จับจังหวะตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

จับจังหวะตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

บทความ Value Way กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ฉบับวันที่ 22 กรกฎาคม 2556
โดย ประภาคาร ภราดรภิบาล
จับจังหวะตลาดหุ้น
   
   ช่วงเวลาเดือนสองเดือนนี้ผู้ที่ลงทุนในตลาดหุ้นคงจะได้เห็นอารมณ์ของ “มิสเตอร์มาร์เก็ต” กันแล้วว่ามีความผันผวนปรวนแปรเพียงใด บางวันที่อารมณ์รุนแรงก็กระชากดัชนีให้ผันผวนขึ้นลงหลายสิบจุดภายในวันเดียว และใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ทุบตลาดหุ้นให้ลดลงได้เป็นร้อยจุด 
                    
   นักลงทุนจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดหุ้นได้ไม่นาน พากันตั้งคำถามด้วยความหวาดวิตกว่า ตลาดหุ้นจะไหลรูดต่ำลงไปอีกมากแค่ไหน และจะสามารถขึ้นกลับไปที่จุดสูงสุดเดิมได้หรือไม่ หลายคนถึงกับต้องคอยเฝ้าติดตามการคาดการณ์สภาวะตลาดหุ้นจากแหล่งต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดีกับการลงทุนในตลาดหุ้น                    
                    
   แต่ทราบหรือไม่ครับว่า ในขณะที่นักลงทุนทั่วๆไปให้ความสนใจกับการติดตามสภาวะของตลาดหุ้น แต่บรรดานักลงทุนระดับปรมาจารย์ทั้งหลาย แทบไม่มีใครให้ความสำคัญกับการคาดการณ์หรือพยายามจับจังหวะตลาดหุ้นกันเลย 
                    
   ผู้จัดการกองทุนชื่อดังอย่าง “แอนโทนี โบลตัน” กล่าวว่า “จากประสบการณ์ของผม การคาดการณ์ทิศทางตลาดเป็นเรื่องยากมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคาดการณ์ให้ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง คำแนะนำของผมก็คือ นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการคาดการณ์และการจับจังหวะตลาด”                    
                    
   พ่อมดการเงินระดับโลก “จอร์จ โซรอส” ก็ยอมรับเช่นกันว่า “ความสำเร็จทางการเงินของผม ดูเหมือนจะสวนทางกับความสามารถในการพยากรณ์ตลาด”
                    
   “เซอร์ จอห์น เทมเพิลตัน” ผู้มีประสบการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกให้ข้อคิดไว้ว่า “นักลงทุนหลายต่อหลายคนพุ่งเป้าไปที่แนวโน้มตลาดหรือมุมมองทางเศรษฐกิจมากจนเกินไปจนลืมไปว่า หุ้นบางตัวสามารถเพิ่มสูงขึ้นได้แม้ตลาดจะอยู่ในสภาวะตลาดหมี ขณะเดียวกันราคาหุ้นบางตัวก็อาจจะตกต่ำลง แม้ว่ามันจะเป็นตลาดกระทิงก็ตาม ตลาดหุ้นและภาวะเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องไปในทิศทางเดียวกันเสมอไป...ดังนั้นจงเลือกซื้อหุ้นรายตัว แทนที่จะซื้อแนวโน้มตลาดหรือมุมมองทางด้านเศรษฐกิจ”
                    
   “ปีเตอร์ ลินซ์” กล่าวอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อการคาดการณ์สภาวะตลาดหุ้น “ผมไม่เชื่อในการทำนายตลาด ผมเชื่อในการซื้อหุ้นที่ดีเยี่ยมโดยเฉพาะบริษัทที่มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน และ/หรือ หุ้นที่ไม่ได้รับความสนใจตามที่มันควรจะเป็น” เขาให้คำแนะนำว่า “นักลงทุนไม่ต้องไปสนใจการขึ้นลงของตลาด แต่ให้ใช้เหตุผลในการซื้อขายเท่านั้น จำไว้เสมอว่า กำไรขาดทุนที่จะได้รับ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม แต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ ดังนั้นไม่ต้องไปสนใจการขึ้นลงของตลาดหุ้น”  
                    
   “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ก็มีความเห็นในแนวทางเดียวกันว่า “หากเราพบกิจการที่เราพึงพอใจ สภาวะของตลาดจะไม่มีผลกระทบอะไรต่อการตัดสินใจของเรา เราจะตัดสินซื้อหุ้นเป็นกิจการๆไป เราไม่เสียเวลาคิดเกี่ยวกับปัจจัยของเศรษฐศาสตร์มหภาค”
                    
   เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า ในสายตาของสุดยอดนักลงทุนทั้งหลายนั้น การคาดการณ์สภาวะของตลาดหุ้นไม่ใช่สาระสำคัญของการลงทุน แต่ “พื้นฐานของกิจการ” ต่างหากคือสิ่งที่พวกเขาสนใจและให้ความสำคัญ
[/size]
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: จับจังหวะตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อย่าจับจังหวะตลาดหุ้น

และที่สำคัญการที่หุ้นบางตัวที่เราถือต้องลงบางปี มันไม่ใช่สิ่งผิดปกติ

ฟิล ฟิชเชอร์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า "คิดซะว่ามันเป็นต้นทุนในการทำธุรกิจ"
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

Re: จับจังหวะตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 3

โพสต์

นักลงทุนทั่วไปมักสร้างกำแพงความคิด
ว่าจะประสบความสำเร็จต้องจับจังหวะตลาดได้เก่ง
ตัวผมเองก็เคยคิดเช่นนั้น

กว่าจะข้ามกำแพงนี้ได้ ต้องอาศัยทั้งเวลาและแรงมหาศาลเลยครับ
แต่มันคุ้มค่าเสมอ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
Verified User
โพสต์: 522
ผู้ติดตาม: 0

Re: จับจังหวะตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 4

โพสต์

คับ มันต้องใช้เวลาและประสบการณ์ กว่าจะเข้าใจว่าการจับจังหวะตลาด
ไม่เกี่ยวกับการลงทุนระยะยาวในกิจการเลย พื้นฐานกิจการนั้นสำคัญที่สุด

เพียงแต่ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะตกใจง่าย และอดทนไม่พอ
เมื่อเห็นหุ้นขึ้นหรือลง ก็มักจะใช้วิธีจับจังหวะ เปลี่ยนกลุ่มหุ้น หรือเปลี่ยนทรัพย์สินที่ลงทุน
โยกเงินไปมา โยกนั่นโยกนี่ ตามบรรดามืออาชีพทางด้านการเงินนำเสนอเสมอๆ
ว่ามันจะเสียโอกาสนะถ้าไม่ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้

สุดท้ายนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจึงมีไม่ถึง 10% ในตลาด
โพสต์โพสต์