นิทาน VI
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 788
- ผู้ติดตาม: 0
นิทาน VI
โพสต์ที่ 1
นิทาน VI โดย คนขายของ
ก่อนจะเริ่มเนื้อหา ขอทำความเข้าใจกันก่อนว่าเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวสมมุติเพื่อยกขึ้นมาเล่ากันเล่นเฉยๆนะครับ
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อไม่นานสักเท่าไหร่ มีนักลงทุนอยู่สามกลุ่มผู้ดั้นด้นค้าหาความมั่งคั่งในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มที่หนึ่งเป็นักลงทุนที่มีเงินลงทุนมากมีเส้นสายมากมายใช้ข้อมูลวงในในการซื้อขายหุ้น ซึ่งผมขอเรียกว่า นักลงทุนอินไซด์ กลุ่มที่สอง ยึดมั่นในแนวทางเน้นคุณค่าตามแนวปรมจารย์ฝรั่งได้ถ่ายทอดวิชามา ผมขอเรียกกลุ่มนี้ว่า นักลงทุนVI กลุ่มที่สามข้อมูลไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะเขาใช้กราฟเป็นตัวตัดสินใจ ผมขอเรียกว่า นักลงทุนเทคนิค
นักลงทุนทั้งสามกลุ่มนี้ต่างก็ลงทุนในหุ้นบริษัท SOS ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ใน SET50 พื้นฐานดี การบริหารการจัดการเป็นเลิศ ราคาขึ้นมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา SOS เป็นบริษัทที่ทำกิจการเรื่องใกล้ตัว จึงไม่แปลกที่มีนักลงทุนให้ความสนใจกันล้นหลาม ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนในกลุ่มไหนล้วนได้รับผลตอบแทนที่ดีกันทั่วหน้า
แต่แล้ววันหนึ่ง เคราะห์มาถึง ทมึงทึงมา... ฝ่ายบริหารของบริษัทตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ทำให้ supplier ที่ผลิตวัตถุดิบให้ SOS ขาดทุนมโหฬาร จึงโดน supplier ใช้แง่กฎหมายฟ้องเรียกค่าเสียหายมหาศาล นักลงทุนอินไซด์ ซึ่งมี connection มากมายในวงการธุรกิจเมื่อๆรับรู้ข่าวนี้จึงมีคำสั่งเทขายหุ้น SOS ออกมาจำนวนมาก ทำให้ราคาตกต่ำอย่างรวดเร็ว นักลงทุนเทคนิคเมื่อเห็นกราฟตัดลงมาก็เทขายตามลงมา ทำราคาหุ้นดำดิ่งตัดทุกเส้นค่าเฉลี่ย ส่วนนักลงทุน VI ไม่ได้รับรู้ข่าว ไม่ได้ขายหุ้นออกมา แต่รอหาจังหวะที่เหมาะสมจะรอช้อนอยู่
สามวันต่อมา หลังจากที่ supplier ของ SOS ได้ยื่นเรื่องต่อศาล ผู้บริหารสูงสุดของ SOS ได้ต่อสายตรงถึงประธานบอร์ดของ supplier โดยมีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนช่วยไกล่เกลี่ย เหตุการณ์กลับตาลปัด เมื่อ supplier ของ SOS ยอดถอนคดีความ ทำให้นักลงทุนอินไซด์ที่ทราบข่าว ต้องรีบกลับเข้ามาซื้อหุ้นกันอย่างหนัก หุ้นขึ้นติดต่อกันหลายวัน ตัดขึ้นผ่านทุกเส้นค่าเฉลี่ย นักลงทุนเทคนิครีบเข้ามาซื้อตาม ดันราคาหุ้นทะลุ high เดิม เพราะมีบางคนทำ short ไว้ต้องรีบกลับมาซื้อคืนอย่างรวดเร็วเพื่อปิดสถานะ ส่วนนักลงทุนVI ล้วนดีใจที่ราคากลับขึ้นมาเหมือนเดิม คืนนั้นนักลงทุนVIบางกลุ่มจึงนัดกันกินข้าว และ ถกกันเรื่องนายตลาดเจ้าอารมณ์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
จากเหตุการณ์นี้ นักลงทุนอินไซด์บางคนได้รับบาดเจ็บจากการขายออกไปแล้วกลับมาซื้อไม่คืนไม่ทัน นักลงทุนเทคนิคบางคนก็พลาดไป เพราะ short หุ้นค้างเอาไว้ มีแต่นักลงทุนVI ที่ได้กำไรจากกรณีนี้ ก็ขอฝากนิทานเรื่องนี้ไว้ให้นักลงทุนแนวเน้นคุณค่าไว้เป็นกรณีศึกษา จากเรื่องนี้ VI ดูเหมือนจะเป็นผู้ชนะในตอนท้าย แต่ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกและไม่ได้ happy ending นักลงทุนVI บางคนอาจจะไม่ได้หัวเราะตอนจบ เราจะเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้อย่างไร มีนักลงทุนชั้นนำของโลกท่านหนึ่ง เคยกล่าวว่า เราไม่สามารถเข้าถึงทุกข้อมูลที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่จึงตัดสินใจด้วย "ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์" ก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ให้ชาว VI ลองพิจารณาดู
ก่อนจะเริ่มเนื้อหา ขอทำความเข้าใจกันก่อนว่าเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวสมมุติเพื่อยกขึ้นมาเล่ากันเล่นเฉยๆนะครับ
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อไม่นานสักเท่าไหร่ มีนักลงทุนอยู่สามกลุ่มผู้ดั้นด้นค้าหาความมั่งคั่งในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มที่หนึ่งเป็นักลงทุนที่มีเงินลงทุนมากมีเส้นสายมากมายใช้ข้อมูลวงในในการซื้อขายหุ้น ซึ่งผมขอเรียกว่า นักลงทุนอินไซด์ กลุ่มที่สอง ยึดมั่นในแนวทางเน้นคุณค่าตามแนวปรมจารย์ฝรั่งได้ถ่ายทอดวิชามา ผมขอเรียกกลุ่มนี้ว่า นักลงทุนVI กลุ่มที่สามข้อมูลไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะเขาใช้กราฟเป็นตัวตัดสินใจ ผมขอเรียกว่า นักลงทุนเทคนิค
นักลงทุนทั้งสามกลุ่มนี้ต่างก็ลงทุนในหุ้นบริษัท SOS ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ใน SET50 พื้นฐานดี การบริหารการจัดการเป็นเลิศ ราคาขึ้นมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา SOS เป็นบริษัทที่ทำกิจการเรื่องใกล้ตัว จึงไม่แปลกที่มีนักลงทุนให้ความสนใจกันล้นหลาม ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนในกลุ่มไหนล้วนได้รับผลตอบแทนที่ดีกันทั่วหน้า
แต่แล้ววันหนึ่ง เคราะห์มาถึง ทมึงทึงมา... ฝ่ายบริหารของบริษัทตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ทำให้ supplier ที่ผลิตวัตถุดิบให้ SOS ขาดทุนมโหฬาร จึงโดน supplier ใช้แง่กฎหมายฟ้องเรียกค่าเสียหายมหาศาล นักลงทุนอินไซด์ ซึ่งมี connection มากมายในวงการธุรกิจเมื่อๆรับรู้ข่าวนี้จึงมีคำสั่งเทขายหุ้น SOS ออกมาจำนวนมาก ทำให้ราคาตกต่ำอย่างรวดเร็ว นักลงทุนเทคนิคเมื่อเห็นกราฟตัดลงมาก็เทขายตามลงมา ทำราคาหุ้นดำดิ่งตัดทุกเส้นค่าเฉลี่ย ส่วนนักลงทุน VI ไม่ได้รับรู้ข่าว ไม่ได้ขายหุ้นออกมา แต่รอหาจังหวะที่เหมาะสมจะรอช้อนอยู่
สามวันต่อมา หลังจากที่ supplier ของ SOS ได้ยื่นเรื่องต่อศาล ผู้บริหารสูงสุดของ SOS ได้ต่อสายตรงถึงประธานบอร์ดของ supplier โดยมีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนช่วยไกล่เกลี่ย เหตุการณ์กลับตาลปัด เมื่อ supplier ของ SOS ยอดถอนคดีความ ทำให้นักลงทุนอินไซด์ที่ทราบข่าว ต้องรีบกลับเข้ามาซื้อหุ้นกันอย่างหนัก หุ้นขึ้นติดต่อกันหลายวัน ตัดขึ้นผ่านทุกเส้นค่าเฉลี่ย นักลงทุนเทคนิครีบเข้ามาซื้อตาม ดันราคาหุ้นทะลุ high เดิม เพราะมีบางคนทำ short ไว้ต้องรีบกลับมาซื้อคืนอย่างรวดเร็วเพื่อปิดสถานะ ส่วนนักลงทุนVI ล้วนดีใจที่ราคากลับขึ้นมาเหมือนเดิม คืนนั้นนักลงทุนVIบางกลุ่มจึงนัดกันกินข้าว และ ถกกันเรื่องนายตลาดเจ้าอารมณ์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
จากเหตุการณ์นี้ นักลงทุนอินไซด์บางคนได้รับบาดเจ็บจากการขายออกไปแล้วกลับมาซื้อไม่คืนไม่ทัน นักลงทุนเทคนิคบางคนก็พลาดไป เพราะ short หุ้นค้างเอาไว้ มีแต่นักลงทุนVI ที่ได้กำไรจากกรณีนี้ ก็ขอฝากนิทานเรื่องนี้ไว้ให้นักลงทุนแนวเน้นคุณค่าไว้เป็นกรณีศึกษา จากเรื่องนี้ VI ดูเหมือนจะเป็นผู้ชนะในตอนท้าย แต่ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกและไม่ได้ happy ending นักลงทุนVI บางคนอาจจะไม่ได้หัวเราะตอนจบ เราจะเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้อย่างไร มีนักลงทุนชั้นนำของโลกท่านหนึ่ง เคยกล่าวว่า เราไม่สามารถเข้าถึงทุกข้อมูลที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่จึงตัดสินใจด้วย "ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์" ก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ให้ชาว VI ลองพิจารณาดู
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: นิทาน VI
โพสต์ที่ 2
Game of thorn ของนักลงทุนเผ่าต่างๆ
อินไซด์ก็มีหลายระดับตั้งแต่ได้ยินเค้ามาจนถึงจอมบงการ
เทคนิกก็มีหลายระดับ RSI. MACD volume trade candle stick Elliot wave
วีไอก็มีหลายกลุ่ม ดูข้อมูลเชิงปริมาณ ข้อมูลเชิงคุณภาพ ฯลฯ
ต่างกันที่วิถี
อินไซด์จบลงที่ข่าว เทคนิคจบที่จุดตัดสินใจต่าง ๆ ตามสูตรเชิงปริมาณและ exit strategy ที่เหมาะสม
แต่วีไอไม่มีวันจบ เพราะมันเป็นวิถีของเค้าแม้กระทั่งเค้าขาดทุนหรือวิเคราะห์ผิดจนถึงการปรับเปลี่ยนพอร์ต สรณะเดิมที่ติดยึดเรื่องค่าเผื่อความปลอดภัยจะยังคงอยู่เสมอ และจะพัฒนารูปแบบขึ้นเรื่อย ๆ จากประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น. แม้จะขาดทุนตัวเงินแต่เค้ากำไรโอกาส จุดนี้สำคัญ
วีไอไม่ได้หวังแพ้ชนะในข่าวเดียว แต่วีไอหวังความสำเร็จระยะยาวจะมั่นคงกับธุรกิจซึ่งเค้าจะพึ่งพาได้เกื้อหนุนไปด้วยกันนั่นคือวีไอ เพราะชีวิตวีไอมักจะถูกหล่อหลอมให้มัธยัทธ์เป็นนิสัย คงมีหลายคนที่รวยเพราะข่าวต่างๆ หรือจุดตัดทางเทคนิกบวกการตัดสินใจที่เฉียบคม แต่วีไอจะอมยิ้มให้และยินดีด้วย ขณะเดียวกันก็หมั่นรดน้ำพรวนดินในต้นไม้แห่งการลงทุนระยะยาวของเค้าต่อไป
ขอบคุณคุณชายกับนิทานวีไอก่อนนอนมากครับ
อินไซด์ก็มีหลายระดับตั้งแต่ได้ยินเค้ามาจนถึงจอมบงการ
เทคนิกก็มีหลายระดับ RSI. MACD volume trade candle stick Elliot wave
วีไอก็มีหลายกลุ่ม ดูข้อมูลเชิงปริมาณ ข้อมูลเชิงคุณภาพ ฯลฯ
ต่างกันที่วิถี
อินไซด์จบลงที่ข่าว เทคนิคจบที่จุดตัดสินใจต่าง ๆ ตามสูตรเชิงปริมาณและ exit strategy ที่เหมาะสม
แต่วีไอไม่มีวันจบ เพราะมันเป็นวิถีของเค้าแม้กระทั่งเค้าขาดทุนหรือวิเคราะห์ผิดจนถึงการปรับเปลี่ยนพอร์ต สรณะเดิมที่ติดยึดเรื่องค่าเผื่อความปลอดภัยจะยังคงอยู่เสมอ และจะพัฒนารูปแบบขึ้นเรื่อย ๆ จากประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น. แม้จะขาดทุนตัวเงินแต่เค้ากำไรโอกาส จุดนี้สำคัญ
วีไอไม่ได้หวังแพ้ชนะในข่าวเดียว แต่วีไอหวังความสำเร็จระยะยาวจะมั่นคงกับธุรกิจซึ่งเค้าจะพึ่งพาได้เกื้อหนุนไปด้วยกันนั่นคือวีไอ เพราะชีวิตวีไอมักจะถูกหล่อหลอมให้มัธยัทธ์เป็นนิสัย คงมีหลายคนที่รวยเพราะข่าวต่างๆ หรือจุดตัดทางเทคนิกบวกการตัดสินใจที่เฉียบคม แต่วีไอจะอมยิ้มให้และยินดีด้วย ขณะเดียวกันก็หมั่นรดน้ำพรวนดินในต้นไม้แห่งการลงทุนระยะยาวของเค้าต่อไป
ขอบคุณคุณชายกับนิทานวีไอก่อนนอนมากครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: นิทาน VI
โพสต์ที่ 3
ผมเคยคิดเรื่องทำนองนี้เหมือนกันครับ
เรื่องข่าวร้ายที่เข้ากระทบ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
และจะต้องมีนักลงทุน 3 กลุ่ม ที่มีปฏิกิริยากับข่าวที่เกิดขึ้นตามที่ คุณคนขายของยกเป็นกรณีศึกษา
ผมมีบทความหนึ่งของ อ. ดร.นิเวศน์ ที่ให้แนวทางเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดีตามนี้ครับ
https://th-th.facebook.com/johkanvi/pos ... 1816208138
ผมชอบบทสรุปคือ
หุ้น amex
หุ้นวอชิงตันโพส
หุ้น geico
และอีกหลายตัว ที่มีการบริหารผิดพลาดจนเป็นข่าวร้ายและกระทบกับมูลค่าหุ้นที่สะท้อนจากราคาระยะสั้นอย่างมาก
ยังไง vi ก็ต้องวิเคราะห์อย่างใจเย็น และรอบคอบระมัดระวัง โดยอาศัยระยะเวลาการลงทุนระยะยาวเป็นตัวปรับปรุงผลกระทบจากข่าวร้ายต่างๆ และหลายครั้งกลับเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาวในราคาต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัว ข่าวร้ายคงต้องมีบ้างที่เป็นจริง และเปลี่ยนพื้นฐานหุ้นให้เลวร้ายจนยากต่อการฟื้นตัว
หลัก Mos จึงมีความสำคัญมาก ทั้งจากตัวหุ้นแต่ละตัวที่ลงทุน
และ portfolio management ที่เราควรมีหุ้นที่ลงทุนมากกว่า 1 ตัวด้วยเป็นภูมิต้านทาน แม้จะไม่ diversify มากตัวจนไปเป็นเหมือนกองทุนดัชนี
บริหารสายกลางที่เหมาะสมกับเราให้ได้ คำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะสมกับเราตามระดับความรู้ในหุ้นที่เราลงทุนเป็นอย่างดี
ขอให้มีบางตัวผิดพลาดบ้าง แต่ยังมีอีกหลายตัวใน port ที่เข้ามาช่วยลดผลกระทบ และหลายครั้งหุ้นใน port ที่เหลือและ perform มาก ๆ จะมีส่วนช่วยให้ ผลตอบแทนรวมยังเดินหน้าต่อไปด้วยดี ตรงนี้ผมได้ความรู้จากประสบการณ์ส่วนตัวและจากการลงทุนของบางคนที่เป็น vi
ผมเชื่อว่าการมองอะไรล่วงหน้าในเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น และบริหารความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า จะทำให้Vi ทุกคนจะสามารถปรับตัวมากน้อยแตกต่างกันไป แต่จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แม้จะมีข่าวร้ายในอนาคตเข้ามาอีกมากมาย เข้ามาอีกหลายปี หลายรูปแบบเท่าใดก็ตามครับ
เรื่องข่าวร้ายที่เข้ากระทบ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
และจะต้องมีนักลงทุน 3 กลุ่ม ที่มีปฏิกิริยากับข่าวที่เกิดขึ้นตามที่ คุณคนขายของยกเป็นกรณีศึกษา
ผมมีบทความหนึ่งของ อ. ดร.นิเวศน์ ที่ให้แนวทางเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดีตามนี้ครับ
https://th-th.facebook.com/johkanvi/pos ... 1816208138
ผมชอบบทสรุปคือ
เรื่องทำนองนี้ เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในอดีต เช่นหุ้นที่บัฟเฟทลงทุนไม่ว่าจะเป็นไม่ว่า ข่าวร้าย จะเป็นจริงหรือไม่ หรือจะมีผลหรือไม่มีผล แต่ ข่าวร้าย ในอนาคตก็คงจะมีมากเหมือนเดิมถ้าไม่มากขึ้น นักเล่นหุ้นเองก็จะยังคงวิตกกังวลกันทุกวัน และก็ซื้อและเทขายหุ้นตามข่าวอย่างไร้เหตุผลเหมือนเดิม Value Investor ที่ดีนั้นต้องวิเคราะห์ข่าวอย่างใจเย็น ส่วนใหญ่แล้ว ข่าวร้าย ไม่ใช่เรื่องอันตรายที่จะต้องทำอะไร แต่มันคือโอกาสที่จะเก็บหุ้นดีที่มีราคาถูกลงมากเพราะข่าวร้ายที่ไม่ร้ายนักในระยะยาว
หุ้น amex
หุ้นวอชิงตันโพส
หุ้น geico
และอีกหลายตัว ที่มีการบริหารผิดพลาดจนเป็นข่าวร้ายและกระทบกับมูลค่าหุ้นที่สะท้อนจากราคาระยะสั้นอย่างมาก
ยังไง vi ก็ต้องวิเคราะห์อย่างใจเย็น และรอบคอบระมัดระวัง โดยอาศัยระยะเวลาการลงทุนระยะยาวเป็นตัวปรับปรุงผลกระทบจากข่าวร้ายต่างๆ และหลายครั้งกลับเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาวในราคาต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัว ข่าวร้ายคงต้องมีบ้างที่เป็นจริง และเปลี่ยนพื้นฐานหุ้นให้เลวร้ายจนยากต่อการฟื้นตัว
หลัก Mos จึงมีความสำคัญมาก ทั้งจากตัวหุ้นแต่ละตัวที่ลงทุน
และ portfolio management ที่เราควรมีหุ้นที่ลงทุนมากกว่า 1 ตัวด้วยเป็นภูมิต้านทาน แม้จะไม่ diversify มากตัวจนไปเป็นเหมือนกองทุนดัชนี
บริหารสายกลางที่เหมาะสมกับเราให้ได้ คำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะสมกับเราตามระดับความรู้ในหุ้นที่เราลงทุนเป็นอย่างดี
ขอให้มีบางตัวผิดพลาดบ้าง แต่ยังมีอีกหลายตัวใน port ที่เข้ามาช่วยลดผลกระทบ และหลายครั้งหุ้นใน port ที่เหลือและ perform มาก ๆ จะมีส่วนช่วยให้ ผลตอบแทนรวมยังเดินหน้าต่อไปด้วยดี ตรงนี้ผมได้ความรู้จากประสบการณ์ส่วนตัวและจากการลงทุนของบางคนที่เป็น vi
ผมเชื่อว่าการมองอะไรล่วงหน้าในเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น และบริหารความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า จะทำให้Vi ทุกคนจะสามารถปรับตัวมากน้อยแตกต่างกันไป แต่จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แม้จะมีข่าวร้ายในอนาคตเข้ามาอีกมากมาย เข้ามาอีกหลายปี หลายรูปแบบเท่าใดก็ตามครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: นิทาน VI
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 82
- ผู้ติดตาม: 0
Re: นิทาน VI
โพสต์ที่ 7
อ่านๆดูจะคล้ายๆกับ Case BANPU ที่ราคาตกลงจากแถวๆช่วง 800 ลงมา 300
ช่วงที่ราคาตกถล่มทลาย ก็มาจาก
1. Insider รู้ข้อมูลที่เป็น faq ล่วงหน้าเกี่ยวกับกำไรของบริษัท ราคาถ่านหิน พลังงานทดแทน
2.Technical เทขายตามจากสัญญาณ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สัญญาณบอกขายก็ขายทันที
3.1 VI ที่เข้าใจผิดว่า BANPU เป็นหุ้นแข็งแกร่ง ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นหุ้นวัฏจักร ก็จะไม่ขาย เพราะคิดว่า Mr. market อารมณ์แปรปรวน
3.2 VI ที่เข้าใจประเภทหุ้นของ BANPU และติดตามข่าวในเรื่องพลังงานทดแทน จะเข้าใจ
และขายทันที ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไรเท่าไหร่
ที่ผมยกตัวอย่าง BANPU เพราะว่าที่อ่านๆมามี VI หลายๆท่านที่ขาดทุน BANPU ไม่น้อย
กว่าจะวิเคาะห์สาเหตุเจอก็สายไปแล้ว โดยที่สาย Insider และ Technical จะขาดทุนน้อยกว่า
แต่ถ้าเป็น VI ที่ขยันทำการบ้านจริงๆอาจจะขายแถวๆที่ 600-800 ก็ได้ครับ
ช่วงที่ราคาตกถล่มทลาย ก็มาจาก
1. Insider รู้ข้อมูลที่เป็น faq ล่วงหน้าเกี่ยวกับกำไรของบริษัท ราคาถ่านหิน พลังงานทดแทน
2.Technical เทขายตามจากสัญญาณ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สัญญาณบอกขายก็ขายทันที
3.1 VI ที่เข้าใจผิดว่า BANPU เป็นหุ้นแข็งแกร่ง ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นหุ้นวัฏจักร ก็จะไม่ขาย เพราะคิดว่า Mr. market อารมณ์แปรปรวน
3.2 VI ที่เข้าใจประเภทหุ้นของ BANPU และติดตามข่าวในเรื่องพลังงานทดแทน จะเข้าใจ
และขายทันที ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไรเท่าไหร่
ที่ผมยกตัวอย่าง BANPU เพราะว่าที่อ่านๆมามี VI หลายๆท่านที่ขาดทุน BANPU ไม่น้อย
กว่าจะวิเคาะห์สาเหตุเจอก็สายไปแล้ว โดยที่สาย Insider และ Technical จะขาดทุนน้อยกว่า
แต่ถ้าเป็น VI ที่ขยันทำการบ้านจริงๆอาจจะขายแถวๆที่ 600-800 ก็ได้ครับ
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: นิทาน VI
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณมากครับ อ.ชาย คนขายของ
วิธีการลงทุนแนว VI หรือแนวใดๆก็ตาม ไงๆก็ต้องมีการผิดพลาดเข้าสักครั้งอยู่แล้วนะครับ เพราะในโลกการลงทุนมันอยู่บนพื้นฐาน "ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์"
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การเตรียมพร้อมที่จะรับความผิดพลาด ที่ทำให้เราอยู่รอดในตลาดหุ้นต่อไปได้ในระยะยาว
วิธีการลงทุนแนว VI หรือแนวใดๆก็ตาม ไงๆก็ต้องมีการผิดพลาดเข้าสักครั้งอยู่แล้วนะครับ เพราะในโลกการลงทุนมันอยู่บนพื้นฐาน "ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์"
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การเตรียมพร้อมที่จะรับความผิดพลาด ที่ทำให้เราอยู่รอดในตลาดหุ้นต่อไปได้ในระยะยาว