Value Way ฉบับวันที่ 4 ตุลาคม 2553
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
อัพเดทจากบัฟเฟต
วอร์เรน บัฟเฟตให้สัมภาษณ์ในงานประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจที่มอนทานา สหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆนี้ว่าผมยังมั่นใจในภาวะกระทิงของประเทศของเรา ผมไม่คิดว่าเราจะเห็นเศรษฐกิจตกต่ำอีกรอบ ธุรกิจของเบิร์คไชน์กำลังไปได้ดีในแทบทุกบริษัท
เบิร์คไชน์แฮตตาเวย์ของบัฟเฟตซื้อหุ้นในบริษัทรถไฟเบอร์ลิงค์ตัน (Burlington Northern Santa Fe) ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นจำนวนเงินถึงสองหมื่นเจ็ดพันล้านเหรียญ (กว่า 8 แสนล้านบาท) แสดงให้เห็นว่าเขากำลังคิดว่าเศรษฐกิจอเมริกาคงไม่ล่มสลายอีกรอบอย่างแน่นอน มุมมองของบัฟเฟตแตกต่างจากมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอื่นๆเช่น ศาตราจารย์เนอริล รูบินี (Nouriel Roubini) จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์คหรือศาตารจาย์มาร์ติน ฟิลสเตน (Martin Feldstein) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่คาดว่าโอกาสที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกรอบมีมากกว่าหนึ่งในสามเลยทีเดียว
บัฟเฟตกล่าวว่าผมมองเห็นความรู้สึกแย่ๆกำลังเกิดขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาโดยเฉพาะในสื่อต่างๆ แต่เราไม่เห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับธุรกิจของเรา บริษัทในกลุ่มเรากำลังรับพนักงานเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา
มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอเมริกาจะเติบโต 1.6% ในไตรมาศสองปีนี้มากกว่าการประมาณการของการสำรวจล่าสุด ในปีหน้าคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาจะอยู่ที่ 2.5% ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงสูงที่ระดับ 9% ในปีที่ผ่านมาบริษัทเบริ์คไชน์ลดพนักงานลงกว่า 2 หมื่นตำแหน่งเนื่องจากการชะลดตัวของภาคการผลิต
บัฟเฟตให้ความเห็นว่าธนาคารต่างๆในอเมริกาเริ่มที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เขากล่าวว่าสภาพธุรกิจตอนนี้เทียบกับเมื่อปีหรือสองปีที่แล้วต่างกันอย่างกับหน้ามือและหลังมือ เขาในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารเวลล์ฟาร์โก (Well Fargo Bank) ทราบมาว่าเวลล์ฟาร์โกมีเงินเตรียมพร้อมที่จะปล่อยกู้มากถึง 5 หมื่นล้านเหรียญ เขาแนะนำให้นักลงทุนหรือเจ้าของธุรกิจเริ่มคุยกับธนาคารต่างๆได้แล้ว
ถึงอย่างไรก็ตาม บัฟเฟตยังคงให้ความเห็นว่าถึงแม้โอกาสที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกรอบมีไม่มาก แต่เศรษฐกิจอเมริกายังไม่พ้นภาวะถอถอยทั้งหมดเลยทีเดียว เขากล่าวว่าการตัดสินว่าเศรษฐกิจพ้นภาวะถอถอยเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วจากประกาศของคณะกรรมการเศรษฐกิจแห่งชาตินั้นคำนวณตามหลักสถิติมากกว่าความเป็นจริง ในความคิดของบัฟเฟต เขาคิดว่าการที่เศรษฐกิจจะพ้นภาวะถอถอยนั้น จีดีพีควรจะกลับไปอยู่ที่เดิมก่อนที่จะเกิดวิกฤติ ซึ่งในความเป็นจริงคนอเมริกันยังไม่มีรายได้ (หรือจีดีพี) เทียบเท่ากับที่เคยเป็นมา อเมริกาปัจจุบันยังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยผู้คนอาจต้องอยู่กับภาวะเช่นนี้ไปอีกสักพักใหญ่
บัฟเฟตกล่าวว่าธุรกิจของเบิร์คไชน์กำลังดีขึ้น ดูจากธุรกิจรถไฟเบอร์ลิงค์ตัน ถ้าเทียบกับช่วงสูงสุดของธุรกิจแล้ว ตอนนี้การขนส่งกลับมาอยู่ที่ประมาณ 61 เปอร์เซ็นต์และสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาไม่คิดว่าธุรกิจอื่นๆในประเทศอเมริกาจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 60 เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างอย่างธุรกิจพรม อิฐหรือฉนวนกันความร้อนของเบิร์คไชน์ยังอยู่อีกห่างจากจุดสูงสุด แต่ก็กำลังดีวันดีคืน
เขาให้ความเห็นว่ารัฐบาลของโอบามาแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจมาถูกทางแล้ว และธุรกิจต่างๆทั้งเล็กและใหญ่น่าจะกำลังฟื้นตัว แต่คงอีกนานกว่าเศรษฐกิจจะสามารถกลับไปที่จุดเดิมก่อนวิกฤติได้
อัพเดทจากบัเฟต:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
อัพเดทจากบัเฟต:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์ที่ 1
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
อัพเดทจากบัเฟต:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณนะครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
อัพเดทจากบัเฟต:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์ที่ 4
ขออนุญาตินำไปแนะนำให้เพื่่อนๆนักลงทุนท่านอื่นๆได้อ่านกันนะครับ :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ