หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ผมมักถูกถามอยู่เนือง ๆ  ว่าทำไมไม่ไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐที่มีบริษัทที่โดดเด่นระดับโลกมากมายที่น่าจะเป็น “ซุปเปอร์สต็อก”  ที่เป็นหุ้นที่ผมชอบลงทุน  คำตอบของผมมีหลายข้อซึ่งมักจะรวมถึง  ความจริงที่ว่า  มันเป็นตลาดที่ผมไม่มีความรู้มากพอในการที่จะเลือกหุ้นลงทุน  จริงอยู่  ผมก็อาจจะมีความคิดอยู่บ้างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเหล่านั้นผลิตและขายให้กับคนทั่วโลกรวมถึงผม  แต่เมื่อเทียบกับคนหนุ่มสาวโดยเฉพาะที่เป็นนักลงทุนมืออาชีพทั่วโลกแล้ว  ผมก็เป็น  “หมู” ดี ๆ  นั่นเอง  ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากทำ  ผมชอบแข่งในตลาดที่ผมมีความรู้และความสามารถมากกว่าคนอื่นเช่นในตลาดที่กำลังพัฒนามากกว่า   ประเด็นต่อมาก็คือ  ตลาดหุ้นที่วอลสตรีทนั้น  ผมคิดว่ามันเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก  นั่นก็คือ  ราคาหุ้นส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมีราคาที่เหมาะสม  เป็นเรื่องยากมากที่จะหาหุ้นราคาถูกซื้อแล้วกำไรงดงาม  การที่เราจะสามารถลงทุนแล้วทำผลตอบแทนดีกว่าตลาดหรือดัชนีในระยะยาวเป็นไปได้ยาก

    แต่คนก็มักจะสงสัยว่าสิ่งที่ผมพูดข้างต้นอาจจะไม่ถูกในโลก “ยุคใหม่”  เหตุผลก็คือ  คนที่ไปลงทุนซื้อหุ้นเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ในตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อเร็ว ๆ  นี้หรือที่ทำมาแล้วหลาย ๆ ปี  ต่างก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ  ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านั้นต่างก็ขึ้นไปสูงมากและว่าที่จริงมันก็สูงลิ่วมาเป็นสิบปีแล้ว  ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่อง ฟลุ๊กหรือบังเอิญ  เพราะเทคโนโลยีจะเป็นเรื่องของชีวิตในอนาคตของคนทั้งโลก  การลงทุนถือหุ้นเหล่านั้นยาวนานน่าจะเป็นวิธีที่จะให้ผลตอบแทนสูงและมีความมั่นคงและมันเป็นการลงทุนตามหลักการของ Value Investing อย่างแน่นอน  คนที่ไม่ยอมลงทุนในหุ้นเหล่านั้นในที่สุดก็จะ  “แพ้”  เพราะหุ้น  “ยุคเก่า”  นั้น  นับวันจะถดถอยลงไปเรื่อย ๆ  แม้แต่ วอเร็น บัฟเฟตต์ เองก็เริ่มลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี  เริ่มตั้งแต่ ไอบีเอ็ม  และล่าสุดก็คือหุ้นแอปเปิล

    ผมเองไม่สามารถที่จะตอบได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  แต่เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา  ผมได้อ่านงานวิจัยของ GOBankingRates ซึ่งแสดงผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นยักษ์ใหญ่ที่เป็น  “ซุปเปอร์สต็อก” ของตลาดหุ้นอเมริกาที่เราคุ้นเคยกว่าสิบบริษัท  เพื่อแสดงว่าถ้าเราซื้อหุ้นลงทุนย้อนหลังไป 10 ปี  เราจะได้ผลตอบแทนแบบทบต้นปีละกี่เปอร์เซ็นต์  ผมคิดว่าน่าสนใจและมันอาจจะเป็นบทเรียนที่ดีได้

    หุ้นตัวแรกก็คือ  หุ้นแอปเปิล  “สุดยอดหุ้น” ที่กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกในวันนี้  ถ้าเราลงทุนซื้อหุ้นเมื่อสิบปีที่แล้วและถือมาจนถึงวันนี้  ผลตอบแทนต่อปีแบบทบต้นของเราจะเท่ากับปีละ 24.32%  เงิน 1,000 เหรียญจะกลายเป็น 8,818 เหรียญ หรือเงินโตขึ้นเกือบ 9 เท่าในเวลา 10 ปี   นี่สำหรับผมแล้วก็เป็นเรื่อง Surprise! หรือความผิดคาด  เพราะผมเองเคยตั้งเกณฑ์ว่าหุ้นที่จะเป็น “ซุปเปอร์สต็อก”  นั้น  จะต้องโตขึ้นอย่างน้อย 10 เท่าในเวลา 10 ปี หรือให้ผลตอบแทนทบต้นปีละ 26%   และก็เคยแสดงให้เห็นว่าในตลาดหุ้นไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้น  มีหุ้นแบบนี้กว่า 10 ตัว  ดังนั้น  ถ้าถือตามเกณฑ์นี้  หุ้นแอปเปิลก็ไม่ถึงจุดที่เป็นซุปเปอร์สต็อกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

    หุ้นตัวที่สองคือหุ้น NETFLIX ที่กำลังโด่งดังจากการให้บริการภาพยนตร์ซีรีผ่านโปรแกรม Streaming แบบบอกรับเป็นสมาชิก  ถ้าเราลงทุนเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่บริษัทยังเล็ก  เงิน 1,000 เหรียญจะกลายเป็น 69,835 เหรียญ หรือโตขึ้น เกือบ 70 เท่า  หรือคิดเป็นผลตอบแทนแบบทบต้นต่อปีถึง 52.9%  อย่างไรก็ตาม  คงเป็นเรื่องไม่ง่ายนักสำหรับเราที่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักบริษัทเลยเมื่อ 10 ปีก่อนที่จะเข้าไปเลือกหุ้นตัวนี้ได้ถูกต้องเมื่อเทียบกับหุ้นแอปเปิลที่ดังมากแล้วตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน

    หุ้นตัวที่สามคือหุ้นกูเกิลที่หลายคนบอกว่าไม่มีใครทาบได้ในแง่ความสามารถในการแข่งขัน  10 ปีที่ผ่านมาเงิน 1,000 เหรียญโตขึ้นเป็นเพียง 2,940 เหรียญ ให้ผลตอบแทนเพียงปีละ 11.39% ซึ่งน่าจะน้อยยิ่งกว่าซื้อกองทุนรวมอิงดัชนีในตลาดหุ้นไทย  และนี่ก็คือการลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่และโด่งดังมากจนคนรู้จักไปทั่วโลกแล้ว

    ตัวที่ 4 คือหุ้นวอลท์ดิสนีย์  หุ้นธุรกิจยุคเก่าที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมานาน  เงิน 1,000 เหรียญกลายเป็น 3,273 หรือให้ผลตอบแทนแบบทบต้นปีละ 12.59% นี่ก็เป็นผลงานที่น่าทึ่งมากโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับบริษัทสื่อจำนวนมากที่ต้องล้มหายตายจากไป

    ตัวที่ห้าคือ โค๊ก  หุ้นหลักเก่าแก่ตัวหนึ่งของบัฟเฟตต์ที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้นโตขึ้นจาก 1,000 เป็น 2,095 เหรียญ หรือให้ผลตอบแทนปีละแค่ 7.68% พอ ๆ กับดัชนีตลาดหุ้น S&P ของสหรัฐ  ดูเหมือนว่าโค๊กอาจจะกำลังกลายเป็น “อดีต” ซุปเปอร์สต็อกตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

    ตัวที่ 6 คือหุ้นวอลมาร์ท ที่กำลังต้องต่อสู้กับการถูก Disrupted หรือทำลายโดย E-Commerce  ช่วง 10 ปี เงิน 1,000 ที่ลงทุนในหุ้นวอลมาร์ท ก็ยังโตขึ้นเป็น 2,158 เหรียญ หรือได้ผลตอบแทนปีละ 8% แบบทบต้น  และนี่ก็อาจจะแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของอดีตซุปเปอร์สต็อกที่  “ตายยาก” หรืออาจจะตายอย่างช้า ๆ  มีเวลาให้คนขายหุ้นได้ทัน

    ตัวที่ 7 คือไมโครซอฟท์ “ยักษ์ดิจิตอล” ที่เก่าแก่ที่สุดตัวหนึ่ง  เงินลงทุน 1,000 เหรียญในช่วง 10 ปีโตขึ้นเป็น 2,893 เหรียญ ให้ผลตอบแทนแบบทบต้นปีละ 11.21%  ไม่โดดเด่นมากแต่ก็ไม่เลวนักสำหรับหุ้นยักษ์ที่คนถือแล้ว “สบายใจ” เพราะยังไงเสียไม่มีใครมาแทนวินโดว์ได้

    ตัวที่ 8 คือหุ้น ไนกี้  ที่เป็นหุ้น “ยุคเก่า” ที่นักลงทุน “New Gen” อาจจะเบือนหน้าหนีเมื่อ 10 ปีก่อน  แต่ถ้าลงทุน  เงิน 1,000 เหรียญจะกลายเป็น 4,091 เหรียญ หรือได้ผลตอบแทน  “สุดยอด” ถึงปีละ 15.13% แบบทบต้นเป็นเวลา 10 ปี

    ตัวที่ 9 คือหุ้น GE บริษัทที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่และ  “เปลี่ยนโลก”  เข้าสู่ยุคเครื่องใช้ไฟฟ้า  แต่เมื่อ 10 ปีที่แล้วถ้านักลงทุนคิดว่ามันจะ “กลับมา” ยิ่งใหญ่ หรือคิดว่าราคาหุ้น “ถูกมาก” พวกเขาก็คิดผิด  เพราะเงิน 1,000 เหรียญจะเหลือเพียง 857 เหรียญ ใน 10 ปี  หรือขาดทุนเฉลี่ยปีละ1.52%

    ตัวที่ 10 คือหุ้น อเมซอน ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวันและกำลังเปลี่ยนวิถีชีวิตการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนจำนวนมากในโลก  เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่บริษัทกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วแต่ขาดทุนอย่างหนักคงมี VI จำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถจะลงทุนกับบริษัทที่มี Market Cap. สูงลิ่วแต่ไม่มีกำไรได้  แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผิด  เพราะ เงินลงทุน 1,000 เหรียญโตขึ้นเป็น 12,246 เหรียญ หรือให้ผลตอบแทนทบต้นปีละ 28.47% ใน 10 ปี  ถือว่าเป็นซุปเปอร์สต็อกอย่างสมบูรณ์

    ตัวที่ 11 คือหุ้นไฟเซอร์ หุ้นยาที่เป็นเมกาเทรนด์แห่งอนาคต  แต่ถ้าใครลงทุนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เงิน 1,000 เหรียญก็โตขึ้นเป็นเพียง 1,772 เหรียญ หรือให้ผลตอบแทนปีละ 5.89%  บางทีนี่อาจจะไม่ใช่บริษัทที่จะเป็นผู้ชนะในธุรกิจแห่งอนาคตก็เป็นได้ เหนือสิ่งอื่นใด  มันใหญ่มากอยู่แล้วเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

    ตัวที่ 12 คือหุ้นแม็คโดนัลด์  หุ้นอาหารที่ดิจิตัลไม่สามารถทำลายมันได้ เงินลงทุน 1,000 เหรียญ เติบโตขึ้นเป็น 3,836 เหรียญ หรือให้ผลตอบแทนทบต้นปีละ 14.39% ในเวลา 10 ปี และนี่ก็คือหุ้นอาหารที่ให้ผลตอบแทนสูงและ  “ไม่เสี่ยง”  ในยุคดิจิตอล

    หุ้นตัวสุดท้ายก็คือหุ้นที่ไม่สนกระแสของดิจิตอลนั่นก็คือหุ้น สตาร์บักส์ ที่กลายเป็น “ซุปเปอร์สต็อก” ในสายตาของคนจำนวนมาก  จากสินค้าพื้น ๆ ที่ “ทุกคนทำได้”   เงิน 1,000 เหรียญที่ลงทุนกับบริษัทกลายเป็น 4,283 เหรียญ หรือให้ผลตอบแทนปีละ 15.66% ในเวลา 10 ปี

    ข้อสรุปที่เป็นภาพใหญ่ที่สุดของผมจากผลตอบแทนของ “หุ้นยักษ์” ในตลาดหุ้นอเมริกาก็คือ  มันไม่สามารถโตเร็วมากเท่ากับซุปเปอร์สต็อกในตลาดที่กำลังพัฒนาได้แม้ว่ามันกำลังจะ “ครองโลก”  ดังนั้น  หากจะลงทุนหุ้นซุปเปอร์สต็อกระดับโลกเพื่อหวังผลตอบแทนสูง ๆ    เราคงจะต้องรู้ก่อนที่บริษัทเหล่านั้นจะดังและใหญ่คับฟ้าแล้ว  อย่างเช่นหุ้น NETFLIX เมื่อ 10 ปีที่แล้ว  เป็นต้น
[/size]
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

releated link: on
"GOBankingRates"
What $1,000 Invested in These Stocks 10 Years Ago Is Worth Today
See how big-name stocks have performed in the past decade.
By John Csiszar September 18, 2017
John Csiszar
https://www.gobankingrates.com/investin ... ago-worth/

:D
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ซึ่งในบทความ วันเริ่มและหยุด ของราคา NFLX คือ
Share price Aug. 31, 2007: $2.50
Share price Aug. 31, 2017: $174.71
Average annualized return: 52.90%
....
nflx07-17-10y-price.JPG
ไปดู ใน morningstar.com ใกล้เคียงกัน จากclose 3.80$ (12/31/2007)
เป็น 195.08$ (10/10/2017)
http://performance.morningstar.com/stoc ... ture=en-US


**แต่**ราคา
ที่ขึ้นไป 174/2.5 หรือ69เท่านั้น
หรือ 195/3.8 หรือ 51เท่านั้น..

พอไปดูกำไร
net income จาก 2007 ที่ 67 ล้าน ปี 2012 ลดเหลือ 17 ล้าน
และ ปีล่าสุด TTM2017 เป็น 362ล้าน
ถ้าเอาสูงสุด 362/67 ก็ 5.4เท่า
....
แปลว่าใน 10ปี กำไรnet income เพิ่ม 5.4เท่า
แต่ราคาวิ่งไป 51-69เท่า

...
(please recheck source)
ผิดตกขออภัย
..
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

nflx07-17-10y-earning.JPG
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

Share price Aug. 31, 2007: $19.78
Share price Aug. 31, 2017: $164.00
Average annualized return: 24.32%
ส่วนบทความ นั้น ราคา aapl
วิ่งจาก 19.78 ไป 164
หรือ 164/19.78=8.29เท่า

แต่กำไร ช่วงเดียงกัน 2007-2017
2007=3495
2017ttm=46650
46651/3495เท่ากับ 13.34เท่า
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

จะต้องโตขึ้นอย่างน้อย 10 เท่าในเวลา 10 ปี

..
ควรแปลว่า
กำไรโต 10เท่า ใน 10ปี
ซึ่งหุ้นในไทย บางตัวที่
ที่ราคาไปไกลมากแล้ว ใน10ปี กำไร ก็แค่ 5เท่า กว่าๆ
..
Price is what you pay; Value is waht you get. ปู่เบน.
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมไม่ชอบแนวความคิดที่ว่าการลงทุนคือการแข่งขันเลยครับ ผมไม่ชอบการแข่งขัน เพราะ ผมไม่ชอบเป็นผู้แพ้ สำหรับผม ผมคิดว่า ถ้าคุณอยากจะแข่งก็แข่งกันไป ผมไม่ไปแข่งกับคุณด้วย

ผมไม่แข่งแม้กระทั่งตลาด ว่าจะชนะหรือแพ้ตลาด ผมรู้สึกว่าแค่การมีทัศนคติที่จะแข่งก็เป็นเหตุแห่งทุกข์แล้ว ทุกข์เพราะมุมมองที่เราสร้างให้กับตัวเอง บีบตัวเองให้เป็นทุกข์เมื่อไม่เป็นไปตามความคาดหวัง

เมื่อไม่แข่ง มันก็จะเหลือแค่ว่ากิจการนี้ดีหรือไม่ดี เราเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ราคาน่าซื้อหรือไม่น่าซื้อ ผลตอบแทนที่ได้รับจากราคานี้เป็นเท่าไร ความเสี่ยงเป็นอย่างไร เรารับได้ไหม

สุดท้ายแล้วถ้ามันเป็นการลงทุนที่ดี ที่ลงแล้วนอนหลับสบาย มีความสุขที่ได้ติดตามกิจการ ถึงจะแพ้คนอื่นบ้างในเชิงผลตอบแทน แต่ถ้ามันทำให้เรามีสุขมากกว่าทุกข์ ผมว่าผมชนะแล้วนะ ผมชนะตัวเอง ถึงแม้จะแพ้คนอื่น

เพราะ สุดท้าย เมื่อวันที่เราจะตายจากโลกนี้ไป เราจะไม่เหลืออะไรให้คาใจในประเด็นที่ว่า เราเคยแพ้ เราเคยชนะอะไร และเรามีอะไรที่ยังคาใจกับการแพ้การชนะอันนั้นอยู่ที่จะต้องเก็บเอาไปแข่งต่อในชาติหน้า
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

มาต่อ NFLX อีกนิด
ตามไปดู historical PE
source:
1.http://www.macrotrends.net/stocks/chart ... io-history
2.https://www.gurufocus.com/term/pettm/NF ... etflix-Inc

....
Historical PE year 2013
nflx-his-pe13.JPG
....
PE 2017
nflx-his-pe-17.JPG
+++
PE gurufocus
nflx-pe-2017-gurufocus.JPG
PE Ratio: 234.88 (As of Today)

...

:idea:
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นยักษ์แห่งวอลสตรีท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 11

โพสต์

น่าสนใจเป้นกรณีศึกษา
ที่ว่า
ณ 03/31/2013 ที่ ราคาหุ้น 27.04 ที PE 450.67 เท่า
คนที่ซื้อตอนนั้น
แล้ว มาขาย
ณ 10/11/2017 ที่ ราคา 194.95
ยังได้ กำไร ถึง 194.95/27.04=7.2เท่า ในเวลา 4ปี

แต่บอกไม่ ได้ว่า PE สูงขนาดนี้ มัน จะ sustain ได้นานขนาดไหน..
ยกเว้น คนที่เข้าใจ ใน กิจการจริงๆ เห็น ภาพใหญ่ ของเขาชัดเจน..
โพสต์โพสต์