อธิบายเพิ่มเติมทีครับว่า low ยังไงporzilla เขียน:price แต่ low quility
อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 31
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 201
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 32
ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
แต่บริษัทเอาแต่ขึ้นราคาสินค้า ทั้งที่นำเข้าจากต่างประเทศ
ขายสินค้าราคาแพงเกินจริง
เอาเปรียบผู้บริโภค
แต่บริษัทเอาแต่ขึ้นราคาสินค้า ทั้งที่นำเข้าจากต่างประเทศ
ขายสินค้าราคาแพงเกินจริง
เอาเปรียบผู้บริโภค
- Berkaizer
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 33
ผมโดนหลอกประจำคับให้ไปฟังบรรยายและโดนบีบบังคับทางอ้อมให้สมัครสมาชิก ผมก็คิดว่าเขาคงมีเรื่องลำบากใจที่อยากจะคุยกับเรา ผมยอมเสียเวลานะเพื่อรับฟังปัญหาของเขา แต่ไม่ใช่พาเราไปฟังแบบนั้น ผมเองก็อยากรวย แต่อยากรวยด้วยความเป็นไปได้ และจากใจที่จะทำเองมากกว่า
ถ้ามันดีจริงผมจะไปหามันมาเอง ไม่ต้องชวนหรอก ถามทีไรว่าจะชวนไปไหนก็ไม่บอก บอกว่ามีอะไรน่าสนใจให้ดู ไอ้เราก็คิดซะใหญ่โต เพื่อนเราชวนร่วมทุนเปิดบริษัทอะไรดีๆไหมเนี่ย หรือจะชวนกันไปคุยกันตามประสาเพื่อนที่ห่างกันไปนาน อย่างนี้ต้องลองไปดู
พอไปถึง บรรดานักธุรกิจขายตรงรุมพูดชักจูงผมตั้ง8คนในทีเดียว ผมไม่สมัคร ผมคิดว่าจะจ่ายค่าสมัครทำไมหากจ่ายแล้วผมไม่ได้ตั้งใจทำธุรกิจนั้นให้มันได้เงินขึ้นมา เหมือนเอาเงินไปทิ้งเป็นค่าน้ำลายพวกนั้นซะเปล่า มีอีกนะมาโม้ให้ฟังถึงความวิเศษของธุรกิจนี้ เอารูปคนที่ได้เงินเดือนสูงๆมาให้ดู ได้ไปเที่ยวได้ซื้อรถหรู บอกว่าถ้าทำธุรกิจนี้ต่อไปคนที่ทำจะรวยขึ้นตลอดและส่งต่อเป็นมรดกได้ ผมคิดว่าถ้าทำแล้วรวยได้ขนาดนั้น ธุรกิจอื่นคงไม่เกิดแล้ว เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆหลายคนคงจะทิ้งธุรกิจไปขายตรงกันหมด
แล้วเขาถามผมนะว่า คุณลงทุนถ้าขาดทุนจะเป็นไง แล้วกำไรที่ได้จะสม่ำเสมอแค่ไหน มาทำ...สิได้ไปต่างประเทศฟรีด้วยถ้ายอดขายโต ผมคิดในใจ ถ้าหุ้นเราโต เราก็เลือกได้ว่าจะไปหรือไม่ไป ถึงไปเราก็คงไม่เอามาโม้ใคร คนที่ไม่เคยมีอะไรเท่านั้นแหละที่ชอบโม้เพื่อลดปมด้อยตัวเอง เราเองคงไม่เอากำไรไปเที่ยวแน่ๆ ไม่ไปซื้อรถหรูโชว์ชาวบ้านแน่ๆ เอาไปทบต้นดีกว่าเยอะ จะจ่ายตังค์จำนวนมากเพื่อโชว์ให้ชาวบ้านยกย่องว่ารวยหรือ ไร้สาระ
ผมผิดหวังกับเพื่อนที่มาชวนมาก ตอนนี้เลิกคบเพื่อนคนนั้นไปเลย ถ้าเขาเห็นมิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญ เขาคงไม่เอามาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจแบบนี้ ผมเองก็ลงทุนในหุ้น ผมไม่ต้องไปโฆษณาให้ใครมาเอาด้วยไม่เคยไปโม้ใคร จะมีแต่เขามาถามเองมากกว่า ถึงจะบอก
บางคนในธุรกิจขายตรงก็ดีนะ บางคนเขาชวนผม ผมได้เห็นถึงความหวังดีของเขา เวลาเขาเห็นเราไม่ชอบเขาก็หยุดแล้วก็ไปเที่ยวกันต่อและลืมเรื่องธุรกิจไปในการสนทนา แต่เพื่อนอีกคนนี้ตื๊อมากๆ ชนิดที่พูดจนเลยเวลาข้าวเที่ยงผมไปเลย ไม่ถามผมซักคำว่าเที่ยงแล้วหิวไหม ผมเซ็งมาก
ผมเชื่อนะว่าทุกคนอยากรวยเหมือนกัน แต่ทำไมเราจะรวยโดยไม่เบียดเบียนใครไม่ได้หรือ
ถ้ามันดีจริงผมจะไปหามันมาเอง ไม่ต้องชวนหรอก ถามทีไรว่าจะชวนไปไหนก็ไม่บอก บอกว่ามีอะไรน่าสนใจให้ดู ไอ้เราก็คิดซะใหญ่โต เพื่อนเราชวนร่วมทุนเปิดบริษัทอะไรดีๆไหมเนี่ย หรือจะชวนกันไปคุยกันตามประสาเพื่อนที่ห่างกันไปนาน อย่างนี้ต้องลองไปดู
พอไปถึง บรรดานักธุรกิจขายตรงรุมพูดชักจูงผมตั้ง8คนในทีเดียว ผมไม่สมัคร ผมคิดว่าจะจ่ายค่าสมัครทำไมหากจ่ายแล้วผมไม่ได้ตั้งใจทำธุรกิจนั้นให้มันได้เงินขึ้นมา เหมือนเอาเงินไปทิ้งเป็นค่าน้ำลายพวกนั้นซะเปล่า มีอีกนะมาโม้ให้ฟังถึงความวิเศษของธุรกิจนี้ เอารูปคนที่ได้เงินเดือนสูงๆมาให้ดู ได้ไปเที่ยวได้ซื้อรถหรู บอกว่าถ้าทำธุรกิจนี้ต่อไปคนที่ทำจะรวยขึ้นตลอดและส่งต่อเป็นมรดกได้ ผมคิดว่าถ้าทำแล้วรวยได้ขนาดนั้น ธุรกิจอื่นคงไม่เกิดแล้ว เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆหลายคนคงจะทิ้งธุรกิจไปขายตรงกันหมด
แล้วเขาถามผมนะว่า คุณลงทุนถ้าขาดทุนจะเป็นไง แล้วกำไรที่ได้จะสม่ำเสมอแค่ไหน มาทำ...สิได้ไปต่างประเทศฟรีด้วยถ้ายอดขายโต ผมคิดในใจ ถ้าหุ้นเราโต เราก็เลือกได้ว่าจะไปหรือไม่ไป ถึงไปเราก็คงไม่เอามาโม้ใคร คนที่ไม่เคยมีอะไรเท่านั้นแหละที่ชอบโม้เพื่อลดปมด้อยตัวเอง เราเองคงไม่เอากำไรไปเที่ยวแน่ๆ ไม่ไปซื้อรถหรูโชว์ชาวบ้านแน่ๆ เอาไปทบต้นดีกว่าเยอะ จะจ่ายตังค์จำนวนมากเพื่อโชว์ให้ชาวบ้านยกย่องว่ารวยหรือ ไร้สาระ
ผมผิดหวังกับเพื่อนที่มาชวนมาก ตอนนี้เลิกคบเพื่อนคนนั้นไปเลย ถ้าเขาเห็นมิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญ เขาคงไม่เอามาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจแบบนี้ ผมเองก็ลงทุนในหุ้น ผมไม่ต้องไปโฆษณาให้ใครมาเอาด้วยไม่เคยไปโม้ใคร จะมีแต่เขามาถามเองมากกว่า ถึงจะบอก
บางคนในธุรกิจขายตรงก็ดีนะ บางคนเขาชวนผม ผมได้เห็นถึงความหวังดีของเขา เวลาเขาเห็นเราไม่ชอบเขาก็หยุดแล้วก็ไปเที่ยวกันต่อและลืมเรื่องธุรกิจไปในการสนทนา แต่เพื่อนอีกคนนี้ตื๊อมากๆ ชนิดที่พูดจนเลยเวลาข้าวเที่ยงผมไปเลย ไม่ถามผมซักคำว่าเที่ยงแล้วหิวไหม ผมเซ็งมาก
ผมเชื่อนะว่าทุกคนอยากรวยเหมือนกัน แต่ทำไมเราจะรวยโดยไม่เบียดเบียนใครไม่ได้หรือ
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 34
ผมเคยอ่านบอร์ดของพันทิปเมื่อหลายปีก่อน มีคนโพสท์เรื่องนี้ไว้ ผมชอบใจมาก ก็เลยเซฟเก็บไว้
เรื่องนี้ได้มาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ครับ ที่เพื่อนผมส่งมาให้ อยากให้ลองพิจารณา ดูครับ
คือเรื่องจริงจากประสบการณ์ของคนที่เคยทำ Amway มา ขอบคุณ
คุณผู้ให้ประสบการ์อันนี้
----------------------------------------------------------------------------
-------------
คนเรามักอยากรวยโดยไม่ต้องทำงานหนัักเป็นจริงได้หรอ???
อย่าโดนเค้าหลอก และอย่าหลอกตัวเอง
คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทุกคนเป็นคนรับผิดชอบ ขยันขันแข็ง
มีประสบการณ์ ความรู้ในการทำงานนั้นๆ พัฒนาจนเค้าสามารถประสบความสำเร็จได้ เช่น เบิร์ด ธงชัย
(ร้องเพลงเก่ง) , บิล เก็ต (เจ้าของmicrosoft) หรือ แม้กระทั่งนักฟุตบอลอย่าง ซีดาน
ซึ่งทุกคนล้วนย่อมต้องฝึกฝน และทำงานหนัก
กว่าจะถึงจุดนั้นวันแรกที่เข้าไปฟังแอมเวย์และหลงเชื่อเพราะเราเชื่อที่เค้าล้าง
สมองเราว่าแอมเวย์เป็นอาชีพอิสระ งานสบาย เน้นความสัมพันธ์
ไม่ต้องทำงานหนักแต่สามารถมีรายได้เดือนละเป็น
แสน หรือ เป็นล้าน ถ้าถึงขั้น ยมทูต เอ้ย มงกุฏฑูต
เราและคนมากมายเชื่อเค้าบอกว่าน้องคิดดูนะ ว่าเดือนๆนึงน้องซื้อยาสีฟัน 4 หลอด
และต่อมา น้องแนะ นำให้คน4คน เพื่อนหรือญาติน้อง ให้ซื้อยาสีฟัน และคน4คน ก็แนะนำไปอีก 4คน
เดือนๆนึงน้องจะได้ราย ได้โดนไม่ต้องเหนื่อยออกแรง แค่
แนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนเป็นงานสบายๆ ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องตื่นเช้า
ไม่ต้องมีเจ้านาย ไม่ต้องตอกบัตร
แล้วเราก็หลงเชื่อเค้าด้วยความโง่เขลา พร้อมๆกับคนอีกมากมาย
ณ วันนั้นเราก็ได้สมัครสมาชิกกับเค้าไปพร้อมกับมีความฝันตามที่เค้าได้เล่าเรื่อง
ฉายสไลด์ เพื่อให้ความ ฝันและจินตนาการเราบรรเจิดทุกคนที่House (กลุ่ม) ดีกับเรามาก
มีการแลกเบอร์กัน พูดคุยสนุกสนาน
พร้อมนัดกันว่า จะพาเราทัวร์คลังสินค้าแอมเวย์
เพื่อจะได้ให้เรารู้จักแอมเวย์ดีขึ้น โดยคนที่จะพาเราไป
ก็คือ Upline เรา ซึ่งก็คือเพื่อนเราที่ชวนมาวันรุ่งขึ้น เราก็ได้ไปทัวร์ พร้อมกับได้รับการบอกว่า
เราน่าจะซื้อสินค้าแอมเวย์ใช้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าสินค้าแอมเวย์ดียังไง
และเหตุผลสำคัญคือ เราต้องรู้ในตัว สินค้า ก่อนที่จะไปแนะนำคนอื่นได้ ซึ่งเราก็เห็นด้วยคล้อยตาม
วันนั้น เราหมดเงินไปประมาณ สามพัน เกือบๆสี่พัน รวมค่าสมัครเราเริ่มไปHouseบ่อยขึ้น ไปคลังแอมเวย์ ไปประชุม
ซึ่ง Upline เรา และพวกพี่ที่เฮ้าส์ บอกเราว่าต้องมา ห้ามขาด
เพราะเค้าจะมีการสาธิตสินค้าให้เราดู พร้อมบรรยาย
และด้วยเหตุผลว่า ถ้าเราไม่ดูแล้วเราจะไปสาธิตให้ลูกค้าดูได้ไง
แล้วจะแนะนำสิ่งดีๆให้ลูกค้าได้ยังไง
เรายังเรียนอยู่ แต่ด้วยจิตใจมุ่งมั่น เราเริ่มขาดเรียน
เราเริ่มกลับบ้านดึก ไม่ใช่ดึกธรรมดานะ ดึกแบบตีสอง ตีสาม
เราเริ่มโดนที่บ้านว่า เเละทุกครั้งที่เราบอกที่เฮ้าส์
ทุกคนจะปลอบใจเรา บอกว่า ไว้วันที่น้องสำเร็จกับแอมเวย์
ที่บ้านน้องจะเข้าใจเอง พ่อแม่จะได้ไปเที่ยวเมืองนอก
น้องมีเงินให้พ่อแม่ใช้สบายๆไม่ต้องให้เค้าทำงาน
ตอนนี้ก็อดทนไปก่อน ถ้าเราโฟกัสกับ
แอมเวย์ให้มั่น วันที่เราสำเร็จก็จะใกล้ขึ้น
ตอนนี้น้องเดินมาเกือบครึ่งทางแล้ว
อย่าถอย อย่าท้อแท้ ต้องสู้ ว่าเราสำเร็จได้
และอีกครั้ง ที่เราโง่เขลาเราเริ่มไปHouseทุกๆอาทิตย์ ทุกครั้งที่ไป
ก็จะมีการพูดปลุกใจ ปลุกระดม
เปิดเพลงประมาณว่า We are the champion อะไรประมาณนั้น
เราเริ่มซื้อของใหญ่ และ แพง
โดยบังคับให้ที่บ้านซื้อพร้อมกับบอกว่ามันดีมากๆๆๆ
เพราะทุกคนที่แอมเวย์บอกว่ามันคือสุดยอดสินค้า ที่ราคานั้นแม้จะสูง แต่คุณภาพสุดคุ้ม
นั่นก็คือเครื่องกรองน้ำ และ เครื่องกรองอากาศ
เราซื้อที่ละอย่าง เพราะเราต้องพยายามหว่านล้อมที่บ้าน ถึงขั้นทะเลาะกัน
เพื่อจะเอา เพราะเราเชื่อแอมเวย์ เชื่อพี่ๆและ Upline ว่า พ่อแม่เราจะมีสุขภาพดีขึ้น
ราคาของสองเครื่องนี้รวมกัน ก็ประมาณเกือบห้าหมื่นบาท
เราเริ่มไปสัมนาแอมเวย์ที่ต่างจังหวัดพร้อมกับที่กลุ่ม
ซึ่งเดือนนึงจะจัด สองครั้ง โดยครั้งๆนึง
ประมาณพันกว่าบาทเหตุผลที่เราได้ถูกบอกว่าต้องไปก็
คือ เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสินค้ามากขึ้น
มีการบรรยายที่มีประโยชน์มากพร้อมกิจกรรม เกี่ยวกับตัว
สินค้า และ ได้พบกับวิทยากรที่ประสบความสำเร็จกับแอมเวย์แล้ว
เป็นระดับเพชร มงกุฏฑูต เราก็ไป
บางครั้ง ที่มหาลัยใกล้สอบ มีติวกันกับเพื่อน เราก็ไม่ได้ติว
เพราะเราต้องไปสัมนาพัทยา เพื่อนเราเก็บชีตไว้ให้
แต่เราก็ไม่มีเวลาอ่านนัก เพราะเรากว่าจะกลับก็ตีสองตีสามแล้ว
เรียนเราก็โดด เพราะเราโฟกัสว่าวันนี้เราจะต้องไปเฮ้าส์ตอนเย็น
และเราเริ่มนัดลูกค้าตอนกลางวัน ซึ่งก็เป็นญาติๆของเรา
แผนทุกอย่างถูกวางโดย Upline ของเรา
และรู้มั๊ยหนึ่งในวิธีที่จะสำเร็จกับแอมเวย์ได้ก็คือต้องเชื่อ
Upline จริงๆๆๆ เรามีชีทด้วย ได้มาจากสัมนา มันบ้ามากกก
แต่ตอนนั้นเราก็เชื่อ เพราะเราโดน Build
ทุกวันจากการไปเฮ้าส์มันคือหนึ่งในวิธีการสะกดจิต หรือ
ล้างสมอง หรือ อะไรก็ได้ ที่ทำให้เราไม่รับรู้ความจริงจากโลกภายนอก
แม้เพื่อนหรือญาติพ่อแม่ จะบอกอะไรยังไงเราก็ตามเราไม่เชื่อ เราเหมือนถูกผีสิง
เราต้องไปเฮ้าส์ทุกวันเพราะที่นั่นมีคนที่เข้าใจเรามี
จุดหมายเดียวกับเรา ต้องการสำเร็จเหมือนเรา แล้ววันนึงคนที่หัวเราะเรา
จะหันมามองเราด้วยความทึ่ง และ ยอมรับเรา
ที่เเอมเวย์มีแต่เพื่อนเเท้ เป็นครอบครัวนั่นคือสิ่งที่เรารู้สึกได้
ซึ่งเรากำลังจะเล่าแล้วล่ะว่าต่อไปที่เราค้นพบความจริงเป็นไง
เราเริ่มกลายเป็นสาวกแอมเวย์แล้วอย่างเต็มรูปแบบทุกๆวัน
เราพูดแต่เรื่องแอมเวย์เราใช้ของทุกอย่างที่เป็นแอมเวย์ ยาสีฟัน สบู่
น้ำยาล้างจาน แฟ้บ น้ำ อากาศ
และทุกอย่างที่แอมเวย์จัดจำหน่าย เช่น กระดาษทิชชู่ หลอดไฟฟิลลิปส์ โอรีโอ
น้ำมัน ข้าวสาร ทุกๆๆอย่างในชีวิตเราคือแอมเวย์ที่เฮ้าส์จะมีการพูดเปลี่ยนเวรกัน
เราได้รับมอบหมายให้พูดเรื่อง แอมเวย์กับชีวิตประจำวัน ซึ่งตอนนั้นเราเล่าอย่างภาคภูมิใจมาก
ว่าเราบริโภคทุกอย่างเป็นแอมเวย์จริงๆ
เราเสร็จขั้นตอนการซื้อของมาใช้แล้ว
ด้วยการหมดเงินไปประมาณแสนหนึ่งถ้าจะได้เราเริ่มกลายเป็นดาวดวงใหม่
ที่ทุกคนตั้งแต่ อัพไลน์ของอัพไลน์ ต้องมาสนใจเป็นพิเศษ ก็แน่สิ
เราสร้างยอดให้เค้าหนิทุกวัน
เราต้องเข้าเฮ้าส์แล้วพี่อัพไลน์พวกนี้จะเรียกเราวางแผนกลยุทธการขาย
เค้าเริ่มสอนให้เราชวนคนมาทำ มาสมัครโดยให้เราลิสต์รายชื่อเพื่อนมาห้าคน
แล้วชวนมาให้ได้ มาที่เฮ้าส์แล้วเดี๋ยวเค้าจะจัดการให้เอง เราชวนเพื่อนสนิทเรามา สอง คน
จริงๆชวนเจ็ดแต่มาแค่ สอง
สองคนนี้รักเรามาก เราก็รู้ว่าเค้ามาเพราะเกรงใจและไม่อยากให้เราเสียใจ
เค้ามาฟังๆ โดยที่อัพไลน์เราเป็นคนบรรยาย เราอยู่อีกห้องนึง
เชื่อมั๊ยว่าคนเป็นสิบๆมาช่วยเราคิดว่าจะทำยังให้เค้าสมัคร
มาบอกทริคมากมายช่วยเรา
บ้างก็บอกว่าให้เค้าจ่ายเงินเลยเพราะเค้ากำลังบิ้วได้ที่ คือกำลังมีอารมณ์ร่วม
ถ้าปล่อยไปพรุ่งนี้มักจะหายจ้อย เรารู้สึกว่าเราต้องทำให้ได้
เราต้องเริ่มต้นได้เเล้ว และเป็นจริง
เราบังคับเพื่อนเราสองคนให้สมัคร โดยเราเค้าว่าลองดูก็ไม่เสียหาย มันดีจริงๆ
และเราก็อยากให้เพื่อนรักเราได้เจอในสิ่งดีๆอย่างที่เราเจอ เพื่อนเราก็เงียบๆ
และก็ตกปากรับคำสมัคร หลังจากสองคนนั้นกลับไป
ทุกคนต่างมายินดีกับเราในก้าวแรกพร้อมกับคำพูดเด็ด
น้องมีเพชรในมือน้องแล้วนะ อย่าให้หลุดมือ
สองคนนั้นสามารถเป็นเพชรในสายงานน้องได้ ขึ้นอยู่กับน้อง
แล้วนะว่าอยากสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
และแล้ววันนั้นเราก็ได้อยู่วางแผนกับอัพไลน์และอัพไลน์ของอัพไลน์จนดึก
วางแผนว่าจะทำยังไงกับเพื่อนสองคนนี่ดีจะทำยังไงให้เค้ามาทำเต็มตัว
ให้เค้าซื้อเครื่องกรองอากาศ กรองน้ำภายในเดือนนี้
เพราะเราทำยอดไว้เยอะแล้ว ถ้ามียอดสองคนนี้มาเพิ่มเราก็ได้เบรค
ก็คือทำยอดทะลุเป้า ได้เลื่อนตำแหน่ง
ซึ่งทุกคนบอกเราว่าต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้เพราะอีกไม่กี่เปอร์เซนต์เราก็จะเบรคแล้ว
ก่อนที่เราจะจัดการเพื่อนสองคนของเราที่ยอมสมัครเป็นดาวไลน์เรา
เราได้ถูกวางแผนกลยุทธการเยี่ยมบ้านเพื่อนๆ เพื่อขายสินค้า
โดย Upline เราเป็นคนสอนวิธีให้เราทุกอย่าง
เริ่มจากจะชวนเค้ายังไง จะทำยังไงให้เค้ายอมให้เราไปสาธิตสินค้า
อัพไลน์เราบอกว่า เค้าจะจัดการสาธิตให้เองและไปพร้อมเรา เพราะเค้าเก่งแล้ว
พูดเก่งด้วย ก็แน่สิ
เค้าเป็นดารานี่ไม่เก่งได้ไง เค้าบอกว่าขอแค่เราโทรไปนัดคนให้ได้
ที่เหลือเค้าจัดการเองเราก็เลยโทรไปหาเพื่อนๆ
แรกๆเราก็บอกเค้าตรงๆว่าเราจะเค้าไปสาธิตสินค้า
แอมเวย์ ซึ่งเพื่อนๆก็จะปฎิเสธ อ้างว่าไม่ว่าง ติดนู่นนี่
พ่อแม่เค้าก็ไม่ว่างอย่ามาเลยเสียเวลา
เรากลับไปบอกอัพไลน์เรา ว่าเราทำไม่ได้ ไม่มีใครสนใจ
อัพไลน์เรา ปลอบใจเราพร้อมสอน ทริคการโกหก ต่างๆนานา
โดยให้เริ่มด้วยมุขแรก เค้าสาธิตให้ดูสดๆ
สวัสดี อาร์ทเราดามนะ เป็นไงบ้าง โอโห้ไม่เจอกันตั้งแต่มหาลัยเลยนะ
หลายปีอยู่ นายเป็นไง สบายดีนะ
ที่บ้านพ่อแม่สบายดีนะ ทำงานอะไรอยู่ อืม เผอิญเราผ่านแถวบ้านนาย
เราเลยนึกถึงว่าทุกคนสบายดีมั๊ย คุณพ่อยังทำงานเป็นตำรวจอยู่รึปล่าว
อืม เกษียณแล้วหรอ แล้วคุณแม่ล่ะ
อ้าว แล้วน้องนายเรียนที่ไหน
อืมดีนะ ทุกคนสบายดี เราก็ดีใจ แล้วนายปกติเลิกงานกี่โมงล่ะ อืม
อย่างงี้ช่วงสองทุ่มก็ถึงบ้านแล้วสิ
ดีดี เผื่อนเราแวะเข้าไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ด้วย อยากเจอน่ะ
มีเบอร์มือถือมั๊ย แล้วเบอร์ที่ทำงานล่ะ
โอเค เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ
บาย
ขั้นตอนนี้ เค้าเรียกกันว่า เช็คฟอร์ม เก็บรายละเอียด "Form Check"
เป็นขั้นตอนสากลทำเพื่อเก็บรายละเอียดของสมาชิกในบ้าน
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ครั้งแรกให้ประทับใจ
ให้เค้ารู้สึกว่าเรามาดีไม่ได้ต้องการขายของ
มุขนี้จะใช้กับคนที่ไม่ได้เจอมานาน
และ ไม่รู้ว่าเราทำแอมเวย์
เพราะถ้าเค้ารู้ เค้าก็คงรีบวางหูแล้วล่ะเราเริ่มหลอกเพื่อนสำเร็จ
ด้วยมุขแรก หรือมุขที่ว่า
เราพึ่งไปฟังบรรยายเกี่ยวกับสุขภาพมา ดีมากๆเลย
เราอยากเค้าไปแนะนำคุณพ่อคุณแม่เธอน่ะ
มีประโยชน์มากๆเพื่อนกลุ่มแรกๆที่เรานัด
เค้ายังไม่ค่อยรู้มากนักว่าเราทำแอมเวย์ จึงใช้ได้ผลกับมุขนี้
ก่อนไปเราก็จะต้องนั่งลิสต์สมาชิกในบ้านเพื่อนคนนั้นๆ ให้อัพไลน์ดู
เพื่อที่จะได้เตรียมของไปขายถูก เช่น
ถ้าเค้ามีน้องที่เป็นเด็กอ่อน
เราควรขาย เครื่องกรองอากาศ อาหารเสริม
พร้อมกับเตรียมโบรชัวร์ต่างๆไปให้พร้อม
แน่นอน เราต้องอย่ายอมแพ้ ถ้าเค้าทำท่าไม่สนใจระหว่างการสาธิต
ให้เราทำทุกวิถีทางเพื่อให้เค้าสนใจให้ได้
และวิธีสุดท้ายที่มักได้ผล ก็คือ ทิ้งสินค้าไว้ให้เค้าทดลอง
หนูอยากให้น้องมีสุขภาพดีจริงๆ เห็นคุณแม่บอกว่าน้องเค้าชอบจามเวลานอน
มันไม่ดีนะคะ โรคภูมิแพ้เนี่ย ป้องกันและรักษาตั้งแต่เด็กๆจะดีกว่า
เครื่องกรองอากาศเนี่ยได้รับการพิสูจน์แล้วว่ากรองได้ถึง
99.999 เปอร์เซน ถ้าตอนนี้ยังไม่สนใจซื้อไม่เป็นไรค่ะ ฝากไว้ให้ทดลองก่อน
เดี๋ยวอาทิตย์หน้าหนูผ่านมาแถวนี้ จะแวะมารับกลับ
หนูอยากให้น้องได้อากาศบริสุทธิ์ค่ะ จะได้ไม่จาม
แน่นอน หนึ่งในห้ามักเกิดความเกรงใจและซื้อสินค้ากับเราในที่สุด
ซึ่งเพื่อนเราไปพูดให้เพื่อนเราอีกทีฟัง
ว่าแม่เค้าซื้อก็เพราะตัดความรำคาญ
จะได้ไม่มาตื้ออีกตอนนั้น
เราได้ฟัง อัพไลน์เราบอกว่า ไม่ต้องสนใจ เพราะเราทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์แล้ว
คือแนะนำสิ่งดีๆให้กับคนที่เรารัก
ทั้งๆที่จริงๆน่าจะพูดว่า ไม่ต้องสนใจ
ก็เค้าซื้อแล้ว จ่ายเงินแล้ว เรายอดเพิ่มแล้ว หันไปหาคนอื่นดีกว่า
แอมเวย์เก่งมากเรื่องจิตวิทยา
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งปีผลการเรียนของเราเทอมนั้นตกหนึ่งตัว ดร็อปหนึ่งตัว
เหลือเรียน 3 ตัว ซึ่ง 3 ตัวนั้นเรากิน C,C,D ดร็อปเพราะ ลืมไปสอบ Quiz
เก็บคะแนนก็เลยดร็อปเพราะคิดว่าสู้ต่อไปคงได้แค่ด็อก
อีกอย่างวิชานั้นเรียนเช้า ไปเรียนก้ไม่ไหวเพราะกลับก็เกือบเช้าแล้ว
ดร็อปดีกว่าอัพไลน์บอกว่า
เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ แก่แล้วก็ยังเรียนได้ การศึกษาไม่จำกัดอายุ
จบตรีมาใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต
โฟกัสกับสิ่งที่เราทำดีกว่า เรามาครึ่งทางแล้วแน่นอน
หมดเงินไปก็สองสามแสนแล้วนี่จุดนี้
เราเริ่มกู้ญาติที่เราสนิท
โดยจะผ่อนชำระเค้าเดือนละ ห้าพัน เค้าไม่คิดดอกเพราะเค้ารักเรา
เหตุผลของเราก็คือ เรากำลังทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งทุกธุรกิจต้องลงทุน
ฉะนั้นการกู้หนี้ยืมสิน
ของพวกทำแอมเวย์เป็นเรื่องธรรมดาเพราะมันเป็นเงินลงทุน
ยังไงๆก็ได้คืนแน่อนอนอยู่แล้วจุดนี้เเหละเราเริ่มติดบ่วงติดหนี้แล้ว
ตอนนี้เรามีดาวไลน์ สามคน สองคนไม่ทำงาน สมัครเพราะความเกรงใจ ส่วนอีกคน
เป็นคนไฟแรงประมาณเรา
อ้อ เราไม่ได้โชคดีขนาดว่าเจอเพชรในตมง่ายอะไรขนาดนั้นนะเราโทรหาเพื่อนประมาณ
ร้อยคนเห็นจะได้ รวมญาติด้วย และรวมเพื่อนของเพื่อนด้วย
ทุกคนเริ่มรำคาญเรา บางคนยอมฟังเรา
บางคนรีบขอวาง บางคนไม่รับโทรศัพท์เราเลย
เพราะเราพูดแต่เรื่องชวนเค้าไปสัมมนา
เราเสียเงินเยอะมากๆๆๆจากหัวข้อใหญ่ๆที่จะเล่าให้ฟังนะ
หนึ่ง.... เราเริ่มกักตุนสินค้า เพราะเราชวนใครไม่ได้ ขายได้ก็ไม่มาก
แต่เราต้องการเบรคทำยอด
ติดกัน หกเดือน เพื่อเลื่อนขั้นเป็น ดีดี
ซึ่งก็จัดว่าเป็นตำแหน่งที่เกือบๆใกล้ๆเพชร ทำยังไงล่ะ ใครจะ
ยอมให้เรากู้แอมเวย์มีวิธี ใครๆก็ทำกัน
บัตร First Choice ไง กับ บัตร Credit Kasikorn Thai Amway
=ขั้นแรก เครดิตการ์ด
ก็รูดเต็มวงเงิน แบกเครื่องกรองน้ำเต็มคันรถมาเก็บไว้ที่บ้าน
=ขั้นต่อมา สมัครบัตรเฟิร์สชอยส์ ซึ่งสามารถซื้อเครื่องกรองน้ำอากาศโดย
โดยเค้ามีตารางให้ผ่อนเป็นงวดๆ อ๊ะอ๊ะ ไม่ใช่แค่บัตรเดียว
อัพไลน์เราบอกว่า ถ้าเรามีความรับผิดชอบอย่าไปกลัวเลย
ให้เราไปหาญาติแล้วเอาใบสมัครเฟิร์สชอยส์ไปให้เค้าสมัครและเซ็น
แล้วให้เอามาซื้อเครื่องกรองน้ำ
ตุนๆเพื่อเบรคให้ได้ไม่ต้องกลัวน้อง ใครๆก็ทำ
พี่มีอยู่ 12 ใบ พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา เพื่อน แฟนเพื่อน พี่ชายเพื่อน
ยอดเงินในแต่ละใบก็หลักหมื่นสิคะ ถ้าใช้เต็มวงเงิน
ก็หลายแสนที่พี่เค้าเป็นหนี้
แต่เค้าบอกว่าคุ้มแสนคุ้ม
กับการรักษาโอกาสนี้ไว้ เพราะเราเดิมมาเกือบถึงเส้นชัยแล้ว
เราไม่มีทางเลือก
ถ้ารักจะเป็นนักธุรกิจ
ต้องกล้าเสี่ยง รับผิดชอบ หลังจากนี้ต้องสัญญากับตัวเองว่าจะทำงานหนัก
ออกขายทุกวัน
เอ๊ะ เริ่มขัดแย้งกับตอนที่ชวนมาทำใหม่ๆนี่ ตอนแรกบอกงานสบาย ๆๆ
ไม่ต้องเหนือย
มีเงินเดือนๆละ เป็นแสน เอ๊ะ แต่ตอนนี้หนูเริ่มติดหนี้เป็นแสนๆ
อ้อ อัพไลน์คนนี้ก็ติดหนี้ค่ะ
ห้าแสนน่าจะได้ แกเป็นเพชรนะ แต่ติดหนี้
สรุป ด้วยความยังโง่อยู่ หนูไปล่าบัตรเฟิร์สชอยส์จากญาติๆมาได้ 10 ใบ
พร้อมกับมีเครื่องกรองน้ำ 9ตัว กรองอากาศอีก 7 ตัว
และเครื่องสำอางค์ อาหารเสริมอีกเป็นโกดัง เริ่มสมัครบัตรเครดิต
เพราะอ้างได้ว่ามีเงินเดือนจากแอมเวย์ ไปขอใบรับรองเงินเดือนได้
เรามีบัตรเครดิตทุกธนาคาร และใช้เต็มวงเงินทุกธนาคาร
สุดท้าย ได้ตำแหน่งค่ะ เป็น ดีดี
มีหนี้ทั้งหมดไม่รวมที่พ่อแม่ช่วยซื้อตอนต้น 582,000 บาท
เราเริ่มกลายเป็นคนน่าสงสาร เพราะเพื่อนสนิทเรารู้ว่าเราเป็นหนี้
ข่าวเริ่มแพร่ปากต่อปาก เพื่อนเรา
มาช่วยกันซื้อครีมคนละขวดสองขวด
ถึงตอนนี้เราหยุดสต๊อคของแล้วเพราะเรามีหนี้เยอะ อัพไลน์เราพูด
แต่ว่าให้เราลิสต์รายชื่อเพื่อนมา แล้วเค้าจะช่วยขาย
เชื่อมั๊ยว่าเราเหมือนเป็นโรคจิต เวลาเรียนเราก็นั่งลิสต์ชื่อเพื่อน
วิธีก็คือ ลิสต์เป็นชื่อเพื่อนมา ห้าสิบคน
แล้วหัวบนสุดก็เป็นชื่อสินค้า ตีตารางเป็นช่องๆ แล้วติ๊กดูว่าเพื่อน
คนนี้น่าจะขายสินค้าตัวไหน เราทำตลอด รถติดก็ทำ นั่งเรียนก็ทำ
อยู่บ้านก็ทำ ก่อนนอนก็คิด
เชื่อมั๊ยว่าเราปล่อยสินค้าไม่ได้เลย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้ปิดยอดปีบัญชี
ทุกคนสต๊อคเหมือนกันหมด ทุกคน
ของค้างเหมือนกันหมด ต้องการปล่อยของเหมือนกัน ขายยิ่งยากหนัก
ยิ่งหาดาวไลน์เพิ่มยิ่งยาก เพราะเพื่อนเราเค้ารู้กันหมดแล้วนี่
ว่าเราไปทำแอมเวย์แล้วติดหนี้ติดสินเยอะขนาดไหน
เรากลุ้มใจมาก แต่ดีที่เพื่อนที่ครั้งหนึ่งเราเคยมองว่า
คนพวกเนี่ยไม่ใช่เพื่อนแท้ ไม่เข้าใจเรา
รังเกียจเรา หนีหน้าเรา
เพราะเราแค่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้พวกเค้า เค้าหันกลับมาหาเรา
เค้าเต็มใจที่จะช่วยเรา บางคนซื้อเครื่องกรองน้ำเราด้วย
โดยที่เราไม่ต้องไปสาธิตเค้าเลย เพราะเค้าอยากช่วย
ในขณะที่ เพื่อนที่เรา เคยคิดว่าเป็นครอบครัว เพื่อนแท้
ง่วนอยู่กับการปล่อยสินค้าที่ตัวเองสต๊อคเหมือนกัน วันวันก็จะพูดแต่
เรื่องของ ปล่อยของ และไม่เคยสนใจว่าใครจะเดือดร้อนกว่าใคร เพื่อนแท้จริงๆ
และวิธีที่แย่มากๆที่ พวกเค้าทำ แต่เราไม่ได้ทำนะ
เค้าไปหลอกคนมาเป็นดาวไลน์ พยายามให้คนพวกนั้นซื้อสินค้า
และให้ดาวไลน์เค้าซื้อผ่านเค้า
โดยเค้าอ้างว่าสะดวกกว่า จริงๆแล้วเค้าไม่ได้ไปซื้อของที่คลังสินค้าให้
แต่เค้าเอาของที่ตัวเองสต๊อคไว้ให้แทน
วิธีนี้เรียกกันว่า ปล่อยของลงองค์กร พอดาวไลน์ถามว่า
เอ๊ะทำไมไปเช็คในอินเตอร์เน็ตแล้วไม่มียอดไม่มีพีวีแต้มเลย
เค้าก็จะบอกว่า อ๋อ ระบบขัดข้อง แต่เเอมเวย์โทรมาบอกแล้ว ว่า จะเพิ่มยอดให้ทีหลัง
แต่มุขนี้ก็ใช้ได้ผลนิดหน่อย สำหรับคนโง่ๆเท่านั้น
เราเริ่มรับรู้แล้ว ว่าอะไรที่เราคิดไว้มันช่างโง่เขลา
เราเริ่มไม่ไปประชุม ไม่ไปเฮ้าส์ ไม่ไปสัมนา
เริ่มกลับไปใช้ชิวิตกับเพื่อนที่มหาลัย ติวหนังสือ
เราเริ่มค้นพบเพื่อนที่แท้จริง ความสนุกในชีวติได้กลับมา
อีกครั้ง กลับบ้านเร็วขึ้น พ่อแม่เราแฮปปี้ที่เราเริ่มคิดได้
เราทำงานพิเศษรับสอนพิเศษอีกทางเพื่อผ่อนหนี้
เราพยายามบอกปัดพวกที่แอมเวย์ว่าเราไม่ว่าง
เราเริ่มค้นพบความจริงที่เราโง่เขลามานาน
ตอนนี้ห่างจากตอนที่สมัครแอมเวย์ มา สาม ปี แล้ว
เราเลิกทำไปแล้ว ไม่ได้ไปเฮ้าส์อีก พี่ๆอัพไลน์แรกๆโทรมาตามกันทุกวัน
ให้เราไปจนเราให้แม่เรารับและบอกเค้าไปว่า
ตอนนี้เราเป็นโรคเครียดขอร้องอย่ามาตามเราเลย
เราขอหยุดพักแล้ว พวกเค้าถึงจะยอมเลิกราวี
แต่ก็ยังส่งแมสเสจมาตลอด แนวปลุกระดมเหมือนเดิม
เราหยุดทำมาเกือบปีแล้ว
หนี้สินตอนนี้เหลือประมาณ ห้าแสน
เราได้ยินมาว่าอัพไลน์เรา ออกรถเบนซ์
เค้านิยมทฤษฏี สร้างภาพ เพราะเรารู้ว่าเค้ากับแฟนเค้า หนี้สินรุงรังเลย
เพราะเราเคยไปจ่ายเงินที่
ธนาคารกับแฟนอัพไลน์เรา เราเห็นเค้าจ่ายทีเป็นปึกๆๆ
ตอนนี้พวกเค้าอาจยังคิดไม่ได้
ขอเตือนอย่าเด็ดขาด
อย่าเชื่อคนง่าย อย่าคิดว่าจะยืมจมูกคนอื่นหายใจได้
อนาคต ความสำเร็จทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา
ไม่มีหรอก งานง่ายๆ นั่งสบายๆ ได้เดือนละแสน แค่แนะนำบอกต่อ
ไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาอ่านได้มากน้อยแค่ไหนก่อนโดนลบ
แต่นี่คือประสบการณ์จริงที่เราไม่อยากให้ใครต้องเจอเหมือนเราแม่เรานั่งรอเราถึง
ตีสองตีสามทุกครั้งที่เราไปประชุม
พ่อเราร้องไห้ เพราะได้รู้ว่าเราติดหนี้อยู่ห้าแสน
ทั้งๆที่อายุแค่ยี่สิบ น้องเรา อายเพื่อน
เพราะเวลาเราเจอเพื่อนน้องเราก็จะพูดแต่แอมเวย์ เพื่อนๆ ต้องเดือดร้อน
เพราะเราตื้อตลอดเวลา
และกลัวว่าเราจะขายของเค้า เวลาที่เสียไป เงินทองเพราะเราแค่
อยากมีเงินอยากมีงานสบายๆ
เชื่อคนง่าย โดนครอบงำ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ
เรื่องนี้ได้มาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ครับ ที่เพื่อนผมส่งมาให้ อยากให้ลองพิจารณา ดูครับ
คือเรื่องจริงจากประสบการณ์ของคนที่เคยทำ Amway มา ขอบคุณ
คุณผู้ให้ประสบการ์อันนี้
----------------------------------------------------------------------------
-------------
คนเรามักอยากรวยโดยไม่ต้องทำงานหนัักเป็นจริงได้หรอ???
อย่าโดนเค้าหลอก และอย่าหลอกตัวเอง
คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทุกคนเป็นคนรับผิดชอบ ขยันขันแข็ง
มีประสบการณ์ ความรู้ในการทำงานนั้นๆ พัฒนาจนเค้าสามารถประสบความสำเร็จได้ เช่น เบิร์ด ธงชัย
(ร้องเพลงเก่ง) , บิล เก็ต (เจ้าของmicrosoft) หรือ แม้กระทั่งนักฟุตบอลอย่าง ซีดาน
ซึ่งทุกคนล้วนย่อมต้องฝึกฝน และทำงานหนัก
กว่าจะถึงจุดนั้นวันแรกที่เข้าไปฟังแอมเวย์และหลงเชื่อเพราะเราเชื่อที่เค้าล้าง
สมองเราว่าแอมเวย์เป็นอาชีพอิสระ งานสบาย เน้นความสัมพันธ์
ไม่ต้องทำงานหนักแต่สามารถมีรายได้เดือนละเป็น
แสน หรือ เป็นล้าน ถ้าถึงขั้น ยมทูต เอ้ย มงกุฏฑูต
เราและคนมากมายเชื่อเค้าบอกว่าน้องคิดดูนะ ว่าเดือนๆนึงน้องซื้อยาสีฟัน 4 หลอด
และต่อมา น้องแนะ นำให้คน4คน เพื่อนหรือญาติน้อง ให้ซื้อยาสีฟัน และคน4คน ก็แนะนำไปอีก 4คน
เดือนๆนึงน้องจะได้ราย ได้โดนไม่ต้องเหนื่อยออกแรง แค่
แนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนเป็นงานสบายๆ ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องตื่นเช้า
ไม่ต้องมีเจ้านาย ไม่ต้องตอกบัตร
แล้วเราก็หลงเชื่อเค้าด้วยความโง่เขลา พร้อมๆกับคนอีกมากมาย
ณ วันนั้นเราก็ได้สมัครสมาชิกกับเค้าไปพร้อมกับมีความฝันตามที่เค้าได้เล่าเรื่อง
ฉายสไลด์ เพื่อให้ความ ฝันและจินตนาการเราบรรเจิดทุกคนที่House (กลุ่ม) ดีกับเรามาก
มีการแลกเบอร์กัน พูดคุยสนุกสนาน
พร้อมนัดกันว่า จะพาเราทัวร์คลังสินค้าแอมเวย์
เพื่อจะได้ให้เรารู้จักแอมเวย์ดีขึ้น โดยคนที่จะพาเราไป
ก็คือ Upline เรา ซึ่งก็คือเพื่อนเราที่ชวนมาวันรุ่งขึ้น เราก็ได้ไปทัวร์ พร้อมกับได้รับการบอกว่า
เราน่าจะซื้อสินค้าแอมเวย์ใช้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าสินค้าแอมเวย์ดียังไง
และเหตุผลสำคัญคือ เราต้องรู้ในตัว สินค้า ก่อนที่จะไปแนะนำคนอื่นได้ ซึ่งเราก็เห็นด้วยคล้อยตาม
วันนั้น เราหมดเงินไปประมาณ สามพัน เกือบๆสี่พัน รวมค่าสมัครเราเริ่มไปHouseบ่อยขึ้น ไปคลังแอมเวย์ ไปประชุม
ซึ่ง Upline เรา และพวกพี่ที่เฮ้าส์ บอกเราว่าต้องมา ห้ามขาด
เพราะเค้าจะมีการสาธิตสินค้าให้เราดู พร้อมบรรยาย
และด้วยเหตุผลว่า ถ้าเราไม่ดูแล้วเราจะไปสาธิตให้ลูกค้าดูได้ไง
แล้วจะแนะนำสิ่งดีๆให้ลูกค้าได้ยังไง
เรายังเรียนอยู่ แต่ด้วยจิตใจมุ่งมั่น เราเริ่มขาดเรียน
เราเริ่มกลับบ้านดึก ไม่ใช่ดึกธรรมดานะ ดึกแบบตีสอง ตีสาม
เราเริ่มโดนที่บ้านว่า เเละทุกครั้งที่เราบอกที่เฮ้าส์
ทุกคนจะปลอบใจเรา บอกว่า ไว้วันที่น้องสำเร็จกับแอมเวย์
ที่บ้านน้องจะเข้าใจเอง พ่อแม่จะได้ไปเที่ยวเมืองนอก
น้องมีเงินให้พ่อแม่ใช้สบายๆไม่ต้องให้เค้าทำงาน
ตอนนี้ก็อดทนไปก่อน ถ้าเราโฟกัสกับ
แอมเวย์ให้มั่น วันที่เราสำเร็จก็จะใกล้ขึ้น
ตอนนี้น้องเดินมาเกือบครึ่งทางแล้ว
อย่าถอย อย่าท้อแท้ ต้องสู้ ว่าเราสำเร็จได้
และอีกครั้ง ที่เราโง่เขลาเราเริ่มไปHouseทุกๆอาทิตย์ ทุกครั้งที่ไป
ก็จะมีการพูดปลุกใจ ปลุกระดม
เปิดเพลงประมาณว่า We are the champion อะไรประมาณนั้น
เราเริ่มซื้อของใหญ่ และ แพง
โดยบังคับให้ที่บ้านซื้อพร้อมกับบอกว่ามันดีมากๆๆๆ
เพราะทุกคนที่แอมเวย์บอกว่ามันคือสุดยอดสินค้า ที่ราคานั้นแม้จะสูง แต่คุณภาพสุดคุ้ม
นั่นก็คือเครื่องกรองน้ำ และ เครื่องกรองอากาศ
เราซื้อที่ละอย่าง เพราะเราต้องพยายามหว่านล้อมที่บ้าน ถึงขั้นทะเลาะกัน
เพื่อจะเอา เพราะเราเชื่อแอมเวย์ เชื่อพี่ๆและ Upline ว่า พ่อแม่เราจะมีสุขภาพดีขึ้น
ราคาของสองเครื่องนี้รวมกัน ก็ประมาณเกือบห้าหมื่นบาท
เราเริ่มไปสัมนาแอมเวย์ที่ต่างจังหวัดพร้อมกับที่กลุ่ม
ซึ่งเดือนนึงจะจัด สองครั้ง โดยครั้งๆนึง
ประมาณพันกว่าบาทเหตุผลที่เราได้ถูกบอกว่าต้องไปก็
คือ เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสินค้ามากขึ้น
มีการบรรยายที่มีประโยชน์มากพร้อมกิจกรรม เกี่ยวกับตัว
สินค้า และ ได้พบกับวิทยากรที่ประสบความสำเร็จกับแอมเวย์แล้ว
เป็นระดับเพชร มงกุฏฑูต เราก็ไป
บางครั้ง ที่มหาลัยใกล้สอบ มีติวกันกับเพื่อน เราก็ไม่ได้ติว
เพราะเราต้องไปสัมนาพัทยา เพื่อนเราเก็บชีตไว้ให้
แต่เราก็ไม่มีเวลาอ่านนัก เพราะเรากว่าจะกลับก็ตีสองตีสามแล้ว
เรียนเราก็โดด เพราะเราโฟกัสว่าวันนี้เราจะต้องไปเฮ้าส์ตอนเย็น
และเราเริ่มนัดลูกค้าตอนกลางวัน ซึ่งก็เป็นญาติๆของเรา
แผนทุกอย่างถูกวางโดย Upline ของเรา
และรู้มั๊ยหนึ่งในวิธีที่จะสำเร็จกับแอมเวย์ได้ก็คือต้องเชื่อ
Upline จริงๆๆๆ เรามีชีทด้วย ได้มาจากสัมนา มันบ้ามากกก
แต่ตอนนั้นเราก็เชื่อ เพราะเราโดน Build
ทุกวันจากการไปเฮ้าส์มันคือหนึ่งในวิธีการสะกดจิต หรือ
ล้างสมอง หรือ อะไรก็ได้ ที่ทำให้เราไม่รับรู้ความจริงจากโลกภายนอก
แม้เพื่อนหรือญาติพ่อแม่ จะบอกอะไรยังไงเราก็ตามเราไม่เชื่อ เราเหมือนถูกผีสิง
เราต้องไปเฮ้าส์ทุกวันเพราะที่นั่นมีคนที่เข้าใจเรามี
จุดหมายเดียวกับเรา ต้องการสำเร็จเหมือนเรา แล้ววันนึงคนที่หัวเราะเรา
จะหันมามองเราด้วยความทึ่ง และ ยอมรับเรา
ที่เเอมเวย์มีแต่เพื่อนเเท้ เป็นครอบครัวนั่นคือสิ่งที่เรารู้สึกได้
ซึ่งเรากำลังจะเล่าแล้วล่ะว่าต่อไปที่เราค้นพบความจริงเป็นไง
เราเริ่มกลายเป็นสาวกแอมเวย์แล้วอย่างเต็มรูปแบบทุกๆวัน
เราพูดแต่เรื่องแอมเวย์เราใช้ของทุกอย่างที่เป็นแอมเวย์ ยาสีฟัน สบู่
น้ำยาล้างจาน แฟ้บ น้ำ อากาศ
และทุกอย่างที่แอมเวย์จัดจำหน่าย เช่น กระดาษทิชชู่ หลอดไฟฟิลลิปส์ โอรีโอ
น้ำมัน ข้าวสาร ทุกๆๆอย่างในชีวิตเราคือแอมเวย์ที่เฮ้าส์จะมีการพูดเปลี่ยนเวรกัน
เราได้รับมอบหมายให้พูดเรื่อง แอมเวย์กับชีวิตประจำวัน ซึ่งตอนนั้นเราเล่าอย่างภาคภูมิใจมาก
ว่าเราบริโภคทุกอย่างเป็นแอมเวย์จริงๆ
เราเสร็จขั้นตอนการซื้อของมาใช้แล้ว
ด้วยการหมดเงินไปประมาณแสนหนึ่งถ้าจะได้เราเริ่มกลายเป็นดาวดวงใหม่
ที่ทุกคนตั้งแต่ อัพไลน์ของอัพไลน์ ต้องมาสนใจเป็นพิเศษ ก็แน่สิ
เราสร้างยอดให้เค้าหนิทุกวัน
เราต้องเข้าเฮ้าส์แล้วพี่อัพไลน์พวกนี้จะเรียกเราวางแผนกลยุทธการขาย
เค้าเริ่มสอนให้เราชวนคนมาทำ มาสมัครโดยให้เราลิสต์รายชื่อเพื่อนมาห้าคน
แล้วชวนมาให้ได้ มาที่เฮ้าส์แล้วเดี๋ยวเค้าจะจัดการให้เอง เราชวนเพื่อนสนิทเรามา สอง คน
จริงๆชวนเจ็ดแต่มาแค่ สอง
สองคนนี้รักเรามาก เราก็รู้ว่าเค้ามาเพราะเกรงใจและไม่อยากให้เราเสียใจ
เค้ามาฟังๆ โดยที่อัพไลน์เราเป็นคนบรรยาย เราอยู่อีกห้องนึง
เชื่อมั๊ยว่าคนเป็นสิบๆมาช่วยเราคิดว่าจะทำยังให้เค้าสมัคร
มาบอกทริคมากมายช่วยเรา
บ้างก็บอกว่าให้เค้าจ่ายเงินเลยเพราะเค้ากำลังบิ้วได้ที่ คือกำลังมีอารมณ์ร่วม
ถ้าปล่อยไปพรุ่งนี้มักจะหายจ้อย เรารู้สึกว่าเราต้องทำให้ได้
เราต้องเริ่มต้นได้เเล้ว และเป็นจริง
เราบังคับเพื่อนเราสองคนให้สมัคร โดยเราเค้าว่าลองดูก็ไม่เสียหาย มันดีจริงๆ
และเราก็อยากให้เพื่อนรักเราได้เจอในสิ่งดีๆอย่างที่เราเจอ เพื่อนเราก็เงียบๆ
และก็ตกปากรับคำสมัคร หลังจากสองคนนั้นกลับไป
ทุกคนต่างมายินดีกับเราในก้าวแรกพร้อมกับคำพูดเด็ด
น้องมีเพชรในมือน้องแล้วนะ อย่าให้หลุดมือ
สองคนนั้นสามารถเป็นเพชรในสายงานน้องได้ ขึ้นอยู่กับน้อง
แล้วนะว่าอยากสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
และแล้ววันนั้นเราก็ได้อยู่วางแผนกับอัพไลน์และอัพไลน์ของอัพไลน์จนดึก
วางแผนว่าจะทำยังไงกับเพื่อนสองคนนี่ดีจะทำยังไงให้เค้ามาทำเต็มตัว
ให้เค้าซื้อเครื่องกรองอากาศ กรองน้ำภายในเดือนนี้
เพราะเราทำยอดไว้เยอะแล้ว ถ้ามียอดสองคนนี้มาเพิ่มเราก็ได้เบรค
ก็คือทำยอดทะลุเป้า ได้เลื่อนตำแหน่ง
ซึ่งทุกคนบอกเราว่าต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้เพราะอีกไม่กี่เปอร์เซนต์เราก็จะเบรคแล้ว
ก่อนที่เราจะจัดการเพื่อนสองคนของเราที่ยอมสมัครเป็นดาวไลน์เรา
เราได้ถูกวางแผนกลยุทธการเยี่ยมบ้านเพื่อนๆ เพื่อขายสินค้า
โดย Upline เราเป็นคนสอนวิธีให้เราทุกอย่าง
เริ่มจากจะชวนเค้ายังไง จะทำยังไงให้เค้ายอมให้เราไปสาธิตสินค้า
อัพไลน์เราบอกว่า เค้าจะจัดการสาธิตให้เองและไปพร้อมเรา เพราะเค้าเก่งแล้ว
พูดเก่งด้วย ก็แน่สิ
เค้าเป็นดารานี่ไม่เก่งได้ไง เค้าบอกว่าขอแค่เราโทรไปนัดคนให้ได้
ที่เหลือเค้าจัดการเองเราก็เลยโทรไปหาเพื่อนๆ
แรกๆเราก็บอกเค้าตรงๆว่าเราจะเค้าไปสาธิตสินค้า
แอมเวย์ ซึ่งเพื่อนๆก็จะปฎิเสธ อ้างว่าไม่ว่าง ติดนู่นนี่
พ่อแม่เค้าก็ไม่ว่างอย่ามาเลยเสียเวลา
เรากลับไปบอกอัพไลน์เรา ว่าเราทำไม่ได้ ไม่มีใครสนใจ
อัพไลน์เรา ปลอบใจเราพร้อมสอน ทริคการโกหก ต่างๆนานา
โดยให้เริ่มด้วยมุขแรก เค้าสาธิตให้ดูสดๆ
สวัสดี อาร์ทเราดามนะ เป็นไงบ้าง โอโห้ไม่เจอกันตั้งแต่มหาลัยเลยนะ
หลายปีอยู่ นายเป็นไง สบายดีนะ
ที่บ้านพ่อแม่สบายดีนะ ทำงานอะไรอยู่ อืม เผอิญเราผ่านแถวบ้านนาย
เราเลยนึกถึงว่าทุกคนสบายดีมั๊ย คุณพ่อยังทำงานเป็นตำรวจอยู่รึปล่าว
อืม เกษียณแล้วหรอ แล้วคุณแม่ล่ะ
อ้าว แล้วน้องนายเรียนที่ไหน
อืมดีนะ ทุกคนสบายดี เราก็ดีใจ แล้วนายปกติเลิกงานกี่โมงล่ะ อืม
อย่างงี้ช่วงสองทุ่มก็ถึงบ้านแล้วสิ
ดีดี เผื่อนเราแวะเข้าไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ด้วย อยากเจอน่ะ
มีเบอร์มือถือมั๊ย แล้วเบอร์ที่ทำงานล่ะ
โอเค เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ
บาย
ขั้นตอนนี้ เค้าเรียกกันว่า เช็คฟอร์ม เก็บรายละเอียด "Form Check"
เป็นขั้นตอนสากลทำเพื่อเก็บรายละเอียดของสมาชิกในบ้าน
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ครั้งแรกให้ประทับใจ
ให้เค้ารู้สึกว่าเรามาดีไม่ได้ต้องการขายของ
มุขนี้จะใช้กับคนที่ไม่ได้เจอมานาน
และ ไม่รู้ว่าเราทำแอมเวย์
เพราะถ้าเค้ารู้ เค้าก็คงรีบวางหูแล้วล่ะเราเริ่มหลอกเพื่อนสำเร็จ
ด้วยมุขแรก หรือมุขที่ว่า
เราพึ่งไปฟังบรรยายเกี่ยวกับสุขภาพมา ดีมากๆเลย
เราอยากเค้าไปแนะนำคุณพ่อคุณแม่เธอน่ะ
มีประโยชน์มากๆเพื่อนกลุ่มแรกๆที่เรานัด
เค้ายังไม่ค่อยรู้มากนักว่าเราทำแอมเวย์ จึงใช้ได้ผลกับมุขนี้
ก่อนไปเราก็จะต้องนั่งลิสต์สมาชิกในบ้านเพื่อนคนนั้นๆ ให้อัพไลน์ดู
เพื่อที่จะได้เตรียมของไปขายถูก เช่น
ถ้าเค้ามีน้องที่เป็นเด็กอ่อน
เราควรขาย เครื่องกรองอากาศ อาหารเสริม
พร้อมกับเตรียมโบรชัวร์ต่างๆไปให้พร้อม
แน่นอน เราต้องอย่ายอมแพ้ ถ้าเค้าทำท่าไม่สนใจระหว่างการสาธิต
ให้เราทำทุกวิถีทางเพื่อให้เค้าสนใจให้ได้
และวิธีสุดท้ายที่มักได้ผล ก็คือ ทิ้งสินค้าไว้ให้เค้าทดลอง
หนูอยากให้น้องมีสุขภาพดีจริงๆ เห็นคุณแม่บอกว่าน้องเค้าชอบจามเวลานอน
มันไม่ดีนะคะ โรคภูมิแพ้เนี่ย ป้องกันและรักษาตั้งแต่เด็กๆจะดีกว่า
เครื่องกรองอากาศเนี่ยได้รับการพิสูจน์แล้วว่ากรองได้ถึง
99.999 เปอร์เซน ถ้าตอนนี้ยังไม่สนใจซื้อไม่เป็นไรค่ะ ฝากไว้ให้ทดลองก่อน
เดี๋ยวอาทิตย์หน้าหนูผ่านมาแถวนี้ จะแวะมารับกลับ
หนูอยากให้น้องได้อากาศบริสุทธิ์ค่ะ จะได้ไม่จาม
แน่นอน หนึ่งในห้ามักเกิดความเกรงใจและซื้อสินค้ากับเราในที่สุด
ซึ่งเพื่อนเราไปพูดให้เพื่อนเราอีกทีฟัง
ว่าแม่เค้าซื้อก็เพราะตัดความรำคาญ
จะได้ไม่มาตื้ออีกตอนนั้น
เราได้ฟัง อัพไลน์เราบอกว่า ไม่ต้องสนใจ เพราะเราทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์แล้ว
คือแนะนำสิ่งดีๆให้กับคนที่เรารัก
ทั้งๆที่จริงๆน่าจะพูดว่า ไม่ต้องสนใจ
ก็เค้าซื้อแล้ว จ่ายเงินแล้ว เรายอดเพิ่มแล้ว หันไปหาคนอื่นดีกว่า
แอมเวย์เก่งมากเรื่องจิตวิทยา
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งปีผลการเรียนของเราเทอมนั้นตกหนึ่งตัว ดร็อปหนึ่งตัว
เหลือเรียน 3 ตัว ซึ่ง 3 ตัวนั้นเรากิน C,C,D ดร็อปเพราะ ลืมไปสอบ Quiz
เก็บคะแนนก็เลยดร็อปเพราะคิดว่าสู้ต่อไปคงได้แค่ด็อก
อีกอย่างวิชานั้นเรียนเช้า ไปเรียนก้ไม่ไหวเพราะกลับก็เกือบเช้าแล้ว
ดร็อปดีกว่าอัพไลน์บอกว่า
เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ แก่แล้วก็ยังเรียนได้ การศึกษาไม่จำกัดอายุ
จบตรีมาใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต
โฟกัสกับสิ่งที่เราทำดีกว่า เรามาครึ่งทางแล้วแน่นอน
หมดเงินไปก็สองสามแสนแล้วนี่จุดนี้
เราเริ่มกู้ญาติที่เราสนิท
โดยจะผ่อนชำระเค้าเดือนละ ห้าพัน เค้าไม่คิดดอกเพราะเค้ารักเรา
เหตุผลของเราก็คือ เรากำลังทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งทุกธุรกิจต้องลงทุน
ฉะนั้นการกู้หนี้ยืมสิน
ของพวกทำแอมเวย์เป็นเรื่องธรรมดาเพราะมันเป็นเงินลงทุน
ยังไงๆก็ได้คืนแน่อนอนอยู่แล้วจุดนี้เเหละเราเริ่มติดบ่วงติดหนี้แล้ว
ตอนนี้เรามีดาวไลน์ สามคน สองคนไม่ทำงาน สมัครเพราะความเกรงใจ ส่วนอีกคน
เป็นคนไฟแรงประมาณเรา
อ้อ เราไม่ได้โชคดีขนาดว่าเจอเพชรในตมง่ายอะไรขนาดนั้นนะเราโทรหาเพื่อนประมาณ
ร้อยคนเห็นจะได้ รวมญาติด้วย และรวมเพื่อนของเพื่อนด้วย
ทุกคนเริ่มรำคาญเรา บางคนยอมฟังเรา
บางคนรีบขอวาง บางคนไม่รับโทรศัพท์เราเลย
เพราะเราพูดแต่เรื่องชวนเค้าไปสัมมนา
เราเสียเงินเยอะมากๆๆๆจากหัวข้อใหญ่ๆที่จะเล่าให้ฟังนะ
หนึ่ง.... เราเริ่มกักตุนสินค้า เพราะเราชวนใครไม่ได้ ขายได้ก็ไม่มาก
แต่เราต้องการเบรคทำยอด
ติดกัน หกเดือน เพื่อเลื่อนขั้นเป็น ดีดี
ซึ่งก็จัดว่าเป็นตำแหน่งที่เกือบๆใกล้ๆเพชร ทำยังไงล่ะ ใครจะ
ยอมให้เรากู้แอมเวย์มีวิธี ใครๆก็ทำกัน
บัตร First Choice ไง กับ บัตร Credit Kasikorn Thai Amway
=ขั้นแรก เครดิตการ์ด
ก็รูดเต็มวงเงิน แบกเครื่องกรองน้ำเต็มคันรถมาเก็บไว้ที่บ้าน
=ขั้นต่อมา สมัครบัตรเฟิร์สชอยส์ ซึ่งสามารถซื้อเครื่องกรองน้ำอากาศโดย
โดยเค้ามีตารางให้ผ่อนเป็นงวดๆ อ๊ะอ๊ะ ไม่ใช่แค่บัตรเดียว
อัพไลน์เราบอกว่า ถ้าเรามีความรับผิดชอบอย่าไปกลัวเลย
ให้เราไปหาญาติแล้วเอาใบสมัครเฟิร์สชอยส์ไปให้เค้าสมัครและเซ็น
แล้วให้เอามาซื้อเครื่องกรองน้ำ
ตุนๆเพื่อเบรคให้ได้ไม่ต้องกลัวน้อง ใครๆก็ทำ
พี่มีอยู่ 12 ใบ พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา เพื่อน แฟนเพื่อน พี่ชายเพื่อน
ยอดเงินในแต่ละใบก็หลักหมื่นสิคะ ถ้าใช้เต็มวงเงิน
ก็หลายแสนที่พี่เค้าเป็นหนี้
แต่เค้าบอกว่าคุ้มแสนคุ้ม
กับการรักษาโอกาสนี้ไว้ เพราะเราเดิมมาเกือบถึงเส้นชัยแล้ว
เราไม่มีทางเลือก
ถ้ารักจะเป็นนักธุรกิจ
ต้องกล้าเสี่ยง รับผิดชอบ หลังจากนี้ต้องสัญญากับตัวเองว่าจะทำงานหนัก
ออกขายทุกวัน
เอ๊ะ เริ่มขัดแย้งกับตอนที่ชวนมาทำใหม่ๆนี่ ตอนแรกบอกงานสบาย ๆๆ
ไม่ต้องเหนือย
มีเงินเดือนๆละ เป็นแสน เอ๊ะ แต่ตอนนี้หนูเริ่มติดหนี้เป็นแสนๆ
อ้อ อัพไลน์คนนี้ก็ติดหนี้ค่ะ
ห้าแสนน่าจะได้ แกเป็นเพชรนะ แต่ติดหนี้
สรุป ด้วยความยังโง่อยู่ หนูไปล่าบัตรเฟิร์สชอยส์จากญาติๆมาได้ 10 ใบ
พร้อมกับมีเครื่องกรองน้ำ 9ตัว กรองอากาศอีก 7 ตัว
และเครื่องสำอางค์ อาหารเสริมอีกเป็นโกดัง เริ่มสมัครบัตรเครดิต
เพราะอ้างได้ว่ามีเงินเดือนจากแอมเวย์ ไปขอใบรับรองเงินเดือนได้
เรามีบัตรเครดิตทุกธนาคาร และใช้เต็มวงเงินทุกธนาคาร
สุดท้าย ได้ตำแหน่งค่ะ เป็น ดีดี
มีหนี้ทั้งหมดไม่รวมที่พ่อแม่ช่วยซื้อตอนต้น 582,000 บาท
เราเริ่มกลายเป็นคนน่าสงสาร เพราะเพื่อนสนิทเรารู้ว่าเราเป็นหนี้
ข่าวเริ่มแพร่ปากต่อปาก เพื่อนเรา
มาช่วยกันซื้อครีมคนละขวดสองขวด
ถึงตอนนี้เราหยุดสต๊อคของแล้วเพราะเรามีหนี้เยอะ อัพไลน์เราพูด
แต่ว่าให้เราลิสต์รายชื่อเพื่อนมา แล้วเค้าจะช่วยขาย
เชื่อมั๊ยว่าเราเหมือนเป็นโรคจิต เวลาเรียนเราก็นั่งลิสต์ชื่อเพื่อน
วิธีก็คือ ลิสต์เป็นชื่อเพื่อนมา ห้าสิบคน
แล้วหัวบนสุดก็เป็นชื่อสินค้า ตีตารางเป็นช่องๆ แล้วติ๊กดูว่าเพื่อน
คนนี้น่าจะขายสินค้าตัวไหน เราทำตลอด รถติดก็ทำ นั่งเรียนก็ทำ
อยู่บ้านก็ทำ ก่อนนอนก็คิด
เชื่อมั๊ยว่าเราปล่อยสินค้าไม่ได้เลย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้ปิดยอดปีบัญชี
ทุกคนสต๊อคเหมือนกันหมด ทุกคน
ของค้างเหมือนกันหมด ต้องการปล่อยของเหมือนกัน ขายยิ่งยากหนัก
ยิ่งหาดาวไลน์เพิ่มยิ่งยาก เพราะเพื่อนเราเค้ารู้กันหมดแล้วนี่
ว่าเราไปทำแอมเวย์แล้วติดหนี้ติดสินเยอะขนาดไหน
เรากลุ้มใจมาก แต่ดีที่เพื่อนที่ครั้งหนึ่งเราเคยมองว่า
คนพวกเนี่ยไม่ใช่เพื่อนแท้ ไม่เข้าใจเรา
รังเกียจเรา หนีหน้าเรา
เพราะเราแค่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้พวกเค้า เค้าหันกลับมาหาเรา
เค้าเต็มใจที่จะช่วยเรา บางคนซื้อเครื่องกรองน้ำเราด้วย
โดยที่เราไม่ต้องไปสาธิตเค้าเลย เพราะเค้าอยากช่วย
ในขณะที่ เพื่อนที่เรา เคยคิดว่าเป็นครอบครัว เพื่อนแท้
ง่วนอยู่กับการปล่อยสินค้าที่ตัวเองสต๊อคเหมือนกัน วันวันก็จะพูดแต่
เรื่องของ ปล่อยของ และไม่เคยสนใจว่าใครจะเดือดร้อนกว่าใคร เพื่อนแท้จริงๆ
และวิธีที่แย่มากๆที่ พวกเค้าทำ แต่เราไม่ได้ทำนะ
เค้าไปหลอกคนมาเป็นดาวไลน์ พยายามให้คนพวกนั้นซื้อสินค้า
และให้ดาวไลน์เค้าซื้อผ่านเค้า
โดยเค้าอ้างว่าสะดวกกว่า จริงๆแล้วเค้าไม่ได้ไปซื้อของที่คลังสินค้าให้
แต่เค้าเอาของที่ตัวเองสต๊อคไว้ให้แทน
วิธีนี้เรียกกันว่า ปล่อยของลงองค์กร พอดาวไลน์ถามว่า
เอ๊ะทำไมไปเช็คในอินเตอร์เน็ตแล้วไม่มียอดไม่มีพีวีแต้มเลย
เค้าก็จะบอกว่า อ๋อ ระบบขัดข้อง แต่เเอมเวย์โทรมาบอกแล้ว ว่า จะเพิ่มยอดให้ทีหลัง
แต่มุขนี้ก็ใช้ได้ผลนิดหน่อย สำหรับคนโง่ๆเท่านั้น
เราเริ่มรับรู้แล้ว ว่าอะไรที่เราคิดไว้มันช่างโง่เขลา
เราเริ่มไม่ไปประชุม ไม่ไปเฮ้าส์ ไม่ไปสัมนา
เริ่มกลับไปใช้ชิวิตกับเพื่อนที่มหาลัย ติวหนังสือ
เราเริ่มค้นพบเพื่อนที่แท้จริง ความสนุกในชีวติได้กลับมา
อีกครั้ง กลับบ้านเร็วขึ้น พ่อแม่เราแฮปปี้ที่เราเริ่มคิดได้
เราทำงานพิเศษรับสอนพิเศษอีกทางเพื่อผ่อนหนี้
เราพยายามบอกปัดพวกที่แอมเวย์ว่าเราไม่ว่าง
เราเริ่มค้นพบความจริงที่เราโง่เขลามานาน
ตอนนี้ห่างจากตอนที่สมัครแอมเวย์ มา สาม ปี แล้ว
เราเลิกทำไปแล้ว ไม่ได้ไปเฮ้าส์อีก พี่ๆอัพไลน์แรกๆโทรมาตามกันทุกวัน
ให้เราไปจนเราให้แม่เรารับและบอกเค้าไปว่า
ตอนนี้เราเป็นโรคเครียดขอร้องอย่ามาตามเราเลย
เราขอหยุดพักแล้ว พวกเค้าถึงจะยอมเลิกราวี
แต่ก็ยังส่งแมสเสจมาตลอด แนวปลุกระดมเหมือนเดิม
เราหยุดทำมาเกือบปีแล้ว
หนี้สินตอนนี้เหลือประมาณ ห้าแสน
เราได้ยินมาว่าอัพไลน์เรา ออกรถเบนซ์
เค้านิยมทฤษฏี สร้างภาพ เพราะเรารู้ว่าเค้ากับแฟนเค้า หนี้สินรุงรังเลย
เพราะเราเคยไปจ่ายเงินที่
ธนาคารกับแฟนอัพไลน์เรา เราเห็นเค้าจ่ายทีเป็นปึกๆๆ
ตอนนี้พวกเค้าอาจยังคิดไม่ได้
ขอเตือนอย่าเด็ดขาด
อย่าเชื่อคนง่าย อย่าคิดว่าจะยืมจมูกคนอื่นหายใจได้
อนาคต ความสำเร็จทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา
ไม่มีหรอก งานง่ายๆ นั่งสบายๆ ได้เดือนละแสน แค่แนะนำบอกต่อ
ไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาอ่านได้มากน้อยแค่ไหนก่อนโดนลบ
แต่นี่คือประสบการณ์จริงที่เราไม่อยากให้ใครต้องเจอเหมือนเราแม่เรานั่งรอเราถึง
ตีสองตีสามทุกครั้งที่เราไปประชุม
พ่อเราร้องไห้ เพราะได้รู้ว่าเราติดหนี้อยู่ห้าแสน
ทั้งๆที่อายุแค่ยี่สิบ น้องเรา อายเพื่อน
เพราะเวลาเราเจอเพื่อนน้องเราก็จะพูดแต่แอมเวย์ เพื่อนๆ ต้องเดือดร้อน
เพราะเราตื้อตลอดเวลา
และกลัวว่าเราจะขายของเค้า เวลาที่เสียไป เงินทองเพราะเราแค่
อยากมีเงินอยากมีงานสบายๆ
เชื่อคนง่าย โดนครอบงำ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 915
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 35
ผมนั่งอ่านกระทู้ข้างบนพบว่าไม่ค่อยถูกต้องนักนะครับ
เพราะเป็นกระทู้ที่โจมตีด้านเดียว
ทำไมผมจึงกล่าวเช่นนี้ครับ
ผมมองว่าถ้าเป็นคนมีความคิดสักหน่อยจะเข้าใจได้ว่า
"ไม่มีงานที่จะได้เงินเยอะๆ แบบสบายๆ" หรอกครับ
จริงอยู่งานประเภท passive income อย่างธุรกิจเครือข่าย และ investor อาจจะสบาย แต่ก็ต่อเมื่อสำเร็จถึงระดับหนึ่งแล้วเท่านั้น แต่ก่อนหน้านั้นเหนื่อยแน่นอนครับ
ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ต้องเจอผู้คน และมีคนหลายประเภทในธุรกิจนี้
ดังนั้นวิธีการทำธุรกิจจึงเป็นแบบใครไคร่ทำแบบไหนก็ทำ
เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นคนที่เสียเงิน เสียเพื่อนมากมายในธุรกิจแบบนี้
ทั้งๆที่ความคิดและ concept ของธุรกิจแบบนี้นั้นเป็นสิ่งที่ OK
ที่เสียเพื่อน เสียเงินนั้นคือการทำธุรกิจโดยหวังจะได้จากคนอื่นมากไปครับ ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจที่ผิดวิธีไปเยอะทีเดียว
ปล. ผมไม่ได้ทำ Amway นะครับ เหอๆๆ เพราะผมรู้ว่ามันไม่ง่ายครับ
เพราะเป็นกระทู้ที่โจมตีด้านเดียว
ทำไมผมจึงกล่าวเช่นนี้ครับ
ผมมองว่าถ้าเป็นคนมีความคิดสักหน่อยจะเข้าใจได้ว่า
"ไม่มีงานที่จะได้เงินเยอะๆ แบบสบายๆ" หรอกครับ
จริงอยู่งานประเภท passive income อย่างธุรกิจเครือข่าย และ investor อาจจะสบาย แต่ก็ต่อเมื่อสำเร็จถึงระดับหนึ่งแล้วเท่านั้น แต่ก่อนหน้านั้นเหนื่อยแน่นอนครับ
ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ต้องเจอผู้คน และมีคนหลายประเภทในธุรกิจนี้
ดังนั้นวิธีการทำธุรกิจจึงเป็นแบบใครไคร่ทำแบบไหนก็ทำ
เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นคนที่เสียเงิน เสียเพื่อนมากมายในธุรกิจแบบนี้
ทั้งๆที่ความคิดและ concept ของธุรกิจแบบนี้นั้นเป็นสิ่งที่ OK
ที่เสียเพื่อน เสียเงินนั้นคือการทำธุรกิจโดยหวังจะได้จากคนอื่นมากไปครับ ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจที่ผิดวิธีไปเยอะทีเดียว
ปล. ผมไม่ได้ทำ Amway นะครับ เหอๆๆ เพราะผมรู้ว่ามันไม่ง่ายครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 227
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 36
-ธุรกิจนี้ให้โอกาสคนหลายคนที่ไม่มีทุนทำธุรกิจแต่ก็ทำให้หลายคนที่ขี้เกรงใจเสียเงินไปมากเหมือนกัน
-ธุรกิจนี้มักโฆษณาว่าทำงานแค่วันละ 2-3 ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริงคนที่ success ไม่เห็นมีใครทำง่ายดายอย่างนั้นเลยซักคน
-ธุรกิจนี้ก็โฆษณาแต่คนสำเร็จแต่ไม่มีใครพูดถึงคนล้มเหลว
-ธุรกิจนี้สร้างความฝันให้ใครหลายคนแต่ก็สร้างความผิดหวังให้ใครหลายคนเช่นกัน
-ธุรกิจนี้สร้างเพื่อนให้ใครหลายคนแต่ก็ทำให้เพื่อนหลายคนเลิกคบ
-ธุรกิจนี้เจ้านายไม่เลือกปฎิบัติแต่อยู่ที่ผลงานที่ปฎิบัติ (ยอดขาย)
-ธุรกิจนี้หลายคนก็ด่าหลายคนก็ชม (คนที่รวยจะชม)
-ธุรกิจนี้ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี (เพราะคนทำเยอะเหลือเกิน)
-ธุรกิจนี้คุณเป็นผู้ขายสินค้าให้บริษัทแต่คุณก็เป็นผู้ซื้อสินค้าจากบริษัท
-ธุรกิจนี้หลายคนขายเพื่อสร้างยอดแต่หลายคนซื้อเพื่อรักษายอด
-ธุรกิจนี้หลายแบรนด์ก็บอกว่าของตนดีกว่าแต่ไม่มีสักแบรนด์ที่จะบอกว่าตนแย่กว่า
-ธุรกิจนี้คุณต้องศรัทธาในสินค้าก่อนเพื่อที่จะชวนให้คนอื่นศรัทธา
-ธุรกิจนี้คุณต้องศรัทธาก่อนว่าสินค้ามันดีเลิศยังไงค่อยหาเหตุผลว่ามันจำเป็นยังไง (ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยใช้ก็อยู่ได้)
-ธุรกิจนี้เปิดโอกาสให้ใครก็เริ่มทำได้แต่ธุรกิจหลายธุรกิจตัดสินคุณจากปริญญา
-ธุรกิจนี้ไม่ว่าคุณเป็นใคร อาชีพไหน จน รวย จบเอก จบสามัญ เด็ก แก่ก็เริ่มต้นเท่ากัน (ณ เวลาเดียวกัน)
-ธุรกิจนี้คุณสามารถเลือกทีมงานของคุณเองได้แต่หลายธุรกิจคุณไม่มีทางเลือก
ปล. ถึงผมจะไม่เคยชอบและไม่เคยทำ MLM (เพราะผมไม่มีปัญญารวยเหมือนคนที่ขึ้นเวที) แต่ทุกอย่างมันก็มีดีไม่ดีหล่ะคับ แต่ถ้าทำแล้วรวยมันก้ดีทั้งนั้นหล่ะคร๊าบ ดีต่อเราและต่อครอบครัวเรา เงินถึงจะไม่ใช่เพื่อนแท้ แต่ถ้ามีมันอยู่กับเราเราก็อุ่นใจ ครอบครัวเราก็อุ่นใจ
-ธุรกิจนี้มักโฆษณาว่าทำงานแค่วันละ 2-3 ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริงคนที่ success ไม่เห็นมีใครทำง่ายดายอย่างนั้นเลยซักคน
-ธุรกิจนี้ก็โฆษณาแต่คนสำเร็จแต่ไม่มีใครพูดถึงคนล้มเหลว
-ธุรกิจนี้สร้างความฝันให้ใครหลายคนแต่ก็สร้างความผิดหวังให้ใครหลายคนเช่นกัน
-ธุรกิจนี้สร้างเพื่อนให้ใครหลายคนแต่ก็ทำให้เพื่อนหลายคนเลิกคบ
-ธุรกิจนี้เจ้านายไม่เลือกปฎิบัติแต่อยู่ที่ผลงานที่ปฎิบัติ (ยอดขาย)
-ธุรกิจนี้หลายคนก็ด่าหลายคนก็ชม (คนที่รวยจะชม)
-ธุรกิจนี้ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี (เพราะคนทำเยอะเหลือเกิน)
-ธุรกิจนี้คุณเป็นผู้ขายสินค้าให้บริษัทแต่คุณก็เป็นผู้ซื้อสินค้าจากบริษัท
-ธุรกิจนี้หลายคนขายเพื่อสร้างยอดแต่หลายคนซื้อเพื่อรักษายอด
-ธุรกิจนี้หลายแบรนด์ก็บอกว่าของตนดีกว่าแต่ไม่มีสักแบรนด์ที่จะบอกว่าตนแย่กว่า
-ธุรกิจนี้คุณต้องศรัทธาในสินค้าก่อนเพื่อที่จะชวนให้คนอื่นศรัทธา
-ธุรกิจนี้คุณต้องศรัทธาก่อนว่าสินค้ามันดีเลิศยังไงค่อยหาเหตุผลว่ามันจำเป็นยังไง (ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยใช้ก็อยู่ได้)
-ธุรกิจนี้เปิดโอกาสให้ใครก็เริ่มทำได้แต่ธุรกิจหลายธุรกิจตัดสินคุณจากปริญญา
-ธุรกิจนี้ไม่ว่าคุณเป็นใคร อาชีพไหน จน รวย จบเอก จบสามัญ เด็ก แก่ก็เริ่มต้นเท่ากัน (ณ เวลาเดียวกัน)
-ธุรกิจนี้คุณสามารถเลือกทีมงานของคุณเองได้แต่หลายธุรกิจคุณไม่มีทางเลือก
ปล. ถึงผมจะไม่เคยชอบและไม่เคยทำ MLM (เพราะผมไม่มีปัญญารวยเหมือนคนที่ขึ้นเวที) แต่ทุกอย่างมันก็มีดีไม่ดีหล่ะคับ แต่ถ้าทำแล้วรวยมันก้ดีทั้งนั้นหล่ะคร๊าบ ดีต่อเราและต่อครอบครัวเรา เงินถึงจะไม่ใช่เพื่อนแท้ แต่ถ้ามีมันอยู่กับเราเราก็อุ่นใจ ครอบครัวเราก็อุ่นใจ
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 37
ผมเห็นด้วยตรงอย่างยิ่งตรงคำพูดที่เน้นสีดำครับrakoilnaka เขียน: ปล. ถึงผมจะไม่เคยชอบและไม่เคยทำ MLM (เพราะผมไม่มีปัญญารวยเหมือนคนที่ขึ้นเวที) แต่ทุกอย่างมันก็มีดีไม่ดีหล่ะคับ แต่ถ้าทำแล้วรวยมันก้ดีทั้งนั้นหล่ะคร๊าบ ดีต่อเราและต่อครอบครัวเรา เงินถึงจะไม่ใช่เพื่อนแท้ แต่ถ้ามีมันอยู่กับเราเราก็อุ่นใจ ครอบครัวเราก็อุ่นใจ
แต่ต้องขอเสริมนิดนึงครับ ( ตรงที่ผมขีดเส้นใต้แล้วทำตัวเอียง )
ผมคิดว่าทำแล้วรวยอาจจะไม่ดีเสมอไปนะครับ
จริงๆเรื่องนี้มันขึ้นกับว่าเราให้คุณค่ากับความร่ำรวยแค่ไหนด้วย
ซึ่งมันเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ดังนั้นผมจึงแค่อยากขอเสนอความเห็นเสริม
แต่ไม่ข้อแย้ง เพราะเคารพความเห็นท่าน rakoilnaka ครับ
ส่วนตัวผมให้คุณค่ากับความมั่งคั่งเป็นหลัก
หมายถึง ความรู้สึกสมบูรณ์ในชีวิต
ซึ่งการจะสมบูรณ์ได้ สำหรับผมไม่ใช่แค่ความร่ำรวย
แต่ต้องหมายรวมถึง สุขภาพแข็งแรง ครอบครัวอบอุ่น
มีเพื่อนฝูงที่รักและจริงใจ และมีอิสรภาพ
ดังนั้นธุรกิจบางอย่างที่อาจจะทำให้ผมรวยได้รวดเร็ว
แต่ไม่ได้ให้ความมั่งคั่งกับผม ผมจะเลือกไม่ทำครับ
( ผมแค่อยากจะเสริมว่า ธุรกิจที่ทำแล้วรวยอาจจะไม่ดีเสมอไป )
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
-
- Verified User
- โพสต์: 227
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 38
ผมเองก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ kornjackrit นะครับ ตรงความมั่งคั่ง(wealth) ความมั่งคั่งบางครั้งอาจต้องพึ่งพาเงินเหมือนกันนะคับ แต่บางอย่างอาจไม่ต้อง เพราะของบางอย่างซื้อไม่ได้ เช่น อยากสุขภาพดีต้องออกกำลังกายเอง(แม้มีเงินคงจ้างใครออกกำลังกายแทนไม่ได้) ส่วนครอบครัวนั้นก็อยู่ที่เราและคนในครอบครัว เพื่อนฝูงที่ดีนั้นก็อยู่ที่เราเลือกคบกับวาสนาเราเองและการกระทำของเรา เพราะการช่วยเหลือกันอาจไม่ได้เป็นเรื่องเงิน อาจเป็นแรงหรือสมองก็ได้ แม้แต่คำดีดีให้กำลังใจกันก็ยังได้ แต่ผมชอบคำว่าอิสรภาพคับ อิสรภาพนั้น ถ้าถามผม feeling ประมาณว่า สบายๆ ปลอดโปร่ง ไม่แบกรับ ไม่ยึดติด หลุดพ้น ที่จริงแล้วอาจจะเป็นสิ่งสุดยอดที่ทุกคนตามหาก็ได้ เพราะในสังคมเราหลายคนก็ดิ้นรนกันเหลือเกิน
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 39
ผมก็ชอบคำว่า "อิสรภาพ" เหมือนกันครับrakoilnaka เขียน:ผมเองก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ kornjackrit นะครับ ตรงความมั่งคั่ง(wealth) ความมั่งคั่งบางครั้งอาจต้องพึ่งพาเงินเหมือนกันนะคับ แต่บางอย่างอาจไม่ต้อง เพราะของบางอย่างซื้อไม่ได้ เช่น อยากสุขภาพดีต้องออกกำลังกายเอง(แม้มีเงินคงจ้างใครออกกำลังกายแทนไม่ได้) ส่วนครอบครัวนั้นก็อยู่ที่เราและคนในครอบครัว เพื่อนฝูงที่ดีนั้นก็อยู่ที่เราเลือกคบกับวาสนาเราเองและการกระทำของเรา เพราะการช่วยเหลือกันอาจไม่ได้เป็นเรื่องเงิน อาจเป็นแรงหรือสมองก็ได้ แม้แต่คำดีดีให้กำลังใจกันก็ยังได้ แต่ผมชอบคำว่าอิสรภาพคับ อิสรภาพนั้น ถ้าถามผม feeling ประมาณว่า สบายๆ ปลอดโปร่ง ไม่แบกรับ ไม่ยึดติด หลุดพ้น ที่จริงแล้วอาจจะเป็นสิ่งสุดยอดที่ทุกคนตามหาก็ได้ เพราะในสังคมเราหลายคนก็ดิ้นรนกันเหลือเกิน
สำหรับผม ผมให้คุณค่าสามสิ่งนี้มากที่สุดครับ
1. ความรัก
2. มิตรภาพ
และ 3. อิสรภาพ
ปล. พูดถึงเรื่องเงินซื้อสุขภาพดีไม่ได้ ผมนึกถึงมุขตลกอันนึงไม่แน่ใจว่าคุณ rakoilnaka จะเคยได้ยินไหม
เขาบอกว่า " ขนาดมีเงินร่ำรวยมากมาย ยังซื้อทุกๆอย่างไม่ได้เลย แล้วถ้าไม่รวยจะไม่ยิ่งแน่เข้าไปใหญ่หรือ "
นึกกี่ครั้งผมก็ขำนะครับ ฮ่าๆ
ปล2. ขอโทษท่านเจ้าของกระทู้ที่พากระทู้ออกทะเลครับ
ความเห็นต่อๆไปของผมจะกลับเข้าเรื่องในกระทู้แล้วครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 40
แก้คำผิดครับปล. พูดถึงเรื่องเงินซื้อสุขภาพดีไม่ได้ ผมนึกถึงมุขตลกอันนึงไม่แน่ใจว่าคุณ rakoilnaka จะเคยได้ยินไหม
เขาบอกว่า " ขนาดมีเงินร่ำรวยมากมาย ยังซื้อทุกๆอย่างไม่ได้เลย แล้วถ้าไม่รวยจะไม่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่หรือ "
นึกกี่ครั้งผมก็ขำนะครับ ฮ่าๆ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 41
ผมเคยเอาคู่มือเครื่องกรองน้ำ อีสปริง มาอ่านเมื่อปีสองปีที่แล้ว เพราะดื่มน้ำที่บ้านน้องสาวแล้วมีกลิ่นแปลกๆ
ตรงตารางปัญหาและการแก้ไข เขียนไว้ประมาณว่า
- ถ้าน้ำที่ได้มีกลิ่นแสดงว่า ในน้ำอาจจะมีกำมะถัน ใส้กรองแอมเวย์ไม่ได้ออกแบบมาให้กรองกำมะถันโดยเฉพาะ
- ถ้าน้ำที่ได้มีคราบขาวแสดงว่า ในน้ำอาจจะมีคาบอเนต ใส้กรองแอมเวย์ไม่ได้ออกแบบมาให้กรองคาบอเนตโดยเฉพาะ
- ถ้าน้ำที่ได้มีสีแดงแสดงว่า ในน้ำอาจจะมีธาตุเหล็ก ใส้กรองแอมเวย์ไม่ได้ออกแบบมาให้กรองธาตุเหล็กโดยเฉพาะ
แล้วก็ยังมีอีกสองสามข้อที่ความหมายคล้ายกัน
อ่านเสร็จผมถามน้องสาวว่า ตกลงไอเครื่องนี้ออกแบบมากรองอะไรหว่า?
ไหนโฆษณาว่าไส้กรองแอมเวย์เป็นคาร์บอนพิเศษลิขสิทธ์เฉพาะอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ก็นะ เค้าก็ไม่ได้เข้าข่าย "หลอกลวงผู้บริโภค" เพราะเค้าเขียนเอาไว้แล้วในคู่มือ เพียงแต่ไม่มีใครได้อ่านก่อนซื้อซักคน
ผมเป็นวิศวะกร ได้ยินทีแรกยังคิดเลยว่าว่า ไส้กรองคาร์บอนอันเดียวมันจะกรองสิ่งสกปรกทุกชนิดและกลิ่นได้ยังงัย ยี่ห้อถูกๆมีตั้งห้าใส้กรองแน่ะ แต่ละใส้ก็กรองได้แต่ละธาตุ มันมีข้อจำกัดทางวิศวกรรม(ยกเว้นระบบ RO เพราะใส้กรองมีรูเล็กมากๆๆๆ)
ใครมี ช่วยแสกนคู่มือกรองน้ำอันนี้ มาแปะให้ดูด้วยก็ดีครับ จะได้ "ตาสว่าง"
ไม่ได้มีเจตนาโจมตีสินค้านะครับ เพราะคู่มือการใช้เครื่องไม่ได้เป็นความลับ
ตรงตารางปัญหาและการแก้ไข เขียนไว้ประมาณว่า
- ถ้าน้ำที่ได้มีกลิ่นแสดงว่า ในน้ำอาจจะมีกำมะถัน ใส้กรองแอมเวย์ไม่ได้ออกแบบมาให้กรองกำมะถันโดยเฉพาะ
- ถ้าน้ำที่ได้มีคราบขาวแสดงว่า ในน้ำอาจจะมีคาบอเนต ใส้กรองแอมเวย์ไม่ได้ออกแบบมาให้กรองคาบอเนตโดยเฉพาะ
- ถ้าน้ำที่ได้มีสีแดงแสดงว่า ในน้ำอาจจะมีธาตุเหล็ก ใส้กรองแอมเวย์ไม่ได้ออกแบบมาให้กรองธาตุเหล็กโดยเฉพาะ
แล้วก็ยังมีอีกสองสามข้อที่ความหมายคล้ายกัน
อ่านเสร็จผมถามน้องสาวว่า ตกลงไอเครื่องนี้ออกแบบมากรองอะไรหว่า?
ไหนโฆษณาว่าไส้กรองแอมเวย์เป็นคาร์บอนพิเศษลิขสิทธ์เฉพาะอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ก็นะ เค้าก็ไม่ได้เข้าข่าย "หลอกลวงผู้บริโภค" เพราะเค้าเขียนเอาไว้แล้วในคู่มือ เพียงแต่ไม่มีใครได้อ่านก่อนซื้อซักคน
ผมเป็นวิศวะกร ได้ยินทีแรกยังคิดเลยว่าว่า ไส้กรองคาร์บอนอันเดียวมันจะกรองสิ่งสกปรกทุกชนิดและกลิ่นได้ยังงัย ยี่ห้อถูกๆมีตั้งห้าใส้กรองแน่ะ แต่ละใส้ก็กรองได้แต่ละธาตุ มันมีข้อจำกัดทางวิศวกรรม(ยกเว้นระบบ RO เพราะใส้กรองมีรูเล็กมากๆๆๆ)
ใครมี ช่วยแสกนคู่มือกรองน้ำอันนี้ มาแปะให้ดูด้วยก็ดีครับ จะได้ "ตาสว่าง"
ไม่ได้มีเจตนาโจมตีสินค้านะครับ เพราะคู่มือการใช้เครื่องไม่ได้เป็นความลับ
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 42
ของจะดีถ้าใช้ไม่เหมาะกับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง มันก็จะเป็นของไม่เหมาะ = ของดีไม่ดีไม่ค้อยมีหรอกครับอยู่ที่เรารู้จักคุณสมบัติของของที่เราใช้ดีขนาดไหน แล้วจะใช้ได้กับปัจจัยที่เป็นเราได้ขนาดไหน
Amwayมีนักขายที่หวังผลประโยชน์มากกว่าการเผยแผ่ความรู้ที่เป็นปัญญาให้กับผู้บริโภคเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็เพราะไม่มีการคัดเลือกที่ดีหรือการ train ที่ถูกต้อง จึงมีแต่คนที่หวังผลประโยชน์ส่วนตัวเยอะกว่าประโยชน์ส่วนรวมแยอะ การจะรับใครมาขายก็ได้มันก็ไม่ค่อยดีแล้วแต่การtrainทีมีแต่การสาทิตสินค้าและพูดเรื่องความกล้าที่จขายเพื่อที่จะมีถานะดีขึ้นมันแย่ยิ่งกว่า
ผมเคยไปtrainกับamwayมาและพะเอินว่าผมศึกษาศาสนาคริสมาเยอะ ผมบอกได้เลยว่าถ้าคุณเคยเข้าโบสprotestantมา การมาที่amwayทุกๆครั้งก็ไม่ต่างอะไรจากการเข้าโบสprotestant แต่ที่ต่างคือ ศาสนามีความจริงใจที่จะให้โดยไม่หวังผลตอบแทน (เพราะศาสนาคริสไม่เชื่อในการทำบุญ) แต่Amway มีผลประโยชน์เยอะแยะ จนไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะประติเสธว่าจุดหมายสูงสุดก็คือความรวยที่มากขึ้นของตัวเอง
อย่างสุดท้ายคือ เครื่องกรองน้ำของAmwayที่แสนห่วยแต่แพงมากและserviceห่วยแตกคนที่มาserviceก็คือsalespersonนั้นแหละไม่ใช่ช่างซึ่งมีค่าใช้จ่ายแพงกว่า
เครื่องกรองน้ำAmwayมีคุณภาพเท่าๆกับเครื่องกรองน้ำระบบ UF แต่ดันขายแพงกว่าเครื่องกรองน้ำ Coway (บริษัทผลิตเครื่องกรองน้ำที่ใหญ่สุดในโลกของเกาหลี) ที่ขายทั้งระบบ UF และ RO
Amway ขายUF แพงกว่าเขาทั้ง UF และ RO ของ Coway (ปกติระบบ RO จะแพงกว่า UF เพราะกรองละเอียดกว่าเนื่องจากกรองหลายขันมากกว่าและมีใส่กรองมากกว่า)
ตอนAmwayเขาสาทิตเขาบอกว่าเครื่องกรองน้ำเขากรอง น้ำจากสีแดงเป็นใส่ได้แต่พอผมลองเอาน้ำเขามารองกรองกับเครื่องกรองUF 5ปีที่บ้านผมมันก็กรองได้เหมือนกันรสชาติเดียวกัน แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปใช้เครื่องระบบROเรียบร้อยแล้วเพราะรสชาติดีกว่ารู้สึกได้ง่ายมาก แต่ไอเครื่องกรอง36,000 บาทของ Amway มันขายแพงกว่าเครื่องกรอง Coway ระบบ RO ของผมซึงซื้อมา 23,000 อีก แถมCowayสวยกว่าด้วย http://www.coway.com/
ขออภัยที่เขียนเยอะ
Amwayมีนักขายที่หวังผลประโยชน์มากกว่าการเผยแผ่ความรู้ที่เป็นปัญญาให้กับผู้บริโภคเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็เพราะไม่มีการคัดเลือกที่ดีหรือการ train ที่ถูกต้อง จึงมีแต่คนที่หวังผลประโยชน์ส่วนตัวเยอะกว่าประโยชน์ส่วนรวมแยอะ การจะรับใครมาขายก็ได้มันก็ไม่ค่อยดีแล้วแต่การtrainทีมีแต่การสาทิตสินค้าและพูดเรื่องความกล้าที่จขายเพื่อที่จะมีถานะดีขึ้นมันแย่ยิ่งกว่า
ผมเคยไปtrainกับamwayมาและพะเอินว่าผมศึกษาศาสนาคริสมาเยอะ ผมบอกได้เลยว่าถ้าคุณเคยเข้าโบสprotestantมา การมาที่amwayทุกๆครั้งก็ไม่ต่างอะไรจากการเข้าโบสprotestant แต่ที่ต่างคือ ศาสนามีความจริงใจที่จะให้โดยไม่หวังผลตอบแทน (เพราะศาสนาคริสไม่เชื่อในการทำบุญ) แต่Amway มีผลประโยชน์เยอะแยะ จนไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะประติเสธว่าจุดหมายสูงสุดก็คือความรวยที่มากขึ้นของตัวเอง
อย่างสุดท้ายคือ เครื่องกรองน้ำของAmwayที่แสนห่วยแต่แพงมากและserviceห่วยแตกคนที่มาserviceก็คือsalespersonนั้นแหละไม่ใช่ช่างซึ่งมีค่าใช้จ่ายแพงกว่า
เครื่องกรองน้ำAmwayมีคุณภาพเท่าๆกับเครื่องกรองน้ำระบบ UF แต่ดันขายแพงกว่าเครื่องกรองน้ำ Coway (บริษัทผลิตเครื่องกรองน้ำที่ใหญ่สุดในโลกของเกาหลี) ที่ขายทั้งระบบ UF และ RO
Amway ขายUF แพงกว่าเขาทั้ง UF และ RO ของ Coway (ปกติระบบ RO จะแพงกว่า UF เพราะกรองละเอียดกว่าเนื่องจากกรองหลายขันมากกว่าและมีใส่กรองมากกว่า)
ตอนAmwayเขาสาทิตเขาบอกว่าเครื่องกรองน้ำเขากรอง น้ำจากสีแดงเป็นใส่ได้แต่พอผมลองเอาน้ำเขามารองกรองกับเครื่องกรองUF 5ปีที่บ้านผมมันก็กรองได้เหมือนกันรสชาติเดียวกัน แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปใช้เครื่องระบบROเรียบร้อยแล้วเพราะรสชาติดีกว่ารู้สึกได้ง่ายมาก แต่ไอเครื่องกรอง36,000 บาทของ Amway มันขายแพงกว่าเครื่องกรอง Coway ระบบ RO ของผมซึงซื้อมา 23,000 อีก แถมCowayสวยกว่าด้วย http://www.coway.com/
ขออภัยที่เขียนเยอะ
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 43
เกลียดครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 45
ตามมุมมองของผมไม่ว่าบริษัทไหนถ้าคุณสามารถทำยอดขายให้บริษัทของเขาได้เท่ากับที่คุณทำให้กับบริษัทmlm
บริษัทนั้นๆก็คงจ่ายเงินให้คุณในมูลค่าที่ต่างกันไม่มากหรอกครับ (ถ้าคุณคิดว่าต่างมากอยากให้คุณลองคิดถึง
ความสะดวกสะบายที่บริษัทจะมีให้คุณแต่คุณมองข้ามมันไปเช่น การคิดเงินเดือน การคิดภาษี การจัดหาลูกค้า การส่งสินค้าสวัสดิการ) พอคิดค้าพวกนี้แล้วคุณอาจจะเข้าใจง่ายขึ้นว่าทำไมMLMถึงกล้าจ่ายเงินให้
ตามมุมมองส่วนตัวอยากบอกว่าMLMก็เหมือนบริษัทๆหนึ่งที่มีจุดเด่นและด้วยตรงที่ -ข้อดี *ข้อเสีย
- ได้เงินจริงตรงนี้ยอมรับครับ
- ใครก็สามารถทำงานร่วมกับบริษทได้ (ไม่ต้องไปเรียนจบปริญญาหรือมีความถนัดใดๆ)
*แต่เป็นการค้าแบบที่เราต้องชวนคนมาทำทำให้มีข้อเสียตามมาคือมันทำให้เกิดการชวนดะ(เจอแบบจิงจังเลยมีช่วงนึงเจอจนเบื่อเข้ามามันเกือบ10บริษัท)
*คนที่ทำอะไรไม่เป็น(+คิดไม่ทันคนอื่น)บางครั้งไม่ได้วางแผนการทำงานล่วงหน้าอาจต้องเสียทั้งเพื่อนและเงินไปกับคำแนะนำของคนในบริษัท)
*แผนการตลาดบางแผนใช้เงินสูงมาก และการเริ่มต้นต้องเริ่มจากการซื้อสินค้ามาใช้ (ตามมุมมองอย่างต่ำก็น่าจะเกิน3000เพราะตามปรกติค่าสมัครก็เกือบพันแล้ว)
*การลงทุนใช้เวลายาวนานและค่อนข้างยากที่จะเห็นผลในปัจจุบัน(เนื่องจากเราไม่ได้อยู่เป็นup lineสูงๆอยู่แต่แรกคงเป็นการยากที่จะทำให้ได้ยอดขายเกินสิบล้านเพื่อให้ได้อิสระภาพทางการเงินในขณะที่ประชากรในประเทศยังจำกัด)
แล้วก็ยังมีอื่นๆอีกมากมายซึ่งในความเป็นจริงหัวข้อเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงได้เคยเขียนขึ้นเมื่อตอนเป็นบอร์ดเดิม(ยังไม่ย้ายมาorg)โดยหลายคนก็เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการลงทุนประเภทนี้ ซึ่งถ้าตามมุมมองผมถ้าคุณมีความสามารถหรือเห็นความเป็นไปได้ในธุรกิจอื่นๆที่ดีกว่าผมมองว่าอย่ามาเสียเวลากับมันเลยครับมันไม่คุ้มค่า เพราะอาจจะมีโอกาศที่ดีกว่าสำหรับคุณทั้งด้านการเงินและการทำงานไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ หุ้น กองทุนรวม ฯลฯ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้จะเริ่มต้นธุรกิจอะไรจะลองดูก็ได้นะครับแต่ผมขอแนะนำว่าหาup line ที่คุณสามารถคุยกับเขาได้ว่าคุณอยากทำอะไรยังไงเมื่อไหร่จะดีมาก เพราะup lineส่วนใหญ่จะคิดแต่ให้คุณซื้อของโดยไม่สนใจสภาพคล่องทางการเงินและสังคมของคุณสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้จึงเป็นuplineที่เข้าใจและมีความรู้ แผนธุรกิจที่ดี ความพยายามและความหนักแน่น (ทุกธุรกิจเป็นเรื่องยากครับแต่ผมมั่นใจว่าโอกาศมีเสมอกับคนที่พร้อมจะหามัน)
บริษัทนั้นๆก็คงจ่ายเงินให้คุณในมูลค่าที่ต่างกันไม่มากหรอกครับ (ถ้าคุณคิดว่าต่างมากอยากให้คุณลองคิดถึง
ความสะดวกสะบายที่บริษัทจะมีให้คุณแต่คุณมองข้ามมันไปเช่น การคิดเงินเดือน การคิดภาษี การจัดหาลูกค้า การส่งสินค้าสวัสดิการ) พอคิดค้าพวกนี้แล้วคุณอาจจะเข้าใจง่ายขึ้นว่าทำไมMLMถึงกล้าจ่ายเงินให้
ตามมุมมองส่วนตัวอยากบอกว่าMLMก็เหมือนบริษัทๆหนึ่งที่มีจุดเด่นและด้วยตรงที่ -ข้อดี *ข้อเสีย
- ได้เงินจริงตรงนี้ยอมรับครับ
- ใครก็สามารถทำงานร่วมกับบริษทได้ (ไม่ต้องไปเรียนจบปริญญาหรือมีความถนัดใดๆ)
*แต่เป็นการค้าแบบที่เราต้องชวนคนมาทำทำให้มีข้อเสียตามมาคือมันทำให้เกิดการชวนดะ(เจอแบบจิงจังเลยมีช่วงนึงเจอจนเบื่อเข้ามามันเกือบ10บริษัท)
*คนที่ทำอะไรไม่เป็น(+คิดไม่ทันคนอื่น)บางครั้งไม่ได้วางแผนการทำงานล่วงหน้าอาจต้องเสียทั้งเพื่อนและเงินไปกับคำแนะนำของคนในบริษัท)
*แผนการตลาดบางแผนใช้เงินสูงมาก และการเริ่มต้นต้องเริ่มจากการซื้อสินค้ามาใช้ (ตามมุมมองอย่างต่ำก็น่าจะเกิน3000เพราะตามปรกติค่าสมัครก็เกือบพันแล้ว)
*การลงทุนใช้เวลายาวนานและค่อนข้างยากที่จะเห็นผลในปัจจุบัน(เนื่องจากเราไม่ได้อยู่เป็นup lineสูงๆอยู่แต่แรกคงเป็นการยากที่จะทำให้ได้ยอดขายเกินสิบล้านเพื่อให้ได้อิสระภาพทางการเงินในขณะที่ประชากรในประเทศยังจำกัด)
แล้วก็ยังมีอื่นๆอีกมากมายซึ่งในความเป็นจริงหัวข้อเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงได้เคยเขียนขึ้นเมื่อตอนเป็นบอร์ดเดิม(ยังไม่ย้ายมาorg)โดยหลายคนก็เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการลงทุนประเภทนี้ ซึ่งถ้าตามมุมมองผมถ้าคุณมีความสามารถหรือเห็นความเป็นไปได้ในธุรกิจอื่นๆที่ดีกว่าผมมองว่าอย่ามาเสียเวลากับมันเลยครับมันไม่คุ้มค่า เพราะอาจจะมีโอกาศที่ดีกว่าสำหรับคุณทั้งด้านการเงินและการทำงานไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ หุ้น กองทุนรวม ฯลฯ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้จะเริ่มต้นธุรกิจอะไรจะลองดูก็ได้นะครับแต่ผมขอแนะนำว่าหาup line ที่คุณสามารถคุยกับเขาได้ว่าคุณอยากทำอะไรยังไงเมื่อไหร่จะดีมาก เพราะup lineส่วนใหญ่จะคิดแต่ให้คุณซื้อของโดยไม่สนใจสภาพคล่องทางการเงินและสังคมของคุณสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้จึงเป็นuplineที่เข้าใจและมีความรู้ แผนธุรกิจที่ดี ความพยายามและความหนักแน่น (ทุกธุรกิจเป็นเรื่องยากครับแต่ผมมั่นใจว่าโอกาศมีเสมอกับคนที่พร้อมจะหามัน)
- Seizhin
- Verified User
- โพสต์: 275
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 46
ผมไม่ได้คิดอะไรครับ
คนที่อยู่ใน ThaiVI เป็นนักลงทุนนะครับ ให้ลงทุนขายตรงคงแปลกๆ
ถ้าชวนผมเป็น download ผมก็จะปติเสฏ แต่ถ้าชวนเข้าไปเป็นหุ้นสวนจริงๆ (ไม่ใช่หุ้นสวนหลอกหรือว่าที่เขาเรียกว่า businessman/businesswoman) ผมก็สนใจ แต่ใจจริงธุรกิจแบ่บนี้ไม่ใช่ style ผม
Fake Propaganda มันต้องหาเหยื่อรายต่อไปเรื่อยๆ หมูให้เชื่อดเรื่อยๆ รวยได้แต่คงไม่ยั้งยืน
สรุปก็คือ คุณทำเยอะทำดียังงัย สุดถ้ายคนที่รวยจริงๆคือเจ้าของจริงๆ ไม่ใช่พวกที่เรียกตัวเองว่า businessman/businesswoman
ปล. คนใกล้ตัวผมเคยเป็นรองประธานของ บจก ขายตรงแห่งหนึ่ง และก็แชอร์ข้อมูลให้ผมหลายๆอย่างให้ผม
คนที่อยู่ใน ThaiVI เป็นนักลงทุนนะครับ ให้ลงทุนขายตรงคงแปลกๆ
ถ้าชวนผมเป็น download ผมก็จะปติเสฏ แต่ถ้าชวนเข้าไปเป็นหุ้นสวนจริงๆ (ไม่ใช่หุ้นสวนหลอกหรือว่าที่เขาเรียกว่า businessman/businesswoman) ผมก็สนใจ แต่ใจจริงธุรกิจแบ่บนี้ไม่ใช่ style ผม
Fake Propaganda มันต้องหาเหยื่อรายต่อไปเรื่อยๆ หมูให้เชื่อดเรื่อยๆ รวยได้แต่คงไม่ยั้งยืน
สรุปก็คือ คุณทำเยอะทำดียังงัย สุดถ้ายคนที่รวยจริงๆคือเจ้าของจริงๆ ไม่ใช่พวกที่เรียกตัวเองว่า businessman/businesswoman
ปล. คนใกล้ตัวผมเคยเป็นรองประธานของ บจก ขายตรงแห่งหนึ่ง และก็แชอร์ข้อมูลให้ผมหลายๆอย่างให้ผม
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 47
มาติดตามครับ ^^
ดูแนวโน้มโลกอนาคต แล้ว Network Asset คงมีให้เห็นเยอะขึ้นไม่เฉพาะในรูปแบบของ MLM เพียงอย่างเดียว เช่น facebook twitter etc.
^^
ดูแนวโน้มโลกอนาคต แล้ว Network Asset คงมีให้เห็นเยอะขึ้นไม่เฉพาะในรูปแบบของ MLM เพียงอย่างเดียว เช่น facebook twitter etc.
^^
"Small Dream Big Problem
.....Big Dream Small Problem
........Big Big Big Dream No Problem"
mail : [email protected]
http://www.ichiroohm.co.cc
.....Big Dream Small Problem
........Big Big Big Dream No Problem"
mail : [email protected]
http://www.ichiroohm.co.cc
-
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 48
ถ้าผมมีตังค์ อาจจะซื้อ ID ของระดับสูงๆนะ ( ถ้าเค้ายอมขาย )
เพราะถือว่าสร้าง FCF ได้ดีระดับหนึ่ง
( ต้องดูอีกทีว่าจะขายเท่าไหร่ หะๆ )
เห็นมีการเปลี่ยนมือกันพอสมควรนะ
( พวกที่มาจากต่างประเทศสมัยแรกๆ พอประสบความสำเร็จแล้ว
ก็ขายให้คนไทย บริหารสายงานต่อ ตัวเองก็กลับไปนั่งรับเงินจากสายงานในประเทศเดิม
พร้อมเงินสดค่าขายสายงานในไทย)
ถ้าให้ทำเอง ไม่เอาหง่ะ
เพราะถือว่าสร้าง FCF ได้ดีระดับหนึ่ง
( ต้องดูอีกทีว่าจะขายเท่าไหร่ หะๆ )
เห็นมีการเปลี่ยนมือกันพอสมควรนะ
( พวกที่มาจากต่างประเทศสมัยแรกๆ พอประสบความสำเร็จแล้ว
ก็ขายให้คนไทย บริหารสายงานต่อ ตัวเองก็กลับไปนั่งรับเงินจากสายงานในประเทศเดิม
พร้อมเงินสดค่าขายสายงานในไทย)
ถ้าให้ทำเอง ไม่เอาหง่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 298
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 49
low เมื่อเทียบกับราคาของสินค้านั้นๆ ไม่ใช่ว่าด้อยกว่าสินค้าทั่วไปตามท้องตลาด ในความหมายของผมคือสินค้าประเภทเดียวกัน คุณภาพพอๆกัน ปริมาณพอๆกัน คุณสมบัติเหมือนๆกันแต่ราคาถูกกว่ามาก มันเป็นเรื่องของMarketingที่ราคาสูงเพราะต้องเปอเซนต์ส่วนแบ่งจากราคาขาย ให้กับ คนขาย อัพไลส์ หัวหน้าที่อยู่ยอดๆขึ้นไป เช่น ยาสีฟันทั่วไปราคา60-70บาท แอมเวย์ ขาย200กว่า คุณสมบัติป้องกันฟันผุ ช่วยให้ฟันขาว ป้องกันการเสียวฟัน ฯลฯ เหมือนๆกัน ต้นทุนก็น่าจะใกล้เคียงกัน แต่ขายแพงกว่า3เท่า ราคาที่แพงกว่า3เท่าความจะมีคุณภาพมากกว่า3เท่าเช่นกัน ไม่ใช่จากความรู้สึกแค่ว่าดี แต่ต้องมีข้อมูลทางวิชาการที่มีเหตุผลรองรับ มีมาตรฐานการันตีซากคน เขียน:อธิบายเพิ่มเติมทีครับว่า low ยังไงporzilla เขียน:price แต่ low quility
ปล.เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะ
อย่า...วัดความลึกของแม่น้ำด้วยขาทั้ง2ข้าง
- sathaporne
- Verified User
- โพสต์: 1657
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 50
แต่ต้องไม่ลืมนะครับว่า สินค้าของเค้าเป็นสูตรเข้มข้นporzilla เขียน:low เมื่อเทียบกับราคาของสินค้านั้นๆ ไม่ใช่ว่าด้อยกว่าสินค้าทั่วไปตามท้องตลาด ในความหมายของผมคือสินค้าประเภทเดียวกัน คุณภาพพอๆกัน ปริมาณพอๆกัน คุณสมบัติเหมือนๆกันแต่ราคาถูกกว่ามาก มันเป็นเรื่องของMarketingที่ราคาสูงเพราะต้องเปอเซนต์ส่วนแบ่งจากราคาขาย ให้กับ คนขาย อัพไลส์ หัวหน้าที่อยู่ยอดๆขึ้นไป เช่น ยาสีฟันทั่วไปราคา60-70บาท แอมเวย์ ขาย200กว่า คุณสมบัติป้องกันฟันผุ ช่วยให้ฟันขาว ป้องกันการเสียวฟัน ฯลฯ เหมือนๆกัน ต้นทุนก็น่าจะใกล้เคียงกัน แต่ขายแพงกว่า3เท่า ราคาที่แพงกว่า3เท่าความจะมีคุณภาพมากกว่า3เท่าเช่นกัน ไม่ใช่จากความรู้สึกแค่ว่าดี แต่ต้องมีข้อมูลทางวิชาการที่มีเหตุผลรองรับ มีมาตรฐานการันตีซากคน เขียน:อธิบายเพิ่มเติมทีครับว่า low ยังไงporzilla เขียน:price แต่ low quility
ปล.เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะ
ปริมาณที่เห็นว่าเท่ากัน จริงๆแล้วอาจจะไม่เท่ากันก็ได้
เช่นยาสีฟันทั่วๆไปเราใช้ทาเต็มแปรง แต่ของamway ใช้เพียงแค่1/3 ของแปรง
ฉนั้นถ้าคุณภาพเท่าๆกัน ปริมาณเท่ากัน ของamwayก็ควรจะมีราคามากกว่า 3เท่าครับ
ถ้าผมจำไม่ีผิดของๆแอมเวย์ก็จะเป็นประมาณนี้หมดทุกอันมั๊ง ที่ใช้ในปริมาณน้อยๆกว่าสินค้าอื่นๆ เนื่องจากมีความเข้มข้นมากกว่า
คือเวลาขายผมเห็นโดยส่วนมากเค้าจะเน้นว่าคุณภาพดีกว่าสินค้าทั่วไปในราคาที่ไม่ได้แพงกว่ากันมากนัก
-
- Verified User
- โพสต์: 59
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 51
ก่อนอื่นเลย Login ผมคือ sophonamway ดังนั้นก็ชัดเจนอยู่ว่าผมเกี่ยวข้องกับธุรกิจแน่นอน จากที่อ่านหลายๆความเห็นทั้งในบอร์ดนี้และที่อื่นๆก่อนหน้านี้ก็หลากหลายครับ ผมอาจทำธุรกิจนี้มาได้เพียง 6 ปี (เริ่มต้นพร้อมๆกับการเป็น member thaivi เลย) ผมเข้าไปในธุรกิจนี้เพราะเพื่อนสนิทชวนเหมือนหลายๆท่าน มันพาไปฟังเรื่องเงินสี่ด้าน เมื่อมาในส่วนที่เป็น Investor อาจเพราะวิทยากรสื่อสารได้ดี ผมจึงได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง "การเล่นหุ้น" กับ "การลงทุน" ถ้ามองย้อนกลับไป การไปฟังแอมเวย์ครั้งนั้นก็เป็นประโยชน์มหาศาลนี่คือสิ่งแรกๆที่ผลได้รับจากการไปฟังแอมเวย์ นอกจากนั้น ทุกธุรกิจมีด้านมืดด้านสว่างครับ ถ้าเราศึกษาแล้วเข้าใจจริงๆ เห็นว่ามีประโยชน์ จะลงมือทำ ก็จงทำตัวให้เป็นด้านสว่างของธุรกิจครับ ด้านมืดทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ยั่งยืน case study มีมากมายที่หลายๆท่านก็คงได้ผ่านหูผ่านตามาแล้ว ที่สำคัญก็คือ การที่ผมพิจารณาทำธุรกิจนี้ ก็ใช้หลักเดียวกับการลงทุน คือ การศึกษาตัว "แนวโน้มอุตสาหกรรม"+ "พฤติกรรมผู้บริโภค" +"บริษัทแอมเวย์" + "แผนธุรกิจ" + "กฎจรรยาบรรณ(สำคัญมาก)" เหมือนกับการ ศึกษาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และตัวบริษัทจดทะเบียน ผ่านข้อมูลตัวเลขนโยบายต่างๆและงบการเงิน หลังจากนั้นก็ลงมือใช้ธุรกิจนี้ให้เหมาะกับ "จริต" ของเรา ไม่เกินตัว ไม่เชื่อใครง่ายๆ ไม่โลภ (คล้ายกับการลงทุนเลยครับ) อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า หากใครที่ศึกษาอย่างจริงๆเข้าใจ รู้จักธุรกิจนี้พร้อมบริบท โดยถ้วนทั่วแล้ว เห็นว่าไม่เหมาะกับตัวเอง ก็สามารถที่จะวางตัวเลือกนี้ลงได้ แต่ถ้ายังไม่ได้รู้จริงแล้ววิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหาย มันก็เป็นการไม่ยุติธรรมต่อตัวธุรกิจเช่นเดียวกัน เพราะ สิ่งที่ทำให้เสื่อม มันอยู่ที่ "คน" (^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 59
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 52
เพิ่งมาเห็นว่าตัวเองเป็น member ตอนปี 2007 สงสัยเมื่อปี 2005 ยังแอบอ่านอยู่ ;Psophonamway เขียน:ก่อนอื่นเลย Login ผมคือ sophonamway ดังนั้นก็ชัดเจนอยู่ว่าผมเกี่ยวข้องกับธุรกิจแน่นอน จากที่อ่านหลายๆความเห็นทั้งในบอร์ดนี้และที่อื่นๆก่อนหน้านี้ก็หลากหลายครับ ผมอาจทำธุรกิจนี้มาได้เพียง 6 ปี (เริ่มต้นพร้อมๆกับการเป็น member thaivi เลย) ผมเข้าไปในธุรกิจนี้เพราะเพื่อนสนิทชวนเหมือนหลายๆท่าน มันพาไปฟังเรื่องเงินสี่ด้าน เมื่อมาในส่วนที่เป็น Investor อาจเพราะวิทยากรสื่อสารได้ดี ผมจึงได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง "การเล่นหุ้น" กับ "การลงทุน" ถ้ามองย้อนกลับไป การไปฟังแอมเวย์ครั้งนั้นก็เป็นประโยชน์มหาศาลนี่คือสิ่งแรกๆที่ผลได้รับจากการไปฟังแอมเวย์ นอกจากนั้น ทุกธุรกิจมีด้านมืดด้านสว่างครับ ถ้าเราศึกษาแล้วเข้าใจจริงๆ เห็นว่ามีประโยชน์ จะลงมือทำ ก็จงทำตัวให้เป็นด้านสว่างของธุรกิจครับ ด้านมืดทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ยั่งยืน case study มีมากมายที่หลายๆท่านก็คงได้ผ่านหูผ่านตามาแล้ว ที่สำคัญก็คือ การที่ผมพิจารณาทำธุรกิจนี้ ก็ใช้หลักเดียวกับการลงทุน คือ การศึกษาตัว "แนวโน้มอุตสาหกรรม"+ "พฤติกรรมผู้บริโภค" +"บริษัทแอมเวย์" + "แผนธุรกิจ" + "กฎจรรยาบรรณ(สำคัญมาก)" เหมือนกับการ ศึกษาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และตัวบริษัทจดทะเบียน ผ่านข้อมูลตัวเลขนโยบายต่างๆและงบการเงิน หลังจากนั้นก็ลงมือใช้ธุรกิจนี้ให้เหมาะกับ "จริต" ของเรา ไม่เกินตัว ไม่เชื่อใครง่ายๆ ไม่โลภ (คล้ายกับการลงทุนเลยครับ) อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า หากใครที่ศึกษาอย่างจริงๆเข้าใจ รู้จักธุรกิจนี้พร้อมบริบท โดยถ้วนทั่วแล้ว เห็นว่าไม่เหมาะกับตัวเอง ก็สามารถที่จะวางตัวเลือกนี้ลงได้ แต่ถ้ายังไม่ได้รู้จริงแล้ววิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหาย มันก็เป็นการไม่ยุติธรรมต่อตัวธุรกิจเช่นเดียวกัน เพราะ สิ่งที่ทำให้เสื่อม มันอยู่ที่ "คน" (^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 53
ธุรกิจ mlm ผมฟังมาหลายบริษัทแล้วคับ
ถ้าให้ผมเลือกทำผมเลือก Amway !!!
ถ้าให้ผมเลือกทำผมเลือก Amway !!!
-
- Verified User
- โพสต์: 508
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 54
สมัยวัยรุ่นเพื่อนเคยชวนไปทำซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า "อาจจะเป็นโอกาส"กับผู้ที่ตั้งใจจริง โดยส่วนตัวคิดว่า เป็นการลงทุนที่สูง มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเรื่องเวลาและความเป็นส่วนตัวซึ่งตรงนี้สำคัญมากสำหรับใครบางคน ต้องชั่งนำหนักเอา
- vipnum
- Verified User
- โพสต์: 75
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 55
บ้านผม เสียเงินเพราะ mlm เกือบล้านครับ
ผมเข็ดแล้วครับขอไม่ยุ่งเกี่ยวอีกเลย
ขอพูดสั้นๆว่า ถ้าคุณไม่ใช้หัว คุณไม่มีทางรวยหรอกครับ
ผมเข็ดแล้วครับขอไม่ยุ่งเกี่ยวอีกเลย
ขอพูดสั้นๆว่า ถ้าคุณไม่ใช้หัว คุณไม่มีทางรวยหรอกครับ
"life is simple once you make a choice and you never look back"
-
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 56
เค้าพยายามออกสินค้าที่มีคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้เทียบราคากับของที่มีขายทั่วไปยาก
เช่น ผงซักฟอกหรือยาสีฟันแบบเข้มข้น
แต่ถ้าเทียบราคาและคุณภาพต่อหน่วยจริงๆแล้วละก็ สินค้าเหล่านั้นก็ยังแพงกว่าสินค้าที่มีขายทั่วไปอยู่ดี
เช่น ผงซักฟอกหรือยาสีฟันแบบเข้มข้น
แต่ถ้าเทียบราคาและคุณภาพต่อหน่วยจริงๆแล้วละก็ สินค้าเหล่านั้นก็ยังแพงกว่าสินค้าที่มีขายทั่วไปอยู่ดี
- oxygenatom
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 57
เคยเข้าไปฟังมาหลายสำนักผมคิดว่าแนวคิดที่เค้าสอนมันดีนะ (เห็นส่วนใหญ่จะพูดตามหนังสือ) รูปแบบการสร้างธุรกิจโครงข่ายมันดีนะคับ ลองดูเล่นๆ ว่าถ้าทุกคนทำตามและเป็นไปได้หมดธุรกิจมันจะโตเร็วและใหญ่แค่ไหน
แต่ผมว่าธุรกิจขายตรงมันเริ่มมีปัญหาตรงที่คนทำธุรกิจมากกว่า เค้าเลือกสอนที่จะให้คนมองแต่เป้าหมายที่สวยหรู และให้ทำโดยไม่ต้องเลือกวิธีใช้
ปล. แต่พ่อผมสอนเสมอว่า "ของดีไม่มีมา ของมาไม่มีดี"
แต่ผมว่าธุรกิจขายตรงมันเริ่มมีปัญหาตรงที่คนทำธุรกิจมากกว่า เค้าเลือกสอนที่จะให้คนมองแต่เป้าหมายที่สวยหรู และให้ทำโดยไม่ต้องเลือกวิธีใช้
ปล. แต่พ่อผมสอนเสมอว่า "ของดีไม่มีมา ของมาไม่มีดี"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 58
ผมไม่ชอบขายตรงนะโดยส่วนตัว
แต่ถ้าขายของมันก็สุจริต แต่ที่น่ารำคาญคือ อวยจนเวอร์ และตื๊อเกินไป
ขายตรงถ้าต้องเลือก ผมเลือกแอมเวย์นะ มันยังไงก็ขายของ เห็นๆว่ามีเงินเข้าระบบจากการขายของ
เซลล์ของแอมเวย์ยังเน้นการขายของมากกว่าเอมสตาร์ ซึ่งเซลล์ของเอมสตาร์ขายอะไรก็ไม่รู้ วันๆพูดแต่สร้างระบบๆ ระบบที่ว่าก็คือหาคนมาเติมข้างล่างให้มากที่สุด มีการจ่ายเงินค่าของต่อเดือนเป็นพิธี
สรุปก็คือแอมเวย์เน้นขายของมากกว่าเอมสตาร์ที่เน้นหาคนเข้าระบบ จากที่สัมผัสมานะครับ(60:40เอมเวย์ขายของ:หาคน ในขณะที่เอมสตาร์20:80)
มันก็คือธุรกิจขายของ ซึ่งน่าจะดีกว่าเอมสตาร์ ที่ทำยังกะแชร์ลูกโซ่ เน้นหาคนมันอย่างเดียว แต่เอาข้อเสียของแอมเวย์ หรือขายตรงยี่ห้ออื่นๆมาปรับปรุงให้คนที่แอนตี้ขายตรงหันกลับมาชอบเอมสตาร์มากขึ้น แต่หารู้ไม่ตัวแก่นของธุรกิจมันเเย่กว่าแอมเวย์ที่เกลียดนักเกลียดหนากันเสียอีก
สุดท้ายผมไม่ทำขายตรงอะไรเลยเพราะมันไม่ใช่แนว เบื่อและเกลียดมันทั้งหมด อธิบายจากการสัมผัสมาบ้างครับ
แต่ถ้าขายของมันก็สุจริต แต่ที่น่ารำคาญคือ อวยจนเวอร์ และตื๊อเกินไป
ขายตรงถ้าต้องเลือก ผมเลือกแอมเวย์นะ มันยังไงก็ขายของ เห็นๆว่ามีเงินเข้าระบบจากการขายของ
เซลล์ของแอมเวย์ยังเน้นการขายของมากกว่าเอมสตาร์ ซึ่งเซลล์ของเอมสตาร์ขายอะไรก็ไม่รู้ วันๆพูดแต่สร้างระบบๆ ระบบที่ว่าก็คือหาคนมาเติมข้างล่างให้มากที่สุด มีการจ่ายเงินค่าของต่อเดือนเป็นพิธี
สรุปก็คือแอมเวย์เน้นขายของมากกว่าเอมสตาร์ที่เน้นหาคนเข้าระบบ จากที่สัมผัสมานะครับ(60:40เอมเวย์ขายของ:หาคน ในขณะที่เอมสตาร์20:80)
มันก็คือธุรกิจขายของ ซึ่งน่าจะดีกว่าเอมสตาร์ ที่ทำยังกะแชร์ลูกโซ่ เน้นหาคนมันอย่างเดียว แต่เอาข้อเสียของแอมเวย์ หรือขายตรงยี่ห้ออื่นๆมาปรับปรุงให้คนที่แอนตี้ขายตรงหันกลับมาชอบเอมสตาร์มากขึ้น แต่หารู้ไม่ตัวแก่นของธุรกิจมันเเย่กว่าแอมเวย์ที่เกลียดนักเกลียดหนากันเสียอีก
สุดท้ายผมไม่ทำขายตรงอะไรเลยเพราะมันไม่ใช่แนว เบื่อและเกลียดมันทั้งหมด อธิบายจากการสัมผัสมาบ้างครับ
- sathaporne
- Verified User
- โพสต์: 1657
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากรู้ว่าพี่ๆ่คิดอย่างไรกับธุรกิจขายตรง(อย่างAmway)
โพสต์ที่ 59
เท่าที่ผมเจอมาแอมเวย์เขาจะเน้นขายของ upline เขายังบอกผมเองเลยว่า ธุรกิจมันจะอยู่ได้ก็ด้วยการขายของนี่แหละFox เขียน: สรุปก็คือแอมเวย์เน้นขายของมากกว่าเอมสตาร์ที่เน้นหาคนเข้าระบบ จากที่สัมผัสมานะครับ(60:40เอมเวย์ขายของ:หาคน ในขณะที่เอมสตาร์20:80)