โพสต์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
บทความ Value Way กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ฉบับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556
โดย ประภาคาร ภราดรภิบาล
อ่านแล้วรวย
จากบทความตอนที่แล้วผมทิ้งท้ายไว้ว่า สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาตนเอง “การอ่าน” ถือเป็นการ “ลงทุนความรู้” อย่างหนึ่งที่จะช่วยเสริมศักยภาพทางปัญญาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ที่คิดจะ “เริ่มต้นลงทุน” จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “ลงทุนความรู้” ให้มากพอก่อนที่จะ “ลงสนาม” เพราะ “ความรู้” คือปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยลด “ความเสี่ยง” จากการลงทุน นอกจากนี้ “ความรู้” ยังเป็นกุญแจไปสู่การสร้าง “ความมั่งคั่งร่ำรวย” ได้ ถ้าหากรู้จักนำไปต่อยอดหรือปรับประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์
คำถามต่อมาก็คือ “ควรจะอ่านอะไรดี?” สำหรับผู้ที่จะเป็น “นักลงทุน” นั้น แน่นอนว่าควรจะต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อเสริมสร้างความรู้และปูพื้นฐานด้านการลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่สนใจ “การลงทุนแบบเน้นคุณค่า” หรือ “Value Investment” ควรอ่านหนังสือเกี่ยวกับแนวคิดของสุดยอดนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าระดับโลกอย่าง “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ซึ่งมีผู้นำมาเรียบเรียงเป็นหนังสือหลายต่อหลายเล่ม นักลงทุนที่ต้องการเริ่มต้นศึกษาหรือทำความรู้จัก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ผมขอแนะนำหนังสือที่อ่านง่ายๆอย่าง “Warren Buffett Speaks” ของ “เจเน็ต โลว์” ซึ่งเป็นการรวบรวมวาทะของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ในหลากหลายมุมมอง ทั้งเรื่องของชีวิต, การทำงาน และการลงทุน เป็นการปูพื้นก่อนที่จะเพิ่มความเข้มข้นด้านแนวคิดการลงทุนให้มากขึ้นกับหนังสือเล่มอื่นๆอย่าง “The Essential Buffett”, “Buffettology”, “The Essays of Warren Buffett”, ฯลฯ
นอกจาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” แล้ว “ปีเตอร์ ลินซ์” ก็เป็นเซียนหุ้นอีกท่านหนึ่งที่เผยแพร่แนวคิดการลงทุนได้อย่างน่าสนใจ และสามารถนำมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ในการลงทุนได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมืออาชีพก็ตาม หนังสือของ “ปีเตอร์ ลินซ์” ที่นักลงทุนไม่ควรพลาดได้แก่ หนังสือ “One Up on Wall Street” และ “Beating the Street”
และสำหรับนักลงทุนที่ต้องการอ่านแนวคิดการลงทุนต้นตำรับจาก “ปรมาจารย์ด้านการลงทุน” ต้องไม่พลาดหนังสือการลงทุนสุดคลาสสิคอย่าง “The Intelligent Investor” ของ “เบนจามิน เกรแฮม” และ “Common Stocks and Uncommon Profits” ของ “ฟิลลิป ฟิชเชอร์”
หนังสือการลงทุนแต่ละเล่มที่กล่าวถึงข้างต้นนี้ มีผู้ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเป็นภาษาไทยแล้วทุกเล่ม สามารถหาซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วไป
ส่วนหนังสือเกี่ยวกับ “การลงทุนแบบเน้นคุณค่า” ที่เขียนโดย “นักลงทุนไทย” ก็มีจำนวนไม่น้อย แต่ในเบื้องต้นขอแนะนำผลงานระดับ “มาสเตอร์พีช” อย่างหนังสือ “ตีแตก” ของ “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” และหนังสือ “ตะแกรงร่อนหุ้น” ของ “วิบูลย์ พึงประเสริฐ” ซึ่งทั้งสองท่านนี้เป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ผ่านประสบการณ์ในตลาดหุ้นไทยมายาวนาน และประสบความสำเร็จในการลงทุนเป็นอย่างสูง
นอกจากหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนแล้ว การอ่านหรือศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับบริษัทที่จะลงทุนก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น “รายงานประจำปี” และ “แบบ 56-1” ซึ่งเป็นแบบรายงานข้อมูลประจำปีที่บริษัทจดทะเบียนแจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์ รวมถึง “งบการเงิน” ซึ่งแสดงข้อมูลฐานะการเงินของบริษัท
และเพื่อที่จะรับรู้ข่าวสารด้านเศรษฐกิจและการลงทุน การติดตามอ่านข่าวหรือข้อมูลจากหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซต์ด้านการเงิน-การลงทุนอยู่เป็นประจำก็จะช่วยให้รู้ทันสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนได้เป็นอย่างดี
อย่าเพิ่งเข้าใจว่า “การอ่าน” ของ “นักลงทุน” จะต้องจำกัดวงอยู่กับหนังสือด้านการลงทุน,รายงานประจำปี,งบการเงิน หรือข่าวสารด้านเศรษฐกิจและการลงทุนเท่านั้น แต่ “นักลงทุนที่ดี” จะต้องรู้จักเปิดใจศึกษาและเรียนรู้สิ่งอื่นๆให้กว้างกว่าโลกของการลงทุน เพราะแท้จริงแล้วการลงทุนนั้นเกี่ยวเนื่องกับทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัว เราสามารถนำมาเชื่อมโยงกันได้ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ยกตัวอย่างเช่น การอ่านหนังสือแนวจิตวิทยา เราก็สามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนรู้ถึงความโลภและความกลัวของผู้คนในตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่การอ่านหนังสือธรรมะที่ดูเหมือนจะห่างไกลกับเรื่องของการลงทุน ก็ยังมีประโยชน์ในการช่วยให้มีสติรู้เท่าทันความผันผวนปรวนแปรและไม่แน่นอนของสภาวะตลาดหุ้นได้เช่นกัน
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “ชาร์ลี มังเจอร์” กล่าวไว้ว่า “ตราบใดที่ผมมีหนังสือในมือ ผมไม่รู้สึกเลยว่ากำลังเสียเวลา” นั่นเป็นเพราะเขาเห็นว่า หนังสือแต่ละเล่มล้วนมีคุณค่าในตัวของมันเองแทบทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่อ่านจะสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้นเอง
บันทึกไม่สำเร็จ