Back to School/ธันวา เลาหศิริวงศ์
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
Back to School/ธันวา เลาหศิริวงศ์
โพสต์ที่ 1
เนื่องจากปัจจุบัน พี่ธันวาเขียนบทความลงในประชาชาติธุรกิจ และเป็นบทความที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน ทีมงานเห็นสมควรนำมาลงเพื่อให้สมาชิกได้อ่านบทความที่มีคุณภาพ ผมจะลงบทความย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน และหลังจากนั้นก็จะลงบทความใหม่ทุกสัปดาห์ครับ
Back to School
ช่วงนี้เป็นเวลาใกล้เปิดเรียนภาคการศึกษาใหม่ โรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ จะทยอยเปิดการเรียนในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เมื่อพูดถึงเรื่องการเรียน ย่อมเป็นธรรมดาที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ต้องการให้ลูกเป็นเด็กเรียนเก่งหรืออยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งนี้ก็เพราะความเชื่อในโอกาสที่มากขึ้นในการเข้าเรียนต่อในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ดี มีชื่อเสียง มีโอกาสทำงานกับองค์กรที่ดี และที่สำคัญที่สุดคือรายได้ดีเพียงพอในการสร้างฐานะและครอบครัวที่อบอุ่นในอนาคต
บทบาทหนึ่งของผมคือ การเป็นพ่อ และเป็นพ่อที่อยากให้ลูกเรียนเก่ง แนวคิดของผมเรื่องนี้ก็คือ คนที่เก่ง คือ คนที่ทำหน้าที่ของตนหรือทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จตามหรือเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคนอื่นหากทำงานเดียวกัน ดังนั้นการเป็นคนเก่งในช่วงแรกของชีวิตคือ การเป็นเด็กเรียนเก่งและมีความประพฤติดีนั่นเอง การเป็นคนที่เก่งในบทบาทต่างๆ ของแต่ละช่วงชีวิตจะทำให้เขาประสบความสำเร็จในอนาคต อาจจะมีข้อโต้แย้งว่า คนที่ประสบความสำเร็จบางคนนั้นไม่ได้เป็นคนเก่งเสมอไป สำหรับเรื่องนี้ผมคิดว่า อาจเป็นไปได้ที่คนๆ นั้นต้องมีอะไรดีและโดดเด่น เพียงแต่เราอาจจะไม่รู้จักเขาดีพอนั่นเอง
“เด็กเรียนเก่ง” นั้นส่วนหนึ่งอาจเกิดจากคุณสมบัติเด่นของบรรพบุรุษ ในมุมมองของผมนั้น เด็กเรียนเก่งต้องมีคุณสมบัติโดดเด่นบางอย่างที่ทำให้เขาสามารถทำข้อสอบ ตอบโจทย์ แก้ปัญหา ได้อย่างดีและถูกต้องกว่านักเรียนคนอื่นในสภาวะแวดล้อมเดียวกับคนอื่นคือ อาจารย์ผู้สอน หนังสือ การบ้าน เวลา และข้อมูลต่างๆ เด็กเรียนเก่งส่วนใหญ่จะเรียนรู้เร็วและทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จในระยะเวลาอันสั้น และบ่อยครั้งที่จะเป็น”ต้นฉบับ”ของเพื่อนร่วมชั้นเรียน เบื้องหลังเด็กเรียนเก่งน่าจะมาจาก ความขยันหมั่นเพียร การตั้งใจเรียน การทบทวนทำแบบฝึกหัด และแม้กระทั่งการแบ่งเวลา สิ่งที่เด็กเรียนเก่งได้รับก็คือ ผลการเรียนที่ดี คำชม ชื่อเสียง ทุนการศึกษา และโอกาสที่สูงขึ้นในการเข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง
ในช่วงชีวิตการทำงานนั้น “คนทำงานเก่ง” คือคนที่ทำงานสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยใช้เวลาและทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คนเหล่านี้มักจะตั้งใจทำงาน ขยัน แก้ปัญหาอย่างถูกวิธีและได้ผล หากมีความเป็นผู้นำ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบเชื่อถือได้ มีทัศนะคติที่ดี ชอบสิ่งที่ท้าทายใหม่ๆ แล้วเราจะเห็นเขาได้รับมอบหมายให้มีภาระหน้าที่รับผิดชอบที่สูงขึ้นในองค์กรตามลำดับ สิ่งตอบแทนที่ได้รับก็คือ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ชื่อเสียง ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และแน่นอนเป็นที่ต้องการขององค์กรอื่นๆ
นักกอล์ฟอาชีพคนหนึ่งกล่าวว่า “เขาเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้ประกอบอาชีพที่เขารัก ขณะที่หลายคนต้องรอจนถึงวันหยุดเพื่อจะได้เล่นในอาชีพที่เขาทำ” แต่เชื่อไหมครับ การที่จะเป็น “นักกอล์ฟที่เก่ง” ของโลกได้นั้น ต้องผ่านการเรียนรู้ทั้งจากทฤษฏีและปฏิบัติ การฝึกฝนอย่างหนักในแต่ละวัน การฝึกสภาพจิตใจ มีสมาธิ การวางแผนในการเล่นของแต่ละสนามและขณะแข่งขัน โดยสิ่งที่ตอบแทนก็คุ้มค่ามาก นั่นก็คือ ผลตอบแทนที่ขึ้นสูงมาก เกียรติยศชื่อเสียง อันดับของโลก รายได้จากผู้สนับสนุน การได้รับเชิญเข้าแข่งขันรายการใหญ่ๆ ตลอดจนค่าตอบแทนในการเข้าร่วมจากบางรายการแข่งอีกด้วย
“นักลงทุนเน้นคุณค่าที่เก่ง” ก็เช่นกันคือไม่มีสูตรสำเร็จ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ต้องทุ่มเทเวลาศึกษา เรียนรู้อย่างมุ่งมั่นถึงโครงสร้างของอุตสาหกรรมและพื้นฐานของกิจการ คาดการณ์แนวโน้มและทิศทางของธุรกิจในระยะยาวอย่างถูกต้อง ติดตามผลประกอบของบริษัทอย่างต่อเนื่อง มีจิตวิทยาในการลงทุนโดยไม่หวั่นไหวต่อการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น เรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต สิ่งที่ได้รับของนักลงทุนที่เก่งคือ ผลตอบแทนแบบทบต้นต่อปีที่สูงขึ้น มีเวลาในการพัฒนาแนวการลงทุนของตนเองมากขึ้น มีความสุขและสบายใจที่เห็นความมั่งคั่งของตนที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ
โดยสรุปคือ คนที่“เก่ง”ก็มักจะได้รับในสิ่งตอบแทนที่ดีกว่า สูงกว่า มากกว่า ผู้ที่เคยเรียนเก่งในอดีต หรือทำงานเก่งนั้น หากตั้งใจลงทุนแบบเน้นคุณค่าอย่างจริงจังก็น่าจะมีโอกาสที่ประสบความสำเร็จสูง เพราะเป็นการทำให้ดีกว่า เก่งกว่า เหมือนกับที่ทำมาในอดีต โดยภารกิจครั้งนี้คือการลงทุนเน้นคุณค่าเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว ส่วนผู้ที่อาจจะเรียนไม่ดีในวัยเรียนหรือทำงานไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จเลย เพียงแต่ว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการจากที่เคยปฏิบัติมา ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเดิม
หากจะเปรียบช่วง Back to School นี้เป็นการย้อนเวลากลับมาใหม่ คำถามคือ เราต้องการเป็นเด็กเรียนเก่งหรือนักลงทุนที่เก่งหรือไม่ หากต้องการเป็น “นักลงทุนเน้นคุณค่าที่เก่ง” เราต้องขยันให้มาก มีแนวทางการลงทุนที่ดีเหมาะกับตนเอง ถึงตอนนั้นเราจะมีนักลงทุนคุณค่าคุณภาพมากขึ้นและพร้อมที่จะเป็นต้นฉบับต่อไป แน่นอนผมไม่ได้หมายถึง “ต้นฉบับโพยหุ้น” แต่หมายถึง “ต้นฉบับในแนวคิด วิธีการ วีธีปฏิบัติ” โดยไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงเพื่อการนำไปใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ขอเป็นกำลังใจให้ผู้สนใจลงทุนเป็นนักลงทุนคุณค่าที่เก่งครับ !!
Back to School
ช่วงนี้เป็นเวลาใกล้เปิดเรียนภาคการศึกษาใหม่ โรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ จะทยอยเปิดการเรียนในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เมื่อพูดถึงเรื่องการเรียน ย่อมเป็นธรรมดาที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ต้องการให้ลูกเป็นเด็กเรียนเก่งหรืออยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งนี้ก็เพราะความเชื่อในโอกาสที่มากขึ้นในการเข้าเรียนต่อในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ดี มีชื่อเสียง มีโอกาสทำงานกับองค์กรที่ดี และที่สำคัญที่สุดคือรายได้ดีเพียงพอในการสร้างฐานะและครอบครัวที่อบอุ่นในอนาคต
บทบาทหนึ่งของผมคือ การเป็นพ่อ และเป็นพ่อที่อยากให้ลูกเรียนเก่ง แนวคิดของผมเรื่องนี้ก็คือ คนที่เก่ง คือ คนที่ทำหน้าที่ของตนหรือทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จตามหรือเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคนอื่นหากทำงานเดียวกัน ดังนั้นการเป็นคนเก่งในช่วงแรกของชีวิตคือ การเป็นเด็กเรียนเก่งและมีความประพฤติดีนั่นเอง การเป็นคนที่เก่งในบทบาทต่างๆ ของแต่ละช่วงชีวิตจะทำให้เขาประสบความสำเร็จในอนาคต อาจจะมีข้อโต้แย้งว่า คนที่ประสบความสำเร็จบางคนนั้นไม่ได้เป็นคนเก่งเสมอไป สำหรับเรื่องนี้ผมคิดว่า อาจเป็นไปได้ที่คนๆ นั้นต้องมีอะไรดีและโดดเด่น เพียงแต่เราอาจจะไม่รู้จักเขาดีพอนั่นเอง
“เด็กเรียนเก่ง” นั้นส่วนหนึ่งอาจเกิดจากคุณสมบัติเด่นของบรรพบุรุษ ในมุมมองของผมนั้น เด็กเรียนเก่งต้องมีคุณสมบัติโดดเด่นบางอย่างที่ทำให้เขาสามารถทำข้อสอบ ตอบโจทย์ แก้ปัญหา ได้อย่างดีและถูกต้องกว่านักเรียนคนอื่นในสภาวะแวดล้อมเดียวกับคนอื่นคือ อาจารย์ผู้สอน หนังสือ การบ้าน เวลา และข้อมูลต่างๆ เด็กเรียนเก่งส่วนใหญ่จะเรียนรู้เร็วและทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จในระยะเวลาอันสั้น และบ่อยครั้งที่จะเป็น”ต้นฉบับ”ของเพื่อนร่วมชั้นเรียน เบื้องหลังเด็กเรียนเก่งน่าจะมาจาก ความขยันหมั่นเพียร การตั้งใจเรียน การทบทวนทำแบบฝึกหัด และแม้กระทั่งการแบ่งเวลา สิ่งที่เด็กเรียนเก่งได้รับก็คือ ผลการเรียนที่ดี คำชม ชื่อเสียง ทุนการศึกษา และโอกาสที่สูงขึ้นในการเข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง
ในช่วงชีวิตการทำงานนั้น “คนทำงานเก่ง” คือคนที่ทำงานสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยใช้เวลาและทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คนเหล่านี้มักจะตั้งใจทำงาน ขยัน แก้ปัญหาอย่างถูกวิธีและได้ผล หากมีความเป็นผู้นำ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบเชื่อถือได้ มีทัศนะคติที่ดี ชอบสิ่งที่ท้าทายใหม่ๆ แล้วเราจะเห็นเขาได้รับมอบหมายให้มีภาระหน้าที่รับผิดชอบที่สูงขึ้นในองค์กรตามลำดับ สิ่งตอบแทนที่ได้รับก็คือ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ชื่อเสียง ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และแน่นอนเป็นที่ต้องการขององค์กรอื่นๆ
นักกอล์ฟอาชีพคนหนึ่งกล่าวว่า “เขาเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้ประกอบอาชีพที่เขารัก ขณะที่หลายคนต้องรอจนถึงวันหยุดเพื่อจะได้เล่นในอาชีพที่เขาทำ” แต่เชื่อไหมครับ การที่จะเป็น “นักกอล์ฟที่เก่ง” ของโลกได้นั้น ต้องผ่านการเรียนรู้ทั้งจากทฤษฏีและปฏิบัติ การฝึกฝนอย่างหนักในแต่ละวัน การฝึกสภาพจิตใจ มีสมาธิ การวางแผนในการเล่นของแต่ละสนามและขณะแข่งขัน โดยสิ่งที่ตอบแทนก็คุ้มค่ามาก นั่นก็คือ ผลตอบแทนที่ขึ้นสูงมาก เกียรติยศชื่อเสียง อันดับของโลก รายได้จากผู้สนับสนุน การได้รับเชิญเข้าแข่งขันรายการใหญ่ๆ ตลอดจนค่าตอบแทนในการเข้าร่วมจากบางรายการแข่งอีกด้วย
“นักลงทุนเน้นคุณค่าที่เก่ง” ก็เช่นกันคือไม่มีสูตรสำเร็จ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ต้องทุ่มเทเวลาศึกษา เรียนรู้อย่างมุ่งมั่นถึงโครงสร้างของอุตสาหกรรมและพื้นฐานของกิจการ คาดการณ์แนวโน้มและทิศทางของธุรกิจในระยะยาวอย่างถูกต้อง ติดตามผลประกอบของบริษัทอย่างต่อเนื่อง มีจิตวิทยาในการลงทุนโดยไม่หวั่นไหวต่อการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น เรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต สิ่งที่ได้รับของนักลงทุนที่เก่งคือ ผลตอบแทนแบบทบต้นต่อปีที่สูงขึ้น มีเวลาในการพัฒนาแนวการลงทุนของตนเองมากขึ้น มีความสุขและสบายใจที่เห็นความมั่งคั่งของตนที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ
โดยสรุปคือ คนที่“เก่ง”ก็มักจะได้รับในสิ่งตอบแทนที่ดีกว่า สูงกว่า มากกว่า ผู้ที่เคยเรียนเก่งในอดีต หรือทำงานเก่งนั้น หากตั้งใจลงทุนแบบเน้นคุณค่าอย่างจริงจังก็น่าจะมีโอกาสที่ประสบความสำเร็จสูง เพราะเป็นการทำให้ดีกว่า เก่งกว่า เหมือนกับที่ทำมาในอดีต โดยภารกิจครั้งนี้คือการลงทุนเน้นคุณค่าเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว ส่วนผู้ที่อาจจะเรียนไม่ดีในวัยเรียนหรือทำงานไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จเลย เพียงแต่ว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการจากที่เคยปฏิบัติมา ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเดิม
หากจะเปรียบช่วง Back to School นี้เป็นการย้อนเวลากลับมาใหม่ คำถามคือ เราต้องการเป็นเด็กเรียนเก่งหรือนักลงทุนที่เก่งหรือไม่ หากต้องการเป็น “นักลงทุนเน้นคุณค่าที่เก่ง” เราต้องขยันให้มาก มีแนวทางการลงทุนที่ดีเหมาะกับตนเอง ถึงตอนนั้นเราจะมีนักลงทุนคุณค่าคุณภาพมากขึ้นและพร้อมที่จะเป็นต้นฉบับต่อไป แน่นอนผมไม่ได้หมายถึง “ต้นฉบับโพยหุ้น” แต่หมายถึง “ต้นฉบับในแนวคิด วิธีการ วีธีปฏิบัติ” โดยไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงเพื่อการนำไปใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ขอเป็นกำลังใจให้ผู้สนใจลงทุนเป็นนักลงทุนคุณค่าที่เก่งครับ !!
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Back to School/ธันวา เลาหศิริวงศ์
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ