โค้ด: เลือกทั้งหมด
Wealth X บริษัทวิจัยชีวิตและเก็บข้อมูล ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของมหาเศรษฐีต่างๆในโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ ได้ออกรายงานเล่มใหม่ล่าสุดซึ่งทำร่วมกับ ธนาคารยูบีเอส เมื่อต้นเดือนตุลาคม ว่าโลกมีอภิมหาเศรษฐี 2,325 คน มีความมั่งคั่งรวมกัน 7.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (236.5 ล้านล้านบาท)
อภิมหาเศรษฐี ที่ดิฉันเรียกในศัพท์ภาษาไทย คือ กลุ่มคนที่ถูกขนานนามว่า Billionaire หรือเศรษฐีพันล้าน ในภาษาอังกฤษ แต่ในที่นี้ ไม่ใช่พันล้านบาท แต่เป็นพันล้านเหรียญ (ประมาณ 32,400 ล้านบาท) ขึ้นไป
ทั้งนี้อยากให้แยกแยะว่า ยังมีผู้มีความมั่งคั่งสูงอีกสามกลุ่ม กลุ่มที่รวยถัดจากอภิมหาเศรษฐี เรียกว่ามหาเศรษฐี คือ มีความมั่งคั่ง 30 ล้านเหรียญขึ้นไป ซึ่ง โดยทั่วไปเรียกว่า Ultra High Net Worth Individual (UHNWI) ถัดไปเป็นกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงระดับกลาง (Mid-Tier HNWI) คือมีความมั่งคั่งระหว่าง 5 ถึง 30 ล้านเหรียญ และกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงที่เรียกว่าเศรษฐีเงินล้าน คือ High Net Worth (HNWI) ที่มีความมั่งคั่ง 1 ล้านเหรียญสหรัฐถึงไม่เกิน 5 ล้านเหรียญ
ในวันนี้ขอเสนอแต่กลุ่มที่รวยที่สุดคืออภิมหาเศรษฐีก่อนค่ะ ว่าเขามีคุณลักษณะอย่างไร รวยมาจากไหน และชอบทำอะไร
จากการสำรวจของ Wealth X พบว่าอภิมหาเศรษฐีในโลก 2,325 คน หรือ หนึ่งคนต่อประชากรโลก 3 ล้านคนนี้ มี ความมั่งคั่งรวมกัน 4% ของความมั่งคั่งของโลก และในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา คือตั้งแต่กรกฎาคม 2013 ถึง มิถุนายน 2014 คนกลุ่มนี้รวยขึ้นอีก 7% โดยมีความมั่งคั่งรวม 7.3 ล้านล้านเหรียญ หรือ เฉลี่ย 3,100 ล้านเหรียญต่อคน
ไม่มากไม่น้อยค่ะ ประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อคนเท่านั้น!!
อภิมหาเศรษฐีเหล่านี้ เป็นชายจำนวน 2,039 คน เป็นหญิง 286 คน โดย 1,273 คน หรือ 54.75% สร้างความมั่งคั่งขึ้นมาด้วยตนเอง 599 คน (25.76%)มีความมั่งคั่งจากทั้งการรับมรดกและการสร้างด้วยตนเอง และ 453 คน (19.48%) มีความมั่งคั่งจากการรับมรดก
อภิมหาเศรษฐีเหล่านี้อายุเฉลี่ย 63 ปี โดยผู้ชายมีอายุเฉลี่ย 64 ปี และผู้หญิงมีอายุเฉลี่ย 61 ปี ถ้าเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้ มีอายุเฉลี่ย 62 ปี แสดงให้เห็นว่าเป็นคนกลุ่มเดิมเป็นส่วนใหญ่ โดยมีจำนวนอภิมหาเศรษฐีใหม่เพิ่มเข้ามา 500 คนในปี 2014 แต่มีคนเก่าตกทำเนียบไป 345 คน จึงเหลือจำนวนเพิ่มขึ้น 155 คน
รายงานกล่าวว่าจำนวนอภิมหาเศรษฐีใหม่ที่เพิ่มส่วนหนึ่งมาจากการเป็นทายาทธุรกิจรับสืบทอดจากรุ่นพ่อแม่ ในรายงานกล่าวว่า 95% ของอภิมหาเศรษฐีเหล่านี้ มีความมั่งคั่งอยู่ในช่วง หนึ่งพันถึงหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีความมั่งคั่งถึงพันล้านเหรียญในช่วงวัย 40 ปีปลายๆ
ถามว่ามีกลุ่มอายุน้อยเข้าทำเนียบอภิมหาเศรษฐีบ้างไหม ตอบว่ากลุ่มอายุน้อยกว่า 35 ปีมีเพียง 1% หรือ 23 คนจากการคำนวณของดิฉัน และคาดว่ามาร์ค ซักเคอร์เบอร์ก หนุ่มน้อยเจ้าของและผู้ก่อตั้งเฟซบุ้คน่าจะติดอยู่ในกลุ่มด้วย
มาดูสถานภาพการสมรสบ้าง ผู้ชายในกลุ่มอภิมหาเศรษฐีนี้ แต่งงาน 89% เป็นโสด 3% หย่า 6% และเป็นหม้าย 2%
ส่วนผู้หญิง แต่งงาน 65% หย่า 10.1% เป็นโสด 3.9% และเป็นหม้าย 21% สันนิษฐานว่ากลุ่มเป็นหม้ายนี้ รับมรดกมาจากคู่สมรส จึงทำให้สัดส่วนหญิงหม้ายค่อนข้างสูง โดยหากแยกว่าได้รับความมั่งคั่งมาจากไหน กลุ่มอภิมหาเศรษฐีหญิง จะรับมรดกมา 65.4% รับมรดกและสร้างเอง 17.5% ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับการสร้างความมั่งคั่งเอง 17.1%
กลุ่มธุรกิจหลักๆที่อภิมหาเศรษฐีเหล่านี้ สร้างความมั่งคั่งขึ้นมาคือ การเงิน ธนาคาร และการลงทุน 19.3% กลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 12.1% อสังหาริมทรัพย์ 7.1% องค์กรไม่แสวงหากำไรและองค์กรเพื่อสังคม เป็นกลุ่มองค์กรที่อภิมหาเศรษฐีหญิงทำอยู่มากที่สุด และเมื่อรวมกับอภิมหาเศรษฐีชายแล้วจึงมาอยู่ในอันดับที่สี่ คือ 5% รองลงมาเป็นธุรกิจสิ่งทอ เสื้อผ้าและสินค้าหรูหรา 4.9% ค่ะ
กลุ่มอภิมหาเศรษฐีที่เรียนจบต่ำกว่าปริญญาตรีมีสัดส่วนถึง 35% ส่วนที่จบปริญญาตรีมี 27.3% ปรอญญาโท 16.9% จบปริญญาโทบริหารธุรกิจ 13.65% และจบปริญญาเอก 7.15% แม้บางคนจะไม่ได้จบปริญญาตรี แต่มหาวิทยาลัย ทั่วโลก 700 แห่ง ก็ได้มอบปริญญาตรีให้แก่อภิมหาเศรษฐีกลุ่มนี้
ด้านการลงทุน จะลงทุนในธุรกิจส่วนตัวและบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ 46.9% ลงทุนบริษัทในตลาด 28.9% ถือเงินสด/ตลาดเงิน 19.1% อสังหาริมทรัพย์ 3% และสินทรัพย์หรูหรา เช่น ทีมกีฬา ม้าแข่ง เรือยอชท์ เครื่องบิน งานศิลปะ 2.1% สาเหตุที่มีสภาพคล่องสูง (เฉลี่ย 600 ล้านเหรียญต่อคน) เพราะต้องการรอโอกาสในการลงทุน และเนื่องจากอายุมาก การลงทุนจึงเน้นไปในแนว “ปกป้องรักษาความมั่งคั่ง” ไม่ได้เน้น “สร้างความมั่งคั่ง” เหมือนคนในวัย 40-50 ปี
ในด้านความสนใจส่วนตัว 68.3% ของอภิมหาเศรษฐีชอบกีฬา 51.9% ชอบงานส่วนรวม งานการกุศล 23.4% ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ล่าสัตว์และตกปลา และ 23.1% ชอบศิลปะ
พวกเขามีบ้านเฉลี่ยคนละ 4 หลัง เนื่องจากต้องเดินทางไปทำกิจกรรมต่างๆทั่วโลก จึงเป็นเรื่องปกติ
อยากพบพวกเขา พบได้ที่ไหน กลุ่มนี้จะมีปฏิทินงานที่ “ต้องไปร่วม”หากมีโอกาส เช่น การประชุมสุดยอดของ World Economic Fourm ที่เมืองดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ในเดือนมกราคม และงานอื่นๆอีกประมาณ 30 รายการ
ที่จัดใกล้ๆบ้านเราหน่อยก็มี งาน Art Basel Hong Kong ที่ฮ่องกงในเดือนมีนาคม งานโชว์เรือยอชท์ที่สิงคโปร์ ในเดือนเมษายน หากเป็นกีฬาเทนนิส ก็มีเฟรนช์โอเพ่น ที่โฆลังกาฆอส ปารีส ในต้นเดือนมิถุนายน และวิมเบิลดัน ที่อังกฤษในต้นเดือนกรกฎาคม (น่าจะเข้าชมในรอบก่อนรองชนะเลิศขึ้นไป)
อภิมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญในเมืองไทยมี 17 คนค่ะ มีความมั่งคั่งรวมกัน 5 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.62 ล้านล้านบาท เฉลี่ยคนละประมาณ 95,300 ล้านบาท ส่วนในสิงคโปร์ มี 32 คน และในฮ่องกงมี 82 คน
ในรายงานการวิจัยบอกว่า อภิมหาเศรษฐีมักจะทำธุรกิจในกลุ่มมหาเศรษฐีด้วยกันประมาณ 9 คน และ 3 ใน 9 จะเป็นอภิมหาเศรษฐีด้วยกัน
เขียนตัวเลขพันล้านหมื่นล้านแล้วดิฉันเริ่มมึน แต่ที่นำมาเขียนเพราะอาจจะเป็นประโยชน์กับการนำเสนอสินค้าหรือบริการให้กับกลุ่มนี้ เช่น การท่องเที่ยวแบบเฉพาะตัว การดึงมาทำกิจกรรมการกุศล ฯลฯ เพราะท่านทั้งหลายเหล่านี้แม้ร่ำรวยก็ไม่ได้เก็บเอาไว้เองนะคะ ส่วนใหญ่ก็จะมีกิจกรรมการกุศลที่ตนสนใจ โดยกิจกรรมการกุศลที่สนใจมากที่สุด 3 ด้านคือ การศึกษา สุขภาพ และด้านศิลปะ วัฒนธรรม มนุษยธรรม
อยากให้ช่วยเยอะๆค่ะ ถึงแม้ไม่สามารถช่วยลดช่องว่างระหว่างคนจนกับอภิมหาเศรษฐีเหล่านี้ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ชีวิตของคนยากไร้พอมีความหวัง และไม่อับเฉาจนเกินไปค่ะ