
Oishi work และมีบางบริษัทที่ตัวเลขต่างๆสวยเข้าหลักเกณฑ์ แต่ผมไม่เข้าใจธุรกิจแบบแจ่มแจ้งอย่าง Ahc upoic metco รบกวนคุณวิบูลย์ขอความเห็นเกี่ยวกับความสามารถทางธุรกิจของบริษัทเหล่านั้นด้วยครับ

หาดูได้ที่ร้านหนังสือของตลาดหลักทรัพย์ครับNeoFace เขียน:Company Handbook หาได้ที่ไหนอ่ะครับ อยากได้มั่ง
กระทู้นี้ไม่มีใบ้หวยนะครับ
ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับคิดอย่างไรบ้างกับบริษัทที่ยังเพิ่งดำเนินงานแต่มีผู้บริหารเจ๋งๆอย่าง
Oishi work และมีบางบริษัทที่ตัวเลขต่างๆสวยเข้าหลักเกณฑ์ แต่ผมไม่เข้าใจธุรกิจแบบแจ่มแจ้งอย่าง Ahc upoic metco รบกวนคุณวิบูลย์ขอความเห็นเกี่ยวกับความสามารถทางธุรกิจของบริษัทเหล่านั้นด้วยครับ
ผมมองว่าถ้า Buffet เจอหุ้นดีราคาสาเหตุสมผลเค้าก็ซื้อเลยนะครับครับ จากคำถามของคุณ VIB007 ผมมีคำถามว่า อย่างที่ Buffett บอกไว้ว่าจะซื้อหุ้นที่ดีเมื่อราคาตกลงไปจากข่าวร้ายหรือสถานการณ์โดยรวมที่ทำให้นักลงทุนตระหนก ผมว่าพวก VI ที่เก่งและเป็นพันธุ์แท้ น่าจะมีปัญหากับเรื่องจังหวะการเข้าซื้ออย่างนี้มากกว่า ตัวผมเองก็ทำใจยากที่จะอดทนที่จะรอให้กิจการที่ผมรู้ว่าดีจริงๆ ว่าเมื่อไรมันจะตกซักที อยากทราบว่าคุณVIB007 ใช้วิธีอย่างไรในการตัดสินใจซื้อครับ เพราะบางครั้งเราซื้อไปแล้วมันตกก็อยากซื้ออีกแต่เงินหมดครับ
ไม่แน่ใจว่าพี่วิบูลย์จะสะดวกที่จะคอมเมนต์หุ้นรายตัวหรือเปล่าSriracha เขียน:พี่วิบูลย์คะ
น้องเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกของwebboardนี้ โดยสมัครทันทีหลังจากอ่านกระทู้นี้เสร็จ พี่ๆในนี้เก่งกันทั้งนั้นเลย ... น้องเพิ่งเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นหลังจากได้อ่านหนังสือของท่านดร.นิเวศน์แล้วพบว่า
ใช่เลยนี่แหละรูปแบบที่ชั้นอยากทำ (ก่อนหน้านี้มีทัศนคติต่อพวกเล่นหุ้นว่าเป็นพวก
นักพนันก็เลยไปซื้อลงทุนในกองทุนรวมแทน) พอเริ่มมีแรงบันดาลใจประกอบกับมีเงิน
สะสมอยู่แล้วจำนวนหนึ่งก็เลยเริ่มวิเคราะห์หุ้นตามความเข้าใจที่ได้จากหนังสือของท่านดร. ตอนนี้คิดว่าพร้อมที่จะเปิดพอร์ทของตัวเองแล้วแต่อยากรบกวนพี่วิบูลย์ช่วยวิจารณพอร์ท
์หุ้นที่น้องเลือกหน่อยเถอะคะว่าใช้ได้มั้ยตามหลักการvalue investment(เอาตามความเห็น
ของพี่นะคะ ... ห้ามบอกน้องว่า"คุณว่าดี พ้มก็เห็นดีด้วย" อะไรทำนองนี้นะคะ .. ฮิ ..ฮิ)
TBSP : 30% TMD : 25% STANLY : 15% สามตัวนี้กะถือยาวและจะลงทุนเพิ่มคะ
TOC : 20% OISHI : 15% สองตัวนี้คิดว่าใน1-2 ไตรมาสข้างหน้าจะไปได้ดี
(หุ้นโตไว) พร้อมที่จะถือต่อหรือเปลี่ยนตัวคะ ..... น้องขอขอบพระคุณพี่ล่วงหน้าคะ
ถ้ารักจะลงทุนแบบ VI จริงๆ ต้องคิดเสมือนว่าเข้าหุ้นส่วนทำกิจการกันจริงๆcrown เขียน:ลืมไปครับ ปลาย พฤษภาคม ผมก็จะไปยุโรป 10 วัน ทำอย่างไรดีกับหุ้นที่มีอยู่ครับ
ดร.นิเวศน์ เคยเปรียบเทียบการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเพิ่งเข้ามาดูครับ ( สมาชิกใหม่ ) อยากเป็น VI มากครับ เริ่มซื้อหุ้นได้ TOP IPO ได้จัดสรร มา 2,000 ราคา 32 บาท ถ้าปล่อยไว้เฉย ๆ ตอนนี้คงกำไร 100 % แล้วครับ วันแรก ราคา 42 ขายเลยครับ ตกใจ แถมมาร์เก็ติ้งแนะให้ขายไปก่อน แล้วก็ซื้อๆ ขายๆ ตกใจ ขายขาดทุนหลายครั้ง ตั้งใจแบบคนเริ่มเล่นเลยครับ ตั้งใจตาม top ซื้อถูกขายแพง เพื่อลดราคาหุ้นที่ถือลง ( ตั้งใจลงทุน invest แต่เวลาจริง ๆ เป็น trading ไปซะชิบ ) แต่พอเอาจริงๆ ซื้อแพงขายถูก หลายครั้ง กว่าซื้อถูกขายแพง ตกลงเลยกำไรแค่ 30 % ตั้งใจหลายครั้งว่าจะถือยาวครับ แต่มันอดใจไม่ไหวครับ เวลาราคาตก รู้ว่าขาดทุน แล้วราคาอาจกลับมา แต่ก็ขายครับ เพราะกลัว ได้บทสรุปแบบมือใหม่ว่า ต้องมีรูปแบบที่ชัดเจนในการลงทุน เพราะตั้งใจว่าจะ VI แต่ พอเอาเข้าจริง ๆ 2 วัน ก็ขายแล้วครับ อ่านหนังสือแล้วก็สับสนครับ แนวคิดการซื้อโดยดูทางเทคนิค กับ VI มัตรงกันข้ามเลยครับ ขอถามนะครับ
ขายทิ้งในกรณีที่พื้นฐานของธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปครับ หรือพบตัวที่น่าสนใจกว่า ที่วอร์เรนกล่าวไว้อย่างนั้น หมายถึงหากพื้นฐานของธุรกิจไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่อารมณ์ของตลาดอาจจะเปลี่ยนไป ทำให้ราคาหุ้นตกอย่างไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นนักลงทุนควรจะต้องทำใจที่จะเห็นหุ้นที่ถือตกให้ได้ครับ1.VI มี cut loss ไหมครับ อ่านหนังสือหลาย ๆ เล่ม บอกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แล้วทำไม บัฟเฟ็ด บอกว่าครวจะทนได้เวลาหุ้นตกถึง 50 % ( ปรกติทั้ง ๆที่ รู้ว่าบริษัทดีแข็งแกร่ง 2-3% ก็ขายแล้วครับ ) และ ต้องไม่ขาดทุน แต่ถ้า cut loss ก็หมายความว่าขาดทุน แหงๆ
เป็นไทได้ทุกคนแหละครับ หากเดินถูกทาง จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับทุนเริ่มต้น และการเรียนรู้ฝึกฝน ... คนที่เป็นไททางการเงิน ก็อาจจะใช้จ่ายจากเงินปันผลที่ได้ครับ หากใช้จ่ายเดือนละหมื่น ลงทุนในหุ้นที่มีผลตอบแทนเงินปันผล 10% สม่ำเสมอ มีเงินต้นสัก 1,200,000 ก็ได้แล้วครับ แต่ควรจะมีมากกว่านั้น เพราะบางครั้งก็ต้องเผื่อไว้กรณีที่เงินปันผลไม่เป็นไปตามที่เราคาด และจะได้มีเงินปันผลเหลือที่จะทบต้นต่อๆไปครับ ตามที่ผู้รู้แนะนำไว้ มีเงินต้นประมาณ 200 เท่าของรายจ่ายประจำเดือนครับ2. อายุ 39 ( ยังเลข 3 นะเนี่ย ) ตั้งใจว่าจะเป็น VI เต็มตัว ทุนเริ่มต้น 120,000 เก็บเดือนละ 10,000 - 15,000 ( 10 % ) ลงหุ้น และ 10,000 ธนาคาร จะพอเป็นไททางเวลา และ การเงินได้อย่างไรครับ สงสัยจังว่าพวกที่ลงทุนในห้น 100% ไม่ทำงานอื่นเลย เอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายประจำวันครับi
3. ผมอ่าน อ่านก่อน รวยก่อนแล้วครับ ดีมาก q เลยครับ เดี๋ยวนี้ไม่อ่านหนังสือทางเทคนิคเลยครับ อ่านแต่ VI book กับหนังสืองบการเงิน หลายเล่ม รู้สึกว่ามีเหตุผลกว่ากันมาก ๆๆๆๆๆ เพื่อนผมชวนไปอบรม 50,000 บาท ผมรู้สึกว่าเสียดายเงินมาก สู้ซื้อหนังสือหรืออบรมเกี่ยวกับการอ่านงบการเงินจะดีกว่า ถูกกว่าด้วย แต่สงสัยว่า VI ดูพวก MACD MA RSI บ้างหรือเปล่าครับ ผมดูแล้วเสียสมาธิทุกที ดูแล้วอยากขายมากเลยเวลาหุ้นตก อยากซื้อมากเลยเวลาหุ้นขึ้น ดูทีไรอยู่ไม่เป็นสุข เลยครับ
ขอบคุณคุณลูกอีสานนะครับที่ช่วยตอบSriracha เขียน:พี่วิบูลย์คะ
น้องเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกของwebboardนี้ โดยสมัครทันทีหลังจากอ่านกระทู้นี้เสร็จ พี่ๆในนี้เก่งกันทั้งนั้นเลย ... น้องเพิ่งเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นหลังจากได้อ่านหนังสือของท่านดร.นิเวศน์แล้วพบว่า
ใช่เลยนี่แหละรูปแบบที่ชั้นอยากทำ (ก่อนหน้านี้มีทัศนคติต่อพวกเล่นหุ้นว่าเป็นพวก
นักพนันก็เลยไปซื้อลงทุนในกองทุนรวมแทน) พอเริ่มมีแรงบันดาลใจประกอบกับมีเงิน
สะสมอยู่แล้วจำนวนหนึ่งก็เลยเริ่มวิเคราะห์หุ้นตามความเข้าใจที่ได้จากหนังสือของท่านดร. ตอนนี้คิดว่าพร้อมที่จะเปิดพอร์ทของตัวเองแล้วแต่อยากรบกวนพี่วิบูลย์ช่วยวิจารณพอร์ท
์หุ้นที่น้องเลือกหน่อยเถอะคะว่าใช้ได้มั้ยตามหลักการvalue investment(เอาตามความเห็น
ของพี่นะคะ ... ห้ามบอกน้องว่า"คุณว่าดี พ้มก็เห็นดีด้วย" อะไรทำนองนี้นะคะ .. ฮิ ..ฮิ)
TBSP : 30% TMD : 25% STANLY : 15% สามตัวนี้กะถือยาวและจะลงทุนเพิ่มคะ
TOC : 20% OISHI : 15% สองตัวนี้คิดว่าใน1-2 ไตรมาสข้างหน้าจะไปได้ดี
(หุ้นโตไว) พร้อมที่จะถือต่อหรือเปลี่ยนตัวคะ ..... น้องขอขอบพระคุณพี่ล่วงหน้าคะ
คัตก็เมื่อรู้ว่าเราตัดสินใจผิดCrown เขียน:เพิ่งเข้ามาดูครับ ( สมาชิกใหม่ ) อยากเป็น VI มากครับ เริ่มซื้อหุ้นได้ TOP IPO ได้จัดสรร มา 2,000 ราคา 32 บาท ถ้าปล่อยไว้เฉย ๆ ตอนนี้คงกำไร 100 % แล้วครับ วันแรก ราคา 42 ขายเลยครับ ตกใจ แถมมาร์เก็ติ้งแนะให้ขายไปก่อน แล้วก็ซื้อๆ ขายๆ ตกใจ ขายขาดทุนหลายครั้ง ตั้งใจแบบคนเริ่มเล่นเลยครับ ตั้งใจตาม top ซื้อถูกขายแพง เพื่อลดราคาหุ้นที่ถือลง ( ตั้งใจลงทุน invest แต่เวลาจริง ๆ เป็น trading ไปซะชิบ ) แต่พอเอาจริงๆ ซื้อแพงขายถูก หลายครั้ง กว่าซื้อถูกขายแพง ตกลงเลยกำไรแค่ 30 % ตั้งใจหลายครั้งว่าจะถือยาวครับ แต่มันอดใจไม่ไหวครับ เวลาราคาตก รู้ว่าขาดทุน แล้วราคาอาจกลับมา แต่ก็ขายครับ เพราะกลัว ได้บทสรุปแบบมือใหม่ว่า ต้องมีรูปแบบที่ชัดเจนในการลงทุน เพราะตั้งใจว่าจะ VI แต่ พอเอาเข้าจริง ๆ 2 วัน ก็ขายแล้วครับ อ่านหนังสือแล้วก็สับสนครับ แนวคิดการซื้อโดยดูทางเทคนิค กับ VI มัตรงกันข้ามเลยครับ ขอถามนะครับ
1. VI มี cut loss ไหมครับ อ่านหนังสือหลาย ๆ เล่ม บอกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แล้วทำไม บัฟเฟ็ด บอกว่าครวจะทนได้เวลาหุ้นตกถึง 50 % ( ปรกติทั้ง ๆที่ รู้ว่าบริษัทดีแข็งแกร่ง 2-3% ก็ขายแล้วครับ ) และ ต้องไม่ขาดทุน แต่ถ้า cut loss ก็หมายความว่าขาดทุน แหงๆ
ลงหุ้นหมด 100% และไม่ทำงานคงใช้เงินปันผลมั๊งครับCrown เขียน:2. อายุ 39 ( ยังเลข 3 นะเนี่ย ) ตั้งใจว่าจะเป็น VI เต็มตัว ทุนเริ่มต้น 120,000 เก็บเดือนละ 10,000 - 15,000 ( 10 % ) ลงหุ้น และ 10,000 ธนาคาร จะพอเป็นไททางเวลา และ การเงินได้อย่างไรครับ สงสัยจังว่าพวกที่ลงทุนในห้น 100% ไม่ทำงานอื่นเลย เอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายประจำวันครับi
ถ้าอบรม 50,000 บาทในทางเทคนิคCrown เขียน:3. ผมอ่าน อ่านก่อน รวยถาวรกว่าแล้วครับ ดีมาก q เลยครับ เดี๋ยวนี้ไม่อ่านหนังสือทางเทคนิคเลยครับ อ่านแต่ VI book กับหนังสืองบการเงิน หลายเล่ม รู้สึกว่ามีเหตุผลกว่ากันมาก ๆๆๆๆๆ เพื่อนผมชวนไปอบรม 50,000 บาท ผมรู้สึกว่าเสียดายเงินมาก สู้ซื้อหนังสือหรืออบรมเกี่ยวกับการอ่านงบการเงินจะดีกว่า ถูกกว่าด้วย แต่สงสัยว่า VI ดูพวก MACD MA RSI บ้างหรือเปล่าครับ ผมดูแล้วเสียสมาธิทุกที ดูแล้วอยากขายมากเลยเวลาหุ้นตก อยากซื้อมากเลยเวลาหุ้นขึ้น ดูทีไรอยู่ไม่เป็นสุข เลยครับ
Crown เขียน:ลืมไปครับ ปลาย พฤษภาคม ผมก็จะไปยุโรป 10 วัน ทำอย่างไรดีกับหุ้นที่มีอยู่ครับ
เห็นด้วยกับคำตอบของคุณFinancial Engineer ครับFinancial Engineer เขียน:ถ้ารักจะลงทุนแบบ VI จริงๆ ต้องคิดเสมือนว่าเข้าหุ้นส่วนทำกิจการกันจริงๆ
ถ้าคุณมีกิจการส่วนตัวอยู่ แต่จำเป็นต้องไปต่างประเทศ 10 วัน คุณคิดจะขายกิจการทิ้งก่อนมั้ยล่ะครับ?? ผมว่าแนวคิดของคุณยังห่างกับ VI มากครับ
ขออภัยด้วยที่วิจารณ์ตรงๆ
ตัวอย่าง เรื่องที่ คุณ ztep ยกมาก็คล้ายกันครับผมเคยโชคดีตอนที่มีข่าวร้ายของ tuf เรื่องราคาปลาทูนา ตอนนั้นซื้อได้แค่ 20 บาทเอง ถ้าถือไว้ตอนนี้ก็กำไร 50-60% แล้วมั้ง
ด้วยความยินดีครับSriracha เขียน:ขอบพระคุณคุณพี่ลูกอีสานและคุณพี่วิบูรณ์มากคะ น้องจะถอยสักสองก้าวแล้วก้มหน้าก้มตาทำการบ้านเพิ่มอย่างที่พี่แนะนำนะคะ
จริงแล้วครับSriracha เขียน:พี่คะแล้วถ้างบการเงินแสดงให้เห็นว่าการดำเนินการยังดีอยู่แต่common senseของเราบอกว่าธุรกิจนั้นเริ่มจะfadeแล้ว ยกตัวอย่างAHC, NTV ซึ่งมีงบการเงินสวยมาก P/E แค่ 6, P/BV ต่ำกว่า 1 แต่ทิศทางบริษัทเริ่มจะเข็นไม่ได้ไกลอีกซักเท่าไหร่ (ยืนยันได้จากรายงานประจำปี2547ที่ผู้บริหารเริ่มออกอาการหนักใจ ... ที่จริงน่าใช้คำว่าพรั่นใจมากกว่านะคะ ...) ต้นเหตุคือนับแต่นี้ไปส่วนที่สร้างผลกำไรให้กับโรงพยาบาลอย่างเป็นกอบเป็นกำจะเปลี่ยนมาเป็น package สุขภาพ, ลูกค้าจากต่างประเทศ, บริการพิเศษ อย่างนี้แนวvalue investorควรทำอย่างไรคะ ในทางกลับกัน BH, BGH ซึ่งในอนาคตคงจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากรูปแบบที่กล่าวมาไปเต็มๆ แต่ตำราบอกว่ายังไม่ควรซื้อเพราะราคายังแพงอยู่มาก สัดส่วนหนี้สินก็ยังสูงอยู่ค่อนข้างมาก น้องจะเข้าไปซื้อหุ้นสองตัวนี้ได้เมื่อไหร่เล่าคะหากต้องรอให้ P/E ไม่เกิน 10-11, P/BV ไม่เกิน 3-4 ..... Value investor จะจัดการกับลักษณะเหตุการอย่างนี้ยังไงคะ หรือว่ารอ..ซึ่งในความเห็นของน้องไม่น่าจะมีโอกาสที่ BH, BHG จะมีราคาอยู่ในช่วง P/E, P/BV ดังกล่าวได้
การลงทุนเป็นการมองไปข้างหน้าครับSriracha เขียน:ที่น้องยกตัวอย่างเรื่องcommon sense เพราะน้องเห็นว่าในบางครั้งงบทางการเงินจะช้าเกินไปสำหรับโอกาสที่ เราจะเข้าลงทุน ตัวอย่างเช่น OISHI เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาน้องจะพบเป็นประจำเลยที่คุณลูกรบเร้าคุณแม่ให้เปิดฝา oishi เพื่อลุ้นเงินล้าน โดยคุณแม่กลายเป็นฝ่ายเดินท้องอืดช็อบปิ้งเพราะเล่นชาเขียวเกินขนาด เห็นขายดิบขายดีขนาดนี้น้องมาดงบการเงินก็พบว่าโอ้โห...ตัวเลขswingขึ้นจนไม่กล้านำมา
เป็นบรรทัดฐานในการคำนวณ (กลัวจะโอเวอร์ไปนะคะ) เห็นP/E ราวๆ 11 น้องฟันธงเดี๋ยวนั้นด้วย common sense เลยว่าถ้าซื้อตอนนี้ (25 บาท) แม้จะแพงไปหน่อยเมื่อใช้P/E ในขณะนั้น หรือถึงใช้ predicted EPS ตามgrowthในไตรมาสที่4ที่ผ่านมา(ซึ่งสูงมาก) ราคาก็ยังไมถือว่าถูก เดี๋ยว่พอประกาศผล
ไตรมาสแรกปี48 ตัวเลขรับรองสวยแน่ (เทียบที่ทุนซื้อ25บาท) อย่างนี้ต้องถือว่าตัวเลขผลประกอบการกว่าจะแจ้งออกมาก็ช้าไปแล้ว หากเรายึดวิธีวิเคราะห์แต่กับตัวเลขจะไม่เสียโอกาสตัวนี้ไปหรือ หรืออาจทำให้เราไม่สามารถถือหุ้นตัวนี้ได้สักทีเพราะราคามันวิ่งขึ้นจน P/E ไม่ต่ำลงสักที อย่างนี้ value investor จัดการอย่างไรคะ การใช้ common sense กับสิ่งที่เห็นได้ชัด (ตำตา)ขนาดนี้ถือว่าเสี่ยงจนผิดหลักการ value investmentหรือเปล่าคะ (น้องขอเน้นเรื่องการคิดวาดเหตุการเอาเองว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ กับการเห็นตำตาออกจากกันนะคะ)
ขอบพระคุณคุณพี่ทั้งสองเป็นอย่างสูงอีกครั้งนะคะสำหรับความกรุณาที่มอบให้
อ่านแล้วไม่เข้าใจครับว่าหมายความว่าอะไรSriracha เขียน:ถึงคุณพี่วิบูลย์คะ ...
น้องตั้งใจจะเป็น value investor ให้จงได้คะ การที่น้องรบกวนพี่ให้กรุณาวิจารณ์พอร์ท คำตอบที่จะได้รับทั้งบวกหรือลบไม่ได้ทำให้น้องหวั่นไหวจนซื้อหรือไม่ซื้อหรอกคะ ประเด็นหลักคือการที่ได้มี milestone สำหรับตรวจสอบสิ่งที่เราได้วิเคราะห์มา โดยเฉพาะจากพี่ๆซึ่งต้องถือว่าเป็นระดับผู้อาวุโสสำนัก น่าจะ้เป็นการช่วยในการตรวจสอบความรอบคอบ, ความครบถ้วนในข้อมูลและประเด็นที่สำคัญ ปรับทิศทางและแนวคิดในแนวvalue investorให้แม่นยำชัดเจนขึ้น โดยที่น้องไม่ต้องไป"ลองดู .. เดี๋ยวก็รู้เอง" เพราะบางครั้งคำตอบที่ถูกต้องอาจไม่ได้มาจากวิธีที่ถูกต้องก็ได้ ซึ่งน้องคิดว่าถ้าน้องใส่คำตอบผิด ก็ยังน่าจะได้คะแนนวิธีทำที่ถูกต้องบ้าง
ขอบพระคุณและสวัสดีคะ
ผมขออธิบายนิดนึงSriracha เขียน:ขอแก้ไขตัวเลข P/Eและ P/BVของ AHC ของกระทู้ข้างบนคะ
P/E : 8 กว่า , P/BV : 1 นิดๆ
ตัวเลขP/E และP/BVเก่าของกระทู้ข้างบนเป็นของ PRANDA คะซึ่งก็คาใจอยู่ด้วยที่ งบการเงินดี ผลกำไรอืดลงไปนิด แต่ก็ไม่ขี้เหร่ แถมยังไปขยายกำลังผลิตเพิ่มที่จีน ซึ่งน่าจะทำให้ปีนี้ดีขึ้น มาติดตรงที่ไปออกwarrantซึ่งในหนังสือดร.นิเวศน์ก็เขียนไว้ชัดว่าไม่ชอบเพราะทำให้EPS dilute ไป อย่างนี้ใช่ value stock อยู่หรือเปล่าคะ (หรือว่าไม่ได้เป็นvalue stock มาตั้งแต่ก่อนออก warrant แล้ว ฮิ ..ฮิ..)
ต้องวิเคาระห์ให้ได้ว่าข่าวร้ายนั้นมีผลทำให้พื้นฐานกิจการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรหรือเปล่าcrown เขียน:Q : คำว่า ข่าวร้าย เราประเมินอย่างไรครับ ถ้าข่าวร้ายเรื่องราคาน้ำมันเดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง ข้างบ้านรบกัน แต่ไม่เกี่ยวกับบริษัท แล้วราคาตก อย่างนี้ พอเข้าใจครับ แต่บริษัทที่เคยมีผลการดำเนินงานดี มาตลอด ผู้บริหารแข็งแกร่ง ( ปัจุบันก็แข็งแกร่ง ) ราคาหุ้นขึ้นเอาขึ้นเอา วันดีคืนดี มีหวัดนก ครับ ยอดตก ต้นทุน แพง กำไรลดจากต้นทุนที่แพงขึ้น เราคาดว่าศักยภาพยังดีอยู่มากถ้าผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้น่าจะฟื้นได้ดีมาก ( แต่ก็ไม่รูเมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยว่าจะพ้นหรือเปล่า ) เรามีหุ้นอยู่ มา 1 ปีแล้ว จะประเมินอย่างไรครับ จะซื้อเพิ่มเพราะมีข่าวร้าย หรือ ขายออกครับ เพราะปัจจัยเปลี่ยน แล้วรอให้ต้นทุนลดราคาลงขายดีขึ้น ค่อยเข้าซื้อใหม่หรือเปล่าครับ
ถ้าหามูลค่าบริษัทได้ ปัญหานี้ก็จะหมดไปcrown เขียน:Q : ปกติ เวลาเรารอ ดูอะไรบ้างครับ หลายครั้งเวลารอ มันไม่ตกมาที่เรารอซักที ถึงมีข่าวร้าย มันก็ตกไม่มาก เท่าราคาที่เราไม่ซื้อตอนเริ่มต้นรอด้วยซ้ำ ยิ่งบริษัทที่ ดี ราคาน่าจะขึ้นกไปเรื่อย ๆ หรือว่าถ้าเห็นว่าราคาดีแล้ว ซื้อไว้เลยหรือเปล่าครับ เก็บเงินไว้ส่วนหนึ่ง เผื่อราคาตก จะซื้ออีก
ไม่ทราบครับ ลองถามพี่CK ดูซิครับcrown เขียน:Q: VI มีใครลงทุน ปฏิบัติจริง แบบ dollar cost average ต่อเนื่อง บ้างหรือเปล่าครับ ได้ผลอย่างไรบ้างครับ หรือมีแต่ใน ทฤษฎีครับ
การวิเคราะห์บริษัทนั้นควรวิเคราะห์ถึงความยั่งยืนด้วยนะครับ ถ้าจะซื้อไม่ควรพิจารณาข่าวดีที่เกิดเป็นครั้งคราวครับ ประเภทมาแล้ววูบหายไป เหมือนกำไรจากการขายสินทรัพย์ แล้วซื้อเพื่อเก็งกำไรผลประกอบการที่จะประกาศ ถ้าคิดจะซื้อแบบนี้ไม่ใช่ VI ครับSriracha เขียน:ตัวอย่างเช่น OISHI เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาน้องจะพบเป็นประจำเลยที่คุณลูกรบเร้าคุณแม่ให้เปิดฝา oishi เพื่อลุ้นเงินล้าน โดยคุณแม่กลายเป็นฝ่ายเดินท้องอืดช็อบปิ้งเพราะเล่นชาเขียวเกินขนาด เห็นขายดิบขายดีขนาดนี้น้องมาดงบการเงินก็พบว่าโอ้โห...ตัวเลขswingขึ้นจนไม่กล้านำมา
เป็นบรรทัดฐานในการคำนวณ (กลัวจะโอเวอร์ไปนะคะ) เห็นP/E ราวๆ 11 น้องฟันธงเดี๋ยวนั้นด้วย common sense เลยว่าถ้าซื้อตอนนี้ (25 บาท) แม้จะแพงไปหน่อยเมื่อใช้P/E ในขณะนั้น หรือถึงใช้ predicted EPS ตามgrowthในไตรมาสที่4ที่ผ่านมา(ซึ่งสูงมาก) ราคาก็ยังไมถือว่าถูก เดี๋ยว่พอประกาศผล
ไตรมาสแรกปี48 ตัวเลขรับรองสวยแน่ (เทียบที่ทุนซื้อ25บาท) อย่างนี้ต้องถือว่าตัวเลขผลประกอบการกว่าจะแจ้งออกมาก็ช้าไปแล้ว หากเรายึดวิธีวิเคราะห์แต่กับตัวเลขจะไม่เสียโอกาสตัวนี้ไปหรือ หรืออาจทำให้เราไม่สามารถถือหุ้นตัวนี้ได้สักทีเพราะราคามันวิ่งขึ้นจน P/E ไม่ต่ำลงสักที อย่างนี้ value investor จัดการอย่างไรคะ การใช้ common sense กับสิ่งที่เห็นได้ชัด (ตำตา)ขนาดนี้ถือว่าเสี่ยงจนผิดหลักการ value investmentหรือเปล่าคะ (น้องขอเน้นเรื่องการคิดวาดเหตุการเอาเองว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ กับการเห็นตำตาออกจากกันนะคะ)
หาราคาไอพีโอได้ที่ไหน ไม่ทราบครับ เพราะไม่ค่อยได้สนใจztep เขียน:ไม่รู้ว่าหาข้อมูลราคา IPO ของแต่ละตัวได้ที่ไหนครับ แต่ก่อน web settrade จะมีให้เดี๋ยวนี้ดันเอาออกซะ ขอแถมอีกเรื่องคือเว็บโฉมใหม่ของ set ไม่สามารถ save ข้อมูลบางตัวลงได้อีกแล้ว เช่นที่ company highlight หงุดหงิดๆ อ้อ ขออีเรื่องครับที่บอกว่า zemico ไม่คิดอัตราขั้นต่ำนี่คือ ขั้นต่ำของค่าโบรก หรือ ขั้นต่ำของวงเงินในการเปิดบัญชีครับ ขอบคุณอย่างสูงครับ :lol:
งานวิจัยของโบรคจะมีราคา IPO ครับztep เขียน:ไม่รู้ว่าหาข้อมูลราคา IPO ของแต่ละตัวได้ที่ไหนครับ แต่ก่อน web settrade จะมีให้เดี๋ยวนี้ดันเอาออกซะ ขอแถมอีกเรื่องคือเว็บโฉมใหม่ของ set ไม่สามารถ save ข้อมูลบางตัวลงได้อีกแล้ว เช่นที่ company highlight หงุดหงิดๆ อ้อ ขออีเรื่องครับที่บอกว่า zemico ไม่คิดอัตราขั้นต่ำนี่คือ ขั้นต่ำของค่าโบรก หรือ ขั้นต่ำของวงเงินในการเปิดบัญชีครับ ขอบคุณอย่างสูงครับ :lol: