สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 1
ผมมองว่าบริษัทที่มีหนี้สินในจำนวนที่สามารถบริหารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพน่าจะดีกว่าบริษัทที่ปลอดหนี้ เนื่องจากเราสามารถลดต้นทุนทางการเงินลงไปได้
ซึ่งหากสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่ได้มากจนเสี่ยงเกินไป ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเช่นนี้ น่าจะดีกว่าพวกกิจการอนุรักษ์นิยมนะครับ
บางโอกาส หากไม่มีความกล้าเสี่ยงเลย ย่อมเสียเปรียบแก่คู่แข่งที่รู้จักจัดการกับความเสี่ยงนั้น
ซึ่งผลประโยชน์จากกำไรต่อหุ้นที่มากขึ้น รวมถึงประโยชน์จาก Tax Shield ย่อมเกิดแก่ผู้ถือหุ้นนั่นเอง
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ผมมองว่า D/E ไม่เกินหนึ่งเท่าไม่น่าจะมีปัญหานะครับ สำหรับธุรกิจที่อยู่ตัวแล้ว
ซึ่งหากสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่ได้มากจนเสี่ยงเกินไป ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเช่นนี้ น่าจะดีกว่าพวกกิจการอนุรักษ์นิยมนะครับ
บางโอกาส หากไม่มีความกล้าเสี่ยงเลย ย่อมเสียเปรียบแก่คู่แข่งที่รู้จักจัดการกับความเสี่ยงนั้น
ซึ่งผลประโยชน์จากกำไรต่อหุ้นที่มากขึ้น รวมถึงประโยชน์จาก Tax Shield ย่อมเกิดแก่ผู้ถือหุ้นนั่นเอง
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ผมมองว่า D/E ไม่เกินหนึ่งเท่าไม่น่าจะมีปัญหานะครับ สำหรับธุรกิจที่อยู่ตัวแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 2
แล้วแต่มุมมองครับ คงไม่มีอะไรถูกหรือผิด ในเรื่องการมีหนี้
ส่วนตัวแล้ว นั่งมองผลประกอบการของบริษัท 5 ปีย้อนหลัง
บริษัทที่มียอดขาย เพิ่มขึ้น และหนี้น้อยลง ในขณะที่มีปันผล แถมส่วนของผู้ถือหุ้นก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
ว่าเป็นบริษัท ชั้นดี ที่พี่อยากเป็นเจ้าของ
ด้วยเหตุผลที่ว่า วอเรนทำกำไรได้ปีละประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อหักภาษีแล้วได้ประมาณ 23 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง พี่ก็เห็นหลายคน ชนะวอเรนไปหมดแล้ว บ้างก็ทำได้ 100 เปอร์เซ็นต์ บ้างก็ได้ 200 เปอร์เซ็นต์
แสดงว่า ต่อปีเราชนะวอเรนแล้ว แต่ความต่อเนื่องคือ ทำให้ได้ทุกปี ในเปอร์เซ็นต์ต่อเงินลงทุนให้ได้สูงๆเหมือนเดิม เราจะทำอย่างไร
ความเสี่ยงที่เราได้รับจาก กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการก่อนหนี้ อาจจะดีมากในสายตาของหลายคน
แต่พี่ไม่เอาด้วยครับ ขอคิดอย่าง
1. รักษาเงินต้น
2. กลับไปดูข้อที่หนึ่ง
การขยายกิจการแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยอาศัยเงินสดจากการดำเนินงาน หลังจากหักปันผลแล้ว พี่ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วครับ
ปล.
กิจการที่ดอกเบี้ยถูกยังไม่ต้องกู้เงิน เมื่อดอกเบี้ยแพง ยิ่งไม่ต้องกู้เข้าไปใหญ่
แสดงว่าตัวกิจการเป็นกิจการที่ทำกระแสเงินสดได้ดีมาก
ส่วนตัวแล้ว นั่งมองผลประกอบการของบริษัท 5 ปีย้อนหลัง
บริษัทที่มียอดขาย เพิ่มขึ้น และหนี้น้อยลง ในขณะที่มีปันผล แถมส่วนของผู้ถือหุ้นก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
ว่าเป็นบริษัท ชั้นดี ที่พี่อยากเป็นเจ้าของ
ด้วยเหตุผลที่ว่า วอเรนทำกำไรได้ปีละประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อหักภาษีแล้วได้ประมาณ 23 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง พี่ก็เห็นหลายคน ชนะวอเรนไปหมดแล้ว บ้างก็ทำได้ 100 เปอร์เซ็นต์ บ้างก็ได้ 200 เปอร์เซ็นต์
แสดงว่า ต่อปีเราชนะวอเรนแล้ว แต่ความต่อเนื่องคือ ทำให้ได้ทุกปี ในเปอร์เซ็นต์ต่อเงินลงทุนให้ได้สูงๆเหมือนเดิม เราจะทำอย่างไร
ความเสี่ยงที่เราได้รับจาก กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการก่อนหนี้ อาจจะดีมากในสายตาของหลายคน
แต่พี่ไม่เอาด้วยครับ ขอคิดอย่าง
1. รักษาเงินต้น
2. กลับไปดูข้อที่หนึ่ง
การขยายกิจการแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยอาศัยเงินสดจากการดำเนินงาน หลังจากหักปันผลแล้ว พี่ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วครับ
ปล.
กิจการที่ดอกเบี้ยถูกยังไม่ต้องกู้เงิน เมื่อดอกเบี้ยแพง ยิ่งไม่ต้องกู้เข้าไปใหญ่
แสดงว่าตัวกิจการเป็นกิจการที่ทำกระแสเงินสดได้ดีมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 3
น่าจะดูประเภทของหนี้สินประกอบด้วยนะครับ ว่าเป็นเงินกู้สถาบันการเงิน หุ้นกู้ หรือเงินตั้งสำรอง/มัดจำต่างๆ ที่สำคัญ ดูสกุลของเงินกู้ด้วยก็ดีครับ ว่าจะมีโอกาสผันผวนเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือเปล่า
การไม่มีหนี้ไม่ได้แปลว่าโตช้านะครับ แต่ผมมองว่ามีโอกาสก่อหนี้ได้สูงกว่า (เค้าเรียกว่าอะไรนะ ... จำไม่ได้ครับ ไม่มีตำราการเงิน) เมื่อต้องการขยายงานจริงๆ ดังนั้นรักษา D/E ให้ต่ำๆไว้ดีแล้วครับ เมื่อมีโอกาสทอง จะได้หาเงินกู้มาได้อย่างเพียงพอ
การไม่มีหนี้ไม่ได้แปลว่าโตช้านะครับ แต่ผมมองว่ามีโอกาสก่อหนี้ได้สูงกว่า (เค้าเรียกว่าอะไรนะ ... จำไม่ได้ครับ ไม่มีตำราการเงิน) เมื่อต้องการขยายงานจริงๆ ดังนั้นรักษา D/E ให้ต่ำๆไว้ดีแล้วครับ เมื่อมีโอกาสทอง จะได้หาเงินกู้มาได้อย่างเพียงพอ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 4
คุณ Financial Engineer เป็นแฟน arsenal เหรอ ผมแฟนหงส์ครับ ไว้เจอกัน ใน premier league แล้วจะเขียนมาทักทาย (ถ้าหงส์ชนะเท่านั้นนะ แหะ แหะ)
หนี้เป็นสิ่งที่แปลก ผมว่าบริษัทควรกู้เงินเมื่อเค้าสามารถกู้ได้ ไม่ใช่เค้าจำเป็นต้องกู้
เห็นด้วยครับที่บริษัทควรกู้เงินถ้าสามารถเอาเงินไปเป็นตัวหักภาษีจ่ายได้ ว่าไปแล้วเป็นข้อดีอย่างเดียวของการกู้เงินครับ
เห็นด้วยอีกเหมือนกันที่มันควรเป็นตราสารหนี้ที่บริษัทออกเองหรือเป็นสัญญากู้เงินระยะยาวที่เจ้าหนี้ไม่สามารถ call เงินกู้คืนได้ในเวลาที่กำหนด เป็นการลดความเสี่ยงของบริษัทได้
เงินกู้ต่างประเทศต้องมีการซื้อ option หรือ forward ค่าเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยง ไม่ว่าเงินบาทจะแข็งหรืออ่อนควรใช้ค่าเงินปัจจุบัน (บวกค่า option อีกนิดหน่อย)
การกู้ต้องไม่มากเกินไปจนทำให้ความผันผวนของกำไรทำให้เราไม่สามารถใช้หนี้ได้
หนี้เป็นสิ่งที่แปลก ผมว่าบริษัทควรกู้เงินเมื่อเค้าสามารถกู้ได้ ไม่ใช่เค้าจำเป็นต้องกู้
เห็นด้วยครับที่บริษัทควรกู้เงินถ้าสามารถเอาเงินไปเป็นตัวหักภาษีจ่ายได้ ว่าไปแล้วเป็นข้อดีอย่างเดียวของการกู้เงินครับ
เห็นด้วยอีกเหมือนกันที่มันควรเป็นตราสารหนี้ที่บริษัทออกเองหรือเป็นสัญญากู้เงินระยะยาวที่เจ้าหนี้ไม่สามารถ call เงินกู้คืนได้ในเวลาที่กำหนด เป็นการลดความเสี่ยงของบริษัทได้
เงินกู้ต่างประเทศต้องมีการซื้อ option หรือ forward ค่าเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยง ไม่ว่าเงินบาทจะแข็งหรืออ่อนควรใช้ค่าเงินปัจจุบัน (บวกค่า option อีกนิดหน่อย)
การกู้ต้องไม่มากเกินไปจนทำให้ความผันผวนของกำไรทำให้เราไม่สามารถใช้หนี้ได้
- นาย อนุสรณ์ สวัสดี
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 5
ขอถามความเห็นหน่อยครับ
เงินกู้ 30 ล้าน = หุ้นกู้ระยะยาว 10 ล้าน + หุ้นกู้ระยะสั้น 3 ล้าน + หนี้ระยะสั้นสถาบันการเงิน 5 ล้าน + อื่น ๆ และจากบริษัทลูก 12 ล้าน
ส่วนของผู้ถือหุ้น 26 ล้าน
บริษัทดัง
ควรรีบกำจัดหรือไม่
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์
เงินกู้ 30 ล้าน = หุ้นกู้ระยะยาว 10 ล้าน + หุ้นกู้ระยะสั้น 3 ล้าน + หนี้ระยะสั้นสถาบันการเงิน 5 ล้าน + อื่น ๆ และจากบริษัทลูก 12 ล้าน
ส่วนของผู้ถือหุ้น 26 ล้าน
บริษัทดัง
ควรรีบกำจัดหรือไม่
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์
-
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 7
ห้องนี้ดีจัง มีข้อมูลที่ยังไม่เคยรู้ ให้ได้รู้อีกมาก
การกู้เงินมาจ่ายปันผลเป็นเพราะอะไร ดอกเบี้ยถูก ขาดเงินสดในมือ แต่ต้องการความเชื่อมั่น
ของผู้ถือหุ้น เพื่อประโยชน์ในภายหน้า ในการเพิ่มทุน
หรืออื่นๆ
การกู้เงินมาจ่ายปันผลเป็นเพราะอะไร ดอกเบี้ยถูก ขาดเงินสดในมือ แต่ต้องการความเชื่อมั่น
ของผู้ถือหุ้น เพื่อประโยชน์ในภายหน้า ในการเพิ่มทุน
หรืออื่นๆ
- นาย อนุสรณ์ สวัสดี
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณพี่ฉัตรชัยที่ช่วยตอบครับ
รายได้จากการขาย 75 ล้าน
รวมต้นทุนและค่าใช้จ่าย 71 ล้าน
กำไรก่อนเสียภาษี 4 ล้าน
ปันผล 3 เดือนครั้ง แต่ปีนี้จ่าย ที่ 6 เดือนครั้ง
ที่ยังเก็บไว้เพราะ
***1.บริษัทดัง ( goodwill ดี ? ) เจ้าของมีประวัติลงหนังสือหลายเล่ม
2.ปันผลบ่อย ( ซื้อเพราะอยากเห็นเช็ก ?? )
3.ตอนซื้อลืมดูหนี้ มาเห็นหนี้ทีหลัง แต่เป็นหุ้นกู้ก็เยอะ(หนี้ดี?) ฐานะจะมั่นคง ?
4.หลวมตัวขอเป็นหุ้นในโครงการไปแล้ว
5.มาตรฐานรับรองเยอะ ( 8 มาตรฐาน )
6.ซื้อไว้ไม่เยอะ น้อย ๆ ๆ ๆ มาก ( เพิ่งเริ่มเก็บครับ )
***7.ราคาต่ำกว่า BV ( ดูในหนังสือพิมพ์ กับรายงานของโบรก )
8.ตอนนี้ลงไปอีกแล้ว น่าเก็บเพิ่ม ?
9.warrant เยอะ แต่ราคาแปลงสิทธ์ไม่คุ้มค่า หวังว่าคงไม่โดน dilute
มาคิดดูตอนนี้ ไม่น่าซื้อเลย แต่ก็ยังไม่มีเหตุผลเหมาะ ๆ ที่จะขาย เพราะ goodwill กับ BV ยังน่าสนใจ ( หวังลึก ๆ ว่าจะฟื้น ) หุ้นกู้น่าจะเป็นหนี้ดี ถ้าหักหุ้นกู้ออกก็จะมี D/E ต่ำกว่า 1
พี่ฉัตรชัยคิดว่าอย่างไรครับ อันตรายที่จะถือต่อหรือเปล่าครับ เห็นคุยกันเรื่องหนี้อยู่พอดี
แล้วจะดูอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ของบริษัทที่ไหนครับ ผมดูในงบแล้วไม่เจอครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์
รายได้จากการขาย 75 ล้าน
รวมต้นทุนและค่าใช้จ่าย 71 ล้าน
กำไรก่อนเสียภาษี 4 ล้าน
ปันผล 3 เดือนครั้ง แต่ปีนี้จ่าย ที่ 6 เดือนครั้ง
ที่ยังเก็บไว้เพราะ
***1.บริษัทดัง ( goodwill ดี ? ) เจ้าของมีประวัติลงหนังสือหลายเล่ม
2.ปันผลบ่อย ( ซื้อเพราะอยากเห็นเช็ก ?? )
3.ตอนซื้อลืมดูหนี้ มาเห็นหนี้ทีหลัง แต่เป็นหุ้นกู้ก็เยอะ(หนี้ดี?) ฐานะจะมั่นคง ?
4.หลวมตัวขอเป็นหุ้นในโครงการไปแล้ว
5.มาตรฐานรับรองเยอะ ( 8 มาตรฐาน )
6.ซื้อไว้ไม่เยอะ น้อย ๆ ๆ ๆ มาก ( เพิ่งเริ่มเก็บครับ )
***7.ราคาต่ำกว่า BV ( ดูในหนังสือพิมพ์ กับรายงานของโบรก )
8.ตอนนี้ลงไปอีกแล้ว น่าเก็บเพิ่ม ?
9.warrant เยอะ แต่ราคาแปลงสิทธ์ไม่คุ้มค่า หวังว่าคงไม่โดน dilute
มาคิดดูตอนนี้ ไม่น่าซื้อเลย แต่ก็ยังไม่มีเหตุผลเหมาะ ๆ ที่จะขาย เพราะ goodwill กับ BV ยังน่าสนใจ ( หวังลึก ๆ ว่าจะฟื้น ) หุ้นกู้น่าจะเป็นหนี้ดี ถ้าหักหุ้นกู้ออกก็จะมี D/E ต่ำกว่า 1
พี่ฉัตรชัยคิดว่าอย่างไรครับ อันตรายที่จะถือต่อหรือเปล่าครับ เห็นคุยกันเรื่องหนี้อยู่พอดี
แล้วจะดูอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ของบริษัทที่ไหนครับ ผมดูในงบแล้วไม่เจอครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์
- นาย อนุสรณ์ สวัสดี
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 9
ถึงพี่นักดูดาว
สกุลเงินกู้มีเขียนไว้ในงบการเงินหรือเปล่าครับ
แล้วถ้าไม่มีจะดูได้ที่ไหนครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์
ปล. วันนี้หมีลง ผมเลยเริ่มเก็บ 100 ตัว อิอิ
สกุลเงินกู้มีเขียนไว้ในงบการเงินหรือเปล่าครับ
แล้วถ้าไม่มีจะดูได้ที่ไหนครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์
ปล. วันนี้หมีลง ผมเลยเริ่มเก็บ 100 ตัว อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 10
สกุลเงินกู้ น่าจะมีในหมายเหตุประกอบงบการเงินนะครับ ถ้าไม่แน่ใจก็สอบถามบริษัทได้
บ.หมีแพรนด้า มีเงินกู้จาก KTB ดอกเบี้ยร้อยละ 5.2% ต่อปีครับ ทยอยเก็บก็ดีครับ ผมยังติดใจเรื่องพระเครื่องอยู่ ไม่อยากขาย
บ.หมีแพรนด้า มีเงินกู้จาก KTB ดอกเบี้ยร้อยละ 5.2% ต่อปีครับ ทยอยเก็บก็ดีครับ ผมยังติดใจเรื่องพระเครื่องอยู่ ไม่อยากขาย
- นาย อนุสรณ์ สวัสดี
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณครับ พี่นักดูดาว
ผมจะลองดูที่หมายเหตุประกอบงบครับ
อนุสรณ์
ผมจะลองดูที่หมายเหตุประกอบงบครับ
อนุสรณ์
- นาย อนุสรณ์ สวัสดี
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณครับพี่ฉัตรชัย
อนุสรณ์
อนุสรณ์
- นาย อนุสรณ์ สวัสดี
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 14
ขออภัยที่ถาม ปล่อยไก่ไปตัวเบอเร่อเลย
เจออัตราที่ต้องจ่ายหุ้นกู้อยู่ในข้อที่ 8 โครงสร้างเงินทุน
จ่าย 7% นี่ถือว่าปรกติหรือเปล่าครับ แต่รู้สึกจะกลายเป็นอัตราดอกเบี้ยฝากประจำบวก 3 % ช่วงท้าย ๆ ก็ลดภาระบริษัทไปได้เยอะ ไถ่ถอนหมด มีนา ปี 49
แต่ยังไม่เจอครับว่าจ่ายธนาคารเท่าใค สงสัยต้องประมาณเอา ?
เจออัตราที่ต้องจ่ายหุ้นกู้อยู่ในข้อที่ 8 โครงสร้างเงินทุน
จ่าย 7% นี่ถือว่าปรกติหรือเปล่าครับ แต่รู้สึกจะกลายเป็นอัตราดอกเบี้ยฝากประจำบวก 3 % ช่วงท้าย ๆ ก็ลดภาระบริษัทไปได้เยอะ ไถ่ถอนหมด มีนา ปี 49
แต่ยังไม่เจอครับว่าจ่ายธนาคารเท่าใค สงสัยต้องประมาณเอา ?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 15
ผมอยากกลับเข้าเรื่องตามหัวข้อกระทู้นะครับ
ตามความเห็นของผมนั้น การซื้อหุ้นหมายถึงเราซื้ออนาคต บริษัทที่เราซื้อน่าจะมีอนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน
บริษัทที่มีหนี้พอสมควรแล้ว ผมมีความคิดว่าบริษัทใช้ประโยชน์จากการก่อหนี้ ณ ปัจจุบันเต็มที่แล้ว ไม่น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพจากการก่อหนี้ได้อีก
ในขณะที่บริษัทที่ไม่มีหนี้ ถ้าเห็นโอกาสที่จะขยาย ก็สามารถที่จะกู้เงินมาลงทุนได้ (ดอกเบี้ยถูกด้วย ธนาคารจะเข้ามาแข่งขันกันปล่อยกู้) ซึ่งหมายถึงกำไร ROE ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยในอนาคต
หรือถ้าบริษัทไม่มีการกู้ยืม เงินสดที่ได้จากการประกอบการก็มีโอกาสที่บริษัทจะนำมาจ่ายเงินปันผลเพิ่มจากอดีต เนื่องจากไม่มีภาระในการชำระหนี้เงินกู้
ซึ่งทั้งกรณีกำไรเพิ่ม หรือจ่ายปันผลเพิ่ม ก็ยังไม่น่าที่จะสะท้อนราคาหุ้นในปัจจุบัน โอกาศที่ราคาหุ้นจะขึ้นในอนาคตมีมากกว่า แต่กรณีที่บริษัทมีการกู้ยืมมาแล้ว ราคาหุ้นก็น่าจะสะท้อนไปหมดแล้วครับ
ตามความเห็นของผมนั้น การซื้อหุ้นหมายถึงเราซื้ออนาคต บริษัทที่เราซื้อน่าจะมีอนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน
บริษัทที่มีหนี้พอสมควรแล้ว ผมมีความคิดว่าบริษัทใช้ประโยชน์จากการก่อหนี้ ณ ปัจจุบันเต็มที่แล้ว ไม่น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพจากการก่อหนี้ได้อีก
ในขณะที่บริษัทที่ไม่มีหนี้ ถ้าเห็นโอกาสที่จะขยาย ก็สามารถที่จะกู้เงินมาลงทุนได้ (ดอกเบี้ยถูกด้วย ธนาคารจะเข้ามาแข่งขันกันปล่อยกู้) ซึ่งหมายถึงกำไร ROE ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยในอนาคต
หรือถ้าบริษัทไม่มีการกู้ยืม เงินสดที่ได้จากการประกอบการก็มีโอกาสที่บริษัทจะนำมาจ่ายเงินปันผลเพิ่มจากอดีต เนื่องจากไม่มีภาระในการชำระหนี้เงินกู้
ซึ่งทั้งกรณีกำไรเพิ่ม หรือจ่ายปันผลเพิ่ม ก็ยังไม่น่าที่จะสะท้อนราคาหุ้นในปัจจุบัน โอกาศที่ราคาหุ้นจะขึ้นในอนาคตมีมากกว่า แต่กรณีที่บริษัทมีการกู้ยืมมาแล้ว ราคาหุ้นก็น่าจะสะท้อนไปหมดแล้วครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับยุคนี้ บริษัทปลอดหนี้ ดีจริงหรือ
โพสต์ที่ 17
พอดีเพิ่งอ่านเจอครับ และมีตำราอยู่ในมือ :lol:การไม่มีหนี้ไม่ได้แปลว่าโตช้านะครับ แต่ผมมองว่ามีโอกาสก่อหนี้ได้สูงกว่า (เค้าเรียกว่าอะไรนะ ... จำไม่ได้ครับ ไม่มีตำราการเงิน) เมื่อต้องการขยายงานจริงๆ ดังนั้นรักษา D/E ให้ต่ำๆไว้ดีแล้วครับ เมื่อมีโอกาสทอง จะได้หาเงินกู้มาได้อย่างเพียงพอ
เขาเรียกว่า debt capacity ครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV