธรรม บอกยากว่าความเป็นธรรมคืออะไร บ้างว่าความเป็นธรรมอยู่ที่กฎหมาย ถ้าทำถูกกฎหมายก็ถือว่าเป็นธรรม บ้างว่าความเป็นธรรมอยู่ที่จิตสำนึกของผู้บริหารก็ไม่น่าจะถูกนัก เพราะผู้บริหารลำเอียงได้ บ้างก็ว่า ถ้าคนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์สูงสุดถือว่าเป็นธรรม คนด้อยโอกาส คนที่เสียเปรียบในสังคมให้คนเหล่านั้นสามารถพัฒนาฐานะทางเศรษฐกิจและสภาพทางสังคมสูงขึ้น อย่างมีหลักการและเหตุผล ผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงและมีความได้เปรียบอยู่แล้ว ควรจะต้องยอมเสียประโยชน์บ้าง รัฐธรรมนูญปัจจุบัน มาตรา 30 วรรค 4 บัญญัติว่า มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ผมเห็นว่า ในความเป็นธรรมต้องมีความยุติธรรมอยู่ด้วย ผู้บริหารจะต้องไม่ลุแก่อำนาจใช้อำนาจเบียดเบียนผู้อื่น ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพิ่มอำนาจให้ตนเอง ผู้บริหารจะต้องมีมาตรฐานในการบริหารเพียงมาตรฐานเดียวไม่ใช่สอง (หลาย) มาตรฐาน เพื่อนำไปปฏิบัติต่างกรรมต่างวาระกัน (ญาติพี่น้อง คนใกล้ชิด) หรือไม่มีมาตรฐานเลย นึกจะทำอย่างไรก็ทำเพราะมีอำนาจ
4..ประสิทธิภาพ เป็นเรื่องเข้าใจง่ายและจริยธรรมของการบริหารงานที่ถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ ในตัวประสิทธิภาพเองอาจไม่สอดคล้องกับจริยธรรม กรณีจะเลือกอะไร สำหรับผมเลือกจริยธรรม เพราะผมเชื่อว่า เราสามารถหาหนทางที่จะให้ประสิทธิภาพไปด้วยกันได้กับจริยธรรมไม่ว่าจะเป็นเรื่องความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส หรือความเป็นธรรม
5..ความโปร่งใส เป็นเรื่องเข้าใจง่ายและเป็นจริยธรรมของการบริหารงาน เช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีการเรียกร้อง เรียกหาความ โปร่งใสกันมาก เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการบริหารภาครัฐได้ เรามีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร บัญญัติให้รัฐเปิดเผยข้อมูลอันเป็นสาธารณประโยชน์แก่ประชาชน การหลีกเลี่ยงไม่เปิดเผยข้อมูลถือได้ว่าขัดจริย ธรรม
6..ความมั่นคงของรัฐ เราใช้จริยธรรมในการบริหาร เพื่อผลประโยชน์ของรัฐความมั่นคงของรัฐคือผลประโยชน์ของรัฐอย่างหนึ่ง การใช้จริยธรรมในการบริหารความมั่นคงอาจจะกระทบสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จึงจำเป็นต้องหาความสมดุลให้ได้ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงมีอยู่และอาจจะคงมีต่อไป เพราะผู้บริหารอาจจะยังหาความสมดุลไม่พบ
7..ค่านิยม มีผลกระทบโดยตรงต่อจริยธรรม ค่านิยมของคนไทยที่ชัด เจนในปัจจุบัน คือ ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า ความร่ำรวย สามารถสร้างชื่อเสียง เกียรติยศ และฐานะได้ จึงมีคนจำนวนไม่น้อยรีบสร้างความร่ำรวย โดยไม่แยแสต่อจริยธรรม และที่แปลกแต่จริง และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง คือ เรามักจะนิยมยกย่องคนร่ำรวย ว่าเป็นคนดี น่าเคารพนับถือ โดยไม่ใส่ใจว่า เขา เหล่านั้นร่ำรวยมาด้วยวิธีใด และดูหมิ่น คนจนต่าง ๆ นานา เพราะคนเหล่า นั้นมอซอ พูดไม่เพราะ มีความรู้น้อย ไม่อยากคบหาสมาคมด้วย ตราบใดที่เหม็นสาบคนยากคนจน ยังร้องเพลง กอดกับคนจน หน้ามนยังบ่นว่าเหม็น ไม่มีทางแก้ปัญหาความยากจนสำเร็จ.
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 96
ทำความเข้าใจและหาความชอบธรรมเพิ่มเติมได้ที่...
-ความถูกต้อง ความชอบธรรม ความยุติธรรม ความมีคุณธรรมจริยธรรม ในสังคมไทยและสังคมโลก
โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน แผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ
-กฎหมาย (legality) ความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority)
โดย ลิขิต ธีรเวคิน
-พอเพียง
โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน
คำพ่อเตือน
พอเพียง จึงเพียงพอ
เพียงเพราะพอ จึงพอเพียง
เพียงพอ เพราะพอเพียง
พอพอเพียง จึงเพียงพอ
เพราะพ่อ บอกพอเพียง
ด้วยสุ่มเสียง สำเนียงพ่อ
สำเหนียกจิต สำนึกพอ
ให้สานต่อ ที่พ่อเตือน
จุมพล พูลภัทรชีวิน
-ความถูกต้อง ความชอบธรรม ความยุติธรรม ความมีคุณธรรมจริยธรรม ในสังคมไทยและสังคมโลก
โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน แผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ
-กฎหมาย (legality) ความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority)
โดย ลิขิต ธีรเวคิน
-พอเพียง
โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน
คำพ่อเตือน
พอเพียง จึงเพียงพอ
เพียงเพราะพอ จึงพอเพียง
เพียงพอ เพราะพอเพียง
พอพอเพียง จึงเพียงพอ
เพราะพ่อ บอกพอเพียง
ด้วยสุ่มเสียง สำเนียงพ่อ
สำเหนียกจิต สำนึกพอ
ให้สานต่อ ที่พ่อเตือน
จุมพล พูลภัทรชีวิน
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 97
ในที่นี้คงหมายถึง องค์กรอิสระใช่มั้ยคับ...องค์กรกลาง ก็ให้เหมือนกับ คณะองค์มนตรี
ผมก็ไม่ทราบว่า การแต่งตั้งองค์มนตรี ใครเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ก็ให้คนนั้นแหละเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
หรือว่าก็คือ นายก
เพราะ นายก เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการบังคับให้เป็นไปตามกฏหมาย
เรื่องที่มาขององคมนตรี
อยู่ในรัฐธรรมนูญ หมวด 2 ว่าด้วย พระมหากษัตริย์ มาตราที่ 12 และ มาตรา 13
มาตรา 12 พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ
เป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่งและองคมนตรีอื่นอีกไม่เกินสิบแปดคนประกอบ
เป็นคณะองคมนตรี
คณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ใน
พระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่
บัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้
มาตรา 13 การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรีหรือการให้องคมนตรี
พ้นจากตำแหน่ง ให้เห็นไปตามพระราชอัธยาศัย
ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
แต่งตั้งประธานองคมนตรีหรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
แต่งตั้งองคมนตรีอื่นหรือให้องคมนตรีอื่นพ้นจากตำแหน่ง
องค์กรอิสระได้รับการเสนอรายชื่อโดยประธานวุฒิสภา
ประธานวุฒิฯเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
ประธานวุฒิสภา ตำแหน่งนี้จึงมีความสำคัญต่อรัฐบาล เพราะถ้าสามารถครอบงำได้เบ็ดเสร็จ ก็สามารถล็อคสเป๊ค จัดโผคณะกรรมการองค์กรอิสระได้ ดังที่ได้ประจักษ์กันมาแล้ว...
คณะกรรมการองค์กรอิสระไม่อาจได้รับการเสนอรายชื่อและลงนามรับสนองพระบรมราชโองการโดยประธานองคมนตรีได้ เพราะผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
และถึงแม้จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะไม่มีการเสนอประเด็นนี้ในร่างแก้ไข ด้วยมีตัวอย่างพระบรมราชวินิจฉัยมาแล้ว
มิเช่นนั้นจะกระทบพระราชอำนาจและความเป็นกลางทางการเมือง
อย่าว่าแต่นายกรัฐมนตรีซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงเลยคับ
องค์กรอิสระจึงต้องมีที่มาจากภาคประชาชนหลายๆส่วน
แต่สัดส่วนจากฝ่ายบริหารและพรรคการเมืองควรลดลง....
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 98
ฉะนั้น องค์กรอิสระ ไม่ว่าจะมาจากวิธีใด
ย่อมไม่พ้นข้อกล่าวหา จากผู้แพ้ ว่า เข้าข้างผู้ชนะ อยู่ดี ใช่ไหมครับ :lol:
ย่อมไม่พ้นข้อกล่าวหา จากผู้แพ้ ว่า เข้าข้างผู้ชนะ อยู่ดี ใช่ไหมครับ :lol:
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 99
ตรรกของท่าน คำนึงและวนเวียนแต่เรื่องเอาชนะคะคาน ผู้ชนะ-ผู้แพ้
เสียงข้างมาก
เท่านั้นจริงๆเหรอคับ
ความชอบธรรมของท่านคืออะไรคับ..
เสียงข้างมาก
เท่านั้นจริงๆเหรอคับ
ความชอบธรรมของท่านคืออะไรคับ..
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 100
เพราะ ทุกครั้งที่ องค์กรอิสระ ตัดสิน
ย่อมมี ฝ่ายผิดหวัง
แล้ว ฝ่ายผิดหวัง ก็ออกมากล่าวหา องค์กรอิสระ ว่าไม่เป็นกลาง เสมอมา
ย่อมมี ฝ่ายผิดหวัง
แล้ว ฝ่ายผิดหวัง ก็ออกมากล่าวหา องค์กรอิสระ ว่าไม่เป็นกลาง เสมอมา
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 101
ในทางการเมือง เมื่อเถียงกันไม่รู้จบ เมื่อเถียงกันไม่รู้เรื่อง
ถึงทางตัน ทางเดียวที่จะไม่ให้ตีกัน
ยุบสภา กลับไปถามประชาชนใหม่อีกครั้ง ว่าจะให้ใครบริหารประเทศ
ให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินใหม่อีกครั้ง ( เป็นการชกล้างตา )
เมื่อเสียงข้างมากของประชาชน มอบอำนาจให้ใครเป็นผู้บริหาร
คนนั้น ก็มีความชอบธรรม ในการบริหารประเทศ ครับ
ถึงทางตัน ทางเดียวที่จะไม่ให้ตีกัน
ยุบสภา กลับไปถามประชาชนใหม่อีกครั้ง ว่าจะให้ใครบริหารประเทศ
ให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินใหม่อีกครั้ง ( เป็นการชกล้างตา )
เมื่อเสียงข้างมากของประชาชน มอบอำนาจให้ใครเป็นผู้บริหาร
คนนั้น ก็มีความชอบธรรม ในการบริหารประเทศ ครับ
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 102
สรุปแล้ว ตรรกแห่งที่มาของอำนาจและความชอบธรรม ในการบริหารประเทศ
ย่อมมาจาก คาวมเห็นของคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน เขามอบให้ใครบริหารประเทศ ครับ
ย่อมมาจาก คาวมเห็นของคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน เขามอบให้ใครบริหารประเทศ ครับ
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 104
stockms เขียน:....ถึงมีคำพูดที่ว่า... อย่าเถียงเรื่องการเมือง
เห็นด้วยว่าไม่ควรเถียงกันเรื่องการเมือง ... แต่ ควรถกกันเรื่องการเมือง
เหมือนหุ้น เรามาคุยกันในเว็บบอร์ดว่าหุ้นตัวนี้ ดีหรือไม่ดี แล้วก็มีคนมาแย้ง โดยยกเอาเหตุผลขึ้นมาแสดงกัน
แต่บางที การเมือง ที่เหมือนทะเลาะกัน เพราะชอบไปด่าคนไม่เห็นด้วยโง่ ไปด่าคนเห็นแตกต่างโง่ เช่น คนไทยมันโง่ หรือ คิดแบบนี้อย่าเป็นคนไทยเลย หรือ พวกไม่เห็นด้วยเป็นควาย เป็นวัว ฯลฯ ซึ่งพวกนี้ทำให้กลายเป็นทะเลาะกัน ... และเป็นที่มาของความไม่สร้างสรร แสดงถึงนิสัยที่ชอบดูถูกผู้อื่นของผู้พูด ผมไม่เห็นด้วยจริงๆ
แต่หุ้นกับการเมืองก็เหมือนกัน คือ หากอยากให้พัฒนา ต้องใส่ใจ ถ้าไม่ใส่ใจก็ไม่พัฒนาครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 105
ต้องเอาคำพูดทั้งประโยคมานะครับ อย่าตัดตอนเฉพาะถอยคำ คนฟังเขาจะเข้าใจผิดแต่บางที การเมือง ที่เหมือนทะเลาะกัน เพราะชอบไปด่าคนไม่เห็นด้วยโง่ ไปด่าคนเห็นแตกต่างโง่ เช่น คนไทยมันโง่ หรือ คิดแบบนี้อย่าเป็นคนไทยเลย หรือ พวกไม่เห็นด้วยเป็นควาย เป็นวัว ฯลฯ ซึ่งพวกนี้ทำให้กลายเป็นทะเลาะกัน ... และเป็นที่มาของความไม่สร้างสรร แสดงถึงนิสัยที่ชอบดูถูกผู้อื่นของผู้พูด ผมไม่เห็นด้วยจริงๆ
แต่หุ้นกับการเมืองก็เหมือนกัน คือ หากอยากให้พัฒนา ต้องใส่ใจ ถ้าไม่ใส่ใจก็ไม่พัฒนาครับ
อย่าบิดเบือนเหมือนสื่อ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เลยครับไม่ดี
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 106
[quote="ครรชิต ไพศาล"]สรุปแล้ว ตรรกแห่งที่มาของอำนาจและความชอบธรรม ในการบริหารประเทศ
ย่อมมาจาก คาวมเห็นของคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน เขามอบให้ใครบริหารประเทศ
ย่อมมาจาก คาวมเห็นของคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน เขามอบให้ใครบริหารประเทศ
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 107
ถึงนายกฯ ไม่ใช่ทักษิณ เศรษฐกิจไทยก็ยังไปได้ดี
วิทยากร เชียงกูล คณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
สิ่งที่รัฐบาลนี้เก่งที่สุด คือ การสร้างภาพให้ประชาชน เชื่อว่าคุณทักษิณ ชินวัตร ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้เก่งกว่าใคร ถ้าเขาไม่ได้เป็นนายกฯ เศรษฐกิจจะแย่ลง ทั้งที่ทัศนคตินี้เป็นเพียงความเชื่อที่อยู่บนปรากฏการณ์ผิวเผิน ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
นโยบายเศรษฐกิจแบบทักษิณ เน้นกระตุ้นการใช้จ่ายของทั้งภาครัฐและเอกชน ด้วยการกู้เงิน ออกพันธบัตร (เอาเงินอนาคตมาใช้) ขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ และใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ (ให้ธนาคารรัฐปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น) เร่งรัดเปิดเสรีการลงทุนและการค้ากับต่างประเทศ บวกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา จึงกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตได้ราวปีละ 4-5%
แต่เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตเฉพาะส่วน ที่คนบางกลุ่มได้กำไรสูงมาก ไม่ได้แปลว่าทุกคนรวยขึ้นปีละ 4-5% เท่ากัน ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์มือถือ เหล้า เบียร์ ของคนรวย คนชั้นกลางและประชาชนที่เป็นหนี้ และมาจากกำไรการลงทุน และการบริโภคของนายทุนต่างชาติ และนายทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มรัฐบาลและพรรคพวก กลุ่มส่งออก สั่งเข้า หรือขายสินค้าที่คนชอบซื้อได้ แต่ภาคเกษตรที่คนไทยส่วนใหญ่ดำรงชีพอยู่เป็นสัดส่วนที่ต่ำ
ที่ว่าเศรษฐกิจดียังมีส่วนสำคัญมาจากรัฐบาลใช้อำนาจการเมืองเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกราว 10 ตระกูล ทำกำไรนับแสนล้านบาท ธนาคารและธุรกิจขนาดใหญ่ถูกต่างชาติและทุนใหญ่ครอบงำมากขึ้น ประเทศเริ่มขาดดุลการค้า เพราะโครงสร้างสินค้าส่งออกแบบประกอบชิ้นส่วน เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ต้องสั่งเข้าวัตถุดิบ น้ำมัน เครื่องจักร มากเป็นเงาตามตัว คนส่วนน้อยรวยขึ้น คนส่วนใหญ่จนลง ความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ประชาชนเป็นหนี้มากขึ้น รัฐบาลก็ยังเป็นหนี้มาก แต่เปลี่ยนจากหนี้ต่างประเทศเป็นหนี้ภายในประเทศ อัตราคนว่างงานและทำงานต่ำกว่าระดับยังคงสูง คนที่มีงานส่วนใหญ่ก็ได้ค่าตอบแทนต่ำ เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพราะเศรษฐกิจยุคทักษิณผูกพันกับน้ำมันและการบริโภคสินค้านำเข้า
การเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคทักษิณ ยังได้มาด้วยการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และขายทรัพย์สมบัติของชาติ (เช่น การปิโตรเลียม) ให้เป็นของเอกชนส่วนน้อย นโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ก็คือการแปลงทรัพยากรให้เป็นหนี้ เน้นแต่เรื่องค้าหากำไรและบริโภคของเอกชนแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา นักการเมืองหาผลประโยชน์ทับซ้อน และยังเลี่ยงการเสียภาษีสุดๆ
ขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม วิถีชีวิต จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงามของประชาชนถูกทำลาย เพียงเพื่อการหากำไรสูงสุด เอกชนที่เป็นคนส่วนน้อยได้เปรียบ ประชาชนส่วนใหญ่ขาดทุน และประเทศชาติขาดทุนทางสังคมอย่างรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใด
ประชาชนส่วนหนึ่งยังเชื่อแบบง่ายๆ ว่าถึงรัฐบาลนี้จะโกงบ้าง แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดีกว่าชุดก่อน แต่ความจริงคือการหาผลประโยชน์ทับซ้อนในยุคนี้มีขนาดใหญ่มาก ชนิดที่ทำให้เกิดผูกขาดและเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจที่เติบโตเป็นแบบฉาบฉวยและระยะสั้น แต่ระยะยาวจะแย่ลง เพราะระบบผูกขาด และหาผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ส่งเสริมการแข่งขัน เศรษฐกิจไทยโดยรวมจะยิ่งอ่อนแอและแข่งขันสู้ต่างประเทศได้ยากขึ้น
รัฐบาลทักษิณหมุนเงิน (ของประชาชน) ให้ประชาชนชั้นล่างกู้เงินได้มากกว่ารัฐบาลชุดก่อนก็จริง แต่ก็เป็นการหาเสียงเพื่อประโยชน์การเมือง และการดึงให้ประชาชนเข้ามาสู่ระบบทุนนิยมที่เน้นบริโภค โดยไม่ได้พัฒนาการศึกษา สื่อสารมวลชน และชุมชน เพื่อช่วยให้ประชาชนมีความรู้ มีการรวมกลุ่ม มีความสามารถบริหารจัดการและสร้างอำนาจต่อรอง
กลุ่มที่เก่ง ทำผลิตภัณฑ์ 1 ตำบลได้ดีมีอยู่ไม่เกิน 10% มักจะถูกธุรกิจเอกชนแทรกเข้าไปเป็นเจ้าของมากกว่าจะเป็นกิจการของวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์ที่ประชาชนถือหุ้น ดังนั้น ภาคผลิตระดับรากหญ้า ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางไม่เข้มแข็ง ขณะที่ภาคการค้า บริการ อุตสาหกรรม ถูกครอบงำโดยนายทุนผูกขาดที่มุ่งหากำไรระยะสั้น มากกว่าพัฒนาตลาดภายในประเทศให้เติบโตได้ยั่งยืน
คุณทักษิณ เป็นเพียงพ่อค้านักธุรกิจที่เก่งในเรื่องการค้าเพื่อประโยชน์ระยะสั้น ไม่เข้าใจและไม่สนใจเรื่องพัฒนาเศรษฐกิจส่วนรวม หรือพัฒนาคนส่วนใหญ่ให้เข้มแข็ง เช่น ไม่เข้าใจว่าคนจนเพราะระบบโครงสร้างเศรษฐกิจ ขายผลผลิตถูก แต่ต้องซื้อปัจจัยผลิตแพง ไม่ได้เป็นเจ้าของ หรือผู้ควบคุมปัจจัยผลิต ทางแก้ต้องปฏิรูปที่ดิน ระบบตลาด ภาษี ต้องขยายความรู้ และอำนาจต่อรองของคนจน ไม่ใช่แค่ปล่อยเงินให้คนจนกู้และบริโภคเพิ่มขึ้น
คุณทักษิณคิดจากตัวเองแบบว่าคนจนเพราะขาดเงิน ถ้าให้กู้ไปลงทุนแล้ว ทุกคนก็จะมีกำไร หลุดพ้นความยากจนได้ทุกคน ทั้งที่ในโครงสร้างทุนนิยมผูกขาดที่ด้อยพัฒนาแบบนี้ คนส่วนใหญ่มีโอกาสขาดทุน จนลง มากกว่าจะได้กำไร นอกเสียจากจะต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองขนานใหญ่ ให้เกิดระบบการแข่งขันที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพเสียก่อน
การที่คุณทักษิณทำให้เศรษฐกิจโต ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าใช้มาตรการกระตุ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยสมัยใหม่กำลังการผลิตที่แท้จริงอยู่ที่ภาคอุตสาหกรรม เกษตร การค้า บริการ ของธุรกิจเอกชน เป็นส่วนใหญ่ แต่ขึ้นอยู่กับการช่วยกระตุ้นของรัฐเพียงส่วนหนึ่ง เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำไปก็มักค่อยๆ ฟื้นตัวได้ตามวัฏจักรขึ้นๆ ลงๆ และตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้น คนที่เชื่อว่าจะไม่มีใครมาแทนคุณทักษิณได้ในเรื่องพัฒนาเศรษฐกิจไทย จึงเชื่ออย่างผิดๆ
สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปี 2523-2531 ก็ไม่ได้รู้เรื่องเศรษฐกิจมากนัก แต่ท่านเป็นคนซื่อตรง รับฟังคนอื่น รู้จักเลือกใช้คน จึงนำพาประเทศให้เติบโตในอัตราสูงกว่ายุคคุณทักษิณด้วย ที่สำคัญนโยบายเศรษฐกิจยุคนั้นไม่กอบโกย ไม่สุ่มเสี่ยงมาก จนจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มเสียหายในระยะยาว
แทนที่จะคิดว่าใครจะมาแทนคุณทักษิณได้ ควรเริ่มจากการคิดว่ามีนโยบายอะไร ที่จะดีกว่านโยบายแบบทักษิณที่ทำให้เศรษฐกิจโตแบบฉาบฉวย และกลายเป็นทุนนิยมผูกขาด แบบบริวารต่างชาติเพิ่มขึ้น และคนส่วนใหญ่จะลำบากมากขึ้น นโยบายที่ดีกว่านโยบายแบบทักษิณ คือการผสมผสานของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้ทันสมัย ระบบสหกรณ์ และทุนนิยมที่ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม แทนผูกขาดหรือพึ่งพาต่างชาติ นโยบายใหม่จะสามารถพัฒนาตลาดในประเทศ ที่มีประชากร 64 ล้านคนให้เข้มแข็งได้มากกว่านี้
แนวนโยบายเศรษฐกิจแบบทักษิณ ทำให้เศรษฐกิจโตแต่เปลือกนอก ทรัพยากรและแรงงานกลับตกอยู่ใต้การครอบงำของทุนต่างชาติ และทุนผูกขาดขนาดใหญ่ ที่ทำลายทั้งทรัพยากร จริยธรรม และศีลธรรม อย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ซึ่งจะนำประเทศไทยไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่รุนแรงกว้างขวางถึงประชาชนระดับกลางและระดับล่าง และทำให้ไทยเป็นประเทศเมืองขึ้นสมัยใหม่
แม้แต่คนชั้นกลางที่คิดว่าจะยังไปได้ดีในตอนนี้ ก็จะถูกเบียดขับมากขึ้น คนส่วนใหญ่ที่ยากจนจะว่างงาน คนมีงานต้องทำงานหนักได้ค่าตอบแทนต่ำรัฐบาลและประชาชนต้องใช้หนี้มากขึ้น บริการการศึกษา สาธารณสุข สาธารณูปโภคจะแพงขึ้น คนไทยส่วนใหญ่จะต้องแก่งแย่งกันเพื่อเอาตัวรอด และมีชีวิตยากลำบาก
นโยบายที่ดีกว่านโยบายแบบทักษิณ คือ แนวนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียง ระบบสหกรณ์ และทุนนิยมที่มีการแข่งขันเป็นธรรม ระบบรัฐสวัสดิการที่เก็บภาษีอัตราก้าวหน้าและมีระบบประกันสังคมที่ดี คนที่เข้าใจนโยบายทางเลือกใหม่นี้ ก็สามารถเป็นผู้นำได้ดีกว่าคุณทักษิณ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 108
ความดี ความชั่ว ทุกคนรู้ ทุกคนมีวิจารณญาน มีความเห็นของตัวเอง ครับ
คนทั้งประเทศเขาก็รู้ เขามีวิจารณญาน มีความเห็นของเขาเอง ครับ
เขาจะตัดสินใจด้วยของเขาเอง ว่าใครทำประโยชน์ให้ชาติมากกว่ากัน
ไม่ต้องไปยัดเยียด ให้ประชาชนเขาเชื่อ ว่าใครชั่ว ว่าใครดี ตามความเห็นของตัวเรา
คนทั้งประเทศเขาก็รู้ เขามีวิจารณญาน มีความเห็นของเขาเอง ครับ
เขาจะตัดสินใจด้วยของเขาเอง ว่าใครทำประโยชน์ให้ชาติมากกว่ากัน
ไม่ต้องไปยัดเยียด ให้ประชาชนเขาเชื่อ ว่าใครชั่ว ว่าใครดี ตามความเห็นของตัวเรา
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 109
เห็นด้วยคับตรงนี้
โดยเฉพาะบรรทัดสุดท้าย..
ถ้าการแสดงความคิดเห็นโดยมีเหตุผลประกอบ มีตัวอย่าง มีอุทธาหรณ์ และมีสัจจะ
นั่นไม่น่าจะเรียกว่าการยัดเยียด ซึ่งเป็นถือว่าดูถูกผู้อ่านผู้ฟังอย่างร้ายแรง
ผู้อ่านและคนทั่วไป มีสิทธิที่จะเชื่อถือหรือไม่เชื่อถือ
เข้าใจหรือไม่เข้าใจ เข้าถึงหรือไม่ถึง
เราคงไม่สามารถบังคับกะเกณฑ์ใครได้
ยกเว้นเสียแต่เชื่อหรือลุ่มหลงในอิทธิพลของตนเอง ทั้งในสังคมเล็กๆและสังคมในขั้นถัดไป
ส่วนการยัดเยียดนั้น น่าจะได้แก่การใช้วาทกรรมเดิมๆ
ไม่มีองค์ประกอบให้เชื่อถือ
ไม่มีตัวอย่างที่เป็นสัจจะ
มีแต่สำนวนและความรู้สึก
ไม่มีเหตุผลรองรับ
แต่อาจจะมีโมหะรับรอง..
โดยเฉพาะบรรทัดสุดท้าย..
ถ้าการแสดงความคิดเห็นโดยมีเหตุผลประกอบ มีตัวอย่าง มีอุทธาหรณ์ และมีสัจจะ
นั่นไม่น่าจะเรียกว่าการยัดเยียด ซึ่งเป็นถือว่าดูถูกผู้อ่านผู้ฟังอย่างร้ายแรง
ผู้อ่านและคนทั่วไป มีสิทธิที่จะเชื่อถือหรือไม่เชื่อถือ
เข้าใจหรือไม่เข้าใจ เข้าถึงหรือไม่ถึง
เราคงไม่สามารถบังคับกะเกณฑ์ใครได้
ยกเว้นเสียแต่เชื่อหรือลุ่มหลงในอิทธิพลของตนเอง ทั้งในสังคมเล็กๆและสังคมในขั้นถัดไป
ส่วนการยัดเยียดนั้น น่าจะได้แก่การใช้วาทกรรมเดิมๆ
ไม่มีองค์ประกอบให้เชื่อถือ
ไม่มีตัวอย่างที่เป็นสัจจะ
มีแต่สำนวนและความรู้สึก
ไม่มีเหตุผลรองรับ
แต่อาจจะมีโมหะรับรอง..
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 110
อีกอย่างหนึ่ง ครับ
การเอาสารต่างๆ จากที่อื่น มา ใส่เอา ใส่เอา ในกระทู้
ก็ถือว่า ยัดเยียด นะครับ
เพราะสารพวกนี้ ถ้าคนอื่นเขาอยากจะอ่าน
เขาก็รู้อยู่แล้วว่าจะไปหาอ่านที่ไหน
เขาไปหาอ่านเองก็ได้ ครับ
ไม่ต้องไปคัดลอกมายัดเยียด ให้เขาอ่าน
ถ้าจะโพส ก็โพสเฉพาะ ความคิดความเห็น ส่วนตัวก็พอแล้ว ครับ
การเอาสารต่างๆ จากที่อื่น มา ใส่เอา ใส่เอา ในกระทู้
ก็ถือว่า ยัดเยียด นะครับ
เพราะสารพวกนี้ ถ้าคนอื่นเขาอยากจะอ่าน
เขาก็รู้อยู่แล้วว่าจะไปหาอ่านที่ไหน
เขาไปหาอ่านเองก็ได้ ครับ
ไม่ต้องไปคัดลอกมายัดเยียด ให้เขาอ่าน
ถ้าจะโพส ก็โพสเฉพาะ ความคิดความเห็น ส่วนตัวก็พอแล้ว ครับ
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 111
ก็คงจะต้องโพสต์ต่อไปทั้งส่วนที่เป็นความเห็นส่วนตัว
และที่มีเอกสารหรือบทความรองรับน่ะคับ
เพราะคงไม่ใช่ทุกคนที่จะทราบว่าต้องตามไปที่ไหนต่อ
ถ้าใครไม่ชอบเขาก็คงไม่อ่านเองแหละคับ
หรือบางท่านอาจเกรงว่าผู้ที่ได้อ่านจะมีข้อมูลมากไปจนออกนอกกรอบที่ล้อมไว้
จนชี้นำอะไรไม่ได้...
หรือหลายๆท่านบอกว่าไม่อยากอ่าน เขาก็คงท้วงติงมาเองแหละคับ
หรือผู้ดูแลห้ามไม่ให้เอามาลง นั่นจึงจะไม่เอามาโพสต์คับ....
ยัดเยียดเป็นเช่นไร....
และที่มีเอกสารหรือบทความรองรับน่ะคับ
เพราะคงไม่ใช่ทุกคนที่จะทราบว่าต้องตามไปที่ไหนต่อ
ถ้าใครไม่ชอบเขาก็คงไม่อ่านเองแหละคับ
หรือบางท่านอาจเกรงว่าผู้ที่ได้อ่านจะมีข้อมูลมากไปจนออกนอกกรอบที่ล้อมไว้
จนชี้นำอะไรไม่ได้...
หรือหลายๆท่านบอกว่าไม่อยากอ่าน เขาก็คงท้วงติงมาเองแหละคับ
หรือผู้ดูแลห้ามไม่ให้เอามาลง นั่นจึงจะไม่เอามาโพสต์คับ....
ยัดเยียดเป็นเช่นไร....
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 112
พี่ครรชิตครับ ปกติ เวลาเราคุยกันเรื่องหุ้น สิ่งที่ผมเห็นชาว TVI โพสต์บ่อยๆได้แก่ครรชิต ไพศาล เขียน:อีกอย่างหนึ่ง ครับ
การเอาสารต่างๆ จากที่อื่น มา ใส่เอา ใส่เอา ในกระทู้
ก็ถือว่า ยัดเยียด นะครับ
เพราะสารพวกนี้ ถ้าคนอื่นเขาอยากจะอ่าน
เขาก็รู้อยู่แล้วว่าจะไปหาอ่านที่ไหน
เขาไปหาอ่านเองก็ได้ ครับ
ไม่ต้องไปคัดลอกมายัดเยียด ให้เขาอ่าน
ถ้าจะโพส ก็โพสเฉพาะ ความคิดความเห็น ส่วนตัวก็พอแล้ว ครับ
1. บัฟเฟตกล่าวไว้ว่า ...
2. ปีเตอร์ลินซ์ กล่าวไว้ว่า ...
3. Bill Miller กล่าวไว้ว่า ...
4. บทวิเคราะห์จากโบรก ...
5. ข่าวจาก eFinanceThai ...
6. ข่าวจากผู้บริหาร ...
7. บทความ ดร นิเวศน์
8 .... etc.
ถามว่าทำไมเวลาเป็นเรื่องการเมือง เราอ้างอิงแล้วจึงผิดครับ ???
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 113
มันมากเกินไป ที่คุณไปคัดลอกมาแปะ ไว้หลายกระทู้ มันดูเป็นการยัดเยียด
ใครๆ เขาก็รู้อยู่แล้วว่า จะไปหา อ่านบทวิจารณ์ การเมืองที่เวบไหน
ผมว่า มันเปลื่อง หน่วยความจำของเวบ
เอาคุยกัน เฉพาะ ความคิดความเห็น ของพวกเรา กันเอง สนุกๆ ดีกว่า
ใครๆ เขาก็รู้อยู่แล้วว่า จะไปหา อ่านบทวิจารณ์ การเมืองที่เวบไหน
ผมว่า มันเปลื่อง หน่วยความจำของเวบ
เอาคุยกัน เฉพาะ ความคิดความเห็น ของพวกเรา กันเอง สนุกๆ ดีกว่า
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 115
เอาไว้เวลา มีคนสงสัย แล้วถามหาข้อมูลอ้างอิงคัดท้าย เขียน: พี่ครรชิตครับ ปกติ เวลาเราคุยกันเรื่องหุ้น สิ่งที่ผมเห็นชาว TVI โพสต์บ่อยๆได้แก่
1. บัฟเฟตกล่าวไว้ว่า ...
2. ปีเตอร์ลินซ์ กล่าวไว้ว่า ...
3. Bill Miller กล่าวไว้ว่า ...
4. บทวิเคราะห์จากโบรก ...
5. ข่าวจาก eFinanceThai ...
6. ข่าวจากผู้บริหาร ...
7. บทความ ดร นิเวศน์
8 .... etc.
ถามว่าทำไมเวลาเป็นเรื่องการเมือง เราอ้างอิงแล้วจึงผิดครับ ???
แล้วค่อยไปค้นมาแปะ ให้ดูก็พอ
อย่างเช่น ผมสงสัยว่า ใครรับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้งองคมนตรี
คุณ bsk(มหาชน) ไปค้นมาแปะให้อ่าน
อย่างนี้ ต้องขอบคุณ คุณbsk(มหาชน) ที่หามาให้อ่าน
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 116
แหะ ๆ ด้วยความเคารพสิทธิในการ post ของคุณ bsk ที่จริงผมอยากจะพูดเหมือนพี่ครรชิตมานานแล้ว หลายอันก็เป็นประโยชน์นะครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยตรงกับหัวข้อกระทู้หรือที่คนกำลังคุยกันเท่าไหร่ ทำให้เวลาจะหาอ่านที่คนกำลังคุยกันนี่บางทีมันข้ามไปเพราะต้อง scroll ข้ามที่คุณ bsk โพสต์ไว้จำนวนมาก
ผมเสนอว่าข้อมูลพวกนี้ไปเปิดเป็นกระทู้ใหม่รวบรวมให้คนสนใจได้อ่านดีมั้ยครับ มาโพสต์ไว้ตามกระทู้ต่าง ๆ มันกระจัดกระจายด้วย คนที่สนใจบางทีก็ไม่ได้อ่านกระทู้นี้ และมันเหมือนกับปั่นกระทู้ยังไงอยู่ อย่างกระทู้นี้ขึ้นมาหน้าสี่แล้ว แต่เป็นบทความคุณ bsk เกินครึ่งมั้ง
ถ้ามีเยอะก็แยกกระทู้ตามหมวดหมู่ หรือจัดเข้าห้องบทความไปเลย ถ้าจะอ้างถึงก็แค่ link ไป ไม่ต้องมาโพสต์ซ้ำซ้อนในกระทู้คุยกัน
ผมเสนอว่าข้อมูลพวกนี้ไปเปิดเป็นกระทู้ใหม่รวบรวมให้คนสนใจได้อ่านดีมั้ยครับ มาโพสต์ไว้ตามกระทู้ต่าง ๆ มันกระจัดกระจายด้วย คนที่สนใจบางทีก็ไม่ได้อ่านกระทู้นี้ และมันเหมือนกับปั่นกระทู้ยังไงอยู่ อย่างกระทู้นี้ขึ้นมาหน้าสี่แล้ว แต่เป็นบทความคุณ bsk เกินครึ่งมั้ง
ถ้ามีเยอะก็แยกกระทู้ตามหมวดหมู่ หรือจัดเข้าห้องบทความไปเลย ถ้าจะอ้างถึงก็แค่ link ไป ไม่ต้องมาโพสต์ซ้ำซ้อนในกระทู้คุยกัน
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 117
[quote="MisterK"]แหะ ๆ ด้วยความเคารพสิทธิในการ post ของคุณ bsk
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 118
ขอชี้แจงเหตุผลสักหน่อยนะคับ เพราะมีการพาดพิงและคล้ายจะตั้งข้อสงสัย
และจริงๆผมก็อยากจะพูดมานานแล้วเช่นกันจากการเริ่มต้นเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์
แต่เอาประเด็นต่อไปนี้ก่อน
ก่อนอื่นต้องขอบคุณ MisterK สำหรับคำแนะนำซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่ามีเจตนาที่ดีต่อเพื่อนๆ อันเป็นวิสัยของกัลยาณมิตร และขอทำความเข้าใจเรื่องต่อไปนี้ก่อนคับ
คราวนี้ เนื่องจากความอ่อนด้อยชำนาญในการพิมพ์ของผม(ช้ามาก) เมื่อพบว่ามีข้อความ บทความ ทัศนะใดที่ตรงกับที่ผมคิดและคาดไว้ก่อนแล้ว ก็จึงนำมาลงไว้ในกระทู้ แต่การจะตัดตอน ย่อความ ก็ต้องให้เกียรติเจ้าของบทความด้วย และกรณีกระทู้นี้ ผมเห็นว่ามีใจความสำคัญเยอะ เป็นเหตุเป็นผล มีหลักการ และมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน จึงยกมาแทบทั้งหมด
บางท่านอาจจะบอกว่า เอาแต่ทัศนะ งานเขียนของนักวิชาการพวกขาประจำ(ในความคิดของผู้นำรัฐบาล)มาลง อย่ากระนั้นเลย ผมก็ต้องเอาบทความของท่านอื่นที่คิดว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ มาลงประกอบด้วย เหมือนทำรายงานก็ต้องมีบรรณานุกรม คงไม่มีใครทำรายงานโดยใช้หนังสืออ้างอิงเพียงเล่มเดียวแล้วส่งคุณครูด้วยความภาคภูมิใจว่าเสร็จเสียที เพราะไม่ใช่วิสัยของนักเรียนที่ดี
อีกประการ หลายๆกระทู้มีใจความหลักคล้ายๆกัน เป็นเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งกำลังร้อนแรง ผมก็อยากไปแสดงความเห็นในกระทู้อื่นเหมือนกัน แต่กระทู้นี้มีความต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่ผมถนัดแสดงความเห็น และจริงๆแล้วเหลือไม่กี่ท่านที่คุยกันอยู่ในกระทู้นี้ ผมก็จึงอยู่ที่กระทู้นี้ดังที่ได้เห็นและ(อาจได้)อ่านกันคับ
ตรงนี้ ต้องขออภัยอย่างสูงที่ทำให้MisterK ต้องลากscroll ด้วยความเหนื่อยหน่าย ผมเองก็ไม่อาจทราบได้ว่าท่านชอบอ่านเรื่องคนคุยกันแบบไหน เดี๋ยวจะต้องไปศึกษาจากกระทู้อื่นบ้าง
คงไม่แปลกหรอกคับ ที่เราอาจไม่ชอบอ่านเรื่องที่เราตั้งธงคำตอบในใจที่ต่างจากเรื่องนั้น หรืออาจไม่เข้าใจ หรืออาจไม่สนใจ หรืออาจไม่ถนัด ก็จะผ่าน
ผมเองอ่านได้ทุกเรื่องทุกกระทู้ แต่บางทีก็ต้องลากscroll ผ่านไปก่อน เพราะข้อจำกัดหลายประการ แต่บางที วันหลังเจอ หรือนึกได้ว่า เคยอ่านกระทู้นี้แล้วไปพบคำตอบ หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องเข้าก็จะนำมาโพสต์
กรณีที่ผมคิดว่าอาจไม่ตรงกับกระทู้นั้น ผมก็จะบอกว่า ยินดีให้ท่านผู้ดูแลลบได้เลย เช่นกระทู้ FTA ไทย-ญี่ปุ่น เป็นต้น
สำหรับข้อสังเกตว่าเหมือนกับปั่นกระทู้นั้น
อย่าว่าแต่จะทำเลยคับ
ไม่แม้แต่จะคิด
และไม่แม้แต่จะคิดว่าเพื่อนๆท่านใดจะมีพฤติกรรมเช่นนั้น เพราะจะมีประโยชน์อันใดเล่าที่ต้องปั่นกระทู้ ไม่มีใครอยากถูกด่าฟรีหรอกคับ ที่ตอบไป โพสต์ไป ก็เป็นการแสดงออกทางการเมืองในรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง
อย่างในกระทู้นี้ MisterK อาจใช้ความรู้สึกไปเองว่าผมโพสต์เกินครึ่งไปแล้ว จริงแท้แน่หรือ .......
ถ้าจะบอกว่าผมและท่านครรชิตโพสต์เกินครึ่งแล้วมั้ง ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี .....
เห็นมั้ยคับ แต่ผมพอจะเข้าใจว่าท่าน MisterK จะสื่ออะไร...
แต่หากบทความนั้นยาวมากก็อาจจะทำลิงเพื่อให้ผู้ที่สนใจคลิกไปอ่านต่อ ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิที่จะโพสต์บทความ ทัศนะดังที่ได้ทำมาแล้วและจะทำต่อไป ถ้าเห็นว่าสอดคล้องกับทัศนะส่วนตัวเสมือนตัวผมคิด โพสต์เอง พิมพ์เอง.....
ในที่นี้ขอบคุณท่านคัดท้ายด้วยสำหรับคำแนะนำ
ส่วนเรื่องเปลืองทรัพยากร หรือหน่วยความจำหรือไม่นั้น คงต้องแล้วแต่ท่านผู้ดูแล ผมไม่ทราบเรื่องทางเทคนิคเท่าใดนัก
ขอบคุณท่าน Jeng คับ
ก่อนจะถึงท้ายที่สุด มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง(อ่าน)ว่า ....ผมเป็นคนที่ชอบทานก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารประเภทเส้น ไม่เคยเบื่อ เวลาทานต้องมีเบิ้ล หรือไม่ก็สั่งพิเศษ ไปทานที่ร้านไหนอร่อย ก็มักจะซื้อมาฝากที่บ้าน หรือซื้อไปให้เพื่อนๆกรณีไปเยี่ยมหรือผ่านแถวนั้น เพื่อนบางคนก็ทาน บางคนก็ไม่ทาน คนที่ทาน บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ คนที่ชอบบางคนก็ทานน้อย บางคนก็ทานมาก คนที่ทานน้อย บางคนกลัวอ้วนไม่ทานเส้น บางคนไม่ชอบถั่วงอก บางคนไม่ชอบผักชีแต่ชอบขึ้นฉ่าย แต่พวกเขาได้ทานกันบ้าง ผมก็ดีใจ...
ส่วนคนที่ไม่ชอบทานหรือไม่ทานในครั้งแรก หรือในขณะที่เราอยู่ด้วย พอเรากลับไปแล้วก็ไปอุ่นมาทาน วันหลังกลับบอกว่า เออว่ะ..อร่อยจริงแต่ทิ้งไว้นาน เส้นจับเป็นก้อนเลย 5 5 รู้งี้แกะห่อแต่แรกแล้วผมก็ยังดีใจ....
คนที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง เพราะไม่ชอบกินเส้นอยู่แล้ว ผมก็ยิ่งดีใจ....
มันก็เป็นเช่นนี้แหละคับ
ท้ายนี้ ผมก็ยังยืนยันที่จะแสดงความเห็นในแบบฉบับของผมเช่นเดิม แต่อาจปรับได้ในบางเรื่อง เช่นการทำลิงเพื่อให้ผู้ที่สนใจต่อยอดความรู้ต่อไป และอยากจะได้รับรู้ความเห็นของท่านอื่นๆบ้างเช่นกัน
เรื่องราวใดๆที่แสดงความเห็นไปท่ามกลางกระแสแห่งความใคร่รู้ร้อนแรง ยังคงยึดหลักความเข้มข้นในสาระดังที่คณะผู้ดูแลชี้แจงไว้ในกระทู้ปักหมุด โปรดอ่านก่อนใช้ห้อง Miscellaneous ซึ่งทุกท่านคงได้อ่านผ่านสายตามาแล้ว....
และเคารพความเห็นของทุกท่านเช่นเดิม โดยเฉพาะคณะผู้ดูแลห้องนี้ทุกท่าน ที่มีวิสัยทัศน์เปิดกว้างทางความคิดเห็น
โอยังกะกระบวนการไต่สวนสาธารณะ ต้องทำเรื่องรายงานผู้ดูแลอีกมั้ยเนี่ย เหอ เหอ..
ทั้งหมดนี้ พิมพ์เองใช้เวลาราวๆ 2 ช.ม.กว่า เพื่อ/สำหรับการตอบคำถาม ข้อสงสัย ซึ่งควรจะเป็นประเด็นทางเทคนิคเท่านั้น และอาจมีผลให้หน้าที่ 5 ขึ้นมาเร็วขึ้น.
ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่มาอุดหนุนเอ็นดู
ขอแสดงความนับถือ
bsk(มหาชน)
และจริงๆผมก็อยากจะพูดมานานแล้วเช่นกันจากการเริ่มต้นเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์
แต่เอาประเด็นต่อไปนี้ก่อน
ก่อนอื่นต้องขอบคุณ MisterK สำหรับคำแนะนำซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่ามีเจตนาที่ดีต่อเพื่อนๆ อันเป็นวิสัยของกัลยาณมิตร และขอทำความเข้าใจเรื่องต่อไปนี้ก่อนคับ
เรียนว่า เท่าที่ย้อนไปดูในส่วนที่ผมโพสต์นั้น ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกระทู้นั้นๆโดยตรง และมีบางส่วนเป็นผลสืบเนื่องจากการถกในประเด็นปลีกย่อยในกระทู้นั้นเอง อย่างในกระทู้นี้ก็อธิบายเรื่องความชอบธรรม ซึ่งเป็นประเด็นปลีกย่อยที่สำคัญที่ใช้อ้างเป็นเหตุผลของหัวข้อกระทู้ในทัศนะของผมเองหลายอันก็เป็นประโยชน์นะครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยตรงกับหัวข้อกระทู้หรือที่คนกำลังคุยกันเท่าไหร่
คราวนี้ เนื่องจากความอ่อนด้อยชำนาญในการพิมพ์ของผม(ช้ามาก) เมื่อพบว่ามีข้อความ บทความ ทัศนะใดที่ตรงกับที่ผมคิดและคาดไว้ก่อนแล้ว ก็จึงนำมาลงไว้ในกระทู้ แต่การจะตัดตอน ย่อความ ก็ต้องให้เกียรติเจ้าของบทความด้วย และกรณีกระทู้นี้ ผมเห็นว่ามีใจความสำคัญเยอะ เป็นเหตุเป็นผล มีหลักการ และมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน จึงยกมาแทบทั้งหมด
บางท่านอาจจะบอกว่า เอาแต่ทัศนะ งานเขียนของนักวิชาการพวกขาประจำ(ในความคิดของผู้นำรัฐบาล)มาลง อย่ากระนั้นเลย ผมก็ต้องเอาบทความของท่านอื่นที่คิดว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ มาลงประกอบด้วย เหมือนทำรายงานก็ต้องมีบรรณานุกรม คงไม่มีใครทำรายงานโดยใช้หนังสืออ้างอิงเพียงเล่มเดียวแล้วส่งคุณครูด้วยความภาคภูมิใจว่าเสร็จเสียที เพราะไม่ใช่วิสัยของนักเรียนที่ดี
อีกประการ หลายๆกระทู้มีใจความหลักคล้ายๆกัน เป็นเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งกำลังร้อนแรง ผมก็อยากไปแสดงความเห็นในกระทู้อื่นเหมือนกัน แต่กระทู้นี้มีความต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่ผมถนัดแสดงความเห็น และจริงๆแล้วเหลือไม่กี่ท่านที่คุยกันอยู่ในกระทู้นี้ ผมก็จึงอยู่ที่กระทู้นี้ดังที่ได้เห็นและ(อาจได้)อ่านกันคับ
ทำให้เวลาจะหาอ่านที่คนกำลังคุยกันนี่บางทีมันข้ามไปเพราะต้อง scroll ข้ามที่คุณ bsk โพสต์ไว้จำนวนมาก
ตรงนี้ ต้องขออภัยอย่างสูงที่ทำให้MisterK ต้องลากscroll ด้วยความเหนื่อยหน่าย ผมเองก็ไม่อาจทราบได้ว่าท่านชอบอ่านเรื่องคนคุยกันแบบไหน เดี๋ยวจะต้องไปศึกษาจากกระทู้อื่นบ้าง
คงไม่แปลกหรอกคับ ที่เราอาจไม่ชอบอ่านเรื่องที่เราตั้งธงคำตอบในใจที่ต่างจากเรื่องนั้น หรืออาจไม่เข้าใจ หรืออาจไม่สนใจ หรืออาจไม่ถนัด ก็จะผ่าน
ผมเองอ่านได้ทุกเรื่องทุกกระทู้ แต่บางทีก็ต้องลากscroll ผ่านไปก่อน เพราะข้อจำกัดหลายประการ แต่บางที วันหลังเจอ หรือนึกได้ว่า เคยอ่านกระทู้นี้แล้วไปพบคำตอบ หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องเข้าก็จะนำมาโพสต์
กรณีที่ผมคิดว่าอาจไม่ตรงกับกระทู้นั้น ผมก็จะบอกว่า ยินดีให้ท่านผู้ดูแลลบได้เลย เช่นกระทู้ FTA ไทย-ญี่ปุ่น เป็นต้น
ถ้าท่านสังเกตดีๆ จะพบว่ากระทู้ที่ผมโพสต์ตั้งหัวข้อไว้นั้น จะมีการอัพเดทเป็นระยะ เท่าที่เวลาและโอกาสอำนวย เพราะผมเองก็อยากให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้ผู้อ่านได้อ่านอย่างต่อเนื่อง เช่น กระทู้เสรีภาพสื่อสารมวลชน กระทู้นักธุรกิจ กระทู้ของนักวิชาการรัฐธรรมนูญ กระทู้ว่าด้วยเรื่องสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จะเห็นว่าผมได้กระทำเช่นนั้นอยู่แล้วผมเสนอว่าข้อมูลพวกนี้ไปเปิดเป็นกระทู้ใหม่รวบรวมให้คนสนใจได้อ่านดีมั้ยครับ มาโพสต์ไว้ตามกระทู้ต่าง ๆ มันกระจัดกระจายด้วย
อย่างที่ได้เรียนให้ทราบก่อนหน้านี้แล้วคับ ว่ามีทั้งคนอ่าน คนไม่ได้อ่าน คนอ่านมีทั้งที่สนใจและสนใจ คนสนใจมีทั้งคนตอบและไม่ตอบ อย่าว่าแต่คนที่ไม่สนใจจะอ่านเลยคับ เขาก็ต้อง scroll ผ่านแน่นอนอยู่แล้วคนที่สนใจบางทีก็ไม่ได้อ่านกระทู้นี้ และมันเหมือนกับปั่นกระทู้ยังไงอยู่ อย่างกระทู้นี้ขึ้นมาหน้าสี่แล้ว แต่เป็นบทความคุณ bsk เกินครึ่งมั้ง
สำหรับข้อสังเกตว่าเหมือนกับปั่นกระทู้นั้น
อย่าว่าแต่จะทำเลยคับ
ไม่แม้แต่จะคิด
และไม่แม้แต่จะคิดว่าเพื่อนๆท่านใดจะมีพฤติกรรมเช่นนั้น เพราะจะมีประโยชน์อันใดเล่าที่ต้องปั่นกระทู้ ไม่มีใครอยากถูกด่าฟรีหรอกคับ ที่ตอบไป โพสต์ไป ก็เป็นการแสดงออกทางการเมืองในรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง
อย่างในกระทู้นี้ MisterK อาจใช้ความรู้สึกไปเองว่าผมโพสต์เกินครึ่งไปแล้ว จริงแท้แน่หรือ .......
ถ้าจะบอกว่าผมและท่านครรชิตโพสต์เกินครึ่งแล้วมั้ง ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี .....
เห็นมั้ยคับ แต่ผมพอจะเข้าใจว่าท่าน MisterK จะสื่ออะไร...
เรียนไปแล้วนะคับ เรื่องแยกหมวดหมู่ และความต่อเนื่องของบทความที่ใช้สนับสนุนเพื่อเป็นเหตุผลในการถกกันถ้ามีเยอะก็แยกกระทู้ตามหมวดหมู่ หรือจัดเข้าห้องบทความไปเลย ถ้าจะอ้างถึงก็แค่ link ไป ไม่ต้องมาโพสต์ซ้ำซ้อนในกระทู้คุยกัน
*********************************************
อืม อันนี้เห็นด้วยกับ MisterK คือ บางทีแยกไปโพสต์กระทู้ต่างหากเลยดีกว่าครับ ยกเว้นจะ Related กับ กระทู้ หรือว่ามีคนถามในกระทู้ คือ ถ้าเป้นหัวข้อใหม่ หรือไม่มีใครถาม แยกหัวข้อใหม่ไปเลยดีกว่า ...
แต่หากบทความนั้นยาวมากก็อาจจะทำลิงเพื่อให้ผู้ที่สนใจคลิกไปอ่านต่อ ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิที่จะโพสต์บทความ ทัศนะดังที่ได้ทำมาแล้วและจะทำต่อไป ถ้าเห็นว่าสอดคล้องกับทัศนะส่วนตัวเสมือนตัวผมคิด โพสต์เอง พิมพ์เอง.....
ในที่นี้ขอบคุณท่านคัดท้ายด้วยสำหรับคำแนะนำ
เป็นสิ่งที่ผมประสบพบเจออยู่คับท่าน Jeng จากการที่ผมสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว พยายามรวบรวมมาอ่านเพื่อศึกษา ก็พบว่า บทความหรือเอกสารที่เราเห็นหัวข้อแล้วรู้สึกน่าสนใจมากๆ แต่เวลาที่ผ่านไป ทำให้ไม่สามารถเรียกขึ้นมาอ่านได้ เนื่องจากเว็บต้นฉบับอนุญาติให้เฉพาะสมาชิกแบบจ่ายเงินเท่านั้นจึงจะสามารถเปิดดูได้คับม่ายเห็นด้วย เก็บไว้ที่นี่ดีแล้วพี่ครรชิต
จริงๆนะอีกหน่อย เวลาย้อนกลับมาอ่าน จะได้ไม่กระจัดกระจาย
เหอๆ
ยกเว้นว่า ไม่มีเงินค่าพื่นที่ ก็ต้องยอมจำนน
แต่เรื่องนี้ CK ดูแลอยู่ครับ พี่ครรชิต
ส่วนเรื่องเปลืองทรัพยากร หรือหน่วยความจำหรือไม่นั้น คงต้องแล้วแต่ท่านผู้ดูแล ผมไม่ทราบเรื่องทางเทคนิคเท่าใดนัก
ขอบคุณท่าน Jeng คับ
ก่อนจะถึงท้ายที่สุด มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง(อ่าน)ว่า ....ผมเป็นคนที่ชอบทานก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารประเภทเส้น ไม่เคยเบื่อ เวลาทานต้องมีเบิ้ล หรือไม่ก็สั่งพิเศษ ไปทานที่ร้านไหนอร่อย ก็มักจะซื้อมาฝากที่บ้าน หรือซื้อไปให้เพื่อนๆกรณีไปเยี่ยมหรือผ่านแถวนั้น เพื่อนบางคนก็ทาน บางคนก็ไม่ทาน คนที่ทาน บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ คนที่ชอบบางคนก็ทานน้อย บางคนก็ทานมาก คนที่ทานน้อย บางคนกลัวอ้วนไม่ทานเส้น บางคนไม่ชอบถั่วงอก บางคนไม่ชอบผักชีแต่ชอบขึ้นฉ่าย แต่พวกเขาได้ทานกันบ้าง ผมก็ดีใจ...
ส่วนคนที่ไม่ชอบทานหรือไม่ทานในครั้งแรก หรือในขณะที่เราอยู่ด้วย พอเรากลับไปแล้วก็ไปอุ่นมาทาน วันหลังกลับบอกว่า เออว่ะ..อร่อยจริงแต่ทิ้งไว้นาน เส้นจับเป็นก้อนเลย 5 5 รู้งี้แกะห่อแต่แรกแล้วผมก็ยังดีใจ....
คนที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง เพราะไม่ชอบกินเส้นอยู่แล้ว ผมก็ยิ่งดีใจ....
มันก็เป็นเช่นนี้แหละคับ
ท้ายนี้ ผมก็ยังยืนยันที่จะแสดงความเห็นในแบบฉบับของผมเช่นเดิม แต่อาจปรับได้ในบางเรื่อง เช่นการทำลิงเพื่อให้ผู้ที่สนใจต่อยอดความรู้ต่อไป และอยากจะได้รับรู้ความเห็นของท่านอื่นๆบ้างเช่นกัน
เรื่องราวใดๆที่แสดงความเห็นไปท่ามกลางกระแสแห่งความใคร่รู้ร้อนแรง ยังคงยึดหลักความเข้มข้นในสาระดังที่คณะผู้ดูแลชี้แจงไว้ในกระทู้ปักหมุด โปรดอ่านก่อนใช้ห้อง Miscellaneous ซึ่งทุกท่านคงได้อ่านผ่านสายตามาแล้ว....
และเคารพความเห็นของทุกท่านเช่นเดิม โดยเฉพาะคณะผู้ดูแลห้องนี้ทุกท่าน ที่มีวิสัยทัศน์เปิดกว้างทางความคิดเห็น
โอยังกะกระบวนการไต่สวนสาธารณะ ต้องทำเรื่องรายงานผู้ดูแลอีกมั้ยเนี่ย เหอ เหอ..
ทั้งหมดนี้ พิมพ์เองใช้เวลาราวๆ 2 ช.ม.กว่า เพื่อ/สำหรับการตอบคำถาม ข้อสงสัย ซึ่งควรจะเป็นประเด็นทางเทคนิคเท่านั้น และอาจมีผลให้หน้าที่ 5 ขึ้นมาเร็วขึ้น.
ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่มาอุดหนุนเอ็นดู
ขอแสดงความนับถือ
bsk(มหาชน)
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 119
[quote="ครรชิต ไพศาล"]
อย่างเช่น ผมสงสัยว่า ใครรับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้งองคมนตรี
...
คุณ
อย่างเช่น ผมสงสัยว่า ใครรับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้งองคมนตรี
...
คุณ
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
โพสต์ที่ 120
ต่อเลยนะคับ และยืนยันว่าเป็นเหตุผลของหัวข้อกระทู้คับ...
บริษัทไทยเทียม ....ดาวเทียม.....รองเท้าฟองน้ำ.....
บทบรรณาธิการ โพสต์ทูเดย์ 18/2/49
อันตรายไทยเทียม
การขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชินวัตรและ ดามาพงศ์ให้กลุ่มเทมาเซกของประเทศสิงคโปร์ ได้สร้างผลกระทบต่อเนื่องตามมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เกิดกระแสกดดันทางการเมืองเข้าหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่าง ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนทางการเมืองนี้ ยังมีสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง นั่นก็คือการใช้บริษัทไทยเทียมเข้ามาในธุรกรรมการซื้อ-ขายหุ้น เกือบทุกกระบวนการ
นับตั้งแต่จุดเริ่มในการขายหุ้นชินคอร์ป ผู้ซื้อหุ้นตัวจริงคือกลุ่ม เทมาเซกของสิงคโปร์ ซึ่งหากเข้ามาซื้อหุ้นโดยตรงจะเกิดปัญหามากมายจนถึงขั้นทำให้การซื้อ-ขายครั้งนี้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเทมาเซกเป็นนิติบุคคลต่างชาติ ถ้าเข้ามาซื้อหุ้นก็จะทำให้ชินคอร์ปเป็นนิติบุคคลต่างชาติ ที่จะประกอบกิจการใดๆ ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม สถานีโทรทัศน์ สายการบิน ฯลฯ เนื่องจากกิจการเหล่านี้มีกฎหมาย ควบคุมหลายฉบับ ห้ามไม่ให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของ
ดังนั้น จึงมีการใช้ช่องว่างของกฎหมายตั้งบริษัทในเครือข่ายขึ้นมาอย่างซับซ้อน แล้วเข้าซื้อชินคอร์ป โดยแปลงร่างให้ชินคอร์ปกลายเป็นบริษัทสัญชาติไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทว่าในข้อเท็จจริงอิทธิพลในการบริหารอยู่ที่เทมาเซก และรวมไปถึงหากนับการถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม ชินคอร์ปจะมีต่างชาติถือหุ้นเกินครึ่ง ซึ่งทั้งมวลคือลักษณะของบริษัทไทยเทียมนั่นเอง
ไม่เพียงแต่ชินคอร์ปเท่านั้น กรณีอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องตามมา อาทิ สายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่เป็นบริษัทลูกของชินคอร์ป ก็ใช้วิธีแปลงร่างสร้างไทยเทียมเข้ามาจัดการ หลังจากเกิดปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการถือหุ้นของต่างชาติ และสุดท้ายไทยแอร์เอเชียก็ได้สิทธิการบินของประเทศไทยต่อไป
จริงอยู่ ในแง่กฎหมายต้องยอมรับกิจการไทยเทียมเป็นนิติบุคคล สัญชาติไทย แต่ทว่าในแง่ความมั่นคงของประเทศ เราเห็นว่าบริษัท ไทยเทียมเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะได้เข้าไปประกอบในธุรกิจที่อ่อนไหวต่อเสถียรภาพของประเทศได้มากมาย
นอกจากนั้น ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับความจริงว่า มีบริษัทไทยเทียมตั้งขึ้นเพื่อเปิดช่องให้ต่างชาติเข้าทำธุรกิจในไทยได้ทุกประเภท แต่ทว่ากรณีชินคอร์ปและไทยแอร์เอเชียเรามองว่า ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดเครือข่ายไทยเทียมมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า การขายหุ้นกิจการของครอบครัวนายกฯ ก็ใช้ไทยเทียมมาหลีกเลี่ยงทุกตัวบทกฎหมาย ในเมื่อกิจการที่เกี่ยวข้องกับผู้นำประเทศยังเดินเส้นทางนี้ได้ ทำไมคนอื่นๆ ถึงจะทำบ้างไม่ได้
เรายังเชื่อว่า การขายหุ้นชินคอร์ป หากเกิดขึ้นในรัฐบาลอื่นคงยากที่จะสำเร็จ เพราะจะต้องมีการตรวจสอบและใช้ช่องทางกฎหมายมากำกับดูแล แสวงหาช่องโหว่ สกัดกั้นทุกขั้นตอน แต่ทว่าเหตุการณ์กลับมาเกิดขึ้นในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เราจึงได้เห็นสิ่งที่กลับกันก็คือองค์กรของรัฐต่างเอาใบบัวมาปิดช้างที่กำลังจะตาย พร้อมๆ แปลงร่างเป็นฝูงนกแก้วพูดเป็นเสียงเดียวว่า การขายหุ้นครั้งนี้ทำได้ ไม่มีสิ่งผิด
เราได้แต่เป็นห่วงว่า อนาคตลูกหลานของเราจะต้องได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจากบริษัทไทยเทียม แผ่นดินที่ปู่ย่าตายายใช้ชีวิตรักษามา อาจถึงขั้นสิ้นสูญไปเพราะความโลภ และหวังกันเพียงแค่เงินตราเท่านั้น
[/b]
บริษัทไทยเทียม ....ดาวเทียม.....รองเท้าฟองน้ำ.....