โค้ด: เลือกทั้งหมด
หากจะพูดถึงประวัติศาสตร์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา หลายคนอาจจะนึกถึงเรื่องสงครามและการขัดแย้งเป็นส่วนใหญ่ เพราะความจริงแล้วในทางประวัติศาสตร์ ประเทศไทยก็มีการรบกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่เป็นประจำ อีกทั้งยังมีการสร้างภาพยนตร์กันหลายครั้งที่เกี่ยวกับสงครามระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศพม่า และในปัจจุบันเราก็ยังมีกรณีพิพาทพรมแดนในหลายส่วน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็ยังไม่ได้ถูกคลี่คลายให้กระจ่างมาจนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะนึกถึงความขัดแย้งและสงครามเป็นส่วนใหญ่เมื่อนึกถึงประเทศเพื่อนบ้าน แต่หากเรายังคงยึดติดกับภาพเหล่านั้นอาจทำให้เรามองไม่เห็นถึงโอกาสในประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้
กลุ่มประเทศ CLMV อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูนักสำหรับใครหลายๆ คน CLMV มาจากอักษรตัวแรกในภาษาอังกฤษของประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม (Cambodia Laos Myanmar and Vietnam) ถึงแม้ว่าทั้ง 4 ประเทศนี้จะมีรายได้ต่อประชากรน้อยที่สุดในกลุ่มอาเซียน แต่ทั้ง 4 ประเทศนี้กลับมีศักยภาพที่จะสามารถเติบโตในอนาคตมหาศาล โดยถ้าเราเอา GDP ของทั้ง 4 ประเทศนี้รวมกันก็ยังไม่มากเท่าประเทศไทยประเทศเดียว แต่ใน 10 ปีที่ผ่านมานี้ทั้ง 4 ประเทศกลับโตเร็วกว่าประเทศไทยอยู่มาก ในขณะที่ IMF มองว่าประเทศไทยจะเติบโตเฉลี่ย 4-5% ต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่กลับมองว่าประเทศกลุ่ม CLMV จะมีอัตราการเจริญเติบโตอยู่เหนือระดับ 6-7% โดยเฉพาะประเทศพม่าที่ ADB มองว่าถ้าการเมืองในประเทศมีเสถียรภาพก็จะสามารถโตได้ถึง 8%
หากมองด้านประชากรในกลุ่ม CLMV จากตัวเลขของสหประชาชาติ เราจะเห็นได้ว่าจำนวนประชากรของประเทศลาวและกัมพูชาค่อนข้างจะน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียน แต่ในสองประเทศนี้กลับมีจำนวนประชากรที่อายุน้อยกว่า 20 ปีมากเป็นลำดับต้นๆ ในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะประเทศลาวที่มีประชากรครึ่งหนึ่งอายุน้อยกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นประชากรที่จะเติบโตไปทำงานและสร้างรายได้ ทำให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยในอนาคต กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและร้านค้าปลีกจึงมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมากในกลุ่มประเทศ CLMV ขณะที่ประเทศไทยมีอัตราส่วนของประชากรที่อายุน้อยกว่า 20 ปี เป็นลำดับรองสุดท้ายในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยดีกว่าประเทศสิงคโปร์ประเทศเดียว ปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรประมาณ 0.5% และถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อีก 40 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีประชากรที่อยู่ในวัยทำงานน้อยกว่าประชากรที่เกษียณแล้ว
ในมุมมองทางด้านภูมิศาสตร์ พม่าเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งเป็นเสมือนประตูสู่อาเซียน มีทิศตะวันตกติดกับประเทศอินเดีย ทิศเหนือติดกับประเทศจีน และทิศตะวันออกติดกับกลุ่มสมาชิกอาเซียน โดยทั้ง 3 ทิศนี้มีประชากรรวมกันกว่า 40% ของประชากรโลก และเมื่อท่าเรือน้ำลึกทวายก่อสร้างเสร็จ จะช่วยย่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างประเทศไทยกับประเทศตะวันตกได้มาก เช่น การขนส่งจากเมืองเจนไนในประเทศอินเดียมาเมืองไทยจะลดเวลาขนส่งลง 50% เมื่อเทียบกับการอ้อมผ่านช่องแคบมะละกา เป็นต้น
นอกจากนี้ อาเซียนยังวางแผนในการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางถนนให้เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นระยะทางถึง 21,000 กิโลเมตร โดยกว่าครึ่งของระยะทางจะอยู่ในประเทศไทยและกลุ่ม CLMV ซึ่งจะทำให้เกิดการค้าขายระหว่างกันมากขึ้นอีก แม้ว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้นการค้าระหว่างไทยกับกลุ่ม CLMV ได้เพิ่มขึ้นมากแล้วกว่า 700% และด้วยความต่างกันของภูมิประเทศ ทำให้แต่ละประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างกัน โดยพม่ายังอุดมไปด้วยก๊าซธรรมชาติ เวียดนามยังอุดมไปด้วยน้ำมัน ส่วนลาวก็วางกลยุทธ์ให้ประเทศตนเป็นแบตเตอรี่ของอาเซียน เนื่องจากมีภูมิประเทศที่เหมาะแก่การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ
เมื่อพิจารณาด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานก็จะเห็นได้ว่า CLMV ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก โดย World Bank ระบุว่าถ้ารวมค่าเฉลี่ยปริมาณการใช้ไฟของพม่า กัมพูชา และเวียดนาม ต่อประชากรหนึ่งคนแล้ว ยังน้อยกว่าประเทศไทยกว่าเท่าตัว นอกจากนี้ ประชากรประมาณ 40% ที่อยู่นอกชุมชนเมืองในลาวกับกัมพูชา ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงน้ำประปาได้ ส่วนด้านการสื่อสารก็ยังจะขยายได้อีกมากเพราะทุกๆ 100 คนในประเทศไทยลงทะเบียนใช้โทรศัพท์ไร้สาย 113 เครื่อง หรือเฉลี่ยหนึ่งคนมีโทรศัพท์มือถือ 1.13 เครื่อง แต่ในทุกๆ 100 คนในพม่ากลับมีคนลงทะเบียนใช้มือถือเพียงแค่ 3 คน กัมพูชาและลาว มี 70 และ 87 ตามลำดับ เพราะฉะนั้นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภคพื้นฐานจึงมีโอกาสเข้าไปลงทุนเพื่อรองรับการเดินทาง การขนส่งสินค้า และการค้าขาย ที่จะเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้
ในด้านการท่องเที่ยว กลุ่ม CLMV ได้เติบโตขึ้นอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะกัมพูชาที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ในขณะที่ไทยเพิ่มขึ้น 1 เท่า อย่างไรก็ตาม เมื่อนับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในกลุ่ม CLMV ก็ยังน้อยกว่าที่เข้ามาในประเทศไทยอยู่มาก โดยเฉพาะพม่าที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีใกล้เคียงกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยเพียงหนึ่งถึงสองสัปดาห์เท่านั้น และจำนวนห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวก็ยังน้อยมาก ซึ่งห้องพักในกรุงเทพเพียงจังหวัดเดียวกลับมีจำนวนมากกว่าห้องพักในพม่าทั้งประเทศ แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปหลังจากที่พม่าเปิดประเทศ โดยราคาห้องพักที่พม่าในปัจจุบันได้พุ่งสูงขึ้นและมีอัตราการเข้าพักในระดับที่สูงมาก จึงจะต้องมีการลงทุนในด้านนี้อีกมาก เพราะพม่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง และมีชายฝั่งติดกับทะเลอันดามันยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร ดังนั้น ในอนาคตเราก็คงจะเห็นทัวร์ที่จัดมาเที่ยวหลายๆ ประเทศในคราวเดียวในแถบนี้ เหมือนอย่างที่เราไปเที่ยวกลุ่มประเทศยุโรปมากขึ้น ซึ่งน่าจะเห็นการเติบโตของธุรกิจโรงแรมและสายการบินที่เพิ่มรอบเส้นทางระหว่างประเทศในกลุ่มนี้มากขึ้น
จากหลายๆ ปัจจัยที่กล่าวมานี้ ทำให้มีบริษัทไทยหลายบริษัทเห็นโอกาสในการเติบโตของประเทศในกลุ่ม และได้ตัดสินใจเข้าไปลงทุนใน CLMV เพราะฉะนั้น ประวัติศาสตร์ในด้านสังคมและเศรษฐกิจที่เราได้เรียนรู้และสัมผัสมาจึงกำลังจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่เราทำสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนกับประเทศเพื่อนบ้านในอดีตที่มีผู้แพ้ผู้ชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสลับกันไป เรากำลังเข้าไปสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไทยจะก้าวเดินและเติบโตไปพร้อมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่แบ่งผู้แพ้ผู้ชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกันต่อไปอีกแล้ว เพราะเราจะเดินไปโดยมีชัยชนะทางเศรษฐกิจและสังคมร่วมไปกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา
Disclaimer : ข้อมูลในเอกสารนี้ รวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ ทั้งนี้ บลจ.บัวหลวง ไม่สามารถยืนยันหรือรับรองความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว และไม่ว่ากรณีใด บทวิเคราะห์ในเอกสารนี้ มิได้เป็นการชี้นำในการตัดสินใจ หรือโฆษณาการดำเนินธุรกิจของบริษัท การตัดสินใจใดๆ ของผู้อ่าน ล้วนเป็นการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน ซึ่ง บลจ.บัวหลวง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือพันธะผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น[size=150][/size]