คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 1
ใช่คนประกอบธุรกิจเชิงขยายไม่เป็นหรือเปล่าคับ
สมัยหนึ่งผมเคยถูกสอนว่า
การขยายกิจการควรมาจาก รากฐานของตนเอง
พึง เพื่อน พึง ตนเอง ได้ แต่อย่า พึงแบงค์
โดยกู้เงินโดยเด็ดขาด
แต่มาปัจจุบัน ความคิดแบบนี้จะสามารถขยายธุรกิจ
ได้หรือคับ
สมัยหนึ่งผมเคยถูกสอนว่า
การขยายกิจการควรมาจาก รากฐานของตนเอง
พึง เพื่อน พึง ตนเอง ได้ แต่อย่า พึงแบงค์
โดยกู้เงินโดยเด็ดขาด
แต่มาปัจจุบัน ความคิดแบบนี้จะสามารถขยายธุรกิจ
ได้หรือคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 2
มันเป็นเรื่อง corperate finace ครับ คือเราต้องพิจารณาเสียก่อนว่าส่วนต่าง(margin) ระหว่างผลตอบแทนของเงินทุนเทียบกับต้นทุนดอกเบี้ย อีกทั้งต้องพิจารณาถึง ระยะเวลาของCash cycleระหว่าง sources of cash กับ used of cash ต้องสัมพันธ์กันครับ ดังนั้นบอกไม่ได้หรอกครับว่าการไม่กู้คือการขยายไม่เป็น เพราะมันขึ้นกับแต่ละธุรกิจมากกว่าครับ 
- Tongue
- Verified User
- โพสต์: 725
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 3
การใช้ debt กับ equity นั้นต่างกัน ตรงที่ debt นั้นมีต้นทุนถูกกว่า Equity แต่ถ้าลงทุนด้วย debt มากๆ จะทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้น และทำให้ expected return ของ equity สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนโดยรวมสูงขึ้นและไม่เหมาะสม
การใช้ debt มีข้อดีคือ การนำไปลดภาษีได้ แต่ถ้า debt สูงมากเกินก็ทำให้มีความเสี่ยงสูง เพราะ debt holder มี senior claim ก่อน equity holder
และทำให้ cost สูงขึ้น มี flexible ต่ำ มีเครดิตเรทติ้งไม่ดี
การมีสัดส่วนที่ดีจึงน่าจะดีที่สุด
การขยายเป็นหรือไม่คงไม่เกี่ยวกับ cost structure โดยตรง
cost structure น่าจะเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้แหล่งเงินทุนมากกว่า
การใช้ debt มีข้อดีคือ การนำไปลดภาษีได้ แต่ถ้า debt สูงมากเกินก็ทำให้มีความเสี่ยงสูง เพราะ debt holder มี senior claim ก่อน equity holder
และทำให้ cost สูงขึ้น มี flexible ต่ำ มีเครดิตเรทติ้งไม่ดี
การมีสัดส่วนที่ดีจึงน่าจะดีที่สุด
การขยายเป็นหรือไม่คงไม่เกี่ยวกับ cost structure โดยตรง
cost structure น่าจะเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้แหล่งเงินทุนมากกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 4
หนี้เป็นตัวเร่งให้เร็วขึ้นครับ
ดีหรือร้ายขึ้นกับเนื้องาน
จำเป็นหรือไม่ขึ้นกับเวลา
ถ้าไม่รีบ โอกาสยังมีให้อีก ก็อย่าไปเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นดีกว่าครับ
ถ้าเป็นจังหวะน้ำขึ้นให้รีบตักจริง ๆ กู้บ้างก็ ok ครับแต่อย่ามาก
ผมเห็นด้วยกับคำสอนแบบเดิม ๆ ที่ช้าแต่มั่นคงครับ
ดีหรือร้ายขึ้นกับเนื้องาน
จำเป็นหรือไม่ขึ้นกับเวลา
ถ้าไม่รีบ โอกาสยังมีให้อีก ก็อย่าไปเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นดีกว่าครับ
ถ้าเป็นจังหวะน้ำขึ้นให้รีบตักจริง ๆ กู้บ้างก็ ok ครับแต่อย่ามาก
ผมเห็นด้วยกับคำสอนแบบเดิม ๆ ที่ช้าแต่มั่นคงครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
- Tongue
- Verified User
- โพสต์: 725
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 6
คงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมมากกว่าครับ
สมมติ วอเรนต์ จะลงทุน ทำกิจการเองสักอย่าง
ผมก็ไม่คิดว่าเขาต้องขายหุ้นของเขามาลงทุนเพราะผลตอบแทนของเขา
หุ้นเขาเฉลี่ย 20กว่าเปอร์เซนต์
เขาสามารถไฟแนนซ์ด้วยหนี้ได้บ้าง โดยที่ไม่จำเป็นต้องกู้แบงค์เสมอไป
อย่างเขาออกหุ้นกู้ก็ได้ ดอกเบี้ยถูกกว่ากู้แบงค์ แถมเอามาหักภาษีได้ด้วย
แต่ถ้าเขายังมีเงินเหลืออีกก้อนฝากไว้ในแบงค์ไม่รู้จะทำอะไร การกู้ก็อาจจะไม่จำเป็น
แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับ cash cycle อย่างคุณ genie บอกด้วย
ถ้าเป็นการลงทุนระยะสั้น การออก debt ก็น่าจะเหมาะสมกว่า
แต่ถ้าเป็นระยะยาว equity ก็น่าจะดีกว่า
ผมเคยเห็นงบบริษัทที่ลงทุนระยะยาวด้วยเงินกู้ระยะสั้นมาแล้ว
ผลเป็นไงลองไปดูครับ N-park
สมมติ วอเรนต์ จะลงทุน ทำกิจการเองสักอย่าง
ผมก็ไม่คิดว่าเขาต้องขายหุ้นของเขามาลงทุนเพราะผลตอบแทนของเขา
หุ้นเขาเฉลี่ย 20กว่าเปอร์เซนต์
เขาสามารถไฟแนนซ์ด้วยหนี้ได้บ้าง โดยที่ไม่จำเป็นต้องกู้แบงค์เสมอไป
อย่างเขาออกหุ้นกู้ก็ได้ ดอกเบี้ยถูกกว่ากู้แบงค์ แถมเอามาหักภาษีได้ด้วย
แต่ถ้าเขายังมีเงินเหลืออีกก้อนฝากไว้ในแบงค์ไม่รู้จะทำอะไร การกู้ก็อาจจะไม่จำเป็น
แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับ cash cycle อย่างคุณ genie บอกด้วย
ถ้าเป็นการลงทุนระยะสั้น การออก debt ก็น่าจะเหมาะสมกว่า
แต่ถ้าเป็นระยะยาว equity ก็น่าจะดีกว่า
ผมเคยเห็นงบบริษัทที่ลงทุนระยะยาวด้วยเงินกู้ระยะสั้นมาแล้ว
ผลเป็นไงลองไปดูครับ N-park
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 7
จริงๆแล้วเรื่องการกู้เงินนั้น
เป็นปรัชญาในการทำธุรกิจเลย
คือ บางคนไม่ยอมกู้เลย บางคนเน้นกู้มากเลย บางคนกู้ตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม
โดยส่วนตัวเชื่อเรื่อง การไม่กู้เลย
ด้วยเหตุผล ถ้าไม่กู้เลย แล้วทำธุรกิจนั้นได้ แสดงว่า ธุรกิจนั้นๆเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องอาศัยเงินทุนมากๆ
และถ้าไม่กู้เลยสามารถขยายกิจการได้ แสดงว่าธุรกิจนั้นๆ เป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดได้มาก
เมื่อยึดการไม่กู้เลยแล้วมาเลือกธุรกิจ จะทำให้มีโอกาสเลือกธุรกิจที่ไม่เสี่ยงมาก
แต่เมื่อเลือกธุรกิจก่อน เราก็มีโอกาสเสี่ยงในการกู้เงิน
.........................................................................
คำถาม ที่ฝังอยู่ในใจคือ การไม่กู้จะทำให้เราร่ำรวยช้า
ซึ่งในความเป็นจริงนั้นจริงหรือเปล่า
เช่น การลงทุนใน GM ซึ่ง GM ต้องกู้เงินอย่างมากอย่างแน่นอน
ในขณะที่ลงทุนในหมากฝรั่ง เครื่องจักรเก่าๆยังคงทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง
วอเรนบอกว่า เงิน 100 บาท ลงทุน ใน GM กับ ลงทุนในกิจการหมากฝรั่ง ผลตอบแทนในกิจการหมากฝรั่งมากกว่ามาก
.......................................................................
เรื่องการกู้เงินสำหรับผมแล้ว เหมือนเกมการเงินที่เข้ามาหลอกหลอนผู้ประกอบการ
โอกาสมาแล้ว ถ้าไม่กู้ ก็ไม่ได้ทำ
เมื่อมีโอกาสทำ กู้เท่าไรได้ ก็ต้องกู้ เพราะว่า หักดอกเบี้ยแล้ว ก็ยังกำไร
เหมือนกับว่า เงินกู้ที่ได้มาจากแบงค์ ก็เหมือนกับหุ้นส่วน ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย
แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ เพราะตอนได้ ก็แบ่งตามข้อตกลง
แต่ตอนเสีย ไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย ค่าเบี้ยปรับขึ้นมามหาศาล จนถึงขนาดสามารถมายึดกิจการคุณได้เลย
เพราะฉะนั้นลักษณะของธุรกิจที่ขยายได้จริง อย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องกู้เงิน หรือกู้ก็กู้แบบชั่วคราวเท่านั้น
เป็นปรัชญาในการทำธุรกิจเลย
คือ บางคนไม่ยอมกู้เลย บางคนเน้นกู้มากเลย บางคนกู้ตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม
โดยส่วนตัวเชื่อเรื่อง การไม่กู้เลย
ด้วยเหตุผล ถ้าไม่กู้เลย แล้วทำธุรกิจนั้นได้ แสดงว่า ธุรกิจนั้นๆเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องอาศัยเงินทุนมากๆ
และถ้าไม่กู้เลยสามารถขยายกิจการได้ แสดงว่าธุรกิจนั้นๆ เป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดได้มาก
เมื่อยึดการไม่กู้เลยแล้วมาเลือกธุรกิจ จะทำให้มีโอกาสเลือกธุรกิจที่ไม่เสี่ยงมาก
แต่เมื่อเลือกธุรกิจก่อน เราก็มีโอกาสเสี่ยงในการกู้เงิน
.........................................................................
คำถาม ที่ฝังอยู่ในใจคือ การไม่กู้จะทำให้เราร่ำรวยช้า
ซึ่งในความเป็นจริงนั้นจริงหรือเปล่า
เช่น การลงทุนใน GM ซึ่ง GM ต้องกู้เงินอย่างมากอย่างแน่นอน
ในขณะที่ลงทุนในหมากฝรั่ง เครื่องจักรเก่าๆยังคงทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง
วอเรนบอกว่า เงิน 100 บาท ลงทุน ใน GM กับ ลงทุนในกิจการหมากฝรั่ง ผลตอบแทนในกิจการหมากฝรั่งมากกว่ามาก
.......................................................................
เรื่องการกู้เงินสำหรับผมแล้ว เหมือนเกมการเงินที่เข้ามาหลอกหลอนผู้ประกอบการ
โอกาสมาแล้ว ถ้าไม่กู้ ก็ไม่ได้ทำ
เมื่อมีโอกาสทำ กู้เท่าไรได้ ก็ต้องกู้ เพราะว่า หักดอกเบี้ยแล้ว ก็ยังกำไร
เหมือนกับว่า เงินกู้ที่ได้มาจากแบงค์ ก็เหมือนกับหุ้นส่วน ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย
แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ เพราะตอนได้ ก็แบ่งตามข้อตกลง
แต่ตอนเสีย ไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย ค่าเบี้ยปรับขึ้นมามหาศาล จนถึงขนาดสามารถมายึดกิจการคุณได้เลย
เพราะฉะนั้นลักษณะของธุรกิจที่ขยายได้จริง อย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องกู้เงิน หรือกู้ก็กู้แบบชั่วคราวเท่านั้น
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
พวกประกันภัยครับ
โพสต์ที่ 8
พวกประกันภัย ประกันชีวิตครับ พวกนี้แย่งเงินฝากแบงค์เลย
พวกเครือข่ายค้าปลีกที่เริ่มอิ่มตัวแล้ว หรือพวกที่ได้ผลตอบแทนต่อเงินลงทุนสูงมากๆ เช่น ซีเอ็ด ไอทีซิตี้ครับ มันปลอดภัยมากๆเลยครับ
พวกเครือข่ายค้าปลีกที่เริ่มอิ่มตัวแล้ว หรือพวกที่ได้ผลตอบแทนต่อเงินลงทุนสูงมากๆ เช่น ซีเอ็ด ไอทีซิตี้ครับ มันปลอดภัยมากๆเลยครับ
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 10
[quote="chatchai"]แล้วคิดอย่างไรกับการกู้เงินซื้อบ้านละครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 12
ระดับเซียนด้านบริหารการเงินหลายท่าน ยังมีความเห็นแตกต่างกันเลยครับ
เรื่องบ้านหลังแรกเนี่ย
ผมว่าอยากมีบ้านที่สามารถรองรับครอบครัวเราได้ 20-30 ปี
แล้วไม่มีมรดก ไม่มีเงินก้อน ยังไง ๆ ก็ต้องผ่อนครับ
ส่วนตัวผมผลัดภรรยาเรื่องการซื้อผ่อนบ้านมาหลายรอบแล้ว
ขออาศัยบ้านเดียวกับพ่อแม่ และครอบครับพี่ชายอยู่
อบอุ่นดี เก็บตังค์ได้เรื่อย ๆ ด้วย
บ้านมันแคบเกินเมื่อ เด็ก ๆ โตค่อยขยับขยายครับ
วันนั้นคงพอมีเงินก้อน แต่ซื้อเลยหรือผ่อนค่อยดูตามสถานการณ์ครับ
ใช้เงินก้อนลดภาระการผ่อนให้เหลือซัก 20 % ของรายได้ต่อเดือน
น่าจะสบาย ๆ กำลังดี
เรื่องบ้านหลังแรกเนี่ย
ผมว่าอยากมีบ้านที่สามารถรองรับครอบครัวเราได้ 20-30 ปี
แล้วไม่มีมรดก ไม่มีเงินก้อน ยังไง ๆ ก็ต้องผ่อนครับ
ส่วนตัวผมผลัดภรรยาเรื่องการซื้อผ่อนบ้านมาหลายรอบแล้ว
ขออาศัยบ้านเดียวกับพ่อแม่ และครอบครับพี่ชายอยู่
อบอุ่นดี เก็บตังค์ได้เรื่อย ๆ ด้วย
บ้านมันแคบเกินเมื่อ เด็ก ๆ โตค่อยขยับขยายครับ
วันนั้นคงพอมีเงินก้อน แต่ซื้อเลยหรือผ่อนค่อยดูตามสถานการณ์ครับ
ใช้เงินก้อนลดภาระการผ่อนให้เหลือซัก 20 % ของรายได้ต่อเดือน
น่าจะสบาย ๆ กำลังดี
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 13
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ส่วนตัวผมผลัดภรรยาเรื่องการซื้อผ่อนบ้านมาหลายรอบแล้ว
ขออาศัยบ้านเดียวกับพ่อแม่ และครอบครับพี่ชายอยู่
อบอุ่นดี เก็บตังค์ได้เรื่อย ๆ ด้วย
บ้านมันแคบเกินเมื่อ เด็ก ๆ โตค่อยขยับขยายครับ
วันนั้นคงพอมีเงินก้อน แต่ซื้อเลยหรือผ่อนค่อยดูตามสถานการณ์ครับ
ใช้เงินก้อนลดภาระการผ่อนให้เหลือซัก 20 % ของรายได้ต่อเดือน
น่าจะสบาย ๆ กำลังดี
เช่นซื้อ บ้าน 5 ล้าน ได้ในราคา 2.5 ล้าน
แทนที่จะไปซื้อบ้าน 5 ล้าน เก็บเงิน 1 ล้านไปดาวน์ แล้วผ่อนโดยกู้ 4 ล้าน
ก็ไปหาบ้าน 5 ล้าน แล้วซื้อให้ได้ในราคา 2.5 ล้าน
ถ้ามีเงินเก็บ 1 ล้านก็เก็บเงินนั้นไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
เราก็กู้ให้ได้ 4 ล้านเหมือนเดิม แล้วผ่อนเหมือนเดิม เพราะบ้านถูกตีราคาที่ 5 ล้าน
อืม ซื้อบ้านเหลือเงิน
........................................................................................
ส่วนเรื่องวิธีการซื้อให้ได้ราคา 2.5 ล้าน ทำอย่างไรดีหละ
- Tongue
- Verified User
- โพสต์: 725
- ผู้ติดตาม: 0
คนที่ไม่คิดกู้เงินแบงค์เอาทำธุรกิจ เลย
โพสต์ที่ 14
ยังไม่เคยคิดเลยพี่
สงสัยต้องเก็บตังค์ก่อน
พอมีตังค์แล้ว ดาวน์ไม่น้อยกว่าครึ่ง ไม่ชอบหนี้เยอะ
แต่ยังต้องมีเงินสดเหลืออยู่ด้วยนะ
แล้วก็บ้านที่ซื้อต้องเป็นหลังที่จะอยู่ได้นานๆเลย
ไม่อยากซื้อแล้วซื้ออีก
อืมม์ ท่าทางจะอีกนาน
สงสัยต้องเก็บตังค์ก่อน
พอมีตังค์แล้ว ดาวน์ไม่น้อยกว่าครึ่ง ไม่ชอบหนี้เยอะ
แต่ยังต้องมีเงินสดเหลืออยู่ด้วยนะ
แล้วก็บ้านที่ซื้อต้องเป็นหลังที่จะอยู่ได้นานๆเลย
ไม่อยากซื้อแล้วซื้ออีก
อืมม์ ท่าทางจะอีกนาน