คาด-ไม่-ถึง / คนขายของ

[คนขายของ]

คาด-ไม่-ถึง / โดย คนขายของ

ข่าวใหญ่สำหรับนักลุนหุ้นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่เรื่อง FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือว่า ราคาน้ำมันดำดิ่งทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบหลายปี แต่เป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 12 ตอนก่อนรุ่งสาง ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานของบริษัท เอสวีไอ จำกัดซึ่งตั้งอยู่ในนิคมบางกะดี่ จังหวัดปทุมธานี เหตุการณ์นี้ทำให้มูลค่ากิจการของ SVI ที่สูงถึงประมาณ 13,800 ล้านบาท ตามราคาปิดในวันอังคารก่อนเกิดเหตุ ลดลงเกือบ 30% เหลือเพียง 9,608 ล้านบาท ในบทความนี้เราจะย้อนอดีตดูเหตุการณ์ต่างๆ ที่นักลงทุนคาดไม่ถึง เพื่อที่จะศึกษาผลกระทบต่อเงินลงทุนว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง?

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2533 หุ้นไทยเป็นขาขึ้นมาตลอด จาก 900 จุดในเดือนมกราคม ดัชนีมายืนอยู่ที่ 1,140 จุดตอนราวปลายเดือนกรกฎาคม เหมือนชะตาฟ้าจะแกล้ง ในวันที่ 2 สิงหาคม ซัดดัม ฮุสเซน ประกาศบุกยึดประเทศคูเวต ด้วยความกลัวจะเกิด Oil Shock แล้วเกิดภาวะราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูง ส่งผลต่อเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยตลาดหุ้นไทยลดลงราว 45% ในระยะเวลาสองเดือน ตามมาด้วย ผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากของ ธปท จาก 9% ไปเป็น 12% ในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน ทำให้ดัชนีลงไปแตะจุดต่ำสุดแถวราวๆ 550 จุด (ลดลงราว 52% จากปลายเดือน กค.) ก่อนจะกลับพลิกกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งตอนต้นปี 2534

เหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดฯในเดือนกันยายน 2544 ทำให้ตลาดหุ้นไทยลดลงราว 18% ภายในเวลาเพียง 4 วัน ในสหรัฐอเมริกา ทางการสหรัฐสั่งปิดทำการซื้อขายหุ้นของ ตลาดหุ้นนิวยอร์คตั้งแต่วันอังคารที่ 11 กันยายน เพื่อให้นักลงทุนประเมินปัจจัยให้รอบด้าน ก่อนกลับมาเปิดการซื้อขายอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 17 กันยายน ในสัปดาห์นั้น ดัชนี Dow Jones ติดลบไป 1,370 จุดหรือ 14% หุ้นที่โดนถล่มขายหนักที่ในช่วงนั้น คือหุ้นของบริษัทสายการบิน และ บริษัทที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในตึกเวิลด์เทรดฯ โดยหุ้นของสายการบิน อเมริกัน แอร์ไลน์ และ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ล้วนตกลงราว 40% ภายในสัปดาห์แรก หลังจากตลาดหุ้น เปิดทำการ สำหรับบริษัท Morgan Stanley ซึ่งมีแผนกธุรกิจลูกค้ารายย่อยตั้งอยู่ในตึก ราคาได้ตกลงมา 13%

ภัยธรรมชาติ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่ากิจการได้เช่นกัน ที่เห็นได้ชัดเจน กรณีหนึ่งก็คือกรณีแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นก่อให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ ทำให้โรงไฟฟ้า นิวเคลียร์ที่ ฟูกูชิม่า เกิดความเสียหาย ทำให้ราคาหุ้นของ TEPCO (Tokyo Electric Power) ลดลงราว 90% ภายในเวลาสามเดือนนับตั้งแต่เกิดเหตุ แม้ปัจจุบันก็ล่วงเลยมาสามปี กว่าแล้ว แต่ราคาหุ้นของ TEPCO ก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของราคาก่อนเกิดเหตุการณ์สึนามิเลย

​“วิธีลงทุนหุ้นให้ได้กำไร” เป็นหัวข้อที่มีการพูดกันเป็นที่กว้างขวาง แต่เนื่องจากโลกนี้ ไม่มีอะไร แน่นอนดังกรณีที่เคยเกิดขึ้นข้างต้น จึงมีอีกหัวข้อหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน คือ “การบริหารความเสี่ยงในการลงทุน” สิ่งที่นักลงทุนโดยทั่วไป สามารถทำเพื่อลดความเสี่ยง ของการลงทุนได้ด้วยตัวเอง เช่น การกระจายการถือครองหุ้นออกไป ไม่กระจุกอยู่ในกิจการใด กิจการหนึ่ง, การถือครองเงินสดไว้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยควรพอแก่ภาระค่าใช้จ่าย 6 เดือน ข้างหน้า และ ถ้ามีความจำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุน ก็ควรให้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ถ้าเราศึกษาการถือครอง เงินสด ของ Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ในรอบสิบปีที่ผ่านมาจะพบว่า Buffett จะถือเงินสดไว้ในช่วงประมาณ 10-20% ของสินทรัพย์ทั้งหมดอยู่ตลอด เพราะแกเชื่อว่า หากมีข้อเสนออะไรดีๆผ่านมา แกจะได้คว้าไว้ทัน Howard Marks ผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลกก็เคยกล่าวไว้เช่นกันว่า

“You can’t predict. You can prepare”

แปลเป็นไทยคงจะประมาณว่า “เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่เราสามารถเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานะการณ์ได้” ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากสำหรับการอยู่บนโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอนใบนี้​

[ReRedrum]

ขอบคุณมากครับ

[ลูกหิน]

ขอบคุณมากครับ

[สิปาดัน]

สุดยอดเช่นเคยครับพี่^^

[namfonpinniam]

ขอบพระคุณค่ะ

[yoko]

หลังเหตุการณ์คาดไม่ถึง โอกาสซื้อก็ตามมา