Value Way ฉบับวันที่ 10 พฤศจิกายน 2551
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
นินทาบัฟเฟต
สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นได้มีโอกาสสัมภาษณ์อลิซ ชโรเดอร์ (Alice Schroeder) ผู้ใช้เวลาถึง 5 ปีในการติดตามวอร์เรน บัฟเฟตเพื่อเขียนหนังสือเรื่องสโนว์บอล (Snow Ball) ซึ่งเป็นอัตชีวประวัติของบัฟเฟตอย่างเป็นทางการเล่มแรก การแต่งหนังสือเล่มนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากตัวบัฟเฟตเอง อลิซสามารถเปิดดูแฟ้มประวัติของเบิร์คไชน์ได้ทุกเล่ม รวมถึงการสัมภาษณ์คนในครอบครัวบัฟเฟตและเพื่อนๆของเขากว่า 250 คน ถือว่าอลิซมีความคุ้นเคยและเข้าใจบัฟเฟตมากกว่านักเขียนคนใดที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา บทสัมภาษณ์นี้มีขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา
ถาม: ทำไมผู้คนถึงสนใจในวอร์เรน บัฟเฟต
อลิซ: ฉันคิดว่าเขากลายมาเป็นบุคคลสาธารณะระดับชาติเพราะผู้คนเชื่อในตัวเขา เขาเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและจัดการกับความเสี่ยงได้ดี รวมทั้งสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้
ถาม: คุณคิดว่าเขาจะรับตำแหน่งในรัฐบาลหรือเปล่า
อลิซ: ฉันคิดว่าไม่นะ ฉันว่าเขาชอบทำงานของเขาที่เบิร์คไชน์มากกว่า และคิดว่าเขาคงไม่อยากจะไปทำงานอื่น และที่สำคัญเขาคงไม่ชอบให้ใครมาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของเขาโดยเฉพาะเรื่องของการนัดให้เขาเข้าประชุมอยู่ตลอดเวลา
ถาม: ดูเหมือนว่าตลาดหุ้นกำลังกลับไปสู่ยุคตกต่ำ
อลิซ: บัฟเฟตมักพูดเสมอว่านิสัยมนุษย์ไม่เคยเปลี่ยน ความโลภและความกลัวเป็นสองสิ่งที่ขับดันตลาด มีผู้คนมากมายที่ฟังเขาเวลาเขาพูด แต่สุดท้ายแล้วตลาดก็เต็มไปด้วยความโลภและความกลัวเช่นเดิม
ถาม: คุณได้คุยกับเขาไหมเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตการเงินในปัจจุบัน
อลิซ: ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันคือเมื่อเดือนก่อนหน้านี้ ตอนที่แบร์สเติร์นถูกซื้อโดยเจพีมอร์แกน เขาบอกว่ามันจะเป็นล้มเป็นโดมิโน ถ้ามันเกิดขึ้นรัฐบาลต้องดำเนินการอะไรบางอย่างที่ไม่น่าพิศมัยนัก ในปี 2002 บัฟเฟตได้บอกไว้เกี่ยวกับเรื่องของตราสารอนุพันธ์ว่ามันเป็นระเบิดเวลาดีๆนี่เอง
เขาบอกเสมอว่าอย่าขายตอนตกใจ (Dont sell in Panic) อย่าให้ความกลัวมาทำให้คุณรู้สึกเปลี่ยนไป ถ้าคุณถือหุ้นในบริษัทที่ดีหรือคุณลงทุนในกองทุนดัชนี และคุณเห็นมันมีราคาถูกลง คุณควรจะดีใจไม่ใช่กลัว หลักการคือซื้อถูกขายแพง ไม่ใช่ซื้อแพงขายถูก
เขาเข้าใจในปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤตคราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขาดดุลงบประมาณ หรือการเพิ่มขึ้นของหนี้สินส่วนบุคคล แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของประเทศที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แม้แต่ในตอนปี 1970 ที่ดูเหมือนว่าอเมริกาจะไปไม่รอด สุดท้ายเราก็แก้ปัญหาจนสำเร็จได้
ถาม: บัฟเฟตเล่นพนันหรือเปล่า
อลิซ: ไม่เลย เขาเข้าใจในความเสี่ยง นักพนันคือคนที่พนันโดยไม่เข้าใจความเสี่ยง วอร์เรนเชื่อในเรื่องของส่วนต่างเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) เขาจะไม่ลงทุนถ้าเขาไม่มีโอกาสถูกมากกว่าผิด เมื่อเขาไปลาสเวกัส เขาไม่ได้ไปเล่นพนันแต่ไปดูโชว์มากกว่า
ถาม: เขามีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง
อลิซ: เขาค่อนข้างเคี่ยวถ้าเป็นเรื่องของธุรกิจและไม่ค่อยใส่ใจผู้คนรอบข้างสักเท่าไหร่ ถึงแม้จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวเขามักเจรจาต่อรองเหมือนกับทำธุรกิจ
ถาม: เขามีคำแนะนำอย่างไรในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้
อลิซ: เขาบอกว่าเราควรมองไกลๆและตัดสินใจระะยาวในเรื่องส่วนตัว รวมทั้งเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด คิดว่าจะมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นบ้าง อย่าคิดว่าทุกอย่างจะดีไปทั้งหมด ถ้าคุณมีหนี้ ให้คุณคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะปลดหนี้นั้นได้ หรือเจรจากับเจ้าหนี้ถ้าคุณคิดว่ามีปัญหาจริงๆ ให้คุณเข้าใจถึงสิ่งที่คุณจ่ายเพราะการมีเงินสำรองนั้นช่วยให้คุณหลับสนิทได้และมีค่ากว่าโทรทัศน์จอแบนรุ่นใหม่
นินทาบัฟเฟตต์ [ValueWay :วิบูลย์พึงประเสริฐ]
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
นินทาบัฟเฟตต์ [ValueWay :วิบูลย์พึงประเสริฐ]
โพสต์ที่ 1
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
นินทาบัฟเฟตต์ [ValueWay :วิบูลย์พึงประเสริฐ]
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณมากๆนะครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ