extraordinary เขียน:สวัสดีครับพี่วิบูลย์
ผมอ่านกระทู้พี่เป็นกระทู้แรกของที่นี่เลย
ได้หลักคิดเรื่องการลงทุนมากๆเลยครับ
พอดีอ่านหนังสสือเล่มใหม่ของพี่ แล้วมีจุดนึงที่ผมสงสัย
เรื่องGYP ratioอ่ะครับ
ค่าGYP ถ้าเปนของหุ้นเฉพาะตัวผมก็พอคิดแบบคร่าวๆได้อ่ะครับ
แต่เหนในหนังสือบอกว่า เนฟฟ์ให้ความสำคัญกับGYPของพอร์ทเทียบกับตลาดมากกว่า
หากตลาดขึ้นสูงมากจนราคาหุ้นสูงเกินไปให้เปลี่ยนมาถือเงินสดไว้ราว 20%
เพื่อเตรียมตัวสำหรับโอกาสครั้งหน้า
GYP ของพอร์ท เราเอาของหุ้นแต่ละตัวมาถ่วงน้ำหนักแล้วเฉลี่ยออกมาใช่ไหมครับ
แล้วถ้าเป็นของเซตเราคิด earning growthมันยังไงอ่ะครับ
เอาค่าเฉลี่ยผลตอบแทนเซตแบบหยาบๆที่10% มาแทนได้ไหม
อีกข้อคือจุดที่เนฟฟ์ให้เปลี่ยนมาถือเงินสด20%นี้GYP ของพอร์ทกับเซตต้องอยุ๋ถึงระดับไหนครับเราถึงลดพอร์ท
เรื่อง GYP นี่ผมก็ไม่เคยใช้หรอกครับ
เป็นแนวทางของ John Neff
ซึ่งถ้าจะใช้ก็ใช้ได้ซึ่งเป็นการปรับสัดส่วนลงทุนของพอร์ตแบบออโต
GYP สัมพันธ์กับ SET อย่างไรผมไม่ได้ศึกษาครับ
ลองทำดู
ได้อย่างไรบอกกันด้วย
extraordinary เขียน: จุดนี้ผมรุ้สึกว่าค่อนข้างมีปัญหาสำหรับผม เลยอยากถามพี่วิบูลย์ดู
เพราะว่าเวลาที่ตลาดกระทิง มีแนวโน้มที่ผมจะถือหุ้นไปเรื่อยๆเพราะเอนจอยราคาหุ้นโดยไม่สนพื้นฐาน
ที่ผ่านมาก็อาศัยว่าปรับเป็นตัวๆไป ขายตัวนุ้นไปซื้อตัวนี้ ถ้าตลาดพานิกจริงๆผมก็คงไม่รอดอยุ่ดี
ผมว่าจังหวะการถือเงินสดนี่ก็สำคัญมากๆเพราะมันช่วยให้ปลอดภัยเวลาตลาดลงหนัก
(ซึ่งผมเองยังไม่เคยผ่านมันเลย)
เลยอยากรุ้ว่าจุดที่ผู้รุ้ที่มีประสบการณ์บอกว่าตลาดโดยรวมเริ่มแพงแล้วนี่ดูยังไง
ถ้าเป็นวีไอ
ดูที่ตัวธุรกิจมากกว่าตลาด
เราไม่รู้หรอกว่าตลาดจะไปทางไหน
เมื่อไหร่ต่ำสุด
เมื่อไหร่สูงสุด
ดังนั้นให้ดูธุรกิจที่เราถืออยู่
ถ้าราคาไม่สูงเกินพื้นฐานก็ถือต่อได้
ตลาดตก เดี๋ยวก็กลับมาเอง (แต่ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่)
ส่วนการถือเงินสดนั้น
บางคนบอกว่าเป็นการเสียโอกาส
แต่ผมมองว่าถ้าเรามีเงินสด เราก็มีโอกาส
ดังนั้นเรามีเงินสดก็เมื่อเราหาหุ้นที่ลงทุนในราคาที่ดีไม่ได้
ก็ถือเงินสดไป ไม่มีอะไรเสียหายหรอกครับ
ไม่มีกฏที่บอกว่าห้ามถือเงินสดนะ
แต่ถือมากถือน้อย ไม่ถือเลยก็ได้
ถามว่าเมื่อไหร่นั้น
ถ้าเราไม่ได้เก็งดัชนี ไม่สนตลาด มันก็ตอบไม่ได้หรอกว่าเมื่อไหร่ควรขายล้างพอร์ต
หรือขายหุ้นเมื่อดัชนีไปเท่าไหร่
ไม่รู้เข้าใจหรือเปล่า
ขอย้ำอีกทีว่า
ไม่มีใครรู้ว่า
เมื่อไหร่ดัชนีจะต่ำสุด
เมื่อไหร่ดัชนีจะสูงสุด
อย่าเดาตลาด
ให้ดูที่มูลค่าธุรกิจเทียบกับราคา
ผมเดาว่าท่านคงไม่ได้ดูดัชนีextraordinary เขียน: อย่างตอนต้นปีผมฟังดร.นิเวศน์ ท่านก็บอกว่าถ้าปีนี้setขึ้นไป30% ท่านจะเริ่มลดพอร์ทแล้ว
ผมก็สงสัยอยุ่ว่าทำไมต้องเป็นที่30% เป็น20% ก็ลดเลยไม่ได้เหรอ หรือ รอซัก50%ก่อน
ดร.ท่านก็คงมีวิธีการที่จะดูตลาดเหมือนกัน
แต่ดูที่ราคาหุ้นที่ท่านถืออยู่ราคาเท่าไหร่
สูงกว่ามูลค่าหรือยัง
เพราะเราเดาดัชนีไม่ได้ถูกต้องตลอดไป
แต่บางครั้งเราขายหุ้นออกไป
แต่ราคาหุ้นยังเพิ่มขึ้นได้นะ
และเป็นบ่อยเสียด้วย
อย่างบัฟเฟตขายหุ้นปิโตรไชนาไป
ราคาหุ้นปิโตรไชน่ายังขึ้นต่อได้อีก..เป็นต้น
ลองหาหนังสือเคล็ดลับเซียหุ้นมาอ่านดู
มีเรื่องนี้ด้วย.......เชียร์หนังสือตัวเอง