เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
คนขายของ
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 788
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / โดย คนขายของ

การลงทุนในหุ้นสามารถสร้างความมั่งคั่งได้จริงหรือ? เป็นคำถามที่หลายๆคนคงสงสัย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในเวลานี้ที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนอย่างมาก ผมเชื่อว่าคนที่มีฐานะปานกลางในสังคมไทย ส่วนใหญ่น่าจะเคยมีประสบการณ์การลงทุนในหุ้น แต่มีหลายคนเลิกสนใจการลงทุนเมื่อเจอวิกฤตตลาดหุ้น จนมูลค่าของพอร์ตลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้หลายคนขายหุ้นล้างพอร์ตไม่หันหน้ากลับมาลงทุนอีก หลายคนลงทุนในหุ้นเหมือนเป็นรายได้เสริม ซื้อๆขายๆในระยะสั้น ได้เงินมาเลี้ยงเพื่อนบ้าง ซื้อมือถือใหม่บ้าง แต่ไม่กล้าที่จะลงทุนแบบมีนัยยะสำคัญ มีบางคนอ้างว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นส่วนใหญ่มีการศึกษาสูง เป็นคนเคยทำงานในแวดวงการเงินบ้าง รู้ข้อมูลวงในบ้าง จึงประสบความ สำเร็จ คนธรรมดาไม่ได้เรียนสูงและทำงานเป็นลูกจ้างคงไม่มีวัน ในบทความนี้ผมของยกเรื่องจริง ของชายธรรมดา นามว่า Ronald Read มาเล่าสู่กันฟัง

Ronald Read หลังจากรับใช้ชาติด้วยการไปรบในสงครามโลกครั้งที่สอง เขากลับมาทำงานเป็น เด็กปั๊มที่รัฐ Vermont จนเกษียณ หลังเกษียณเขาทนอยู่เฉยๆไม่ได้ เลยไปสมัครเป็นพนักงาน ทำความสะอาดที่ห้างสรรพสินค้า JC Penny ชายผู้ใช้ชีวิตธรรมดา ขับรถโตโยต้ามือสองคันเล็กๆ ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ กลายเป็นข่าวใหญ่ในอเมริกาเมื่อเขาเสียชีวิตลงในปีที่แล้ว พร้อมพินัยกรรมบริจาคเงิน ราว 4.5 ล้านเหรียญให้กับโรงพยาบาล และ อีก 1.5 ล้านเหรียญให้กับห้องสมุด จากสินทรัพย์รวม ที่เขามีอยู่ทั้งหมดราว 8 ล้านเหรียญ ผู้คนต่างสงสัยว่าเขามีเงินขนาดนี้ได้อย่างไร? แม้แต่เพื่อนและ ญาติต่างก็งงไปตามๆกัน หลังจากเซฟที่เก็บสินทรัพย์ถูกไข ความลับก็ถูกเฉลยหลังจากที่ทุกคนพบว่า Ronald Read มีใบหุ้นของบริษัทชั้นนำของอเมริกามัดรวมกันอยู่หนาราว 5 นิ้ว

หุ้นหลักๆ ที่ Read ถือในพอร์ตเช่น ธนาคาร Well-Fargo, P&G, Colgate-Palmolive, American Express และ ผู้ผลิตเนยถั่ว J.M. Smucker หุ้นที่เขาถือมีลักษณะใกล้เคียงกันคือ เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของเขา และเขาถือหุ้นเหล่านั้นมายาวนาน การที่เขาถือเป็น ใบหุ้นแสดงว่า หากเขาต้องการขายหุ้น เขาต้องคิดมาอย่างดีแล้ว เพราะกระบวนการทางด้านเอกสาร จะยุ่งยากกว่าการฝากหุ้นไว้กับโบรกเกอร์ ดังนั้นการขายหุ้นออกไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จึงเป็นไป ได้ยาก นอกจากนั้นมีการวิเคราะห์ว่า หุ้นที่เขาถือนั้นส่วนใหญ่ให้เงินปันผล และเขาก็จะเอาเงินปันผลที่ได้รับนั้นกลับไปซื้อหุ้นเพิ่มอีกทำให้ผลตอบแทนที่ได้ทบต้นเร็วขึ้นไปอีก

หลังกลายเป็นข่าวใหญ่ มีการศึกษาชีวิตเขาอย่างละเอียดและพบว่า การเลือกหุ้นของ Read นั้นไม่ได้ เลือกแบบเสี่ยงดวงหรือตามแห่ แต่เขามีการศึกษาเรื่องการลงทุนมาอย่างดี เขาอ่านหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal และ วารสารการลงทุน Barron เป็นประจำ นอกจากนั้นเขายังชอบไปค้นคว้าหาความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่มเติมจากการอ่านหนังสือของห้องสมุด นอกจากนั้นเขายังปรึกษาเรื่องการลงทุนกับเพื่อนบ้านของเขาซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ที่ธนาคาร Well-Fargo

Chris Hogan ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินส่วนบุคคลได้ตอบ CNBC ว่าคนธรรมดาสามารถบรรลุ เป้าหมายทางการออมได้หากเขามุ่งมั่นเอาจริง และใช้ชีวิตไม่ฟุ้งเฟ้อ หากออมเดือนละ 300 เหรียญ (ราวๆ 10,500 บาทต่อเดือน) แล้วนำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้น 8% ในเวลา 65 ปี ทุกคนก็สามารถมีเงิน 8 ล้านเหรียญเหมือน Ronald Readได้ เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การเริ่มออม ตั้งแต่อายุยังน้อย, การทำผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ และ การมีอายุยืนยาวจะเป็นตัวช่วยการสร้าง ความมั่งคั่งได้อย่างดี

ในระบบธุรกิจทั่วไป คนออมเงินเอาเงินไปฝากธนาคารได้ผลตอบแทนราวๆ 2% ธนาคารเอาเงิน ไปปล่อยกู้ให้กับเจ้าของธุรกิจได้ดอกเบี้ย 6%-8% นั่นหมายความว่าการทำธุรกิจนั้นควรจะได้ ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ มิฉะนั้นคงไม่มีใครมากู้ธนาคาร แต่เราต้องรู้จักเลือกธุรกิจให้ดี เพราะบางธุรกิจก็ไปไม่รอด จึงไม่น่าแปลกใจว่า Ronald Read สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ แม้เขาจะไม่ได้เรียนสูง ไม่มีข้อมูลวงใน ไม่มีเส้นสายใดๆ จุดสำคัญในการลงทุนสำหรับบุคคลทั่วไป คือต้องแยกให้ออกว่า ธุรกิจไหนเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว? บริษัทที่มีความสามารถ ในการแข่งขันมีลักษณะเป็นอย่างไร? เมื่อท่านเลือกได้ดีแล้ว ใล่เงินออมลงไปพอสมควรแล้ว ที่เหลือก็แค่รอให้เครื่องจักรแห่งความมั่งคั่งเขาเดินเครื่องต่อไปเอง
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
ภาพประจำตัวสมาชิก
pacabee
Verified User
โพสต์: 380
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อ่านแล้วทำให้ผมนึกถึง คุณยาย Grace Groner ที่เป็นพนักงาน Abbott ซื้อหุ้นตั้งแต่ยังสาวลงทุนไม่ถึง $200 และไม่เคยขายเลย จนเวลาล่วงเลยผ่านไปจนเธอเสียชีวิต หุ้นที่เธอถือนั้นมีมูลค่ารวมราวๆ $7,000,000 ครับ
อ้างอิงตามนี้ http://www.investinganswers.com/educati ... llion-3874
Invest or Don't. There is no try.
nuk
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 178
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
อ่านบทความนี้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมรู้จักตลาดหุ้นช้าไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
neuhiran
Verified User
โพสต์: 815
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

สุดยอดไปเลย และขอบคุณมากครับ สำหรับบทความที่น่าอ่าน :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
neuhiran
Verified User
โพสต์: 815
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

nuk เขียน:ขอบคุณมากครับ
อ่านบทความนี้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมรู้จักตลาดหุ้นช้าไป

ไม่มีอะไรช้าไปหรือเร็วไปหรอกครับ ผมเจอหลายๆคนที่เจอตลาดหุ้นทีหลังผม แต่รวยกว่าผมก็เยอะแยะไป
ขอให้ประสพความสำเร็จในการลงทุนนะครับ :D
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณ คุณชายครับ ทำให้มีกำลังใจลงทุนต่อครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
shumbrotta
Verified User
โพสต์: 289
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณครับ
yojira
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 76
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เป็นบทความที่ดี และแสดงให้เห็นว่าผู้เขียนบทความมีความขยันและไม่หยุดค้นคว้าอยู่ตลอดเวลา น่าชื่นชมมากครับ

ปล. ถ้าผมตายไปและมีใครไปเปิดสมบัติ จะเจอใบหุ้นที่คนอื่นเค้ารู้จักบ้างมั๊ยหนอ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
whiteknight_p
Verified User
โพสต์: 315
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณมากครัช พี่ชาย
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
syj
Verified User
โพสต์: 4241
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:เป็นบทความที่ดี และแสดงให้เห็นว่าผู้เขียนบทความมีความขยันและไม่หยุดค้นคว้าอยู่ตลอดเวลา น่าชื่นชมมากครับ

ปล. ถ้าผมตายไปและมีใครไปเปิดสมบัติ จะเจอใบหุ้นที่คนอื่นเค้ารู้จักบ้างมั๊ยหนอ
ผมว่าอาจเจอใบโอนหุ้นไปให้ แคดดี้สาวกับมาร์สาว แบบไม่รู้ไปได้ไง มากกว่าครับ 555+
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
wk0966
Verified User
โพสต์: 490
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

คุณยาย Grace Groner กะ คุณตา Ronald Read ใช้ชีวิตแบบคนจนๆทั่วไป มีความสุขกับเงินที่เก็บสะสมไว้ พอตายก็ บริจาด
คล้ายๆปู่ย่า ตายาย จนๆ ของไทย ขายหรือยกที่ดินเป็นล้านๆ ให้วัด
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
W_Buffet
Verified User
โพสต์: 10
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ขอบคุณมากๆเลยครับ สำหรับบทความนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมได้คือการเห็นคุณค่าของมัน และเชื่อมั่นในคุณค่าว่าสักวันจะสร้างค่าให้กับบางสิ่งๆๆ และผลสุดท้ายก็คือ การได้รับสิ่งตอบแทนจากสิ่งที่ๆเขาและเธอเชื่อนั่นเองซึ่งสร้างคุณค่าให้ได้อย่างยั่งยืน

:D
salty
Verified User
โพสต์: 78
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

เรื่องราวเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจาก ประเทศสหรัฐที่เศรษฐกิจ เติบโตดี ในระยะยาว ที่ผ่านมา รวมถึงสามารถรักษาการเติบโตโดยขยายการขายออกไปนอกประเทศ ลักษณะเช่นนี้ ไม่ได้มีทุกประเทศ.

เรื่องเล่าเช่นนี้ อาจหาได้ยากในประเทศส่วนใหญ่ซึ่งไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนาน
cc_gardener
Verified User
โพสต์: 19
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคุณครับ
วิธีคิดผ่าน วิธีการมาเอง
sorawitch
Verified User
โพสต์: 152
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

salty เขียน:เรื่องราวเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจาก ประเทศสหรัฐที่เศรษฐกิจ เติบโตดี ในระยะยาว ที่ผ่านมา รวมถึงสามารถรักษาการเติบโตโดยขยายการขายออกไปนอกประเทศ ลักษณะเช่นนี้ ไม่ได้มีทุกประเทศ.

เรื่องเล่าเช่นนี้ อาจหาได้ยากในประเทศส่วนใหญ่ซึ่งไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนาน
เห็นด้วยกับท่าน salty หลายคนมักอ้างตลาดหุ้นอเมริกา

แล้วก็เทียบดื้อๆว่า ตลาดไทยก็คงเป็นแบบเดียวกัน

ปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนแทบทุกคนจะซื้อกองทุนหุ้นเพื่อลดภาษี

พร้อมกับมีความเชื่อว่า ระยะยาวแล้วยังไงก็ไม่ขาดทุน เพราะบริษัทส่วนใหญ่จะโตไปเรื่อยๆ

โตขึ้นไปเรื่อยๆนั่นก็จริง แต่จะหวังแบบนักลงทุนรุ่นแรกๆหลังวิกฤตที่ได้กันเป็นเด้งๆ อันนี้ไม่น่าจะจริง
เราจะรวยแร้วววววววววว
โพสต์โพสต์