กองอสังหาฯระส่ำ เก็บภาษีปันผล บลจ.คาดนักลงทุนสถาบันเทขาย

การลงทุนอื่นๆนอกจากหุ้น กองทุนรวมชนิดต่างๆ RMF LTFตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ อนุพันธ์ และเกษตรล่วงหน้า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Oo_sora
Verified User
โพสต์: 210
ผู้ติดตาม: 0

กองอสังหาฯระส่ำ เก็บภาษีปันผล บลจ.คาดนักลงทุนสถาบันเทขาย

โพสต์ที่ 1

โพสต์

กองอสังหาฯระส่ำ เก็บภาษีปันผล บลจ.คาดนักลงทุนสถาบันเทขาย
วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2012 เวลา 19:21 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การเงิน Financial - การเงิน Financial


บลจ.หวั่นเก็บภาษีเงินปันผลกองอสังหาริมทรัพย์ ทำผู้ลงทุนขายหน่วยลงทุนทิ้ง กระทบเอ็นเอวีร่วง พร้อมประเมินกองรีทส์ จะออกยากขึ้นหากรีเทิร์นต่ำกว่ากองทุนรวมอสังหาฯในปัจจุบันที่ให้ผลตอบแทน 7-8% ต่อปี รับเจ้าของทรัพย์สินสนใจออกกองทุนเอง โอดบลจ.จะมีบทบาทเพียงแค่เป็นผู้รักษาผลประโยชน์ให้ผู้ถือหน่วยเท่านั้น

นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่ากรมสรรพากรกำลังพิจารณาเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ทัดเทียมกับกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REITs) หรือ "รีทส์" เพื่อสนับสนุนให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หันมาออกกองรีทส์มากขึ้น และเพื่อให้เป็นสากลเช่นเดียวกับต่างประเทศ

โดยที่ผ่านมากรมสรรพากรเห็นว่าการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นช่องทางให้บริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใช้ระดมทุนอีกช่องทาง

นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หากกรมสรรพากร และก.ล.ต.มีแนวทางจะพิจารณาปรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้เท่าเทียมกับกองรีทส์ คาดว่าจะส่งผลกระทบกับราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปัจจุบันให้ปรับตัวลดลง เนื่องจากจะมีนักลงทุนเทขาย โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน อาทิ บริษัทประกันภัย และประกันชีวิต เป็นต้น ที่จะต้องถูกจัดเก็บภาษีนิติบุคคลจากเงินปันผลของกองทุน

เช่นเดียวกับนางชวินดา หาญรัตนกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บลจ.กรุงไทยฯ กล่าวว่าหากไม่มีการจัดเก็บภาษีหากมีการแปลงสภาพจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทกอง 1เป็นกองรีทส์ ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่อัตราภาษีนิติบุคคลจากเงินปันผลสำหรับนักลงทุนสถาบันจากเดิมที่สิทธิประโยชน์จะจัดเก็บเพียงครึ่งเดียวจากอัตรา 30% เป็น 15% และปีนี้ภาษีนิติบุคคลดลงเหลือ 23% ฉะนั้นภาษีนิติบุคคลที่นักลงทุนสถาบันต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 8% ไม่ใช่เม็ดเงินน้อยๆ ดังนั้นคาดว่าจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองรีทส์แน่นอน

นอกจากนี้ผลกระทบจะยังสะท้อนถึงโอกาสในการออกกองรีทส์ที่ยากขึ้นด้วย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญเรื่องผลตอบแทน หากผลตอบแทนจากกองรีทส์ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันที่ให้ผลตอบแทบ 7-8% ต่อปี ก็คงจะลำบาก

สำหรับบลจ.กรุงไทยฯ ปัจจุบันมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหาร 29,000 ล้านบาท อาทิ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้โลตัส รีเทล โกรท (TLGF),กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี(DTCPF) เป็นต้น

ขณะที่บริษัทมีนโยบายออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปีละ 1-2 กองทุน สำหรับปี 2555 จะมีทั้งการเพิ่มทุนของกองทุนเดิมและออกกองทุนใหม่ โดยมีมูลค่าโครงการกองทุนละ 5,000 ล้านบาท โดยหลังจากได้ออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้โลตัสแล้ว จากนี้ไปมีเป้าหมายออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท

ด้านแหล่งข่าวจากผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีกรายกล่าวยอมรับว่าลูกค้าที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์มาเสนอขายในรูปกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสดงความสนใจที่จะเป็นผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เองเช่นกัน หากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ถูกตัดสิทธิด้านภาษีนิติบุคคลจากเงินปันผลจากเดิมไม่ต้องเสียหรือเสียเพียงครึ่งเดียวของภาษีนิติบุคคลปกติ หากเป็นเช่นนั้นต่อไปหน้าที่ของบลจ.ก็เหลือเพียงทรัสตีหรือผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนเท่านั้น ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลให้ผู้จัดการกองรีทส์ทำตามสัญญาในการจัดตั้งกองทุนเท่านั้น

รายงานข่าวจากก.ล.ต.เปิดเผยว่า สำหรับกองรีทส์ที่จะมีขึ้นในไทย จะมีการกำกับดูแลด้านการออกและเสนอขาย ด้านการเปิดเผยข้อมูล และการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนเหมือนกับบริษัทจดทะเบียน ส่วนการกำกับดูแลด้านการลงทุนจะคล้ายกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) แต่จะมีความยืดหยุ่นกว่าและขจัดข้อติดขัดบางประการของกอง 1

เช่น การเปิดให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนและบริหารอสังหาริมทรัพย์เข้ามาจัดตั้งและจัดการทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ได้ และไม่จำกัดประเภททรัพย์สินที่ลงทุนได้ สามารถลงทุนในทรัพย์สินต่างประเทศได้ และเปิดให้ลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาได้ถึง 10% ของทรัพย์สินรวม นอกจากนี้กองรีทส์สามารถกู้ยืมเงินเพื่อนำไปลงทุนหรือซ่อมแซมทรัพย์สินได้คล่องตัวกว่า โดยสามารถกู้ได้ถึง 35% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือ 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หากได้รับการจัดอันดับน่าเชื่อถือในระดับอินเวสต์เมนต์ เกรด หรืออันดับที่ลงทุนได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,739 13-16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

http://www.thannews.th.com/index.php?op ... Itemid=443
โพสต์โพสต์