โพสต์
วันที่ 13 กรกฎาคม 2555 01:09
ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ คำพ่อสอน "ทำธุรกิจต้องซื่อสัตย์"
โดย : ลมลเพ็ชร อภิสิทธิ์นิรันดร์
ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแมกโนเลีย
ความที่เป็นลูกสาวสุดท้องของเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศ
ทำให้ "ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์" ซีอีโอแมกโนเลีย อยู่ในสปอตไลท์ทุกก้าวย่าง
เมื่อต้นปีที่ผ่าน นอกจากจะเป็นการเปิดตัวอภิมหาโปรเจคอสังหาริมทรัพย์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนเนื้อที่ 40 ไร่ ย่านเจริญนคร วงเงินลงทุนสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนของ 3 ปาร์ตี้ 2 แฟมิลี่ ระหว่างสยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่นแล้ว
งานนั้นยังเป็นเหมือนการเปิดตัว "บี" ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแมกโนเลีย ลูกสาวสุดท้อง (จากจำนวนพี่น้อง 5 คน) ของซูเปอร์ซีอีโอ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเมืองไทย "ธนินท์ เจียรวนนท์"
ทิ้งห่างไปไม่ถึง 3 เดือน แมกโนเลีย รุกต่อด้วยการผุดโปรเจคลักชัวรี่ ในชื่อ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด มูลค่าการลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยร่วมทุนกับ บริษัท มณียา เรียลตี้ จำกัด พัฒนาพื้นที่ 6.5 ไร่ ไข่แดงกลางกรุง ย่านราชประสงค์ ยิ่งทำให้ชื่อของทิพาภรณ์เป็นที่สนใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเทียบกับอาการเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยชอบออกสื่อของเธอ
กระซิบถามลูกน้องใกล้ชิด ได้ความว่า...
"คุณบีเป็นคนที่ชอบทำตัวโลว์โปรไฟล์ เธออยากจะพูดถึงตัวโครงการที่ทำอยู่ มากกว่าพูดถึงตัวเอง"
ทว่า ความสนใจในตัวเธอนอกจากโปรเจคยักษ์ หรูเลิศอลังการ ที่เธอทำอยู่แล้ว ใครๆ ก็อยากทำความรู้จักลูกสาวเจ้าสัวใหญ่กันทั้งนั้น เข้าทำนอง "ยิ่งเงียบ ยิ่งทรงเสน่ห์ ยิ่งน่าค้นหา"
บุคลิกโลว์โปรไฟล์ของเธอยังไม่ต่างจากผู้แม่ "คุณหญิงเทวี (วัฒนลิขิต) เจียรวนนท์" ที่ ทิพาภรณ์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า...
"เสียดายที่คนรู้จักคุณแม่น้อยมาก"
คืนค่ำวันแกรนด์โอเพ่นนิ่งโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ที่เต็มไปด้วยแขกเหรื่อคนสำคัญตบเท้าเข้ามาแสดงความยินดีกับความสำเร็จของโครงการนี้ ปรากฏตัว "ศุภชัย เจียรวนนท์" ซีอีโอทรู คอร์ปอเรชั่น อีกหนึ่งแขนงธุรกิจที่เจ้าสัวธนินท์ต้องการปลุกปั้น มาเพื่อบาลานซ์กับธุรกิจหลักในธุรกิจเกษตรครบวงจร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ
เท่าที่สังเกต ศุภชัยมักจะถูกน้องสาวหนีบออกงานด้วยเสมอ เขาอดไม่ได้ที่จะเล่าถึงน้องนุชสุดท้องว่า...
“ผมรู้จักน้องสาวมาทั้งชีวิต รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ตั้งแต่เด็กๆ เป็นยังไงตอนโตมาก็เป็นแบบนั้น น้องสาวผมเป็นคนตรงและทำอะไรทำจริง ไม่ชอบเอาเปรียบใคร”
ขยายความจากคำพูดของศุภชัย เห็นจะจริงตามนั้น เมื่อพิจารณาจากการลงทุนของ 2 โปรเจคยักษ์ ที่มีมูลค่าเงินลงทุนรวมมากถึง 4 หมื่นล้านบาท เพราะทั้ง 2 โครงการต่างมีที่มีสัดส่วนการลงทุน 50:50 ระหว่างแมกโนเลีย กับ ผู้ร่วมทุน ทั้งกับสยามพิวรรธน์ และ มณียา เรียลตี้
เรียกว่า ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ดังที่ "แป๋ม" ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สยามพิวรรธน์ เคยบอกว่าทำธุรกิจร่วมกันต้องไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
นี่คือความเหมือนของสองผู้บริหารหญิง
นอกจากความเป็นคนตรงซึ่งเป็นสิ่งที่คนอื่นพูดถึงเธอ ขณะที่ตัวเธอเองเล่าสั้นๆ ถึงตัวเองว่า จะบอกทีมงานอยู่เสมอๆ ว่าการทำงานสำคัญที่สุดจะต้องยึดถือความซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการไหนๆ สิ่งนี้เองที่เธอได้รับการปลูกฝังจากผู้พ่อมาเต็มๆ
"การทำธุรกิจแบบซื่อสัตย์และเที่ยงตรง จะนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตนเองและบริษัท" เธอยกคำพูดของพ่อมาบอกเล่า สำทับด้วยคำพูดของ ธนวันต์ ชัยวัฒนะ กรรมการผู้จัดการบริษัท แมกโนเลีย ไฟน์เนสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัทร่วมทุนที่ตั้งขึ้น เขาบอกว่า..
"คุณบีย้ำนักย้ำหนากับพวกเราถึงการทำงานว่า ต้องทำงานด้วยความซื่อตรง ซึ่งทุกคนก็ถือเป็นแนวปฏิบัติมาตลอด คุณบียังย้ำเรื่องความสามัคคีอยู่เสมอ”
ในวันแกรนด์โอเพ่นนิ่ง ทิพาภรณ์ ยังพูดคุยกับสื่อแบบประหยัดถ้อยคำแต่ได้ใจความถึงสไตล์การทำงานว่า เธอเป็นคนไม่ชอบทำงานคนเดียวไม่ชอบฉายเดี่ยว ชอบทำงานร่วมกันเป็นทีมมากกว่า เพราะเชื่อว่าจะทำให้งานสำเร็จได้ง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้น
โปรเจคส่วนใหญ่ จึงมักเป็นโครงการร่วมทุน !
“บี ชอบทำงานเป็นทีม คืออยากให้ลูกน้องทุกคนช่วยกันทำงาน ช่วยกันคิด เพราะการทำงานเพียงลำพังมันยากที่จะประสบความสำเร็จ อย่าง แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด อยากให้โครงการนี้เป็นโครงการที่เป็นที่สุด อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยเพราะทุกคนทำงานหนัก"
อยากให้เป็น "ดิ ไอคอน" อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
“ความฝันของเรานะคะ” เธอหัวเราะ
ถามว่าเจ้าสัวธนินท์มีส่วนมากแค่ไหนกับโครงการต่างๆ ที่อยู่ในมือเธอตอนนี้ ทิพาภรณ์ บอกว่า...คุณพ่อเธอมีบทบาทในการแนะนำหลักการทำงานและการใช้ชีวิตมากกว่าจะลงมาดูรายละเอียดของโครงการ เธอบอก
"ทุกอย่างบีและทีมงานช่วยๆ กันทำขึ้นมาค่ะ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ก่อนที่เธอจะอดวกกลับมาพูดถึงจุดเด่นของโครงการว่าหนีไม่พ้น เรื่อง "ทำเล" ทำเล ต้องมาก่อน !!
"การจะพัฒนาแต่ละโครงการได้ต้องเลือกแล้วเลือกอีกว่าทำเลไหนดีที่สุด แต่ละทำเลมีความโดดเด่นแตกต่างกันอย่างไร ต้องวางโครงการออกมาในลักษณะใดจึงจะเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด"
ทำเลจึงถือเป็นจุดขายสำคัญของแมกโนเลีย ไม่ว่าจะเลือกที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ กลางเมือง ในย่านราชประสงค์ "ถ้าทำเลได้ทุกอย่างโอเคหมดเลย” เธอบอกเหมือนดีเวลอปเปอร์ (แทบ) ทุกคนที่เห็นแบบนั้น กับคาถา "ทำเล-ทำเล และ ทำเล"
โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ระหว่างโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กับ โรงแรมเพนนินซูล่า โดยเป็นการเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และพระคลังข้างที่ อายุสัญญาเช่า 30 ปี บวกการก่อสร้างอีก 4 ปี เริ่มก่อสร้างไตรมาส 3 ของปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกปี 2558 ปีเดียวกับโครงการ 3.5 หมื่นล้าน
โดยจะพัฒนาเป็นอาคารสูง 60 ชั้น ในรูปแบบ Mixed use residential เนื้อที่กว่า 100,000 ตร.ม. โดยบริเวณชั้น 1-16 เป็นส่วนของโรงแรมหรูระดับลักซ์ชัวรี่ จำนวน 170 ห้อง โดยกลุ่มฮิลตัน เวิลด์ไวด์ จะเข้ามาบริหารภายใต้ลักชัวรี่โฮเทลระดับสูงสุด “วอดอร์ฟ แอสโทเรีย” (Waldorf Astoria Bangkok) เน้นกลุ่มชาวต่างชาติประมาณ 65% และ คนไทย 35% ในปีนี้ยังมีแผนไปโรดโชว์เพื่อขายโครงการที่จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคในต่างประเทศ
“ในเอเชียมีเพียง 1 แห่งคือ วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย เซี่ยงไฮ้ และประเทศไทยจะเป็นแห่งที่ 2 โดยมีสัญญาบริหารนานถึง 30 ปี โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปี 2558 ความเป็นที่สุดของเราอยู่ตรงนี้ล่ะ” เธออธิบาย และบอกอีกว่า...
แม้สัญญาจะมีอายุแค่เพียง 30 ปี แต่ด้านราคาถือว่าต่ำกว่ารายอื่นๆ ที่อยู่ในแบรนด์ระดับเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินขายขาดทำให้ ราคาแพงมาก เชื่อว่าจะทำให้โครงการใหม่นี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และทางลูกค้าเองสามารถนำไปลงทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย "เธอแอบขายของ" แบบเนียนๆ http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... สัตย์.html
ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
บันทึกไม่สำเร็จ