หาหุ้นแบบ “Bottom up”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

หาหุ้นแบบ “Bottom up”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    บทความตอนที่แล้ว ผมเขียนถึงการ “เดินห้างหาหุ้น” ซึ่งเป็นวิธีการหาหุ้นแบบบ้านๆ ที่ไม่เพียงนักลงทุนระดับโลกอย่าง “ปีเตอร์ ลินซ์” จะชอบใช้ เพื่อนๆ นักลงทุนที่ผมรู้จักหลายท่าน รวมทั้งนักลงทุนระดับอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือ หรือแม้แต่ตัวผมเองก็มักจะใช้อยู่เสมอ ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีการหาหุ้นแบบที่เรียกกันว่า “Bottom up” ครับ 

    การหาหุ้นแบบ “Bottom up” เป็นการหาหุ้นโดยอาศัยการจุดประกายจาก “สิ่งเล็กๆ” ที่โดนใจเรา แล้วนำไปสู่การ “ขยายผล” ด้วยการหาข้อมูลที่กว้างขึ้น รอบด้านขึ้น เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

    ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่เราได้พบสินค้าบางอย่างที่มีความโดดเด่นสะดุดตาสะดุดใจ และเราเห็นว่ามันช่วยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้สินค้าดังกล่าวได้ดีมาก น่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะส่งผลให้บริษัทที่เป็นผู้ผลิตมีรายได้และกำไรเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

    หรือกรณีที่เราได้สัมผัสกับบริการบางอย่างที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันของเราได้เป็นอย่างดีและมีโอกาสที่ผู้คนจะหันมาใช้บริการแบบนี้กันอย่างต่อเนื่อง นี่ก็อาจจะจุดประกายให้เราไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่ให้บริการดังกล่าว 

    บางคราวเราได้อ่านข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรืออินเตอร์เน็ต แล้วพบว่าบริษัทบางแห่งกำลังเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ๆ เปิดตัวโครงการใหม่ๆ ได้รับสัมปทานหรือสิทธิพิเศษบางอย่างที่เป็นผลดีกับบริษัทนั้นในระยะยาว เราก็อาจจะไปทำการบ้านเพื่อหาข้อมูลด้านอื่นๆ ของบริษัทเหล่านั้นเพิ่มเติม

    บางโอกาสเราได้ชมได้ฟังการสัมภาษณ์ผู้บริหารของบริษัทในรายการโทรทัศน์ ในรายการวิทยุ หรือในงานสัมมนาต่างๆ เราอาจจะได้พบเห็นมุมมองบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับกิจการนั้น เราก็อาจขยายผลไปสู่ข้อมูลอื่นๆ ที่รอบด้านขึ้น

    หรือแม้แต่บางครั้งมีผู้ปรารถนาดีมากระซิบ “หุ้นเด็ด” ให้กับเรา แทนที่เราจะเชื่อ แล้วตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนั้นเลย เราก็อาจใช้วิธี “Bottom up” ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นให้รอบด้านเสียก่อน ว่าเป็น “หุ้นเด็ด” จริงๆ หรือว่าเป็น “หุ้นเด็ดชีพ” กันแน่ 

    “Bottom up” จึงเป็นการเริ่มต้นจาก “สิ่งเล็กๆ” ที่เราได้สัมผัส พบเห็น ได้ยิน ได้ฟัง แล้วต่อยอดด้วยการไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าบริษัทเหล่านั้นมีความน่าสนใจลงทุนมากน้อยเพียงใด

    บางทีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจส่งผลที่ยิ่งใหญ่ให้กับเราได้ ถ้ารู้จักสังเกต และหาคุณค่าจากมัน 

    ไม่ใช่แค่เรื่องหุ้นหรือการลงทุนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ของชีวิตด้วยเช่นกัน
[/size]
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาหุ้นแบบ “Bottom up”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
Buntam
Verified User
โพสต์: 106
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาหุ้นแบบ “Bottom up”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
opengn
Verified User
โพสต์: 140
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาหุ้นแบบ “Bottom up”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
RnD-VI
Verified User
โพสต์: 2187
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาหุ้นแบบ “Bottom up”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณมากครับอาจารย์
เราลงรายละเอียดระดับไหน + แผนการ + วินัยในการแบ่งและใช้เวลาในแต่ละวัน
Seattle
Verified User
โพสต์: 1119
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาหุ้นแบบ “Bottom up”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 6

โพสต์

หาหุ้นแบบ “Top Down” / ประภาคาร ภราดรภิบาล

บทความตอนที่แล้ว ผมเขียนถึงการหาหุ้นแบบ “Bottom up” ซึ่งเป็นการหาหุ้นโดยอาศัยการจุดประกายจาก “สิ่งเล็กๆ” ที่โดนใจเรา แล้วนำไปสู่การ “ขยายผล” ด้วยการหาข้อมูลที่กว้างขึ้น รอบด้านขึ้น เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

คราวนี้ผมจะขอกล่าวถึงการหาหุ้นแบบ “Top Down” ซึ่งใช้มุมมองที่ต่างไป คือเป็นการหาหุ้นโดยมองจาก “ภาพใหญ่” ที่น่าสนใจ แล้วค่อยๆ เจาะลึกลงไปถึง “ภาพเล็ก” ซึ่งก็คือตัวกิจการหรือตัวหุ้นที่เชื่อมโยงมาจากภาพใหญ่นั้น

“ภาพใหญ่” ที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์เพื่อการลงทุนนั้นมีหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และอื่นๆ ตัวอย่างเช่น

ภาพใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีกไม่นานนี้ นโยบายจากภาครัฐบาลที่ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ อย่างนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การขึ้นเงินเดือนราชการ นโยบายเพิ่มหรือลดการจัดเก็บภาษี

ภาพใหญ่ทางด้านสังคม เช่น การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุ ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุในเวลาอันใกล้ การกระจายความเจริญจากในเมืองออกสู่พื้นที่รอบนอก หรือ Urbanization

ภาพใหญ่ทางด้านพฤติกรรมมนุษย์ เช่น การกิน การอยู่อาศัย การดูแลรักษาสุขภาพ การเดินทาง การติดต่อสื่อสาร และอื่นๆ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

ภาพใหญ่ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น การสื่อสารโทรคมนาคมที่จะก้าวผ่านจากยุค 3G เข้าสู่ 4G การคิดค้นวิทยาการใหม่ๆ การสร้างนวัตกรรมหรือประดิษฐกรรมใหม่ๆ การค้นพบแหล่งพลังงานทดแทนใหม่ๆ ฯลฯ

จากภาพใหญ่ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น นักลงทุนที่ใช้วิธีการแบบ “Top Down” จะทำการวิเคราะห์ว่ามันจะส่งผลกระทบใน “ทางบวก” หรือ “ทางลบ” ต่ออุตสาหกรรมใดบ้าง

ถ้าอุตสาหกรรมใดได้รับผลกระทบในทางลบ นักลงทุนก็จะได้หลีกเลี่ยงการลงทุนในอุตสาหกรรมนั้น ส่วนถ้าอุตสาหกรรมใดได้รับผลบวกหรือได้ประโยชน์ นักลงทุนก็จะได้พิจารณาลงทุนต่อ โดยจะเจาะลึกลงไปอีกว่า ในอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากภาพใหญ่นั้น มีหุ้นของกิจการหรือบริษัทใดบ้างที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจมากที่สุด หรือมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นกิจการที่โดดเด่นที่สุดจากประเด็นดังกล่าว นั่นก็เป็นโอกาสที่จะพิจารณาลงทุน

แต่ไม่ว่าจะเป็นการหาหุ้นแบบ “Top Down” หรือ “Bottom up” ก็ตาม คงไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะได้หุ้นที่น่าลงทุนเสมอไป บางทีเมื่อเราไป “ทำการบ้าน” เพิ่มเติมแล้วอาจจะพบจุดอ่อนหรือข้อบกพร่องบางประการที่ทำให้หุ้นตัวนั้นไม่น่าสนใจ เช่น เป็นธุรกิจที่ผู้อื่นสามารถเข้ามาแข่งขันได้ง่ายเกินไป ผู้บริหารเคยมีประวัติหรือพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ กิจการมีภาระหนี้สินมากเกินไป เป็นต้น

แต่ถ้าหาข้อมูลแล้วพบว่าหุ้นตัวนั้นเข้าข่ายที่น่าสนใจ เราสามารถจัดบริษัทดังกล่าวไว้ใน Watch List ของเราได้ แม้บางทีในตอนนี้อาจจะยังไม่เหมาะที่จะเข้าไปลงทุน เช่น อาจจะต้องรอให้ผลลัพธ์บางอย่างทางธุรกิจมีความชัดเจนมากกว่านี้ หรือรอให้ราคาหุ้นมีความเหมาะสมที่จะเข้าลงทุนมากกว่านี้ เมื่อโอกาสดีๆ ในการลงทุนมาถึง การมี Watch List อยู่ในมือก็จะทำให้เราสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างทันท่วงที
โพสต์โพสต์