โค้ด: เลือกทั้งหมด
นักลงทุนใหญ่อย่าง “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เคยกล่าวไว้ว่า “จงตื่นกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกำลังตื่นกลัว” จึงมีคำถามว่า ตลาดหุ้นที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ทำให้นักลงทุนพากัน “ตื่นกลัว” กันพอสมควร เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่ควรจะ “โลภ” ได้หรือยัง?
ช้าก่อนครับ ! การที่จะ“สวนกระแส” เข้าไปลงทุนโดยไม่ดูตาม้าตาเรือใดๆ เลยนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ “สุ่มเสี่ยง” และ “อันตราย” เป็นอย่างยิ่ง
สำหรับ “นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า” หรือ “วีไอ” (Value Investor) นั้น จะ “โลภ” ก็ต่อเมื่อรู้สึกถึง “ความคุ้มค่า” ที่จะเข้าไปลงทุน เหมือนกับการมีโอกาสได้ซื้อ “ของดี ราคาถูก” หรือถ้าไม่ใช่ราคาถูกก็ควรจะเป็นราคาที่ “เหมาะสมและคุ้มค่า” กับเงินที่จ่ายไป
“ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย แต่มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ” คือข้อคิดที่ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” กล่าวเตือนสติแก่บรรดานักลงทุน เพราะฉะนั้นก่อนที่จะ “จ่ายเงิน” เพื่อลงทุนในหุ้นใดๆ ก็ตาม จึงควรพิจารณาดูให้ดีว่า ราคาหุ้นที่ตกลงมาในตอนนี้ ถือได้ว่า “ถูก” หรือ “คุ้มค่า” ที่จะลงทุนหรือไม่?
ใช่ครับ ! ถ้าเทียบกับราคาที่เคยขึ้นไปสูงๆ ก่อนหน้า ราคาในวันนี้อาจจะ “ถูกกว่า” แต่ต้องไม่ลืมว่า ช่วงก่อนหน้านี้อาจเป็นราคาที่อยู่ในระดับ “แพงมากๆ” ก็เป็นได้ และตอนนี้เพียงแค่ลดระดับความแพงลงมาเท่านั้น แต่อาจจะยังไม่ถือว่าถูกจริงๆ สำหรับหุ้นบางตัว
และในขณะเดียวกันก็อาจมีหุ้นหลายๆ ตัวที่ถือได้ว่ามี “ราคาถูก” แต่ต้องวิเคราะห์ด้วยว่าหุ้นดังกล่าวนั้นเป็น “ของดี” จริงๆ หรือเปล่า? เพราะบางทีอาจจะเป็นของถูกๆ ที่ไม่มีคุณภาพ และไม่มีความคุ้มค่าในการลงทุนก็เป็นได้
การลงทุนที่ดีนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องย้อนกลับมาดูที่ “พื้นฐานของกิจการ” เป็นหลักว่า กิจการที่จะเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นนั้น มีคุณภาพดีพอที่จะต้านทานต่อสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยได้มากน้อยแค่ไหน มีศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจได้ดีเพียงใดในระยะยาว
ถ้าเราพบหุ้นของกิจการที่ยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ด้วยดี แม้อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจบ้าง แต่ไม่ได้ทำให้พื้นฐานในระยะยาวย่ำแย่ลง และยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต นั่นถือว่าเราได้พบ “ของดี” เข้าแล้ว และยิ่งถ้าหากสภาวะของตลาดหุ้นกดดันให้ราคาหุ้นร่วงลงต่ำจนถึงระดับที่เราประเมินว่าเป็น “ราคาที่ถูก” หรือ “คุ้มค่า” กับการลงทุนในระยะยาว หากเป็นเช่นนี้ ก็น่าจะถือว่าเป็นจังหวะที่เราควร “โลภ” ในขณะที่คนอื่นๆ กำลัง “ตื่นกลัว” กันอยู่ แต่ถ้าหากยังไม่พบหุ้นหรือกิจการที่เข้าข่ายดังกล่าว ยังไม่พบ “ของดี” ที่มี “ราคาถูก” หรือ “คุ้มค่า” พอที่จะลงทุน การ “Wait and See” ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า