นิทานธรรมะดีๆ จากประเทศพม่าที่เอามาประยุกต์กับการลงทุนได้ดีค
-
- Verified User
- โพสต์: 170
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานธรรมะดีๆ จากประเทศพม่าที่เอามาประยุกต์กับการลงทุนได้ดีค
โพสต์ที่ 1
เรื่องปลาสามตัว
ชายคนหนึ่งได้พายเรือไปในลำคลองเพื่อที่จะตกปลามาเป็นอาหาร เค้าสามารถตกปลาได้สามตัว เวลาที่เค้าตกปลาได้ เค้าก็จะเอาปลาไปไว้ในท้องเรือซึ่งมีน้ำขังอยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้ปลาไม่ตาย
ปลาตัวแรกมีชื่อว่า เฉย ปลาตัวนี้ไม่ทำอะไรเลยเพราะปลาตัวนี้คิดว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ปลาตัวนี้ก็นอนนิ่งงงง
ปลาตัวที่สองมีชื่อว่า มานะ ปลาตัวนี้แตกต่างจากตัวแรกอย่างสิ้นเชิง ปลาตัวนี้จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะรอดพ้นจากการถูกกิน ปลาตัวนี้จะพยายามกระโดดเพื่อที่จะได้ออกจากเรือลำนี้ กระโดดแล้วกระโดดเล่า ชายคนที่ตกปลาเห็นปลาตัวนี้ก็คิดในใจว่า ปลาตัวนี้ช่างมีความพยายามสูงจริงๆ ถ้ากระโดดไปเรื่อยๆ คงจะกระโดดออกจากเรือเพื่อกลับลงไปในคลองได้แน่ๆ ดังนั้นแล้ว ชายคนนี้จึงเอาไม้พายฟาดหัวปลาตัวนี้เลย ปลามานะก็ตายก่อนเพื่อน
ปลาตัวที่สามมีชื่อว่า ปัญญา ปลาตัวนี้ก็ทำตัวนิ่งๆ เหมือนกับปลาตัวแรก ไม่ทำอะไร รอ รอ รอ แต่พอจังหวะที่คนตกปลาถึงบ้าน เวลาที่เค้าลุกขึ้นเพื่อที่จะเอาเรือไปผูกไว้กับเสา เรือจะเกิดการโคลงเคลงขึ้น เมื่อเรือเอนไปเอนมาในจังหวะที่ดี ปลาตัวนี้ก็กระโดดสุดชีวิต ทำให้สามารถกระโดดพ้นออกมาจากตัวเรือได้ภายในครั้งเดียว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สิ่งแรกที่เราจะต้องใช้คือปัญญาและสติ เมื่อเราใช้ปัญญาและสติอย่างเต็มที่แล้ว เราจะรู้ว่าเมื่อไรที่เราควรจะนิ่ง และเมื่อไรที่เราควรจะใช้ความพยายามและความขยันอย่างสุดกำลัง
สำหรับนักลงทุนแล้ว ปัญญาและสติ ยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ
ถ้าขยันแต่ไม่ใช่ปัญญาและสติ ผลลัพธ์อาจจะออกมาแย่ซะยิ่งกว่าคนขี้เกียจที่ไม่ทำอะไรเลยก็ได้
ชายคนหนึ่งได้พายเรือไปในลำคลองเพื่อที่จะตกปลามาเป็นอาหาร เค้าสามารถตกปลาได้สามตัว เวลาที่เค้าตกปลาได้ เค้าก็จะเอาปลาไปไว้ในท้องเรือซึ่งมีน้ำขังอยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้ปลาไม่ตาย
ปลาตัวแรกมีชื่อว่า เฉย ปลาตัวนี้ไม่ทำอะไรเลยเพราะปลาตัวนี้คิดว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ปลาตัวนี้ก็นอนนิ่งงงง
ปลาตัวที่สองมีชื่อว่า มานะ ปลาตัวนี้แตกต่างจากตัวแรกอย่างสิ้นเชิง ปลาตัวนี้จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะรอดพ้นจากการถูกกิน ปลาตัวนี้จะพยายามกระโดดเพื่อที่จะได้ออกจากเรือลำนี้ กระโดดแล้วกระโดดเล่า ชายคนที่ตกปลาเห็นปลาตัวนี้ก็คิดในใจว่า ปลาตัวนี้ช่างมีความพยายามสูงจริงๆ ถ้ากระโดดไปเรื่อยๆ คงจะกระโดดออกจากเรือเพื่อกลับลงไปในคลองได้แน่ๆ ดังนั้นแล้ว ชายคนนี้จึงเอาไม้พายฟาดหัวปลาตัวนี้เลย ปลามานะก็ตายก่อนเพื่อน
ปลาตัวที่สามมีชื่อว่า ปัญญา ปลาตัวนี้ก็ทำตัวนิ่งๆ เหมือนกับปลาตัวแรก ไม่ทำอะไร รอ รอ รอ แต่พอจังหวะที่คนตกปลาถึงบ้าน เวลาที่เค้าลุกขึ้นเพื่อที่จะเอาเรือไปผูกไว้กับเสา เรือจะเกิดการโคลงเคลงขึ้น เมื่อเรือเอนไปเอนมาในจังหวะที่ดี ปลาตัวนี้ก็กระโดดสุดชีวิต ทำให้สามารถกระโดดพ้นออกมาจากตัวเรือได้ภายในครั้งเดียว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สิ่งแรกที่เราจะต้องใช้คือปัญญาและสติ เมื่อเราใช้ปัญญาและสติอย่างเต็มที่แล้ว เราจะรู้ว่าเมื่อไรที่เราควรจะนิ่ง และเมื่อไรที่เราควรจะใช้ความพยายามและความขยันอย่างสุดกำลัง
สำหรับนักลงทุนแล้ว ปัญญาและสติ ยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ
ถ้าขยันแต่ไม่ใช่ปัญญาและสติ ผลลัพธ์อาจจะออกมาแย่ซะยิ่งกว่าคนขี้เกียจที่ไม่ทำอะไรเลยก็ได้
Snowball is rolling down, discipline will accelerate it....
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: นิทานธรรมะดีๆ จากประเทศพม่าที่เอามาประยุกต์กับการลงทุนได
โพสต์ที่ 6
ส่วนตัวผมคิดว่านิทานเรื่องนี้
สรุปง่ายเกินไป
เพราะ ปัญญา จู่ๆ มันจะเกิดเองไม่ได้
ปัญญาต้องมากับข้อเท็จจริงครับ
มาเป็นแรงขับ
ส่วนข้อเท็จจริงเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ก็เมื่อไม้พายฟาดลงไปที่กะบานของนายมานะน่ะแหละ
ความจริงคือ ปลามันจะรู้มั๊ยล่ะครับ
ว่ามันจะถูกจับไปเป็นอาหาร
แต่ในนิทานน่ะ จั่วหัวไว้แต่แรกแล้ว
คนอ่านไม่ต้องคิด้กันเลย
ปัญญาจะเกิดได้ไงล่ะครับ
เพราะไม่มีปลาตัวไหนรู้หรอกครับ
นอกจากปลาจะมีตาทิพย์
ถึงรู้ว่ามันกำลังจะไปตาย
ยกตัวอย่าง พ่อผมชอบตกปลามากครับ แต่ตกได้แล้วก็ปล่อย
ไม่ได้เอาปลากลับบ้านไปกิน
แต่ถ้าอยากจะกิน ก็จะไปซื้อปลาที่ตลาด
ในเรื่องนี้ ผมว่าปัญญามันแค่ปลายเหตุด้วยซ้ำ
สิ่งที่เราควรยกย่อง
คือปลาที่ชื่อมานะ
ถ้าไม่มีมานะ ปัญญาก็ไม่ได้เกิด
ลองนึกดูนะครับ ถ้าเราไม่มีนักลงทุน
อย่างเบนจามินเกรแฮม วอร์เรนบัฟเฟต
หรือ อ.นิเวศน์ ปัญญาจะเกิดได้มั๊ยล่ะครับ
ปล.
ทุกวันนี้ก็มีแค่คนคิดเอาตัวรอดกันทั้งนั้นแหละ
แต่จะมีสักกี่คนที่เลือกเป็นปลา ชื่อ มานะ
สรุปง่ายเกินไป
เพราะ ปัญญา จู่ๆ มันจะเกิดเองไม่ได้
ปัญญาต้องมากับข้อเท็จจริงครับ
มาเป็นแรงขับ
ส่วนข้อเท็จจริงเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ก็เมื่อไม้พายฟาดลงไปที่กะบานของนายมานะน่ะแหละ
ความจริงคือ ปลามันจะรู้มั๊ยล่ะครับ
ว่ามันจะถูกจับไปเป็นอาหาร
แต่ในนิทานน่ะ จั่วหัวไว้แต่แรกแล้ว
คนอ่านไม่ต้องคิด้กันเลย
ปัญญาจะเกิดได้ไงล่ะครับ
เพราะไม่มีปลาตัวไหนรู้หรอกครับ
นอกจากปลาจะมีตาทิพย์
ถึงรู้ว่ามันกำลังจะไปตาย
ยกตัวอย่าง พ่อผมชอบตกปลามากครับ แต่ตกได้แล้วก็ปล่อย
ไม่ได้เอาปลากลับบ้านไปกิน
แต่ถ้าอยากจะกิน ก็จะไปซื้อปลาที่ตลาด
ในเรื่องนี้ ผมว่าปัญญามันแค่ปลายเหตุด้วยซ้ำ
สิ่งที่เราควรยกย่อง
คือปลาที่ชื่อมานะ
ถ้าไม่มีมานะ ปัญญาก็ไม่ได้เกิด
ลองนึกดูนะครับ ถ้าเราไม่มีนักลงทุน
อย่างเบนจามินเกรแฮม วอร์เรนบัฟเฟต
หรือ อ.นิเวศน์ ปัญญาจะเกิดได้มั๊ยล่ะครับ
ปล.
ทุกวันนี้ก็มีแค่คนคิดเอาตัวรอดกันทั้งนั้นแหละ
แต่จะมีสักกี่คนที่เลือกเป็นปลา ชื่อ มานะ
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: นิทานธรรมะดีๆ จากประเทศพม่าที่เอามาประยุกต์กับการลงทุนได
โพสต์ที่ 9
มานะและปัญญา น่าจะเป็นของคู่กันครับ
หากจะให้ครบสูตร ก็ต้อง
อินทรีย์ 5
ประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และ ปัญญา
อินทรีย์ คือ ความเป็นใหญ่ พละ คือ ความไม่หวั่นไหว
ศรัทธา คือ สัทธินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในสภาพธัมมะของตนคือ น้อมใจเชื่อ
วิริยะ คือ วิริยินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในการประคองไว้
สติ คือ สตินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ในการระลึก
สมาธิ คือ สมาธินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในการไม่ฟุ้งซ่าน
ปัญญา คือ ปัญญินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ในการเห็นตามความเป็นจริง
อินทรีย์ 5 อุปมาดัง รถเทียมม้า 4 ตัว โดย...
• นักขี่รถม้า คือ สติ
• ม้า 4 ตัว คือ ศรัทธา วิริยะ สมาธิ ปัญญา
• ศรัทธาต้องมีปัญญา คอยกำกับ
-> ถ้ามีศรัทธามากไป อาจหลงงมงายง่าย
-> ถ้ามีปัญญามาก ศรัทธาน้อย อาจเย่อหยิ่ง ยะโส หลงตนเอง
• วิริยะต้องมีสมาธิ คอยกำกับ
-> ถ้ามีวิริยะมากไป ขยันมาก อาจงุ่นง่าน ไม่ยอมหลับนอน
-> ถ้ามีสมาธิมากไป อาจหลงติดในความสงบมากไป อาจซึมๆ
• สติ เป็นนักขี่รถม้า เป็น CEO คอยกำหนดให้ม้า 4 ตัววิ่งเสมอกัน
ปล.
1. โพสยาวหน่อย เป็น ข้อคิดที่ได้จากการไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานครับ
2. สำหรับการลงทุน ผมว่า "เฉย" ก็สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ "Wait for perfect pitch"
หากจะให้ครบสูตร ก็ต้อง
อินทรีย์ 5
ประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และ ปัญญา
อินทรีย์ คือ ความเป็นใหญ่ พละ คือ ความไม่หวั่นไหว
ศรัทธา คือ สัทธินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในสภาพธัมมะของตนคือ น้อมใจเชื่อ
วิริยะ คือ วิริยินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในการประคองไว้
สติ คือ สตินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ในการระลึก
สมาธิ คือ สมาธินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในการไม่ฟุ้งซ่าน
ปัญญา คือ ปัญญินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ในการเห็นตามความเป็นจริง
อินทรีย์ 5 อุปมาดัง รถเทียมม้า 4 ตัว โดย...
• นักขี่รถม้า คือ สติ
• ม้า 4 ตัว คือ ศรัทธา วิริยะ สมาธิ ปัญญา
• ศรัทธาต้องมีปัญญา คอยกำกับ
-> ถ้ามีศรัทธามากไป อาจหลงงมงายง่าย
-> ถ้ามีปัญญามาก ศรัทธาน้อย อาจเย่อหยิ่ง ยะโส หลงตนเอง
• วิริยะต้องมีสมาธิ คอยกำกับ
-> ถ้ามีวิริยะมากไป ขยันมาก อาจงุ่นง่าน ไม่ยอมหลับนอน
-> ถ้ามีสมาธิมากไป อาจหลงติดในความสงบมากไป อาจซึมๆ
• สติ เป็นนักขี่รถม้า เป็น CEO คอยกำหนดให้ม้า 4 ตัววิ่งเสมอกัน
ปล.
1. โพสยาวหน่อย เป็น ข้อคิดที่ได้จากการไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานครับ
2. สำหรับการลงทุน ผมว่า "เฉย" ก็สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ "Wait for perfect pitch"
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 170
- ผู้ติดตาม: 0
Re: นิทานธรรมะดีๆ จากประเทศพม่าที่เอามาประยุกต์กับการลงทุนได
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามา comment นะครับ ประเด็นที่ผมเอาเรื่องนี้มาเขียนให้ทุกคนอ่าน เพราะว่าผมต้องการจะเน้นที่เรื่องของ "action" นะครับ หรือก็คือการซื้อขายหุ้น
ปลาตัวแรกที่ชื่อว่า เฉย ผมต้องการจะสื่อว่าเราจะปล่อยให้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นเราไปซื้อหุ้นที่คิดว่าดี แต่พื้นฐานมันเปลี่ยนไป เราจะปล่อยเลยตามเลยคงไม่ได้
ปลาตัวที่สองที่ชื่อว่า มานะ ผมต้องการจะสื่อว่า ถ้าจะเป็นนักลงทุนที่ดี การซื้อขายบ่อยๆ คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไร ควรซื้อหรือขายในเวลาและโอกาสที่เหมาะสมครับ
ปลาตัวที่สามที่ชื่อว่า ปัญญา ผมต้องการจะสื่อว่า เวลาเราจะทำอะไรก็ตาม เราควรจะมีสติก่อน เมื่อมีสติ สมาธิและปัญญาก็จะตามมา เหมือนกับที่คุณ kongkiti ได้พูดไว้เกี่ยวกับอินทรีย์ห้าครับ ดังนั้นแล้ว จะทำอะไรก็ตาม ก็อยากจะให้ใช้สติ สมาธิและปัญญาก่อนที่เกิด "action" นะครับ เหมือนกับการเดินหมาก เมื่อเดินแล้ว ปล่อยมือแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วครับ
แต่ในเรื่องการศึกษาหาข้อมูล อ่านหนังสือ อ่านงบการเงิน หรือกิจกรรมหลายๆ อย่าง เราก็ต้องอาศัย"ความมานะ" แน่นอนครับ แต่ยังไงก็ตาม เราก็ต้องเลือกสิ่งที่เราจะไป"มานะ"ด้วยนะครับ เพราะเราก็มีเวลาและพลังงานที่จำกัดครับ
ปลาตัวแรกที่ชื่อว่า เฉย ผมต้องการจะสื่อว่าเราจะปล่อยให้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นเราไปซื้อหุ้นที่คิดว่าดี แต่พื้นฐานมันเปลี่ยนไป เราจะปล่อยเลยตามเลยคงไม่ได้
ปลาตัวที่สองที่ชื่อว่า มานะ ผมต้องการจะสื่อว่า ถ้าจะเป็นนักลงทุนที่ดี การซื้อขายบ่อยๆ คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไร ควรซื้อหรือขายในเวลาและโอกาสที่เหมาะสมครับ
ปลาตัวที่สามที่ชื่อว่า ปัญญา ผมต้องการจะสื่อว่า เวลาเราจะทำอะไรก็ตาม เราควรจะมีสติก่อน เมื่อมีสติ สมาธิและปัญญาก็จะตามมา เหมือนกับที่คุณ kongkiti ได้พูดไว้เกี่ยวกับอินทรีย์ห้าครับ ดังนั้นแล้ว จะทำอะไรก็ตาม ก็อยากจะให้ใช้สติ สมาธิและปัญญาก่อนที่เกิด "action" นะครับ เหมือนกับการเดินหมาก เมื่อเดินแล้ว ปล่อยมือแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วครับ
แต่ในเรื่องการศึกษาหาข้อมูล อ่านหนังสือ อ่านงบการเงิน หรือกิจกรรมหลายๆ อย่าง เราก็ต้องอาศัย"ความมานะ" แน่นอนครับ แต่ยังไงก็ตาม เราก็ต้องเลือกสิ่งที่เราจะไป"มานะ"ด้วยนะครับ เพราะเราก็มีเวลาและพลังงานที่จำกัดครับ
Snowball is rolling down, discipline will accelerate it....
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: นิทานธรรมะดีๆ จากประเทศพม่าที่เอามาประยุกต์กับการลงทุนได
โพสต์ที่ 15
คำอธิบายทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นมากเลยครับ ขอบคุณครับbatigoal เขียน:ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามา comment นะครับ ประเด็นที่ผมเอาเรื่องนี้มาเขียนให้ทุกคนอ่าน เพราะว่าผมต้องการจะเน้นที่เรื่องของ "action" นะครับ หรือก็คือการซื้อขายหุ้น
ปลาตัวแรกที่ชื่อว่า เฉย ผมต้องการจะสื่อว่าเราจะปล่อยให้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นเราไปซื้อหุ้นที่คิดว่าดี แต่พื้นฐานมันเปลี่ยนไป เราจะปล่อยเลยตามเลยคงไม่ได้
ปลาตัวที่สองที่ชื่อว่า มานะ ผมต้องการจะสื่อว่า ถ้าจะเป็นนักลงทุนที่ดี การซื้อขายบ่อยๆ คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไร ควรซื้อหรือขายในเวลาและโอกาสที่เหมาะสมครับ
ปลาตัวที่สามที่ชื่อว่า ปัญญา ผมต้องการจะสื่อว่า เวลาเราจะทำอะไรก็ตาม เราควรจะมีสติก่อน เมื่อมีสติ สมาธิและปัญญาก็จะตามมา เหมือนกับที่คุณ kongkiti ได้พูดไว้เกี่ยวกับอินทรีย์ห้าครับ ดังนั้นแล้ว จะทำอะไรก็ตาม ก็อยากจะให้ใช้สติ สมาธิและปัญญาก่อนที่เกิด "action" นะครับ เหมือนกับการเดินหมาก เมื่อเดินแล้ว ปล่อยมือแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วครับ
แต่ในเรื่องการศึกษาหาข้อมูล อ่านหนังสือ อ่านงบการเงิน หรือกิจกรรมหลายๆ อย่าง เราก็ต้องอาศัย"ความมานะ" แน่นอนครับ แต่ยังไงก็ตาม เราก็ต้องเลือกสิ่งที่เราจะไป"มานะ"ด้วยนะครับ เพราะเราก็มีเวลาและพลังงานที่จำกัดครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530