ท่านอาจจะสงสัยว่า โอลิมปิกที่โตเกียวจะแข่งขันกันในปีหน้า ทำไมดิฉันรีบเขียนถึงตั้งแต่ตอนนี้
คำตอบก็คือ ญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าภาพ เพิ่งจะเปิดขายบัตรนอกประเทศได้ประมาณสองสัปดาห์ และสำหรับคนญี่ปุ่นเอง ต้องเข้าชื่อเพื่อจับสลากโดยจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ซื้อตั๋วในวันที่ 11 กันยายนนี้ค่ะ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่แฟนกีฬาตื่นตัวกันมาก
ชาวต่างชาติสามารถซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายที่แต่งตั้งในแต่ละประเทศเท่านั้น ตั๋วที่ซื้อห้ามเปลี่ยนมือโดยเด็ดขาด ผู้เข้าชมต้องมีชื่อตรงกับตั๋วเท่านั้น มิฉะนั้น ตั๋วจะเป็นโมฆะค่ะ
ดิฉันสำรวจมาแล้วว่าตั๋วมีราคาถูกแพงเพียงใด ยกตัวอย่าง ฟุตบอลรอบแรก ชมสองคู่ ราคาบัตรเข้าชม มีตั้งแต่ 3,000 ถึง 9,800 เยน (ประมาณ 870 ถึง 2,820 บาท) วอลเล่ย์บอล 8,000 ถึง 30,500 เยน หรือประมาณ 2,300 ถึง 8,780 บาท
เทควันโด 3,000-5,500 เยน (870-1,580 บาท) โปโลน้ำ รอบคัดเลือก ราคา 3,000-10,000 เยน (870-2,880 บาท) ว่ายน้ำจะแพงหน่อยค่ะ 5,800-67,500 เยน (2,300-19,440 บาท)
ส่วนตั๋วพิธีเปิดและปิดราคาเท่ากันคือ 12,000-300,000 เยน (3,450-86,400 บาท)
โอลิมปิกครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 32 และเป็นโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่สอง ที่ญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพ โดยครั้งแรก คือ ปี 1964 หรือ ปี พ.ศ. 2507 แต่หากนับโอลิมปิกฤดูหนาวด้วย ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพค่ะ เพราะเคยเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวสองครั้ง ในปี 1972 ที่ เมืองซัปโปโร และ ปี 1998 ที่ เมืองนากะโนะ
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะมีในช่วง 24 กรกฎาคม ถึง 9 สิงหาคม ปี 2563 โดยจัดที่กรุงโตเกียว และเมืองรอบๆ อาจจะมีจัดในเมืองอื่นบ้าง เช่นฟุตบอลบางแมทช์ ก็จัดที่ซัปโปโร เป็นต้น
มาสคอต ประจำโอลิมปิกครั้งนี้ ชื่อ มิระอิโทวะ (Miraitowa) บางคนอาจจะอ่านว่า “มิไรโทวะ” โดย “มิระอิ" มีความหมายว่า “อนาคต” และ “โทวะ” มีความหมายว่า “อมตะ” รวมกันก็หมายถึง “อนาคตที่เต็มไปด้วยความหวัง ที่เป็นอมตะในหัวใจของมวลมนุษยชาติ”
สำหรับเหรียญรางวัลของนักกีฬา ออกแบบโดย จุนนิชิ คะวานิชิ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสมาคมออกแบบตราสัญญลักษณ์ของญี่ปุ่น และของสมาคมนักออกแบบแห่งโอซาก้า จะมีการแจกรวม 5,000 เหรียญ ลวยลายที่ออกแบบแสดงถึงพลังของเหล่านักกีฬา และผู้สนับสนุนเบื้องหลัง
เหรียญทั้งหมด ทำจากวัสดุรีไซเคิลอิเล็กทรอนิกส์ ที่รับบริจาคจากทั่วประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งจากสถาบันการศึกษา 1,300 แห่ง และร้านค้าปลีกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กว่า 2,100 ร้านทั่วประเทศ โดยมีกล่องรับบริจาคสีเหลือง วางเอาไว้ทั่วประเทศ เพื่อขอรับบริจาคอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้ว โดยได้รับบริจาคโทรศัพท์มือถือเก่ามา 6.21 ล้านเครื่อง กล้องดิจิตัล เกมส์ คอมพิวเตอร์แลปทอป เพื่อนำมาคัดแยก และหลอมใหม่
เมื่อปิดการรับบริจาคเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา สามารถระดม วัสดุได้เป็น ทองคำ 30.3 กิโลกรัม เงิน 4,100 กิโลกรัม และทองแดง 2,700 กิโลกรัม โดยเหรียญทองคำ มีน้ำหนัก 556 กรัม จะผลิตโดยใช้ทองคำ 6 กรัมมาเคลือบบนเหรียญเงินแท้ เหรียญเงินจะผลิตจากเงินแท้ หนัก 550 กรัม และเหรียญทองแดง จะหนัก 450 กรัม ผลิตจาก ทองแดง 95% และสังกะสี 5% (ดิฉันค้นดูพบว่า บ้านเราเรียกว่า “ทองเหลือง” แต่ของเขามีทองแดงเยอะ เลยจะออกสีแดงมากกว่าทองเหลืองที่เราเห็นนำมาผลิตกระทะทำขนมนะคะ) ทุกเหรียญมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.5 เซ็นติเมตรค่ะ
ดิฉันก็เพิ่งจะทราบว่า นักกีฬาผู้ชนะ ต้องแบกเหรียญหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม!
สายคล้องเหรียญ ทำจากวัสดุที่ทอจากเยื่อไม้ ออกแบบและใช้เทคนิคแบบญี่ปุ่น ดูสวยงามค่ะ
ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 32 นี้ จะมีกีฬาสำหรับชาย 165 รายการ กีฬาของผู้หญิง 156 รายการ และกีฬาผสม/กีฬาที่เปิดให้ทั้งหญิงและชายแข่งขันอีก 18 รายการ สนามแข่งขันสนามใหญ่คือสนามกีฬาแห่งชาติ ถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนพื้นที่เดิมค่ะ กำลังสร้างอยู่ จะเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้ จุได้ 60,102 คน
คบเพลิงที่ใช้จุดไฟตลอดการแข่งขัน มีรูปทรงเหมือนก้านของต้นซากุระ และเมื่อมองจากด้านบน จะเห็นเป็นรูปของกลีบดอกซากุระ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของญี่ปุ่น โดยคบเพลิงนี้มีความหมายเหมือนคติของเกมส์ว่า “ความหวังจะส่องทางให้เรา”
ไฟโอลิมปิก จะถูกจุดในวันที่ 12 มีนาคม 2563 ที่ประเทศกรีซ และจะไปถึงจังหวัดมิยาหงิ และจะไปยังเซนได อิวาเตะ และฟุกุชิมะ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สึนามิปี 2011
หลังจากนั้นจะมีการวิ่งคบเพลิงไปทั่วประเทศญี่ปุ่น จนครบ 47 จังหวัด โดยเริ่มจาก ฟุกุชิมะ ในวันที่ 26 มีนาคม ลงไปภาคกลาง และไปตะวันตกเฉียงใต้สู่โอกินาวา กลับมาทางเหนือผ่านเกียวโต เพื่อไปฮอกไกโด และลงมาถึงกรุงโตเกียว ใช้เวลาทั้งหมด 121 วัน ถือเป็นการร่วมแรงร่วมใจของคนทั้งชาติ เพื่อมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้
สำหรับผลต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ยังเป็นที่ถกเถียงกันค่ะ บ้างก็ว่าจะทำให้ญี่ปุ่นรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง บ้างก็ว่าคงทำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆคือ ตั้งแต่ประกาศเสนอตัวจัดงาน จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านคน เป็น 31 ล้านคน ในปีที่แล้ว (ส่วนหนึ่งจากการยกเลิกวีซ่า)และตั้งเป้าหมาย 40 ล้านคนในปี 2020 ดิฉันจะไปสังเกตการณ์และรายงานผลให้ทราบในปีหน้านะคะ
งบประมาณในการจัดงานทั้งหมด 1.35 ล้านล้านเยน โดยทางโอลิมปิกสากลสนับสนุน 6 แสนเยน เท่ากับรัฐบาลท้องถิ่นกรุงโตเกียว และรัฐบาลกลางสนับสนุน 150,000 เยน ทั้งนี้หาสปอนเซอร์ได้แล้ว 3,000 ล้านเยน
ท่านที่ต้องการจองที่พักในกรุงโตเกียวในช่วงนั้น ไม่ต้องตกใจนะคะ ขณะนี้ทางการญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้โรงแรมใดๆในโตเกียวรับจองที่พักในช่วงการแข่งขัน จนกว่าจะสามารถจัดที่พักให้นักกีฬา โค้ช และสต๊าฟ ได้ครบหมด หลังจากนั้นจึงจะเปิดให้จองได้ค่ะ
หมายเหตุ : ข้อมูลส่วนใหญ่จากเว็ปของโอลิมปิค และเว็ปของ โตเกียว โอลิมปิก 2020
โอลิมปิก โตเกียว 2020/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1593
- ผู้ติดตาม: 2