คนที่ทำ sap สำเร็จบ่อยๆ
น่าจะเป็นคนที่ชำนาญด้านเทคนิคัล
เขาต้องดูอะไรหลายๆ อย่าง
รวมทั้ง indicator ต่างๆ
สำหรับกรณีแนวรับแนวต้าน
ผมคิดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังใช้กันผิดๆ อยู่
แนวรับ ไม่ได้แปลว่ารับได้
ส่วนแนวต้าน ก็ไม่ได้แปลว่าจะไปต่อไม่ได้
ส่วนตัวคิดว่าในรายของเทคนิคัล
เข้าก็จะดู indicator ดู pattern อื่น
ประกอบด้วย
คือผมเคยไปนั่งฟังหลังสูตรที่เทคนิคัลเค้าเปิดสอนกัน
ทำให้รู้ว่า ไม่ใช้วิสัยผมเลยครับ
ผมชอบลงทุนแบบชิลๆ สบายๆ
รอโอกาสที่ถนัดๆ มามากกว่า
ประมาณว่าตีแตกหุ้นกันไปเลย
สำหรับเทคนิคัลที่ประสบความสำเร็จสักคน
ผมก็คงคิดว่า เขาขยันน่าดู ไม่ใช่เรื่องหมูๆ เลยครับ
ผมแค่เคยไปฟังนะครับ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
คุยเรื่องนี้ คุยไม่ดี ก็จะถูกเทคนิคัลเค้าดุเอา
และส่วนตัวยังเชื่อว่า sap ไม่ใช่วิสัยของ vi
หาความรู้เรื่องการShort Against Port
-
- Verified User
- โพสต์: 925
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
โพสต์ที่ 62
ข้อดีของการทำ SAP คือลดความเสี่ยงในหุ้นตัวนั้น
แต่ข้อเสียคือ เมื่อ SAP แล้วไม่มีหุ้นแล้วอาจจะเลิกติดตามบริษัทนั้นและเมื่อราคาลดลงมาจนระดับนึง ตัวเราก็ยังคิดว่าน่าจะลงมากกว่านี้กลายสภาพเป็น นักเก็งกำไร
ผมเคยมีประสบการณืหลายครั้งมากๆ(ส่วนมากไม่ดี)ในการทำ SAP
ความผิดพลาดส่วนใหญ่คือ เมื่อหุ้นตัวนั้นราคาปรับขึ้นผมไม่กล้าซื้อคืนและเสียใจมากทีสุด เพราะฉะนั้นเมื่อผมในปัจจุบันจะทำ SAP อีกแปลว่า ณ ขณะนั้นผมมองว่าราคาระยะสั้น และกลางอาจจะมีแนวโน้มปรับตัวลง เช่น ไปOPP day มาแล้วรู้ทั้งรู้ว่ากำไรในไตรมาสที่จะถึงไม่ดีแน่ๆแต่ราคากลับขึ้น หรืออะไรก็ตามแต่ที่คิดได้
ผมจะถือว่าการทำ SAP เป็นการเสี่ยงเหมือนทายขึ้นลงและผมจะกำหนดจุดที่จะซื้อคืนถ้าหุ้นไม่ตกลงมาตามที่คิด
เช่น ผมซื้อทีแรกที่ 2 บาท
ราคาไป 5 บาท
ผมขายไปตอน 5 บาทเพราะคิดว่าหุ้นขึ้นมาเยอะ และตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะซื้อคืนเมื่อไหร่ที่ราคาเท่าไร
สมมุติผมเดาถูก (ขอใช้คำว่าเดานะครับ) ราคาหล่นลงมา4 บาทผมต้องซื้อคืนเลย
หรือ ถ้าผมเดาผิดก็ต้องยอมจ่ายเพิ่เพื่อให้ได้หุ้นนั้นอยู่กับเราเหมือนเดิมครับ
แต่ข้อเสียคือ เมื่อ SAP แล้วไม่มีหุ้นแล้วอาจจะเลิกติดตามบริษัทนั้นและเมื่อราคาลดลงมาจนระดับนึง ตัวเราก็ยังคิดว่าน่าจะลงมากกว่านี้กลายสภาพเป็น นักเก็งกำไร
ผมเคยมีประสบการณืหลายครั้งมากๆ(ส่วนมากไม่ดี)ในการทำ SAP
ความผิดพลาดส่วนใหญ่คือ เมื่อหุ้นตัวนั้นราคาปรับขึ้นผมไม่กล้าซื้อคืนและเสียใจมากทีสุด เพราะฉะนั้นเมื่อผมในปัจจุบันจะทำ SAP อีกแปลว่า ณ ขณะนั้นผมมองว่าราคาระยะสั้น และกลางอาจจะมีแนวโน้มปรับตัวลง เช่น ไปOPP day มาแล้วรู้ทั้งรู้ว่ากำไรในไตรมาสที่จะถึงไม่ดีแน่ๆแต่ราคากลับขึ้น หรืออะไรก็ตามแต่ที่คิดได้
ผมจะถือว่าการทำ SAP เป็นการเสี่ยงเหมือนทายขึ้นลงและผมจะกำหนดจุดที่จะซื้อคืนถ้าหุ้นไม่ตกลงมาตามที่คิด
เช่น ผมซื้อทีแรกที่ 2 บาท
ราคาไป 5 บาท
ผมขายไปตอน 5 บาทเพราะคิดว่าหุ้นขึ้นมาเยอะ และตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะซื้อคืนเมื่อไหร่ที่ราคาเท่าไร
สมมุติผมเดาถูก (ขอใช้คำว่าเดานะครับ) ราคาหล่นลงมา4 บาทผมต้องซื้อคืนเลย
หรือ ถ้าผมเดาผิดก็ต้องยอมจ่ายเพิ่เพื่อให้ได้หุ้นนั้นอยู่กับเราเหมือนเดิมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1255
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
โพสต์ที่ 63
ผมก็คิดว่าผมจะพลาด แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้
เรื่อง short against port นั้นผมว่า technical จิตวิทยาและพื้นฐาน ช่วยได้
ผมทำกับ JAS มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เสียดาย ktzmico ไม่มี record ถึงปีก่อน
เรื่อง short against port นั้นผมว่า technical จิตวิทยาและพื้นฐาน ช่วยได้
ผมทำกับ JAS มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เสียดาย ktzmico ไม่มี record ถึงปีก่อน
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
โพสต์ที่ 64
nut776 เขียน:อ่านคนเก่งๆถกกัน แล้วงงดีคับ
5555
จนวันนี้ผมยังแยกไม่ได้ระหว่าง
upside กะ mos เลย
รู้แต่ ถ้าหาได้จะเลือกหุ้นที่คิดว่า upside สูงๆ
เนื่องจาก ธุรกิจ มีโอกาสที่เราจะพลาดได้ตลอดเวลา
ความไม่แน่นอนสูง
upside ที่สูงน่าจะเป็น buffer ที่ดี
โดยที่ผมก็จะกะ ปันผล เป็นเบาะรองว่านุ่มพอไหม
เกิดคิดผิด ว่ารับได้แค่ไหนเกิดดอยขึ้นมา
ไม่รู้เรียก mos ได้ไหมคับ
จากประสบการณ์
Upside น่าจะหมายถึง Upside Gain
เป็นการคาดการณ์ ความเป็นไปได้ของ ราคาตลาดในอนาคต
เทียบกับ ราคาหุ้น ตามราคาตลาด ในเวลาปัจจุบัน
คำตรงข้าม คือ Dowside Risk
โดยเป็นเรื่องของ ราคาตลาด ทั้งคู่
ใช้ได้ทั่วไป ไม่จำกัดว่า จะประเมินด้วยฐานความคิดใด
แต่ MOS เป็นคำเฉพาะ ในสาย VI
เป็นเรื่องของ ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน
เทียบกับ Intrinsic Value หรือ Fair Price
(ตามเงื่อนไข ที่แต่ละคนจะประเมิน)
พูดง่ายๆ
ถ้าคุณพูดถึง ราคาตลาด กับ ราคาตลาด
คนละช่วงเวลา
ส่วนต่างของ ราคา ที่อาจจะเกิด
ย่อม มีได้ทั้ง + และ -
นั่นคือ
Upside Gain และ Down Side Risk
แต่เมื่อไหร่
ที่คุณเอาราคาตลาด ในปัจจุบัน
มาเปรียบเทียบกับค่า Intrinsic Value หรือ Fair Price
ตามการประเมินของคุณ
ส่วนต่าง ตรงนี้ ก็คือ MOS
นั่นเอง