Marco Polo --- 138 ปีให้หลังการแก้แค้นของจีนกับพ่อค้ายิว
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Marco Polo --- 138 ปีให้หลังการแก้แค้นของจีนกับพ่อค้ายิว
โพสต์ที่ 1
"เมื่อมาถึงประเทศจีน ข้าพเจ้าพบว่าประเทศนี้มีแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่อยู่ 2 อย่าง คือ ดินปืน และ บะหมี่" Marco Polo
***Marco Polo (September 15, 1254 January 9, 1324 at earliest but no later than June 1325 was a Venetian trader and explorer who gained fame for his worldwide travels, recorded in the book Il Milione ("The Million" or The Travels of Marco Polo) also known as Oriente Poliano (the Orient of the Polos) and the Description of the World.
credit http://en.wikipedia.org/wiki/Marco_Polo
สวัสดีครับ...
วันนี้มีเรื่องราวของมาร์ โปโล มาเล่าสู่กันฟังพอให้เป็นความรู้ในแง่มุมที่เกียวกับการลงทุนบ้าง ผมไปติดใจหนังสือของมาร์โค โปโล ที่ชื่อ Description of the World
ที่ท่านมาร์โค โปโลบอกไว้ว่า....
จุดมุ่งหมายของเขาเกี่ยวกับงานชิ้นนี้ เขาเขียนขึ้นมาก็เพื่อต้องการให้คนอื่นๆนำเอาความรู้ที่เขาเรียนรู้มาไปใช้ได้ ทั้งนี้เป็นการรวบรวมขึ้นมาจากสิ่งที่ "ข้าพเจ้าได้พบเห็นโดยตรง" และเรื่องราวที่น่าเชื่อถือที่เขาได้ยินมา แต่ด้วยเหตุประการใดไม่ทราบได้ หนังสือเล่มดังกล่าวจึงครอบคลุมสถานที่ต่างๆ อย่างเช่น ญี่ปุ่น และอาร์คติค ซึ่งท่านก็ยอมรับว่าท่านไม่เคยไปแวะเวียนที่นั่นมาเลย
และเมื่อเร็วๆนี้ จะเป็นที่ทราบกันดีว่า..
หนังสือเล่มดังกล่าวไม่ได้รับความสนใจกันอย่างจริงจังมากนัก เว้นแต่โดยนักวิชาการเพียงไม่กี่คนและบรรดานักสำรวจเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน แม้พ่อค้ายิวจากเวนิสอย่างท่านนั้นจะไม่ได้รับ credit อย่างที่สมควรจะได้รับ แต่สำหรับผมแล้วถือท่านได้พลิกประวัติศาสตร์โลกไปเลยทีเดียว เพราะท่านบุกเบิกเส้นทางไปยังประเทศจีนสำหรับพวกมิชชั่นนารีและพ่อค้าคนอื่นๆ และเส้นทางดังของท่านยังเป็นแผนที่สำคัญของ จักรวรรดิ์มองโกลส์ ในการพิชิตโลกเกือบครึ่งใบในเวลาต่อมา
นักสำรวจอย่าง คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เองยังได้รับแรงบันดาลใจจากมาร์โค โปโล และได้ทำบันทึกลงในหนังสือของเขาโดยเขียนข้อความว่า เป็นเพราะหนังสือ Description of the World ที่ทำให้โคลัมบัสมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกในปี 1492
แต่สิ่งที่การเดินทางครั้งนี้ได้จารึกไว้ครั้งสำคัญ ก็คือ การกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศต่อการแสวงหาเครื่องเทศของชาวยุโรปและความหรูหราอื่นๆของตะวันออกอย่างจีน
ความใฝ่ฝันในการไปสำรวจโลกตะวันออกของชาวยุโรปนั้นมีมาตั้งแต่ศษวรรษที่ 12 แล้ว แล้วยิ่งมารร์โค โล เอาเรื่องเกี่ยวกับควมมั่งคั่งและมหาอำนาจของกุลไลข่านเข้าไปอีก เท่านั้นเองพ่อค้าเมืองเวนิสก็แถบตาโตเป้นไข่ห่านเพราะข่าวนี้และพากันแผร่สะพัดเรื่องนี้ออกไปอย่างเพลิดเพลินทั่วเมืองเวนิส สถานที่แห่งนี้ก็เลยเป้นทั้งต้นกำเนิดของธนาคารแห่งแรกของโลก และเป้นต้นกำเนิดของเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศจีน ที่แพร่สะพัดไปทั่วยุโรปในเวลาต่อมาติดต่อกันยาวนาน...ไปกว่าร้อยกว่าปีให้หลังด้วย
จวบจนศษวรรษที่ 15...
ด้วยเพราะแรงบันดาลใจจากมาร์ โปโล ดั่งที่กล่าวไว้ตอนต้น...
โคลัมบัส จึงได้ตัดสินใจไล่ล่าตามความฝัน แต่ชะลอยว่าถึงแม้เขาจะไม่เคยไปถึงอินเดียและจีนเลยอย่างที่เราท่านทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ก็ไปบุกเบิกพบแผ่นดินใหม่อย่างอเมริกาแทน คราวนี้เรื่องทั้งหมดทั้งหลายแหล่ทั้งจีนของมาร์โค โปโล และอเมริกาของโคลัมบัส ผนวกเข้าหากันก็เหมือนไปกระตุ้นต่อมอยากของฝรั่งขึ้นเป็นสองเด้ง อารามความตื่นเต้นที่ overdosed ในครั้งกระนั้นก็ได้เเปรเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์การค้าของโลกไปอย่างสิ้นเชิง
ในเวลา 6 ปีให้หลัง...
วาสโกดากาชาวโปตุเกสก็มาเดินเรื่ออ้อมแหลมเคปในแอฟฟริไปอินเดียได้สำเร็จเป็นคนแรกและต่อไปก็ไปถึงจีนได้ในที่สุด พอไปถึงแล้วชาวยุโรปก็ไปเอาผ้าไหมและกระเบื้องของจีนมาขายเพื่อแลกกับใบชาที่อินเดีย แลกกับทองคำและสัตว์แปลกในแอฟริกาแล้วขนกลับไปยุโรป ตอนนั้นพ่อค้าที่กุมอำนาจการค้าของจีนในยุโรปกลับเป้นพ่อค้าชาวอาหรับ ขนเอาสินค้าต่างๆทั้งผ้าไหม ใบชา และพลอยจากอินเดียข้ามไปขายในอียิป กำไรแต่ละทีก็บวกกันสี่ห้าร้อยเปอร์เซ็นต์กันทีเดียว ความหอมหวานของกำไรก็เหมือนเสียงดนตรีที่ไม่มีสัญชาติฉันใดฉันนั้น ไม่นานก็เปิดประตูบานใหญ่เข้าสู่ยูโรป และ ปรากฎการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความร่ำรวยให้แก่ธนาคารและพ่อค้ายิวในเมืองเวนิสกันทั่วหน้า
เมื่อได้ศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว จะเรียกได้ว่าสินค้าจากจีนและอินเดียได้กระต้นเศรษฐกิจของยุโรปให้เติบโตขึ้นเป็นทวีคูณนั้นเคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่ครั้งอดีตแล้วครั้งหนึ่ง
ปี 1513...
ชาวยุโรปข้ามทำการค้าไปกับญึ่ปุ่น ในขณะที่สเปนข้ามไปสำรวจอเมริกาใต้ ชาวสเปนไปแล้วก็ไปทำลายอนาจักรของคนท้องถิ่นในขณะเดียวกันก้ไปขยายแพร่พันธ์ไปในตัวด้วย แล้วไปขนทองกลับมายุโรป มากระตุ้นเศรษฐกิจที่ร้อนแรงอยู่แล้วให้ร้อนขึ้นไปอีกหลายเท่า จนทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงในที่สุด โดยเฉพาะในสเปนต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แต่จะว่าไปแล้ว ในขาวมักจะมีดำและในดำมักมีดำกว่า !!
- - !
หรืออีกนัยหนึ่งนั้น ชาวสเปนแนะนำชาวโลกมีบุญคุณกับชาวโลกและทำให้ชาวยุโรปที่มีความโลภเป้นทุนเดิมได้สัมผัสลิ้มรสรู้จักคำว่า "เงินเฟ้อ" เป้นครั้งแรก
ปี 1650... ฮอลันดา เป้นเอกราชจากสเปน พ่อค้าชาวยิวก็อพยพจากสเปนไปประเทศใหม่ พากันไปตั้ง Dutch East India Company ค้าขายไปทั่วโลกจนถึงสิงคโปร์ เมื่อความมั่งคั่งกับอำนาจแยกกันไม่ออก ไม่นานฮอลันดาก็กลายเป็นมหาอำนาจประเทศ
ปี 1688.... อังกฤษพึ่งรู้เคล้ดลับ นำเข้าพ่อค้าชาวยิวไปพัฒนาการค้าในประเทศและจัดการระบบการคลังของประเทศใหม่ทั้งหมดบ้าง ไม่นานอังกฤษก็กลายเป้นชาติที่รุ่งเรืองทางการค้าขึ้นมาในยุโรป
เมื่อทองคำค่อยๆ หมดไป...
ทองคำเขียวก็ขึ้นมาแทน น้ำตาลในบราซิล ฝ้ายในอเมริกาเหนือ ยาสูบในอเมริกาใต้ แต่ยุคเศรษฐกิจใหม่ที่ไม่มีทองคำเหลืองต้องใช้แรงงานเป็นกลไกในการขับเคลื่อน ฝรั่งก้ไปเอาชาวแอฟริกามาเป็นทาส และการเคลือนย้ายของทุนและแรงงงานก็ตีวงเป็นสามเหลียมจากยุโรปไปอมริกาไปแอฟริกาลำเลียงกลับมายุโรปอีกเป็นเขตเศรษฐกิจการค้าใหม่ที่ส่งออกสินค้าข้ามทะเลไปทั่วโลก
ปี 1758... อังกฤษเข้าไปปกครองอินเดีย พ่อค้ายิวก็ตั้ง East India Company ขนสินค้าผ่านช่องแคบมะละกาจนไปหาท่าเรื่อแวะถ่ายสินค้าและต่อมาตั้งท่าเรื่อนั้นก็กลายเป็นประเทศที่ชื่อ "สิงคโปร์ในที่สุด" ที่นี่เองที่อังกฤษไปค้นพบ "ต้นยาง" ซึ่งเปรียบเสมือนทองคำขาว และกลายเป้นสินค้าทำเงินในเวลาต่อมา ใครสนใจถึงตอนนี้ย้อนกลับไปอ่าน เรื่อง Singapore ทีผมเคยรับใช้ท่านผู้อ่านลงไปให้แล้วครับ ก็จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ใครจะไปรู้ว่า..
ความสะดวกของการถ่ายสินค้าจากอินเดียไปจีนที่สิงคโปร์ทีละน้อย ๆ นี่เอง..
จะกลายเป้นฉนวนที่สำคัญที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การค้าของโลกอีกครั้ง
พราะในที่สุดแล้ว เศรษฐกิจของจีนก้ต้องขึ้นกับสินค้าฝิ่นจากอินเดียเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทีละนิด ๆ จนคนจีนกว่ารู้ทันเกมนี้ ก็สายที่เกินแก้แล้ว ในขณะนั้นประชาชนจีนติดฝิ่นกันทั้งประเทศ และเป้นเหตุให้อังกฤษหาเรื่องชวนตีเรื่องที่จีนไม่ยอมใช้หนี้ทางการค้า เปิดสงครามฝิ่นกับจีนในปี 1839 -1842 พ่อค้าจีนเสียท่าพ่อค้ายิวอังกฤษในครั้งนี้จำต้องขนเงินมาชดใช้หนี้ทางค้าอังกฤษเป็นเงินกว่าล้านปอนด์เลยทีเดียวครับ
ปี 1870 ดุลการค้าของโลกที่เคยเอียงมาทางจีนเป้นเวลากว่าหลายร้อยปีก็หายวับไปกลับตาเพราะเสียรู้พ่อค้ายิวนั่นเอง และกองทัพอังกฤษก็ขนเงินมาสร้างประเทศมหาอำนาจใหม่อย่าง "สหรัฐอเมริกา" ด้วยเงินของคนจีนนั่นเองครับ!!
ปี 2008...อีก 138 ปีให้หลังการแก้แค้นของจีนกับพ่อค้ายิวได้สำเร็จลงแล้ว!!!
จากนี้ไปอีกไม่ถึง 10 ปี อย่างที่นักเศรษศาสตร์คาดไว้ว่า GDP ของจีนจะแซงหน้าอเมริกา จากนี้ไป เราจะค่อยๆ เห็นการค้าโลกเริ่มเอียงกลับมาทางฝั่งจีนและอินเดียเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เคยเป้นเมื่อครั้งอดีต คำถามที่ว่าการค้าโลกจะเอียงมาฝั่งนี้นานขนาดไหน จะถึงเป้นร้อยปีหรือปล่าว ไม่มีใครทราบได้ครับ
ต้องถามพ่อค้ายิวละครับ!!!