ลงทุนให้ประสบความสำเร็จ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

ลงทุนให้ประสบความสำเร็จ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ในช่วงที่ผ่านมาที่ดิฉันไปบรรยายเรื่องการลงทุน หลังจากเลิกบรรยาย จะมีผู้ลงทุนมาปรึกษาเรื่องการลงทุนของตัวเองกันมาก ดิฉันจับได้ถึงความกังวลและสัมผัสถึงความรู้ความเข้าใจของผู้ลงทุนบางส่วน จึงอยากจะขอนำมาสรุปไว้เผื่อจะเกิดประโยชน์กับผู้ลงทุนที่มีความรู้สึกหรืออยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายๆกัน

    ประการแรก ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีเป้าหมายในการลงทุน ข้อนี้ผู้ลงทุนอาจจะโต้แย้งว่า “มีสิ อยากได้ผลตอบแทนสัก 10%”  ดิฉันอยากทำความเข้าใจว่า เป้าหมายการลงทุนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงผลตอบแทนอย่างเดียว แต่หมายถึง เป้าหมายวัตถุประสงค์ และระยะเวลา ว่าต้องการจะนำเงินลงทุนพร้อมทั้งผลตอบแทนไปทำอะไร เมื่อใด รวมถึงข้อจำกัดในการลงทุนด้วย

    เหตุที่ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็เนื่องจากเป้าหมายเหล่านี้จะกำหนดสิ่งที่เราจะนำเงินไปลงทุนด้วยว่าควรจะเป็นตราสารหรือหลักทรัพย์ประเภทใด หรือต้องเป็นตราสารที่มีระยะเวลาสั้นหรือยาว เช่น หากต้องการเงินเพื่อเป็นสภาพคล่อง เราก็ไม่ควรนำไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารระยะยาว หรือลงทุนในตราสารหรือหลักทรัพย์ประเภทที่มีความเสี่ยงสูง เป็นต้น


    เป้าหมายการลงทุนยังช่วยกำหนดผลตอบแทนที่เราคาดหวังด้วยว่า มีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ เช่น จากตัวอย่างเดิม หากต้องการลงทุนเพื่อเป็นสภาพคล่อง ก็ต้องไม่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงเพราะต้องลงทุนในตราสารที่มีสภาพคล่องสูง ลงทุนในระยะสั้น และต้องมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งในขณะนี้ คาดหวังผลตอบแทนได้เพียง 0.5 ถึง 1.5%ต่อปี เท่านั้น 

    ประการที่สอง ผู้ลงทุนมักจะชอบสูตรสำเร็จ ในทำนอง “บอกมาเลยจะให้ลงทุนอะไร ไม่ต้องอธิบายยืดเยื้อ” คำพูดนี้แหละค่ะที่พาผู้ลงทุนจำนวนมากไปสู่การลงทุนที่ล้มเหลว นอกจากจะไม่สามารถลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของตนแล้ว ส่วนใหญ่จะขาดความเข้าใจในสิ่งที่ลงทุน และนำไปสู่การขาดทุนได้โดยง่าย 

    “การลงทุนไม่มีสูตรสำเร็จ” สิ่งที่ทำแล้วได้ผลดีในช่วงเวลาหนึ่ง กับผู้ลงทุนคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องให้ผลดีอย่างเดียวกันกับผู้ลงทุนอีกคนหนึ่งในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เพราะฉะนั้นอย่าทำตามใครทั้งหมด เรียนรู้จากประสบการณ์ของเขาได้ แต่ลอกเลียนความสำเร็จไม่ได้ค่ะ

    เพราะฉะนั้น ควรต้องฟังว่าเขาแนะนำสิ่งนั้น เพราะเหตุผลอะไร คาดหวังผลตอบแทนประมาณเท่าใด ด้วยเหตุผลอะไร  อย่าฟังเพียงแต่ว่าแนะนำอะไร ตัวไหน การลงทุนทุกอย่างต้องมีเป้าหมาย เพราะฉะนั้น หากจะลงทุน ณ ราคานี้ ต้องมีเป้าหมายว่าราคาที่คาดว่าเหมาะสมคือเท่าใด ทั้งนี้ ไม่มีใครบอกได้หรอกค่ะว่าระยะเวลาที่ราคาจะไปถึงเป้าหมายจะเป็นเมื่อใด การบอกโดยทั่วไปก็เป็นการประมาณการ อาจจะประมาณจากแนวโน้มทางเทคนิค แนวโน้มสภาวะการลงทุน ฯลฯ

    ผู้ลงทุนที่ดี ควรจะฝึกถามคำถามมากๆ เช่น “อะไร” “ทำไม” “เท่าไหร่” “อย่างไร” 

    ประการที่สาม ผู้ลงทุนต้องหาสไตล์ที่เหมาะสมกับตนเอง  ตอนที่ดิฉันได้รับเชิญให้ไปพูดเกี่ยวกับสไตล์การลงทุนของตัวเองให้กับลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ดิฉันพูดไปก็เขินไป คือสไตล์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  ดิฉันบอกเขาว่า อย่าติดตามดูราคาทุกวัน ประเดี๋ยวจะกังวลใจ ถ้าจะเป็นผู้ลงทุนเพื่อหวังผลการลงทุนระยะยาว เราควรจะมองข้ามความผันผวนระยะสั้น  ปรากฏว่าลูกค้าส่วนใหญ่รู้สึกว่า ละสายตาไปจากจอสักเสี้ยววินาทีก็รู้สึกอึกอัดใจแล้ว 

    ถ้าเป็นสไตล์นี้ ดิฉันคิดว่าเป็นผู้ลงทุนที่หมกมุ่นกับการเคลื่อนไหวของราคามากเกินไป เชื่อไหมคะว่าผู้จัดการกองทุนยังไม่อยู่จ้องจอราคาตลอดเวลาเลย เขาจะออกไปเยี่ยมชมกิจการ ไปคุยกับผู้บริหารกิจการ ให้รู้ว่าผู้บริหารมีกลยุทธ์จะนำพาบริษัทไปในทิศทางไหน 

    สำหรับนักลงทุนอาชีพ การจับจ้องจอ ควรจะเกิดขึ้นในวันที่เราจะซื้อ หรือจะขาย หรือวันที่มีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นที่อาจมีผลกระทบต่อราคาเท่านั้น  แต่หากท่านเป็นผู้เก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคา ท่านอาจจะซื้อขายทั้งวัน อย่างนี้จะนั่งจ้องจอทั้งวันก็ไม่มีใครว่ากันค่ะ

    สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ที่ต้องการลงทุนเพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ท่านอาจจะเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวม เพราะมีข้อดีมากมาย ที่สำคัญคือ ประหยัดเวลาที่ท่านจะต้องมาคอยติดตามดูแลความเคลื่อนไหวของราคาด้วยค่ะ เขาทำการวิจัยแล้ว พบว่า กลุ่มคนที่ติดแช้ต ติดไลน์ ติดเฟซบุ้ค มีระยะเวลาการพักผ่อนนอนหลับน้อยลงกว่าเดิมตอนที่ยังไม่ติด และถ้าเป็นกลุ่มติดเกมส์ ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ วันวันหนึ่งใช้เวลาเล่นเกมส์เยอะพอสมควรเลยทีเดียว

    อุตสาหกรรมจัดการลงทุนในประเทศไทย ครบรอบ 40 ปีในปีนี้พร้อมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนี้ได้ช่วยให้ผู้คนจำนวนมากพอสมควรมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น  

    ณ สิ้นปี 2557 อุตสาหกรรมจัดการลงทุน มีเงินภายใต้การจัดการ 5.09 ล้านล้านบาท อยู่ในรูปของกองทุนรวม 3.82 ล้านล้านบาท (ณ 15 พฤษภาคม เติบโตขึ้นเป็น 4.02 ล้านล้านบาท หากไม่นับกองทุนวายุภักษ์ จะมีขนาด 3.7 ล้านล้านบาท) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 799,881 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 471,633 ล้านบาท

    จำนวนกองทุนของทั้งสามประเภท นับรวมได้ 4,273 กองทุน เป็นกองทุนรวม 1,549 กองทุน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 469 กองทุน (นายจ้าง 15,895 ราย) และกองทุนส่วนบุคคล 2,255 กองทุน

    ในส่วนของผู้ลงทุนนั้น มีผู้ลงทุนเปิดบัญชี 5.2 ล้านบัญชี เป็นบัญชีกองทุนรวม 4.36 บัญชี จากเจ้าของ 2.39 ล้านคน (เฉลี่ยคนละ 1.82 บัญชี) และเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 2.85 ล้านคน 

    พนักงานที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมจัดการลงทุนทั้งหมด ณ สิ้นปี 2557 เท่ากับ 2,512 คน ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับบุคลากรที่จะมาดูแลบริหารจัดการเงินของผู้ลงทุนให้เติบโตขึ้น

    ผู้ลงทุนที่พบว่าลงทุนเองแล้วไม่ประสบความสำเร็จ อาจหันมามองดูการลงทุนผ่านมืออาชีพทั้งในรูปแบบกองทุนรวมหรือกองทุนส่วนบุคคลบ้าง บางครั้งอาจจะพบว่า นี่คือคำตอบที่จะปลดตัวเองออกจากพันธนาการที่ทำให้ปวดหัว เสียเวลา หรือบางท่านก็เสียน้ำตา และเสียเงินอยู่ในตอนนี้

    ขอเอาใจช่วยผู้ลงทุนทุกท่านค่ะ
[/size]
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนให้ประสบความสำเร็จ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
opengn
Verified User
โพสต์: 140
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนให้ประสบความสำเร็จ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ
Buntam
Verified User
โพสต์: 106
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนให้ประสบความสำเร็จ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
shumbrotta
Verified User
โพสต์: 289
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนให้ประสบความสำเร็จ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณครับผม
โพสต์โพสต์