โค้ด: เลือกทั้งหมด
“ตัวเร่ง” ความหมายในพจนานุกรมคือ ตัวกระตุ้นหรือบังคับให้เกิดความเร็วมากขึ้น ส่วนในวิกิพีเดียกล่าวถึง ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) คือ วัตถุที่เพิ่มเข้าไปและทำให้ปฏิกิริยาเกิดเร็วขึ้น แต่ไม่มีผลต่อผลิตภัณฑ์เมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยา “ตัวเร่ง” ในทางการลงทุน คือ เหตุการณ์หรือการกระทำอันหนึ่งอันใด ที่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของกิจการ ความคาดหวัง หรือจิตวิทยาการลงทุน ส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบต่อราคาหุ้น ลองศึกษาผลกระทบจากตัวอย่างต่อไปนี้
นโยบายค่าแรง 300 บาทและเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท เป็นการผลักดันค่าจ้างและฐานเงินเดือนขึ้นทั้งระบบ ส่งผลดีต่อกำลังซื้อและการบริโภคในประเทศ แม้ผู้ประกอบการต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นแต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากการลดภาษีนิติบุคคลเป็น 23% และ 20% ในปี 2555 และ 2556 ตามลำดับ แม้นโยบายดังกล่าวกระทบต่อผู้ประกอบการทุกบริษัท อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาสสองที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่า บริษัทจดทะเบียนแต่ละแห่งได้รับผลกระทบจาก “ตัวเร่ง” นี้อย่างไร
นโยบายรถคันแรก และบ้านหลังแรก ย่อมส่งผลดีต่อการดำเนินงานและราคาหุ้นของผู้ประกอบการและธนาคารผู้ปล่อยสินเชื่อ จากการกระตุ้นความต้องการ (Demand) ในอนาคต แต่เมื่อ “ตัวเร่ง” หมดฤทธิ์และความต้องการจริงลดลง ก็อาจกระทบต่อการดำเนินงานของผู้ประกอบการหากไม่สามารถหาวิธีมาชดเชยความต้องการที่ลดลงได้
บริษัทประกันชีวิต ขายกรมธรรม์ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร (Bancassurance) ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าตรงเป้าหมายได้มากขึ้น เป็น “ตัวเร่ง” ที่ทำให้อุตสาหกรรมขยายตัวและเติบโตขึ้นปีละ 15% ส่งผลให้การดำเนินงานของผู้ประกอบการโดดเด่นขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ ยังเป็น “ตัวเร่ง” ที่ทำให้ตัวแทนขายประกันได้รับผลกระทบในทางลบและจำนวนตัวแทนขายลดลงอย่างมาก
การประมูลใบอนุญาต 3G แทนสัญญาสัมปทานเดิม แนวโน้มความนิยมของสมาร์ทโฟน และปริมาณการใช้งานข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น เป็น “ตัวเร่ง” ทำให้รายได้และโครงสร้างกำไรของผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็น “ตัวเร่ง” ที่จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทผู้รับติดตั้งอุปกรณ์และระบบงาน 3G ดีขึ้นในช่วงแรกของการลงทุนเช่นกัน
การควบรวมกิจการกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทโดยเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ (BGH) การควบรวมห้างคาร์ฟูของห้างบิ๊กซี (BIGC) การระดมทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของเซนทรัลพัฒนา (CPN) การ Unlock Value ของบริษัทเสริมสุข (SSC) ล้วนเป็นสิ่งที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของกิจการส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนการเข้าซื้อกิจการ CPP ในประเทศจีนและเวียดนามของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) หรือการเข้าถือหุ้นบริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCC) คงต้องให้เวลาพิสูจน์ “ตัวเร่ง” ว่าจะบรรลุผลตามวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงใด
นั่นคือกรณีศึกษาของ “ตัวเร่ง” จากปัจจัยภายนอกและการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาผลดีและผลเสียของแต่ละ “ตัวเร่ง” ต่อบริษัทที่ลงทุนด้วย
ในสภาวะตลาดขาขึ้นและมีผู้สนใจลงทุนมากขึ้น “ตัวเร่งทางจิตวิทยา” ได้เริ่มเป็นปัจจัยที่สำคัญโดยจะเห็นได้จาก ราคาหุ้นที่เซียนหุ้นหรือนักลงทุนที่มีชื่อเสียงซื้อหรือติดรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ล้วนมีผลทางจิตวิทยาเชิงบวกอย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม นักลงทุนที่ประสบการณ์น้อยกว่า จะพยายามศึกษาแนวคิด แนวทางการลงทุน รวมทั้งชื่อหุ้นที่นักลงทุนที่มีชื่อเสียงซื้อหรือถืออยู่ เมื่อนักลงทุนเกิดความมั่นใจผนวกกับข้อมูลแพร่หลายในวงกว้างมากขึ้น ก็จะกลายเป็น “ตัวเร่ง” และเกิดพฤติกรรมหมู่ที่ทำธุรกรรมซื้อหรือขายในทิศทางเดียวกัน และหากเกิดขึ้นกับหุ้นขนาดกลางและเล็ก การเปลี่ยนแปลงของราคาจะเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็วแม้ปริมาณเงินในการซื้อขายไม่มากนักก็ตาม นอกจากนี้ รายการทีวีเกี่ยวกับหุ้น การสัมมนาหุ้น หนังสือพิมพ์หุ้น ล้วนเป็น “ตัวเร่ง” ที่มีผลกระทบ. ด้านจิตวิทยาเป็นอย่างมากเช่นกัน นักลงทุนจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อหรือขายหุ้นดังกล่าวด้วย
ในฐานะ Value Investor พันธุ์แท้ ต้องใช้ตัวเร่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด กล่าวคือ การลงทุนในกิจการที่ยอดเยี่ยมที่กำลังจะมี “ตัวเร่งด้านบวก” เพื่อประหยัดเวลาในการรอเพราะราคาหุ้นควรจะปรับตัวขึ้นในอนาคตที่ไม่นานเกินไป หรือเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างเร็วเพราะมี “ตัวเร่งทางลบ” เข้ามากระทบกิจการยอดเยี่ยมนั้นเพียง “ชั่วคราว” ทั้งสองเหตุการณ์คือโอกาสในการซื้อกิจการที่ยอดเยี่ยมในราคาที่มี Margin of Safety ส่วนนักลงทุนที่มากประสบการณ์ยังอาจใช้ประโยชน์จาก “ตัวเร่งทางจิตวิทยา” อย่างได้ผลและทำให้ราคาต้นทุนที่ซื้อมี Margin of Safety ได้อีกด้วย