คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1592
ใครวิเคาระห์หุ้นสองตัวนี้ไว้หรือเป็นผู้ถือหุ้นLoby เขียน:สวัสดีครับพี่ๆ ผมขอรบกวนช่วยวิเคราะห์ CHARAN กับ KDH ให้ด้วยครับ
ผมถือ2ตัวนี้อยู่ เพราะเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน จ่ายปันผลดี และมีกำไรสะสมพอสมควร ผมคิดว่าจะถือยาวสัก 3-5 ปี รับปันผลไปเรื่อยๆ จนกว่าราคาจะสูงกว่าพื้นฐาน (1.5เท่า)
พี่ๆในบอร์ดนี้คิดว่าดีรึเปล่าครับ รบกวนช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ :lol:
ช่วยบอกเล่าเก้าสิบหน่อย
ผมไม่ได้ติดตามเลยไม่ทราบครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 46
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1593
พี่วิบูลย์คะ
วันนี้ขอเรียนถามพี่เรื่องการ Switching หุ้นหน่อยคะ
ถ้าน้องถือหุ้น A อยู่โดยที่เป็นหุ้นซึ่งมีพื้นฐานดี แต่ประเมินแล้วเห็นว่าอัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าจะเริ่มโตช้าลง (สมมติว่าจาก 20% เป็น 10%) แต่อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดก็ยังไม่สูงเกินมูลค่าจริงของหุ้นนัก
ทีนี้ไปเจอหุ้น B ซึ่งก็เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีทัดเทียมกัน เพียงแต่อัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าเห็นได้ว่ากำลังจะมีอัตราที่สูงขึ้น (สมมติว่าจาก 10% เป็น 20%) เรียกว่าซ้ำรอยกับหุ้น A เมื่อปีก่อน
สมมติ(อีกแล้วคะ)ว่าในอนาคตอย่างน้อย1-2ปีข้างหน้าทั้งคู่ก็ยังมีพื้นฐานที่ดี แต่ไม่รู้ว่าอัตราเติบโตตอนนั้นใครจะเหนือกว่าใคร
อย่างนี้น้องควรถือหุ้น A ไว้ แล้วค่อยเก็บเงินซื้อหุ้น B ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะต้องวิ่งขึ้นไปอีกหลังประกาศผลประกอบการ หรือว่าควรจะขายหุ้น A ซึ่งน้องก็ได้กำไรมามากจากผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในอดีต แล้วเอามาซื้อหุ้น B เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของกิจการใน Port ให้สูงไว้ตลอดดีคะ
ข้อเสียที่น้องเห็นแน่ๆของ Switching ก็คือคอมมิชชั่นนี่แหละคะ แต่อยากขอความเห็นพี่ว่าจะเป็นการกระทำที่โง่เขลารึเปล่าคะ เพราะทราบมาว่าควรทำ Switching เมื่อศักยภาพของหุ้นเดิมต่ำกว่าหุ้นตัวใหม่อย่างชัดเจน
ขอบพระคุณพี่มากคะ
วันนี้ขอเรียนถามพี่เรื่องการ Switching หุ้นหน่อยคะ
ถ้าน้องถือหุ้น A อยู่โดยที่เป็นหุ้นซึ่งมีพื้นฐานดี แต่ประเมินแล้วเห็นว่าอัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าจะเริ่มโตช้าลง (สมมติว่าจาก 20% เป็น 10%) แต่อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดก็ยังไม่สูงเกินมูลค่าจริงของหุ้นนัก
ทีนี้ไปเจอหุ้น B ซึ่งก็เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีทัดเทียมกัน เพียงแต่อัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าเห็นได้ว่ากำลังจะมีอัตราที่สูงขึ้น (สมมติว่าจาก 10% เป็น 20%) เรียกว่าซ้ำรอยกับหุ้น A เมื่อปีก่อน
สมมติ(อีกแล้วคะ)ว่าในอนาคตอย่างน้อย1-2ปีข้างหน้าทั้งคู่ก็ยังมีพื้นฐานที่ดี แต่ไม่รู้ว่าอัตราเติบโตตอนนั้นใครจะเหนือกว่าใคร
อย่างนี้น้องควรถือหุ้น A ไว้ แล้วค่อยเก็บเงินซื้อหุ้น B ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะต้องวิ่งขึ้นไปอีกหลังประกาศผลประกอบการ หรือว่าควรจะขายหุ้น A ซึ่งน้องก็ได้กำไรมามากจากผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในอดีต แล้วเอามาซื้อหุ้น B เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของกิจการใน Port ให้สูงไว้ตลอดดีคะ
ข้อเสียที่น้องเห็นแน่ๆของ Switching ก็คือคอมมิชชั่นนี่แหละคะ แต่อยากขอความเห็นพี่ว่าจะเป็นการกระทำที่โง่เขลารึเปล่าคะ เพราะทราบมาว่าควรทำ Switching เมื่อศักยภาพของหุ้นเดิมต่ำกว่าหุ้นตัวใหม่อย่างชัดเจน
ขอบพระคุณพี่มากคะ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1595
CHARAN ผมเองก็เคยถืออยู่ 2 ปีครับ
ตอนแรกที่ซื้อเพราะเห็นว่ากะจะเล่น asset play
เอาสินทรัพย์ที่คล่องใกล้เงินสดไปจ่ายหนี้ให้ผมยังมีราคามากกว่า market cap
แล้วบริษัทก็จ่ายปันผลสม่ำเสมอดี เลยไม่ได้ห่วงอะไรถ้าไม่มีการรับรู้ถึง asset ของบริษัทในระยะเวลาอันใกล้
ส่วนเรื่องคุณภาพนี้ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ยังไม่เคยคุยกับผู้บริหารเลย
ถือไว้คงไม่เสียหายครับ แต่คงไม่ได้ capital gain เท่าไหร่
ผมถือ 2 ปีขายไปเท่าๆกับต้นทุน แต่รับปันผลมา 2 รอบครับ
ตอนแรกที่ซื้อเพราะเห็นว่ากะจะเล่น asset play
เอาสินทรัพย์ที่คล่องใกล้เงินสดไปจ่ายหนี้ให้ผมยังมีราคามากกว่า market cap
แล้วบริษัทก็จ่ายปันผลสม่ำเสมอดี เลยไม่ได้ห่วงอะไรถ้าไม่มีการรับรู้ถึง asset ของบริษัทในระยะเวลาอันใกล้
ส่วนเรื่องคุณภาพนี้ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ยังไม่เคยคุยกับผู้บริหารเลย
ถือไว้คงไม่เสียหายครับ แต่คงไม่ได้ capital gain เท่าไหร่
ผมถือ 2 ปีขายไปเท่าๆกับต้นทุน แต่รับปันผลมา 2 รอบครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1596
ตอนนี้งานยุ่งมักมักSriracha เขียน:พี่วิบูลย์คะ
วันนี้ขอเรียนถามพี่เรื่องการ Switching หุ้นหน่อยคะ
ถ้าน้องถือหุ้น A อยู่โดยที่เป็นหุ้นซึ่งมีพื้นฐานดี แต่ประเมินแล้วเห็นว่าอัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าจะเริ่มโตช้าลง (สมมติว่าจาก 20% เป็น 10%) แต่อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดก็ยังไม่สูงเกินมูลค่าจริงของหุ้นนัก
ทีนี้ไปเจอหุ้น B ซึ่งก็เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีทัดเทียมกัน เพียงแต่อัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าเห็นได้ว่ากำลังจะมีอัตราที่สูงขึ้น (สมมติว่าจาก 10% เป็น 20%) เรียกว่าซ้ำรอยกับหุ้น A เมื่อปีก่อน
สมมติ(อีกแล้วคะ)ว่าในอนาคตอย่างน้อย1-2ปีข้างหน้าทั้งคู่ก็ยังมีพื้นฐานที่ดี แต่ไม่รู้ว่าอัตราเติบโตตอนนั้นใครจะเหนือกว่าใคร
อย่างนี้น้องควรถือหุ้น A ไว้ แล้วค่อยเก็บเงินซื้อหุ้น B ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะต้องวิ่งขึ้นไปอีกหลังประกาศผลประกอบการ หรือว่าควรจะขายหุ้น A ซึ่งน้องก็ได้กำไรมามากจากผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในอดีต แล้วเอามาซื้อหุ้น B เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของกิจการใน Port ให้สูงไว้ตลอดดีคะ
ข้อเสียที่น้องเห็นแน่ๆของ Switching ก็คือคอมมิชชั่นนี่แหละคะ แต่อยากขอความเห็นพี่ว่าจะเป็นการกระทำที่โง่เขลารึเปล่าคะ เพราะทราบมาว่าควรทำ Switching เมื่อศักยภาพของหุ้นเดิมต่ำกว่าหุ้นตัวใหม่อย่างชัดเจน
ขอบพระคุณพี่มากคะ
เลยตอบช้าไปหน่อย
การเปลี่ยนหุ้นนี่เรียกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบ
เป็นการตัดสินใจของตัวเราเองแท้ๆ
จะถูกจะผิดก็อยู่ที่ตัวเราเอง
ถ้าผมแนะนำก็คือ
ถ้ารักพี่เสียดายน้องก็ซื้อไว้ทั้งสองตัวก็ได้
ข้อดี ไม่ต้องเสียดายถ้าตัวไหนวิ่งฝุ่นตลบ
ข้อเสีย แบ่งๆกำไรกันไป
ถ้ามีเงินน้อยก็ทยอยขายหุ้นหนึ่งไปซื้ออีกหุ้นหนึ่ง
ข้อดี มีเวลาคิดกลับใจถ้าตัวที่ขายเกิดดี
ข้อเสีย ต้องใจเย็นๆ
ถ้าขายหุ้นหนึ่งทั้งหมดไปซื้ออีกตัวหมดก็ไม่ว่ากัน
ข้อดี โฟกัสเต็มที่
จ้อเสี ตัวที่ขายอาจวิ่งฝุ่นตลบ
ผมคงฟันธงไม่ได้ว่าให้ขายหรือให้ถือ
คงต้องให้น้องไปตัดสินใจเอาเอง
แต่เล่าประสบการณ์ให้ฟังก็ได้ว่า
ผมเคยขายหุ้นตัวหนึ่งไปซื้ออีกตัวหนึ่งที่เรา"คิด"ว่าดีกว่าในอนาคต
ปรากฏว่าพอขายได้ไม่เท่าไหร่ หุ้นตัวทีขายก็"วิ่ง"จนหายลับไปกับตา
ส่วนตัวที่ซื้อมาใหม่ก็ "สาละวันเตี้ยลง"ทุกวันๆ
อย่างนี้จะเรียกว่าอะไร
ของอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้ครับ....ต้องลองเองถึงจะ"ซึ้ง"
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1597
เออ...นั่นซิครับchatchai เขียน: ไม่จริงครับ เพราะราคาหุ้นบางบริษัทลงประเภท ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่นนะซิครับ ไม่เชื่อลองถามผู้ถือหุ้นสถาบันการเงินช่วงวิกฤตดูก็ได้ครับ
ถ้าบริษัทเจ๊งก็ตัวใครตัวมันครับ
เอาใหม่เป็นว่า
หุ้นขึ้นก็ลงได้ (อาจจะลงมากกว่าเดิม)
หุ้นลงก็ขึ้นได้ (อาจจะไม่กลับมาเท่าเดิม)
แต่หุ้นบางประเภท ราคาลงแล้วหายจากตลาดไปเลยก็มี
พอใช้ได้มั๊ยครับพี่Chatchai
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1600
ช่วงนี้บรรยากาศเงียบ ๆ เหงา ๆ จังเลยครับ เลยเข้ามาทักทายพร้อมคำถาม
2-3 วันก่อนนั่งคิดถึง หุ้นตัวหนึ่งที่อยู่ให้พอร์ตของผมเอง ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตเลยทีเดียว
เป็นหุ้นตัวแรกที่ซื้อครับ ตอนนั้นยังไม่รู้จักที่นี่เลย เพราะถ้ารู้จักคงยังไม่ซื้อด้วยเหตุผลเพียงข้างล่างนี้
เพราะว่า
1.อยากซื้อเพราะรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ
2.บริษัทมีฐานะมั่งคงในสายตาของเรา
3.กำไรปีก่อนสูงมาก และน่าจะทำได้ในปีนี้อีก
4.มีปันผล เทียบกับเงินที่ลงก็ประมาณ 3 % ดีกว่าฝากแบงค์
ตอนนี้ราคามันลงมาประมาณ 25 % จากที่ซื้อมา เห็นแล้วเศร้า
เลยมีความสงสัยว่า เราจะตัดใจจากเจ้าหุ้นตัวนี้ไปดีหรือไม่
ที่ยังลังเลอยู่คืออยากรอดูว่าปลายปีนี้ผลประกอบการจะเป็นไปอย่างที่คาดไว้ไหม
ถ้ามันยังเป็นไปตามที่คาด ก็แสดงว่าผมผิดแค่เข้าซื้อผิดจังหวะ ดันไปซื้อตอนแพง
ถ้าไม่ก็แสดงว่าผมประเมินทุกอย่างผิดหมด
เราควรให้เวลากับบริษัทเพื่อพิสูจน์ตัวมันเองซักเท่าไหร่ดีครับ
เพราะเริ่มสงสัยว่ามันจะทำให้เราเสียเวลาไปกับการคิดที่ไม่รอบครอบในครั้งแรก จนทำให้เสียโอกาสที่จะได้ซื้อตัวอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ครับ
อาการติดหุ้นแบบนี้มีคำแนะนำอย่างไรบ้างครับ
2-3 วันก่อนนั่งคิดถึง หุ้นตัวหนึ่งที่อยู่ให้พอร์ตของผมเอง ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตเลยทีเดียว
เป็นหุ้นตัวแรกที่ซื้อครับ ตอนนั้นยังไม่รู้จักที่นี่เลย เพราะถ้ารู้จักคงยังไม่ซื้อด้วยเหตุผลเพียงข้างล่างนี้
เพราะว่า
1.อยากซื้อเพราะรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ
2.บริษัทมีฐานะมั่งคงในสายตาของเรา
3.กำไรปีก่อนสูงมาก และน่าจะทำได้ในปีนี้อีก
4.มีปันผล เทียบกับเงินที่ลงก็ประมาณ 3 % ดีกว่าฝากแบงค์
ตอนนี้ราคามันลงมาประมาณ 25 % จากที่ซื้อมา เห็นแล้วเศร้า
เลยมีความสงสัยว่า เราจะตัดใจจากเจ้าหุ้นตัวนี้ไปดีหรือไม่
ที่ยังลังเลอยู่คืออยากรอดูว่าปลายปีนี้ผลประกอบการจะเป็นไปอย่างที่คาดไว้ไหม
ถ้ามันยังเป็นไปตามที่คาด ก็แสดงว่าผมผิดแค่เข้าซื้อผิดจังหวะ ดันไปซื้อตอนแพง
ถ้าไม่ก็แสดงว่าผมประเมินทุกอย่างผิดหมด
เราควรให้เวลากับบริษัทเพื่อพิสูจน์ตัวมันเองซักเท่าไหร่ดีครับ
เพราะเริ่มสงสัยว่ามันจะทำให้เราเสียเวลาไปกับการคิดที่ไม่รอบครอบในครั้งแรก จนทำให้เสียโอกาสที่จะได้ซื้อตัวอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ครับ
อาการติดหุ้นแบบนี้มีคำแนะนำอย่างไรบ้างครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1601
ผมมีหลักง่ายๆในการพิจารณาว่าจะถือต่อดีหรือเปล่าดังนี้ครับOh+ เขียน:
เราควรให้เวลากับบริษัทเพื่อพิสูจน์ตัวมันเองซักเท่าไหร่ดีครับ
เพราะเริ่มสงสัยว่ามันจะทำให้เราเสียเวลาไปกับการคิดที่ไม่รอบครอบในครั้งแรก จนทำให้เสียโอกาสที่จะได้ซื้อตัวอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ครับ
อาการติดหุ้นแบบนี้มีคำแนะนำอย่างไรบ้างครับ
1) เป็นธุรกิจที่ยังมีอนาคตและผลประกอบการจะดีขึ้นเรื่อยๆ
2) ราคายังไม่สะท้อนผลการดำเนินงานในอนาคต
3) เรามั่นใจในการวิเคาระห์ของเรา
4) ถ้าขายไปแล้ว ราคาหุ้นวิ่งก็ไม่เป็นไร
ถ้าพิจารณาแล้ว บริษัทเป็นบริษัทที่ยังมีอนาคตที่ดี
สักวันราคาหุ้นก็จะกลับมา (ถ้าเราไม่ซื้อที่ราคาสูงเกินไป)
หุ้นบางตัวผมซื้อมา ราคาก็ลดลงเกือบ 50 เปอร์เซนต์ก็มี
สุดท้ายก็กลับมาราคาสูงกว่าเดิมได้
ถ้าดูแล้ว อนาคตย่ำแย่ก็เปลี่ยนตัวดีกว่าครับ
คงเป็นคำแนะนำที่ง่ายที่สุดแล้วละครับ
อ้อ อีกอย่างถือว่าคราวนี้เป็น"บทเรียน"และจดจำไว้ไม่ทำพลาดอีก
เพราะการลงทุนคือ"ขบวนการเรียนรู้"
ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่ไม่เคยพ่ายแพ้
แต่เป็นคนที่กล้าลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ต่างหาก
สู้ต่อไปไอ้มดแดง
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1602
ขอบคุณครับ พี่วิบูลย์
สำหรับผมยังมั่นใจว่าอนาคตของบริษัทนั้นยังดีครับ
ผมกำลังคิดว่าเพราะเรามัวแต่เฝ้าดูราคาเลยทำให้ ใจเราไขว้เขว่หรือเปล่า
ผมลองคิดย้อนไปเมื่อตอนแรก ว่าเราต้องการบริษัทมั่งคง ภาพลักษณ์ดี น่าเป็นเจ้าของ ผลกำไรดี มีปันผลในกับเรา
ถ้าเราไม่มองราคาตลาด ตอนนี้เค้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากที่เรามองครั้งแรก ก็ไม่น่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้เราต้องขายไป
สมัยก่อนที่ยังไม่เคยมารู้จักตลาดหุ้น เคยคุยกับน้องคนหนึ่งที่เล่นหุ้น เค้าบอกว่าเวลาเห็นราคาขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วเครียด ผมก็สงสัยว่าจะเครียดไปทำไม เราก็ซื้อแล้วก็เก็บไว้ซิ ปลายปีก็รับปันผล
พอเจอกับตัวเองถึงรู้ครับ :lol:
นี่ถึงว่า บางอย่างที่ไม่ได้เกิดกับตัวเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ นี่แหล่ะครับชีวิต
สำหรับตอนนี้ผมสนุกกับการเรียนรู้ครับ ยังเฝ้าที่จะเรียนรู้ต่อไปครับ
สู้ต่อไปไอ้มดแดง ....
สำหรับผมยังมั่นใจว่าอนาคตของบริษัทนั้นยังดีครับ
ผมกำลังคิดว่าเพราะเรามัวแต่เฝ้าดูราคาเลยทำให้ ใจเราไขว้เขว่หรือเปล่า
ผมลองคิดย้อนไปเมื่อตอนแรก ว่าเราต้องการบริษัทมั่งคง ภาพลักษณ์ดี น่าเป็นเจ้าของ ผลกำไรดี มีปันผลในกับเรา
ถ้าเราไม่มองราคาตลาด ตอนนี้เค้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากที่เรามองครั้งแรก ก็ไม่น่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้เราต้องขายไป
สมัยก่อนที่ยังไม่เคยมารู้จักตลาดหุ้น เคยคุยกับน้องคนหนึ่งที่เล่นหุ้น เค้าบอกว่าเวลาเห็นราคาขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วเครียด ผมก็สงสัยว่าจะเครียดไปทำไม เราก็ซื้อแล้วก็เก็บไว้ซิ ปลายปีก็รับปันผล
พอเจอกับตัวเองถึงรู้ครับ :lol:
นี่ถึงว่า บางอย่างที่ไม่ได้เกิดกับตัวเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ นี่แหล่ะครับชีวิต
สำหรับตอนนี้ผมสนุกกับการเรียนรู้ครับ ยังเฝ้าที่จะเรียนรู้ต่อไปครับ
สู้ต่อไปไอ้มดแดง ....
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1604
เป็นของพี่สุดหล่อวิบูลย์ครับไม่ใช่เป็นพอร์ตของคุณOH+อ้างอิงจาก:
ถ้าพิจารณาแล้ว บริษัทเป็นบริษัทที่ยังมีอนาคตที่ดี
สักวันราคาหุ้นก็จะกลับมา (ถ้าเราไม่ซื้อที่ราคาสูงเกินไป)
หุ้นบางตัวผมซื้อมา ราคาก็ลดลงเกือบ 50 เปอร์เซนต์ก็มี
สุดท้ายก็กลับมาราคาสูงกว่าเดิมได้
ตอนนั้น ทำยังไง เหรอครับ
ซื้อเพิ่มเหรอครับ ผมตัดสินใจแล้วไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเลย พักหลัง
รู้สึกว่า เป็นคนที่กลัวพลาดยังไงไม่รู้ (อาจเป็น เพราะไม่มีหลักการณ์ที่ใช้เพื่อ ยึดแนวทางตัวเองไว้)
- สงสัยต้องเข้าวัดฝึกวิชา "สงบสยบเคลื่อนไหว"เพิ่มเติมแล้ว ^^" -
ปล.คุณ OH+ บอกผมได้มั๊ยครับว่าตัวอะไรน่ะครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1606
ฮ่า ฮ่า นึกว่าจะไม่มีคนท้วงnaris เขียน: เป็นของพี่สุดหล่อวิบูลย์ครับไม่ใช่เป็นพอร์ตของคุณOH+
แต่ผมไม่หล่อเท่าเฮียมนตรีหรอกครับ
รายนั้นเขาหล่อ ล่ำ dark tall handsome (แต่แถมพุงๆนิดๆ)
ส่วนหุ้นที่ว่านั้นลองเดาดูดีมั๊ยครับ
ขอใบ้นิดนึงว่าเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆทองๆ
แต่เจ้ากรรมดันโดนข่าวร้ายท่วมเมื่อสักสองสามปีที่แล้ว
โดยฝีมือวังบางขุนพรม
ทำให้ราคาร่วงเอาๆ
แต่สุดท้ายก็ทำผลประกอบการได้ดีเหมือนเดิม
ราคาก็กลับมายืนเกือบเท่าเดิม
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1608
แฮ่ะ ๆ ๆ ช่วงนี้พี่เทพมาแรงจริง ๆ เห็นแล้วอิจฉาคนที่ถึอไว้จัง :P
ผมยังมีปัญหาคาใจ แบบเด็ก ๆ อยู่อ่ะครับ คือผมเห็นแต่พี่ ๆ ที่เข้ามาในตลาดกันตั้งแต่หลาบสิบปีก่อน จาก set 200-300 จนตอนนี้ 600 กว่า ๆ
คิดในใจว่าใครซื้อพวกหุ้นพวก blue chip ตั้งแต่ตอนนั้นป่านี้รวยไปแล้ว
สำหรับแนวทางแบบ VI จำเป็นต้องรอให้ตลาดตกลงไปหนัก ๆ ถึงจะมีโอกาสเก็บอย่างเดียวเลยเหรอครับ
แล้วไอ้ช่วงเวลาแบบนี้ นอกจากอดทนรอโอกาสและหาความรู้แล้ว มีอะไรแนะนำสำหรับเด็กอย่างผมบ้างไหมครับ
อ้อ อีกเรื่องหนึ่งครับ
holding company คือบริษัทที่ไปถึงหุ้นบริษัทอื่น ๆ จำนวนมากใช่ไหมครับ
และเราจะคิดมูลค่าของบริษัทพวกนี้ยังงัยครับ
ผมยังมีปัญหาคาใจ แบบเด็ก ๆ อยู่อ่ะครับ คือผมเห็นแต่พี่ ๆ ที่เข้ามาในตลาดกันตั้งแต่หลาบสิบปีก่อน จาก set 200-300 จนตอนนี้ 600 กว่า ๆ
คิดในใจว่าใครซื้อพวกหุ้นพวก blue chip ตั้งแต่ตอนนั้นป่านี้รวยไปแล้ว
สำหรับแนวทางแบบ VI จำเป็นต้องรอให้ตลาดตกลงไปหนัก ๆ ถึงจะมีโอกาสเก็บอย่างเดียวเลยเหรอครับ
แล้วไอ้ช่วงเวลาแบบนี้ นอกจากอดทนรอโอกาสและหาความรู้แล้ว มีอะไรแนะนำสำหรับเด็กอย่างผมบ้างไหมครับ
อ้อ อีกเรื่องหนึ่งครับ
holding company คือบริษัทที่ไปถึงหุ้นบริษัทอื่น ๆ จำนวนมากใช่ไหมครับ
และเราจะคิดมูลค่าของบริษัทพวกนี้ยังงัยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1610
ช่วยน้องวิบูลย์ตอบนะครับOh+ เขียน:ผมยังมีปัญหาคาใจ แบบเด็ก ๆ อยู่อ่ะครับ คือผมเห็นแต่พี่ ๆ ที่เข้ามาในตลาดกันตั้งแต่หลาบสิบปีก่อน จาก set 200-300 จนตอนนี้ 600 กว่า ๆ
คิดในใจว่าใครซื้อพวกหุ้นพวก blue chip ตั้งแต่ตอนนั้นป่านี้รวยไปแล้ว
สำหรับแนวทางแบบ VI จำเป็นต้องรอให้ตลาดตกลงไปหนัก ๆ ถึงจะมีโอกาสเก็บอย่างเดียวเลยเหรอครับ
แล้วไอ้ช่วงเวลาแบบนี้ นอกจากอดทนรอโอกาสและหาความรู้แล้ว มีอะไรแนะนำสำหรับเด็กอย่างผมบ้างไหมครับ
ตอนดัชนีขึ้นใหม่ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะขึ้นทุกบริษัทนะครับ
อย่างผมที่ซื้อ WG ก็ซื้อหลังจากดัชนีขึ้นมามากพอสมควรแล้วนะครับ (แต่จำไม่ได้ว่าดัชนีอยู่ที่เท่าไร เพราะไม่เคยสนใจดัชนีเลย)
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1611
อัฐยายซื้อขนมยายครับ แฮ่ะ ๆ ไปคัดลอกมาจาก value way มาให้เพื่อน ๆ อ่านครับ เผื่อยังไม่ได้อ่านกัน
วิธีรวมส่วนของกิจการ (Sum of the Part) นั้นทำได้ไม่ยาก เป็นวิธีที่ไม่สลับซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแต่ธุรกิจที่จะนำมาหามูลค่าด้วยวิธีนี้ ควรมีบริษัทย่อยที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย จะช่วยให้การหามูลค่าทำได้ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น
วิธีการก็คือ ศึกษาจากรายงายประจำปีว่า บริษัทที่เราสนใจนั้นถือหุ้นบริษัทอะไรอยู่บ้าง จากนั้นทำการคำนวณหามูลค่าของกิจการบริษัทแม่ จากมูลค่ากิจการตามราคาตลาดของบริษัทย่อยแต่ละบริษัทตามสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ นำผลที่ได้มารวมกันจะได้ราคาตลาดที่เหมาะสมของบริษัทแม่
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SHIN) เป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมปานี ถือหุ้นบริษัทต่างๆ ดังต่อไปนี้
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) - 43 %
บริษัท ชิน แซทเทลไลท์ (SATTEL) - 51 %
บริษัท ไอทีวี (ITV) - 55 %
บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) - 40%
และบริษัทอื่นๆ นอกตลาดหลักทรัพย์
หาราคาปิดและจำนวนของหุ้นของบริษัทย่อยในตลาดหลักทรัพย์ได้ดังนี้
ADVANC - 97.5 บาท จำนวนหุ้น 2,947 ล้านหุ้น
SATTEL - 15.8 บาท จำนวนหุ้น 877 ล้านหุ้น
ITV - 12.4 บาท จำนวนหุ้น 1,204 ล้านหุ้น
CSL - 6.15 บาท จำนวนหุ้น 625 ล้านหุ้น
จากข้อมูลที่ได้สามารถคำนวณมูลค่าตลาดของบริษัทชินได้ดังนี้
ADVANC - 97.5 X 2,947 X 43% = 123,553 ล้านบาท
SATTEL - 15.8 X 877 X 51% = 7,067 ล้านบาท
ITV - 12.4 X 1,204 X 55% = 8,211 ล้านบาท
CSL - 6.15 X 625 x 40% = 1,538 ล้านบาท
รวมมูลค่าตลาดของบริษัทย่อยเท่ากับ 140,368 ล้านบาท
บริษัทชินมีจำนวนหุ้นทั้งหมดเท่ากับ 2,995 ล้านหุ้น และวอร์แรนท์อีก 200 ล้านหุ้น รวมเป็น 3,195 ล้านหุ้น
ดังนั้นมูลค่าตลาดของบริษัทย่อยของชินที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เท่ากับ 140,368/3,195 = 44 บาทต่อหุ้น
ผมเห็นด้วยครับว่าวิธีนี้ทำให้เราเห็นมูลค่าของบริษัทคร่าว ๆ ได้ แต่คงไม่ใช่ภาพจริง ๆ เหมือนที่ พี่มนตรีว่าแหล่ะครับ
ต้องมาดูหุ้นที่บริษัทถือแต่ละตัวให้เข้าใจแล้วประเมินด้วยมูลค่าออกมาเอง นำมารวมกันเหมือนกับตัวอย่างข้างบน ถึงจะเป็นมูลค่าจริง ถูกต้องไหมครับ
วิธีรวมส่วนของกิจการ (Sum of the Part) นั้นทำได้ไม่ยาก เป็นวิธีที่ไม่สลับซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแต่ธุรกิจที่จะนำมาหามูลค่าด้วยวิธีนี้ ควรมีบริษัทย่อยที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย จะช่วยให้การหามูลค่าทำได้ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น
วิธีการก็คือ ศึกษาจากรายงายประจำปีว่า บริษัทที่เราสนใจนั้นถือหุ้นบริษัทอะไรอยู่บ้าง จากนั้นทำการคำนวณหามูลค่าของกิจการบริษัทแม่ จากมูลค่ากิจการตามราคาตลาดของบริษัทย่อยแต่ละบริษัทตามสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ นำผลที่ได้มารวมกันจะได้ราคาตลาดที่เหมาะสมของบริษัทแม่
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SHIN) เป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมปานี ถือหุ้นบริษัทต่างๆ ดังต่อไปนี้
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) - 43 %
บริษัท ชิน แซทเทลไลท์ (SATTEL) - 51 %
บริษัท ไอทีวี (ITV) - 55 %
บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) - 40%
และบริษัทอื่นๆ นอกตลาดหลักทรัพย์
หาราคาปิดและจำนวนของหุ้นของบริษัทย่อยในตลาดหลักทรัพย์ได้ดังนี้
ADVANC - 97.5 บาท จำนวนหุ้น 2,947 ล้านหุ้น
SATTEL - 15.8 บาท จำนวนหุ้น 877 ล้านหุ้น
ITV - 12.4 บาท จำนวนหุ้น 1,204 ล้านหุ้น
CSL - 6.15 บาท จำนวนหุ้น 625 ล้านหุ้น
จากข้อมูลที่ได้สามารถคำนวณมูลค่าตลาดของบริษัทชินได้ดังนี้
ADVANC - 97.5 X 2,947 X 43% = 123,553 ล้านบาท
SATTEL - 15.8 X 877 X 51% = 7,067 ล้านบาท
ITV - 12.4 X 1,204 X 55% = 8,211 ล้านบาท
CSL - 6.15 X 625 x 40% = 1,538 ล้านบาท
รวมมูลค่าตลาดของบริษัทย่อยเท่ากับ 140,368 ล้านบาท
บริษัทชินมีจำนวนหุ้นทั้งหมดเท่ากับ 2,995 ล้านหุ้น และวอร์แรนท์อีก 200 ล้านหุ้น รวมเป็น 3,195 ล้านหุ้น
ดังนั้นมูลค่าตลาดของบริษัทย่อยของชินที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เท่ากับ 140,368/3,195 = 44 บาทต่อหุ้น
ผมเห็นด้วยครับว่าวิธีนี้ทำให้เราเห็นมูลค่าของบริษัทคร่าว ๆ ได้ แต่คงไม่ใช่ภาพจริง ๆ เหมือนที่ พี่มนตรีว่าแหล่ะครับ
ต้องมาดูหุ้นที่บริษัทถือแต่ละตัวให้เข้าใจแล้วประเมินด้วยมูลค่าออกมาเอง นำมารวมกันเหมือนกับตัวอย่างข้างบน ถึงจะเป็นมูลค่าจริง ถูกต้องไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1612
อ่านมาหลายหน้าแบบข้ามไปข้ามมา
สรุปได้ว่า สำคัญมากๆก็คือข้อมูลที่มากพอ และ ถูกต้อง
รองลงมาน่าจะเป็น การให้ความเคารพการตัดสินใจตัวเอง ในการซื้อหรือขายหรือถือ
แล้วยังต้องมีวินัย กับ แบบแผน อีก เฮ้อๆๆ
เครียดจังไม่ค่อยมีซักอย่าง :? :(
ลองอ่านๆดูของพวกพี่ๆมาพอจะรู้ว่า พีวิบูลนี่ใจ นิ่งจริงๆ
ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมา 10 กว่าเล่ม แต่พอ...
อ่านของพี่แล้ว สั้นกว่า การนำมาใช้ถูกตีความแล้วยังมีพี่ลองใช้ให้ดูแล้ว
นับถือพี่ทุกคน ครับที่เอาความรู้ ประสพการณ์มาแบ่งปัน
โดน เฉพาะพี่ วิบูลย์กับ พี่ ครรชิต (ผมอ่านของพี่ 2 คนนี้เยอะเลย อีกอย่างยังขอข้อมูลที่ พี่ครรชิตมาโพสบนกระทู้บน 2-3 รอบแล้ว (เอาไปลองแก้สูตรExcelเอง.....ล่มหมด -"-))
สงสัยคงต้องอ่านหนังสือธรรมมะเพิ่มขึ้นกว่าหนังสือลงทุนแล้วมั๊ง
สรุปได้ว่า สำคัญมากๆก็คือข้อมูลที่มากพอ และ ถูกต้อง
รองลงมาน่าจะเป็น การให้ความเคารพการตัดสินใจตัวเอง ในการซื้อหรือขายหรือถือ
แล้วยังต้องมีวินัย กับ แบบแผน อีก เฮ้อๆๆ
เครียดจังไม่ค่อยมีซักอย่าง :? :(
ลองอ่านๆดูของพวกพี่ๆมาพอจะรู้ว่า พีวิบูลนี่ใจ นิ่งจริงๆ
ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมา 10 กว่าเล่ม แต่พอ...
อ่านของพี่แล้ว สั้นกว่า การนำมาใช้ถูกตีความแล้วยังมีพี่ลองใช้ให้ดูแล้ว
นับถือพี่ทุกคน ครับที่เอาความรู้ ประสพการณ์มาแบ่งปัน
โดน เฉพาะพี่ วิบูลย์กับ พี่ ครรชิต (ผมอ่านของพี่ 2 คนนี้เยอะเลย อีกอย่างยังขอข้อมูลที่ พี่ครรชิตมาโพสบนกระทู้บน 2-3 รอบแล้ว (เอาไปลองแก้สูตรExcelเอง.....ล่มหมด -"-))
สงสัยคงต้องอ่านหนังสือธรรมมะเพิ่มขึ้นกว่าหนังสือลงทุนแล้วมั๊ง
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1615
เฮ้อทำเป็นปลง ....ได้ลูกชายคนแรกเห็นเดินขึ้นเดินลงห้องเด็กกับห้องพักฟื้นเมีย
งานนี้ล่ะเพื่อนเอ๋ย....ไม่ได้หลับได้นอนกันล่ะ
ตอนนี้เสี่ยวิบูลย์ คนพุงน้อยเพราะซ้อมเอาไว้เลี้ยงลูกไม่ว่างต้องไปเลี้ยงลูกอีกหลายวัน ผมจะมาตอบแทนเอง ใครสงสัยอะไรถามมาเลย :lovl:
งานนี้ล่ะเพื่อนเอ๋ย....ไม่ได้หลับได้นอนกันล่ะ
ตอนนี้เสี่ยวิบูลย์ คนพุงน้อยเพราะซ้อมเอาไว้เลี้ยงลูกไม่ว่างต้องไปเลี้ยงลูกอีกหลายวัน ผมจะมาตอบแทนเอง ใครสงสัยอะไรถามมาเลย :lovl:
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1616
หุ้นตัวไหนผ่านตะแกรงร่อนผมไม่รู้
รู้แต่ ลูกตัวน้อยๆ ของคุณบูลย์เนี่ย ผ่าน "ตะแกรงร่อน" มาหลายชั้น และต่อสู้กับคู่แข่งเยอะมาก กว่าจะมาเป็น Viboon Jr.
เพื่อนๆ ก็เหมือนกันครับ แต่ละคน เป็นที่หนึ่ง ชนะคู่แข่งมากมายมาแล้ว อย่ายอมแพ้กับชีวิตนะครับ
รู้แต่ ลูกตัวน้อยๆ ของคุณบูลย์เนี่ย ผ่าน "ตะแกรงร่อน" มาหลายชั้น และต่อสู้กับคู่แข่งเยอะมาก กว่าจะมาเป็น Viboon Jr.
เพื่อนๆ ก็เหมือนกันครับ แต่ละคน เป็นที่หนึ่ง ชนะคู่แข่งมากมายมาแล้ว อย่ายอมแพ้กับชีวิตนะครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1617
ประกาศ!
ตอนแรกผ่านๆไปไม่ได้เปิดดูเลย ผมว่าชื่อ มันไม่น่าดึงดูด
ชื่อคล้ายๆแบบนี้มีเยอะน่ะครับพี่
ผมว่าพี่ต้องเอาชื่อโดนๆ รับรอง ขาย ดีกว่านี้ แน่นอน
แบบว่า "อ่านก่อน(หมดตูด)เถอะญาติโยม หรือ "อ่านก่อนรวยกว่า(เล่มข้างๆ)!!"
:lovl: :lovl: :lovl:
แซวเล่นน่ะพี่ เดี๋ยวเล่ม 2 ออกจะอุดหนุนอีกเล่มนะพี่
ปล. อย่าเอาไปตั้งชื่อเล่ม2จริงๆนะพี่
อุดหนุนเล่มหนึ่ง 1 เล่มครับ พี่วิบูลย์ พึงประเสริฐ ช่ายมะคับลองไปดูในคอลัมน์ Value Way ใน Bizweek ฉบับเก่าๆได้ครับ
หรือไม่ก็รออ่าน "อ่านก่อน รวยถาวรกว่า เล่ม2" เร็วๆนี้
ตอนแรกผ่านๆไปไม่ได้เปิดดูเลย ผมว่าชื่อ มันไม่น่าดึงดูด
ชื่อคล้ายๆแบบนี้มีเยอะน่ะครับพี่
ผมว่าพี่ต้องเอาชื่อโดนๆ รับรอง ขาย ดีกว่านี้ แน่นอน
แบบว่า "อ่านก่อน(หมดตูด)เถอะญาติโยม หรือ "อ่านก่อนรวยกว่า(เล่มข้างๆ)!!"
:lovl: :lovl: :lovl:
แซวเล่นน่ะพี่ เดี๋ยวเล่ม 2 ออกจะอุดหนุนอีกเล่มนะพี่
ปล. อย่าเอาไปตั้งชื่อเล่ม2จริงๆนะพี่
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1618
[quote="Mon money"]เฮ้อทำเป็นปลง ....ได้ลูกชายคนแรกเห็นเดินขึ้นเดินลงห้องเด็กกับห้องพักฟื้นเมีย
งานนี้ล่ะเพื่อนเอ๋ย....ไม่ได้หลับได้นอนกันล่ะ
ตอนนี้เสี่ยวิบูลย์ คนพุงน้อยเพราะซ้อมเอาไว้เลี้ยงลูกไม่ว่างต้องไปเลี้ยงลูกอีกหลายวัน ผมจะมาตอบแทนเอง ใครสงสัยอะไรถามมาเลย
งานนี้ล่ะเพื่อนเอ๋ย....ไม่ได้หลับได้นอนกันล่ะ
ตอนนี้เสี่ยวิบูลย์ คนพุงน้อยเพราะซ้อมเอาไว้เลี้ยงลูกไม่ว่างต้องไปเลี้ยงลูกอีกหลายวัน ผมจะมาตอบแทนเอง ใครสงสัยอะไรถามมาเลย
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1619
เมื่อวานถามไปแล้วก็งง ๆ กับคำถามตัวเอง วันนี้มาอธิบายเพิ่มหน่อยครับ
คือที่ผมไม่เข้าใจคือเรื่องของการวัดผล เพราะถ้าเราซื้อหุ้นโดยไม่ขายเลย ส่วนที่เราได้คือปันผล เท่านั้น ราคามันขึ้นลงตลอด เราจะประเมินผลตอบแทนอย่างไร
สมมุติ เริ่มซื้อที่ 100 บาท พอสิ้นปีได้ปันผล 10 บาท ราคาขึ้นไปที่ 130 บาท
มาคิดเป็นผลตอบแทนของปี ไม่รวมราคาก็ได้ 10 % ถ้ารวมราคาก็ได้ 40%
แต่ถ้าปีต่อไปไม่ปันผล ราคาเหลือ 70 บาท ถ้าไม่รวมราคา ปีนี้เราก็ไม่ได้อะไร ถ้ารวมราคาก็แปลว่าเราขาดทุน 30 %
ผมอยากรู้ว่าเราจะเอาอะไรมาเป็นตัววัดว่าเรามาถูกทางแล้วครับ
ผมอยากเอาประเมินตัวเองครับ
คือที่ผมไม่เข้าใจคือเรื่องของการวัดผล เพราะถ้าเราซื้อหุ้นโดยไม่ขายเลย ส่วนที่เราได้คือปันผล เท่านั้น ราคามันขึ้นลงตลอด เราจะประเมินผลตอบแทนอย่างไร
สมมุติ เริ่มซื้อที่ 100 บาท พอสิ้นปีได้ปันผล 10 บาท ราคาขึ้นไปที่ 130 บาท
มาคิดเป็นผลตอบแทนของปี ไม่รวมราคาก็ได้ 10 % ถ้ารวมราคาก็ได้ 40%
แต่ถ้าปีต่อไปไม่ปันผล ราคาเหลือ 70 บาท ถ้าไม่รวมราคา ปีนี้เราก็ไม่ได้อะไร ถ้ารวมราคาก็แปลว่าเราขาดทุน 30 %
ผมอยากรู้ว่าเราจะเอาอะไรมาเป็นตัววัดว่าเรามาถูกทางแล้วครับ
ผมอยากเอาประเมินตัวเองครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1620
พอดีอาจจะเป็นโชคดี หรืออะไรไม่ทราบMon money เขียน:เฮ้อทำเป็นปลง ....ได้ลูกชายคนแรกเห็นเดินขึ้นเดินลงห้องเด็กกับห้องพักฟื้นเมีย
งานนี้ล่ะเพื่อนเอ๋ย....ไม่ได้หลับได้นอนกันล่ะ
:lovl:
แม่ยายมาช่วยเลี้ยงถึงที่บ้าน
ผลัดกับภรรยาสองคนดูแล 24 ชั่วโมง
ผมเลยถูกอัปเปหิไปนอนแต่หัวค่ำ
จะได้มีแรงไปทำงานหา"เงิน"มาเลี้ยงลูก
เลยไม่ได้ตื่นดึกๆมาชงนมเลย...เศร้า (อิ อิ)
งานนี้เพื่อนเลยไมได้เฮ
ขอบคุณครับ เล่ม2จะตั้งชื่อให้มันจ้าบหน่อยOnokung เขียน: แซวเล่นน่ะพี่ เดี๋ยวเล่ม 2 ออกจะอุดหนุนอีกเล่มนะพี่:
Oh+ เขียน: ผมขอฝากคำถามหน่อยครับ คือสองวันก่อนเห็น บทความในกรุงเทพธุรกิจ ถ้าจำไม่ผิดน่ะครับ ที่ไปสัมภาษณ์ พี่วิบูลย์
คือผมยังไม่เข้าใจ
แก้ไขล่าสุดโดย VIB007 เมื่อ จันทร์ ส.ค. 22, 2005 10:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.