แน่ใจได้อย่างไรว่าระบอบประชาธิบไตย จะเหมาะกับเมืองไทย

[Jeng]

ผมไม่ได้ว่าระบอบคอมมิวนิส ดีกว่านะ

แต่ที่ผมเคยเจอในระบอบพุทธศาสนาคือ ถ้ามี พระ 1 รูปแย้ง ก็ไม่ได้

คือทางพระไม่ได้นับตามเสียงส่วนใหญ่ แต่นับตามว่า ถ้าจะทำอะไรก็ต้องไม่มีใครแย้งเลย

อืม แบบทางพุทธนี่เรียกว่าระบอบอะไรครับ

[qingwen]

แบบองค์การ asean เขาเรียกอะไรนะ ใช่ฉันทามติหรือเปล่า กว่าจะทำอะไรได้คงเหนื่อยน่าดู

[Belffet]

ประชาธิปไตยเสียงข้างมากเด็ดขาด ครับพี่เจ๋ง

ภาษาอังกฤษ ผมจำไม่ได้

ส่วนเรื่องประชาธิปไตย กับสังคมนิยม จะมีใครสักกี่คนที่รู้บ้างว่า แท้จริงแล้ว สังคมนิยมก็คือประชาธิปไตยแบบหนึ่งดีๆนี่เองแหละครับ

ไอ้คนที่ไปแบ่งสองรูปแบบนี้แยกจากกัน คือ อเมริกา กับโซเวียตหลังสงครามโลกน่ะแหละครับ ทั้งนี้เป็นเรื่องศักดิ์ศรีในสงครามเย็นล้วนๆ

ความจริงสองสิ่งนี้คาบเกี่ยวกันอย่างแนบแน่นเลยครับ ทางด้านการเมืองนะครับ (สังคมนิยมแบบ Marx-Lenin นะครับ ไม่ใช่ เผด็จการแบบ Stalin หรือแบบ พ.ค.ท. คิดว่าคนที่ศึกษาด้านน่าจะรู้ดีครับ ถ้าใครสนใจจะส่งบทความไปให้อ่านนะครับ)

[สามัญชน]

ส่วนเรื่องประชาธิปไตย กับสังคมนิยม จะมีใครสักกี่คนที่รู้บ้างว่า แท้จริงแล้ว สังคมนิยมก็คือประชาธิปไตยแบบหนึ่งดีๆนี่เองแหละครับ

ทำไมถึงเอาประชาธิปไตยมาจับคู่กับสังคมนิยมครับ  งง

ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครอง  ส่วนสังคมนิยมเป็นระบบเศรษฐกิจ

ประชาธิปไตยน่าจะจับคู่กับคอมมิวนิสต์หรือเผด็จการ

ส่วนสังคมนิยมจับคู่กับทุนนิยม  แม่นบ่ครับ

[CK]

คุณ belf คงหมายถึงระบอบสาธารณรัฐ (Republic) มากกว่าครับ

จริงๆ แล้ว ระบบการปกครองพอจะรวมเป็น 3 รูปแบบใหญ่ๆ

Anarchy -- อนาธิปไตย ไร้การปกครอง

Autocracy -- อัตตาธิปไตย (มั้ง)
 มี monarchy (สมบูรณาญาสิทธิราช) Despotism, Dictatorship, ฯลฯ

Democracy -- ประชาธิปไตย
 republic (constitutional, commonwealth, sociallist, federal, etc.)
 democracy (deliberative, representative, direct, social, soviet, etc.)

ตอนหลังเมกากับโซเวียตแยก democracy กับ republic ออกจากกัน
ซึ่งจริงๆ แล้ว ทั้งสองแบบเป็น "การปกครองโดยประชาชน เพื่อประชาชน"
ทั้งนั้น แตกต่างกันแค่วิธีการเพื่อได้มาซึ่งอำนาจ

ถ้าเป็น democracy ประชาชนเลือกผู้นำโดยตรง
republic ให้มีองค์กรตัวแทนรัฐ แล้วองค์กรนี้เลือกผู้นำ

ส่วน communism แท้ๆ น่าจะเป็น commonwealth republic นะครับ
แต่ที่จีนใช้ ไม่ใช่ communism เลย แค่เอาชื่อมาอ้าง

จริงๆ แล้ว democracy ของ US (Representative, Presidential Democracy) ก็มีรากฐานมาจาก democracy ของกรีก บวก
constitutional republic บวกนั่นบวกนี่อีกหน่อย

พูดง่ายๆ คือ เข้าไปดูข้อดีข้อเสียของระบอบการปกครองของชาวบ้านทุกอัน
แล้วมาพัฒนาต่อ (ไอเดียดี)

ซึ่งใจความสำคัญ (เท่าที่ได้อ่าน=ฟังมาก) คือ

Autocracy is bad
Democracy is even worse

การให้เสียงส่วนใหญ่ปกครองเป็นสิ่งที่แย่กว่าการให้เสียงคนเดียวปกครอง
จึงต้องจัดสมดุลระหว่าง "คนเดียว" กับ "เสียงส่วนใหญ่" ให้ดี

และกลายมาเป็นรากฐานของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ทั้ง 7 Articles
ซึ่งใช้มาสองร้อยกว่าปี โดยแทบจะไม่ได้แก้ไขอะไรเลย

[ครรชิต ไพศาล]

การออกกฎหมาย การเลือกตัวแทน
ไม่มีทางที่คนทั้งประเทศ จะเห็นเหมือนกันหมด
ขนาด ผัวกับเมีย ยังเห็นไม่เหมือนกัน

จำเป็นต้องใช้เสียงข้างมาก เป็นเสียงตัดสิน ว่าจะเอาอย่างไร

ผัวกับเมีย ที่ทะเละกันบ่อยๆ ก็เพราะความเห็นไม่ตรงกัน แต่เสียงมันเท่ากัน
มันตัดสินไม่ได้ด้วยระบบประชาธิปไตย เพราะเสียงมันเท่ากัน
เลยเกิดสงครามกลางบ้าน
(ถ้าจะให้เป็นประชาธิปไตยต้องมี 3 คนขึ้นไป อาจเป็น ผัว 1 เมีย 2  :lol:  หรือ ผัว 2 เมีย 1   :lol: หรือ ผัว 1 เมีย 1 ลูก 1 ขึ้นไป)  :lol:  :lol:


ถ้าจะไม่ให้มีเสียงไม่เห็นด้วยเลยแม้แต่เสียงเดียว ถึงจะทำงานได้
ประเทศนี้ก็ไม่มีทางทำอะไรเพื่อส่วนรวมได้เลย

ประเทศเราเลือกที่จะเดินไปตามระบบประชาธิปไตย
ใช้เสียงข้างมากในการตัดสิน
ในการเลือกตัวแทนเข้าสภา
ในการออกกฎหมายในรัฐสภา

เสียงข้างน้อยก็ต้องยอมรับ กติกา
บ้านเมืองมันถึงจะอยู่กันได้อย่างสงบ

ถ้าไม่เคารพในกติกา
มันก็จะกลายเป็น การแข่งขันกีฬาที่แพ้ แล้วไม่ยอมแพ้
เขาเรียกว่า พวกขี้แพ้ชวนตี
บ้านเมืองมันก็วุ่นวาย

[สามัญชน]

เมืองไทยในยุคปัจจุบัน น่าจะเหมาะกับประชาธิปไตยที่มีส่วนผสมของเผด็จการหน่อยๆนะครับ  ในกรณีที่เราไม่สามารถทำคนให้เหมาะกับระบบได้เต็มที่  และเราต้องเลือกทำระบบที่เหมาะกับคนอยู่พอสมควร

[ครรชิต ไพศาล]

ในที่ประชม ที่ทุกคนเห็นชอบเหมือนกันทั้งหมด
ไม่มีเสียงคัดค้านเลยแม้แต่เสียงเดียว
เราเรียกว่า มติเอกฉันท์

แต่

เอกฉันท์ จะเกิดขึ้นได้ มันต้องผ่านกระบวนการประชาธิปไตยมาก่อน
และหมู่ชนในที่ประชุมนั้นต้องมีวิญญาณเป็นประชาธิปไตยด้วย
เสียงข้างน้อยต้องยอมรับ เคารพมติในที่ประชุม
เพื่อให้เกิด  มติเอกฉันท์ เพื่อนำไปใช้เพื่อส่วนรวม

ทุกวันนี้ มันไม่มี มติเอกฉันท์  คนแพ้เสียงในที่ประชุม ก็ไม่ยอมแพ้
นำเรื่องไปฟ้องร้องต่อ อีก
เอา ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง
มาขี่อยู่บนหลังคารัฐสภาอีกที

ดูเหมือนงูกินหาง หาหัวหาหางไม่เจอ

ถ้าเสียงข้างน้อย ไม่ยอมแพ้
เอากฎหมายทุกฉบับที่ผ่านรัฐสภาไปฟ้องร้อง ศาลรัฐธรรมนูญ
เป็นอย่างนี้กับกฎหมายทุกฉบับ คงเวียนหัวน่าดู

รัฐสภาร่างกฏหมายขึ้นมาให้มี ศาลธรรมนูญ ศาลปกครอง
เพื่อให้  ศาลธรรมนูญ ศาลปกครอง มาควบคุม รัฐสภา

เลยอยากตั้งคำถามว่า ประเทศไทยนี้ ใครใหญ่กว่าใคร
ระหว่าง ศาลรัฐธรรมนูญ   กับ  รัฐสภา


ทุกวันนี้ผมรู้สึกว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้รับการเลือกโดย วุฒิสภา
มีอำนาจเป็นใหญ่กว่ามีอำนาจเหนือ รัฐสภา

แล้ว รัฐสภาก็ สามารถถอดถอน ผู้พิพากษา ศาลรัฐธรรมนูญ

มันเวียนหัว เป็น งูกินหาง จริงๆ

[CK]

โดยวัตถุประสงค์คือ การคานอำนาจครับ พี่ครรชิต

อย่างที่เมกา

ประธานาธิปดี สามารถวีโต้รัฐสภาได้
รัฐสภา ก็สามารถถอดถอนประธานาธิปดีได้

[ครรชิต ไพศาล]

แล้วถ้า รัฐสภา ออกกฏหมาย ถอดถอน ศาลรัฐธรรมนูญ

แล้วศาลรัฐธรรมนูญ เอาเรี่องขึ้นฟ้อง ศาลปกครอง

แล้วศาลปกครอง บอกว่า รัฐสภา ทำไม่ถูกต้อง เป็นโมฆะ

เหมือนกรณีแต่งตั้ง กสช.

จะทำอย่างไร

[Belffet]

ผมเข้าใจประเด็นปัญหาที่พี่ครรชิตพูดครับ

ที่อเมริกาตัวอย่างที่พี่ CK ยกมาก็ประสบปัญหาอย่างนี้เช่นกัน นั่นคือ การคานอำนาจ กับงูกินหาง แทบจะกลายเป็นเรื่องเดียวกัน

วิธีแก้ก็แบบที่พี่ครรชิตบอกไว้อีกน่ะแหละครับ ก็คือการที่เคารพเสียงข้างมาก เรื่องก็จะยุติ

แต่ทำอย่างนั้นบ่อยๆ มันก็เกิดอาการที่ว่า "พวกมากลากไป" บ่อยๆเข้าคนที่กุมเสียงข้างมากอยู่ตลอดก็โดนด่าได้เหมือนที่รัฐบาลโดนโจมตีอยู่ในขณะนี้

กรณีตัวอย่างของพี่ครรชิตที่ว่า หากรัฐสภาจะออกกฎหมายถอดถอนศาลรัฐธรรมนูญ  ก็ต้องดูว่ารัฐธรรมนูญอนุญาตหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้เท่าที่จำได้ ทำไม่ได้นะครับ เพราะศาลรธน.เป็นองค์กรอิสระที่เจตนารมณ์ต้องการให้ลอยไว้ เพื่อตรวจสอบการทำงานของ นิติบัญญัติและบริหาร

แต่ที่ถูกโจมตีเพราะคนแต่งตั้งดันมีตัวแทนพรรคการเมือง คำถามเลยเป็นว่า มันจะอิสระจริงเร้อ

ส่วนเรื่องสังคมนิยมกับประชาธิปไตยนั้น สังคมนิยมไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียวหรอกครับ มันคือเรื่องการเมืองการปกครองด้วยครับ เพราะแนวคิดสังคมนิยมจะกล่าวว่า อำนาจทางเศรษฐกิจจะนำมาซึ่งอำนาจทางการเมือง(และด้านอื่นๆ) พูดง่ายๆก็คือ ถ้าอำนาจทางเศรษฐกิจตกอยู่ในมือคนเพียงกลุ่มเล็กๆกลุ่มเดียวเช่นในระบบทุนนิยมโดยนายทุน ก็จะนำไปสู่การใช้อำนาจทางการเมืองของคนเพียงกลุ่มเดียวเพื่อปกครองคนส่วนใหญ่เช่นกัน ข้อความนี้จริงหรือไม่ เพราะเราก็มีระบบการเลือกตั้งนี่นา ลองนึกดูว่าเราคนทั่วๆไปได้ exercise อำนาจทางการเมืองเมื่อไหร่บ้างครับ  มีครับ ตอนหย่อนบัตรเลือกตั้งครับ พอหย่อนเสร็จปุ๊บ ทุกอย่างจบครับ เป็นเรื่องของคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มเดียวไปแล้วครับ คนทั่วไปจะไปก้าวก่ายหรืออยากจะสอดรู้สอดเห็นเนี่ยลำบากมากๆ

อีกอย่างหนึ่งครับ หากจะบอกว่าสังคมนิยมเป็นขั้วตรงข้ามกับทุนนิยมตลอดกาล อันนี้ก็คงไม่ถูกต้องสักทีเดียวครับ เพราะสังคมนิยมยกย่องระบบทุนนิยมที่สร้างความเจริญแก่บ้านเมืองและสังคมมากมาย แต่สังคมนิยมจะโจมตีทุนนิยมที่ถูกผูกขาดโดยคนกลุ่มเล็กๆเพียงกลุ่มเดียวครับ ซึ่งจะใช้ทุนนิยมในการสร้างผลกำไรมหาศาลเข้ากระเป๋าของตนเอง  ทางออกของสังคมนิยมก็คือให้เอาระบบทุนนิยมมาเป็นของคนส่วนใหญ่จริงๆให้ได้ครับ ให้ผลกำไรที่เกิดจากทุนนิยมนั้นๆเข้ากระเป๋าของคนทุกคนให้เสมอกันมากที่สุดที่จะทำได้ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่กับนายทุนที่รวยแล้วรวยอีก

ยกตัวอย่างตลาดหุ้นครับ ถ้า กฟผ ที่จะเข้าตลาดนั้น สามารถทำให้โปร่งใสได้จริงดังนี้นะครับว่า

1. รัฐถือหุ้น (ในนามของรัฐจริงๆนะครับ) ส่วนใหญ่
2. หุ้นถือเหลือเป็นของประชาชนคนธรรมดาในอัตราเฉลี่ยใกล้เคียงกัน
3. ตรวจสอบได้จริงว่า ไม่มีนายทุนหรือใครหน้าไหนแอบซื้อหุ้นสะสมกักเก็บไว้

ทีนี้จะขึ้นค่าไฟเท่าไหร่ก็เอาสิครับ เพราะกำไรที่ได้ใครได้ไปล่ะครับ ก็ฝ่ายรัฐที่จะนำเอามาพัฒนาประเทศ กับเงินปันผลจ่ายให้คนไทยด้วยกันเอง นี่แหละครับคือการใช้ประโยชน์จากทุนนิยมในรูปแบบสังคมนิยม ซึ่งไม่ได้ปฏิเสธทุนนิยมอย่างหัวชนฝาเสมอไป

แต่ความจริงทำได้มั๊ยล่ะครับ ทำไม่ได้หรอกครับ อำนาจเงินมันปกปิดอะไรได้มากกว่าที่คิด ก็เลยกลับมาที่คำพูดเดิมไงครับว่า

"อำนาจทางเศรษฐกิจ นำไปสู่อำนาจทางการเมือง(และในรูปแบบอื่นๆอีกมากมาย)"

[ครรชิต ไพศาล]

ผมว่า ระบบประชาธิปไตย
ก็คือระบบที่ใช้เสียงข้างมาก เป็นเสียงที่ส่วนรวมต้องยอมรับและทำตาม
มันก็ความหมายเดียวกันกับ พวกมาลากไปอยู่แล้วครับ
ปัญหาต่างๆ มันถึงจะได้นำไปปฎิบัติได้

ถ้าไม่นั้น ปัญหาทุกปัญหา จะไม่ได้รับการตัดสินใจนำมาปฎิบัติ
เถียงกันอยู่นั้นแหละ เสียงข้างน้อยไม่ยอมเสียงข้างมาก

มีทางเดียวที่จะตัดสินปัญหาความขัดแย้ง
หาก ไม่ยอมรับใน ระบบประชาธิปไตย
คือสงคราม

เหมือน ผัว เถียงกับ เมีย ต่างคนต่างไม่ยอมกัน มี 1 เสียงเท่ากัน
เพราะไม่เคยตกลงกันมาก่อนว่า จะให้ ผัว หรือ เมีย เป็นผู้นำ  
ทางจบสุดท้ายคือสงคราม  
ซึ่งก็เป็นที่มาการกระทำทารุณต่อสตรี ที่รณรงค์ต่อต้านกันอยู่

แต่
ถ้าตกลงกันเสียก่อนโดยพฤตินัย
ว่าครอบครัวนี้ เมียเป็นใหญ่ ผัวไม่เถียงเมีย
ถึงผัวมีความเห็นไม่เหมือนกับเมีย ก็ยอมๆเมียเขาไป
เพราะเมียเขาเป็นใหญ่ นึกเสียว่า รักเมียเคารพเมียไม่เถียงเมีย
อย่างนี้สงครามก็ไม่เกิด

หรืออาจจะในทางกลับกัน
ถ้าตกลงกันเสียก่อนโดยพฤตินัย
ว่าครอบครัวนี้ ผัวเป็นใหญ่ เมียไม่เถียงผัว
ถึงเมียมีความเห็นไม่เหมือนกับผัว ก็ยอมๆผัวเขาไป
เพราะผัวเขาเป็นใหญ่ นึกเสียว่า รักผัวเคารพผัวไม่เถียงผัว
อย่างนี้สงครามก็ไม่เกิด

ทุกหน่วยของสังคม ตั้งแต่ หน่วยย่อยที่สุด คือ ครอบครัว
ต้องยอมรับในการที่ต้องมี ผู้นำ และ ผู้ตาม
จึงจะลดความขัดแย้งของสังคมได้

โขลงช้าง ก็ต้องมี หัวหน้าโขลง
วัด ก็ต้องมี สมภาร
รัฐบาล ก็ต้องมี หัวหน้ารัฐบาล
ประเทศ ก็ต้องมี ราชา

หน่วยงานออกกฎหมาย ก็ต้องมีหน่วยงานที่มีอำนาจสิทธิขาดใหญ่สุด
ไม่ใช่ปล่อยให้ เป็น งูกินหาง หรือ หมาไล่งับหางตัวเอง

[SmileGraycop]

ขออนุญาติตอบพี่เจ๋งดังนี้ครับ
1. เนื่องจากประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์รวมถึงการปกครองแบบอื่นๆเป็นการคิดค้นโดยผู้ที่ไม่ได้มีปํญญาอันบริสุทธิ์ ดังนั้นความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น บางคราวหมู่ชนเห็นว่าประชาธิปไตยดี ก็ว่ากันไป บางคราวเห็นว่าสังคมนิยมดีก็ยอมตายเพื่อให้ระบบนี้มา บางครั้งก็เห็นว่าให้หมู่คณะที่เหมาะสมคอยจัดการก็มีปัญหากันอีก
2. เนื่องจากในพระพุทธศาสนาไม่ได้สนใจว่าใครจะปกครอง คือจะปกครองเดี่ยวแบบราชาธิปไตย หรือ อำมาตยาธิไตยที่มีหลายคนปกครองก็ตาม ไม่ได้เป็นสาระในทัศนะพุทธเท่าไหร่ ที่เป็นสาระคือต้องนำธรรมะมาใช้คือเป็นระบบธรรมมาธิปไตย
3. เราจะเห็นได้ว่ามีพระพุทธศาสนาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเสียงส่วนใหญ่หรือเสียงส่วนน้อย แต่ต้องการให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันโดยอิงหลักธรรมเป็นใหญ่ ในการที่ผู้นำใช้ธรรมมะไม่ว่าจะเป็นทศพิศราชธรรมหรือหลักธรรมอื่นๆต้องมีความเป็นเอกภาพภายใต้ระบบธรรมมาธิปไตย
4. เพราะว่าเสียงหมู่มากไม่ได้แปลว่าถูกตามหลักธรรม เสียงส่วนน้อยไม่ได้แปลว่าผิดตามหลักธรรม ดังนั้นการหักดิบ หรือฝืนใจจึงเป็นเรื่องปกติ แต่ก็เพื่อประโยชน์ระยะยาว อุปมาดังว่าคนหมู่มากแม้จะเห็นว่าเหล้าสุราไม่ใช่ของเสียหายจะจำหน่ายแพร่หลายเปิดเผยก็เชิญตามสบาย แต่คนกลุ่มน้อยเล็งเห็นว่าจะเป็นภัยระยะยาวแก่เยาวชนด้วยเหตุผลว่าปัจจุบันเป็นขี้เมาอันดับห้าของโลกแล้วยังไม่หนำใจอีก ก็ต้องคัดค้านแม้จะไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง
5. ดังนั้นส่วนตัวผมเองแล้ว จะเผด็จการ คอมมิวนิสต์ หรือประชาธิปไตย แต่ขอให้ปกครองโดยหลักธรรม ชีวิตก็น่าจะเป็นสุขแล้วนะครับ

[SmileGraycop]

เพิ่มเติมสักนิด ปัจจุบันผมว่าน่าจะเป็นระบบทุนธิปไตยปกครองเราอยู่นะครับ คือกระแสทุนเป็นหลักใหญ่ภายใต้การปลอบใจว่านี่คือประชาธิปไตย เราจึงเห็นเด็กสาวๆขายตัวเพื่อแลกโทรศัพท์อะไรทำนองนี้

[thaistock2005]

ผมว่าการใช้ระบบไหนอาจจะต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
เช่นความคิดประชาชน ความร่ำรวยหรือยากจนของประเทศ

ส่วนตัวผมคิดว่าผู้นำสำคัญที่สุด
ถ้าระบบประชาธิไตย
ที่ได้ผู้นำมีคุณธรรม
ใช้คนเป็น
เป็นระบบที่ผมใฝ่ฝันถึง

[Belffet]

ที่แท้ก็ศิษย์สำนักเดียวกันนี่เอง คุณ ba_2l

[เพื่อน]

ผมมักจะบอกอยู่เสมอว่า การตัดสินด้วยเสียงข้างมาก ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และถือเป็นปัญหาของระบอบประชาธิปไตยที่ยังต้องแก้ใข ความคิดของคนๆเดียวอาจถูกกว่าคนเป็นหมื่นๆคนก็ได้

ที่ถูกต้องแล้ว เสียงข้างมากที่จะนำมาใชตัดสินควรจะถูกคัดเลือกมาก่อนว่ามีคุณภาพ มีความรู้ และมีความยุติธรรม เช่นที่เค้าพยายามทำกันอยู่ในการแก้ใขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้แยกฝ่ายการเมืองออกจากฝ่ายอำนาจนิติบัญญัติ และแก้ใขวิธีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากฝ่ายการเมืองมีความใกล้ชิดกับอำนาจฐานเสียงขนาดใหญ่(ที่ไม่มีใครกล้าพูดตรงๆว่าเป็นเสียงที่ไม่มีคุณภาพพอ)

[เพื่อน]

แต่ก็ไม่วายมีการแทรกแทรงจากฝ่ายการเมือง ในการส่งคนฝ่ายตัวเองเข้าไปอยู่ในกระบวนการต่างๆที่มีผลต่อการพิจารณาเรื่องสำคัญๆ เรื่องการออกกฎหมาย และเรื่องการตรวจสอบ.....นี่คือข้อเสียที่ไม่ทันคิดป้องกันมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

อันที่จริงแล้วผมเชื่อว่าถ้าไม่มีการแทรกแทรงในระบบศาลตั้งแต่แรก ท่านนาย ก ก็ไม่ได้เป็นนาย ก ตั้งแต่แรกแล้วหละครับ เนื่องจากคดีซุกหุ้นที่ผลออกมากลายเป็นความผิดอันบริสุทธิ์หรืออะไรทำนองนี้แหละครับ(จำคำพูดอมตะนี้ไม่ได้แล้ว)

การตัดสินครั้งนั้น กลายเป็นเรื่องตลกสำหรับชาวต่างชาติอย่างมาก ว่าตัดสินออกมาได้อย่างไร ทั้งๆที่เห็นๆกันอยู่ สำหรับประเทศเค้าถือเป็นความผิดร้ายแรง เพราะคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะมีอำนาจในการบริหารประเทศ....แค่มีข้อมูลหลุดออกมาเค้าก็ต้องชิงลาออกจากตำแหน่งเองก่อนที่จะรอให้ศาลตัดสินด้วยซ้ำ

[เพื่อน]

โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปและมีการพัฒนาแก้ใขให้ดีขึ้น ทั้งทางด้านระบอบประชาธิปไตยเอง ทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ และการศึกษา จะช่วยพัฒนาชาติได้ดีกว่าการเอาแง่วิธีทางกฏหมาย หาช่องโหว่มาทำลายระบอบ แทนที่จะแสดงความจริงใจช่วยกันแก้ใขให้ระบอบพัฒนาขึ้นจนสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ

การแทรกแทรงดังกล่าวถือเป็นการพยายามทำลายระบอบประชาธิปไตยให้ถอยหลังกลับไปเริ่มต้นใหม่ด้วยการหาวิธีแก้ปัญหาความไม่จริงใจของผู้มีอำนาจเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง

[Belffet]

จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไปครับคุณ ba_2l

ถ้าจะให้เป็น Trotsky จริงๆสำหรับเมืองไทย หากไม่สำเร็จ อาจถึงขั้น ประหารเจ็ดชั่วโคตรได้ครับ

เสี่ยงครับเสี่ยง

หากเป็นสมัย จอมพล ป. ล่ะก็ว่าไปอย่าง แม้ทหารจะใหญ่ แต่ยังไงก็ยังง่ายกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำไป

[CK]

ผมมักจะบอกอยู่เสมอว่า การตัดสินด้วยเสียงข้างมาก ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และถือเป็นปัญหาของระบอบประชาธิปไตยที่ยังต้องแก้ใข ความคิดของคนๆเดียวอาจถูกกว่าคนเป็นหมื่นๆคนก็ได้

ไม่เห็นด้วยนิดเดียวครับ

การตัดสินด้วยเสียงข้างมาก เป็นวิธีที่ผิดครับ ไม่ใช่แค่ไม่ถูกต้อง
การตัดสินด้วยเสียงข้างมาก แถวบ้านผมเขาเรียก "กฎหมู่"

ปัญหาของระบอบประชาธิปไตย
ผมว่า เป็นปัญหาของ "ระบบ" ครับ

ผมเชื่ออย่างหนึ่ง

The King does no wrong

ไม่ใช่

The King can do no wrong

ดังพระราชดำรัสในหลวงปีนี้ครับ

ผม print เก็บไว้เลย

พระองค์ทรงวิเคราะห์การเมืองไทยปี 2005
ได้อย่างละเอียดและเฉียบคมมากครับ