หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my children)
- nasesus
- Verified User
- โพสต์: 1276
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my children)
โพสต์ที่ 1
สอนลูกอย่างนักลงทุน : A Gift to My Chidren
(A Gift to My Chidren)
นักลงทุนระดับตำนาน ผู้เกษียณอายุการทำงานตั้งแต่ 37 ปี เจ้าของผลงานเบสต์เซลเลอร์ Hot Commodities และ Adventure Capitalist
ผู้เขียน Jim Rogers (จิม โรเจอร์ส)
ผู้แปล ฉันชนก โอสถานนท์
หนังสือเล่มนี้ "จิม โรเจอร์ส" ไม่เพียงแค่ให้แง่คิด หรือถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนเท่านั้น แต่มุ่งให้แง่คิดหรือมุมมองในการดำเนินชีวิตที่สำคัญๆ แก่ลูกๆ ของเขาเอง ด้วยความรัก ความห่วงใย และความต้องการให้ลูกๆ เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข ซึ่งแน่นอนว่า การเงินและการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ควรต้องเรียนรู้ จิม โรเจอร์สถ่ายทอดเรื่องราวอย่างสนุกสนาน น่าอ่าน ถึงแม้คุณจะยังโสด หรือมีลูกๆ แล้ว หนังสือเล่มนี้จะเป็นอีกเล่มที่สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นของขวัญที่ดีอีกชิ้นหนึ่งในชีวิตของคุณอย่างแน่นอน
(A Gift to My Chidren)
นักลงทุนระดับตำนาน ผู้เกษียณอายุการทำงานตั้งแต่ 37 ปี เจ้าของผลงานเบสต์เซลเลอร์ Hot Commodities และ Adventure Capitalist
ผู้เขียน Jim Rogers (จิม โรเจอร์ส)
ผู้แปล ฉันชนก โอสถานนท์
หนังสือเล่มนี้ "จิม โรเจอร์ส" ไม่เพียงแค่ให้แง่คิด หรือถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนเท่านั้น แต่มุ่งให้แง่คิดหรือมุมมองในการดำเนินชีวิตที่สำคัญๆ แก่ลูกๆ ของเขาเอง ด้วยความรัก ความห่วงใย และความต้องการให้ลูกๆ เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข ซึ่งแน่นอนว่า การเงินและการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ควรต้องเรียนรู้ จิม โรเจอร์สถ่ายทอดเรื่องราวอย่างสนุกสนาน น่าอ่าน ถึงแม้คุณจะยังโสด หรือมีลูกๆ แล้ว หนังสือเล่มนี้จะเป็นอีกเล่มที่สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นของขวัญที่ดีอีกชิ้นหนึ่งในชีวิตของคุณอย่างแน่นอน
ทางที่ไม่มีไฟ ใช่ว่าไม่มีทาง เพียงแค่การก้าวไปข้างหน้าต้องใช้มากกว่าการหวังพึ่งแค่ดวงตา
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my children)
โพสต์ที่ 3
อ่านแล้วครับ ดีครับ อ่านง่ายไม่ซับซ้อน เหมาะกับการอ่านฆ่าเวลาอย่างยิ่ง :lol:
- kenne
- Verified User
- โพสต์: 40
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my children)
โพสต์ที่ 4
เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ที่ซื้อแล้วอ่านแล้ว เก็บไว้ให้ลูกให้หลานอ่านได้
เหมือนดั่งที่่ผู้เขียนต้องการเขียนไว้ให้ลูกอ่าน ได้ดีจริงๆ
มี แง่คิด มีมุมมองที่กว้างไกล และทิ้งท้ายด้วย ข้อคิดดีๆ ซี่งเราๆสามารถนำ
ไปปฏิบัติ เองได้ หรือจะนำไปสอนลูกสอนหลานก็ได้ด้วย
สำหรับผม ถือว่าคุ้มค่าครับ กับหนังสือเล่มเล็กๆ ที่อ่านจยแล้ว จะอยู๋บนชั้น
รอลูกหรือหลาน มาอ่านต่อ
เหมือนดั่งที่่ผู้เขียนต้องการเขียนไว้ให้ลูกอ่าน ได้ดีจริงๆ
มี แง่คิด มีมุมมองที่กว้างไกล และทิ้งท้ายด้วย ข้อคิดดีๆ ซี่งเราๆสามารถนำ
ไปปฏิบัติ เองได้ หรือจะนำไปสอนลูกสอนหลานก็ได้ด้วย
สำหรับผม ถือว่าคุ้มค่าครับ กับหนังสือเล่มเล็กๆ ที่อ่านจยแล้ว จะอยู๋บนชั้น
รอลูกหรือหลาน มาอ่านต่อ
"หุ้นถูกเป็นสิ่งพิเศษสำหรับนักลงทุนพันธ์แท้ เราไม่ได้มองการตกลงของตลาดเป็นหายนะ แต่มองเป็นโอกาสที่จะนำไปสู่ความร่ำรวย"
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my children)
โพสต์ที่ 8
อ่านไปครึ่งเล่ม โดนมาก
แนะนำว่าอย่าให้ลุกอ่านครับ ตัวพ่อควรอ่านก่อน ไม่งั้นลูกจะแซงหน้าพ่อ :D
เสียอย่างเดียว ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกันความหนาของหนังสือ
แต่ถ้าเทียบกับเนื้อหา คุ้มค่าครับ
แนะนำว่าอย่าให้ลุกอ่านครับ ตัวพ่อควรอ่านก่อน ไม่งั้นลูกจะแซงหน้าพ่อ :D
เสียอย่างเดียว ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกันความหนาของหนังสือ
แต่ถ้าเทียบกับเนื้อหา คุ้มค่าครับ
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my children)
โพสต์ที่ 9
2-3 วันที่ผ่านผมไปซื้อมา3เล่นน่าอ่านมากครับ อ่านงบการเงินให้เป็น ของอ.ภาพร 2.ฉลาดรู้ทางการเงิน ดร.กุศยา แปล 3.มั่งคั่งอย่าง วอเร็น บัฟเฟตต์ ได้ความรู้ขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ( สำหรับผมที่ไม่รู้เรื่องบัญชีเลย) ต้องขอขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากเลยครับที่แนะนำให้ผมไปศึกษาเรื่องบัญชีให้มากขึ้น ขอบคุณมากจริงๆครับ(จะพยายามต่อไปครับ)
- Pinocchio
- Verified User
- โพสต์: 123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my childr
โพสต์ที่ 15
เล่มนี้เพิ่งอ่านจบครับ
สุดยอดครับ
จิม โรเจอร์ ถ่ายทอดสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกครับ
คนที่อ่าน ก็เหมือนได้รับฟังสิ่งที่จริงใจ ความคิด การชี้แนะ ที่จิมให้ครับ
ผมคิดว่าเล่มนี้ดีมากๆ
ได้ประโยชน์ในเรื่องการใช้ชีวิต การค้นหาตัวเอง และคุณสมบัติของนักลงทุนที่ดีครับ
ชอบมากๆๆ
สุดยอดครับ
จิม โรเจอร์ ถ่ายทอดสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกครับ
คนที่อ่าน ก็เหมือนได้รับฟังสิ่งที่จริงใจ ความคิด การชี้แนะ ที่จิมให้ครับ
ผมคิดว่าเล่มนี้ดีมากๆ
ได้ประโยชน์ในเรื่องการใช้ชีวิต การค้นหาตัวเอง และคุณสมบัติของนักลงทุนที่ดีครับ
ชอบมากๆๆ
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my childr
โพสต์ที่ 16
น่าสนใจมากครับ ต้องไปหามาอ่านซักหน่อย
http://www.se-ed.com/eshop/Products/Det ... translator
http://www.se-ed.com/eshop/Products/Det ... translator
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my childr
โพสต์ที่ 18
จิม โรเจอร์ มีลูกสาวสองคนตอนอายุน่าจะประมาณประมาณ 60 ปีแล้วมั้ง จิมประสบความสำเร็จมาหมดแล้วทุกด้าน ทำลายสถิติมาแล้วก็หลายอย่างทั้งด้านการลงทุน การเดินทางรอบโลกมาก็หลายครั้ง แต่จิมได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาด้วยความตั้งใจ คือการได้มีลูกสาวสองคน ตอนนี้ลูกสาวก็น่าจะเพิ่งสักสามขวบกับห้าขวบได้มั้ง (ประมาณเอานะ) เพราะตอนผมอ่านหนังสือก็สักสองสามปีมาแล้ว (บังเอิญผมก็เพิ่มได้ลูกสาวพอดี) ผมเดาว่าจิมต้องการให้ลูกสาวทั้งสองคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้หากเขาไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว
ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ (A Gife To My Children) คือสิ่งที่พิเศษสุดที่จิมมอบให้ลูกสาวของเขา กล่าวคือจิมย้ายครอบครัวมาพำนักที่สิงคโปร์ จ้างแนนนี่ชาวจีนให้เป็นผู้ดูแลลูกสาวโดยเน้นให้พูดจีนกลาง แมนดารินด้วยนั่นแสดงว่าจิมเห็นว่าอีก20ปี 30ปีข้างหน้าเมื่อลูกสาวโตขึ้น เอเซียจะเป็นศูนย์กลางที่สำคัญ จีนคือมหาอำนาจของโลก ทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเงิน และภาษา ดังนั้นภาษาอังกฤษอย่างเดียวไม่พอแล้วต้องได้แมนดารินด้วย ผมเคยได้ยินว่าไว้ว่าเลี้ยงลูกก็เหมือนการเลี้ยงหุ้นตัวหนึ่งแบบลงทุนแนวทางเน้นคุณค่าอย่างหนึ่งเพราะต้องคอยใส่เงินลงไปปีแล้วปีเล่า จนกว่าลูกจะจบการศึกษา ดูแลตัวเองได้ ช่วยเหลือคนอื่นและสังคมได้บ้าง
ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ (A Gife To My Children) คือสิ่งที่พิเศษสุดที่จิมมอบให้ลูกสาวของเขา กล่าวคือจิมย้ายครอบครัวมาพำนักที่สิงคโปร์ จ้างแนนนี่ชาวจีนให้เป็นผู้ดูแลลูกสาวโดยเน้นให้พูดจีนกลาง แมนดารินด้วยนั่นแสดงว่าจิมเห็นว่าอีก20ปี 30ปีข้างหน้าเมื่อลูกสาวโตขึ้น เอเซียจะเป็นศูนย์กลางที่สำคัญ จีนคือมหาอำนาจของโลก ทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเงิน และภาษา ดังนั้นภาษาอังกฤษอย่างเดียวไม่พอแล้วต้องได้แมนดารินด้วย ผมเคยได้ยินว่าไว้ว่าเลี้ยงลูกก็เหมือนการเลี้ยงหุ้นตัวหนึ่งแบบลงทุนแนวทางเน้นคุณค่าอย่างหนึ่งเพราะต้องคอยใส่เงินลงไปปีแล้วปีเล่า จนกว่าลูกจะจบการศึกษา ดูแลตัวเองได้ ช่วยเหลือคนอื่นและสังคมได้บ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือน่าอ่าน สอนลูกอย่างนักลงทุน ( a gift to my childr
โพสต์ที่ 19
สองสามวันมานี้ได้อ่านบทความที่เกี่ยวกับ จิม โรเจอร์ อีกครั้ง ซึ่งบอกว่าลูกสาวคนเล็กตอนนี้ 6 ขวบ คนโต 8 ขวบแล้ว ความคิดของเขายังคงเหมือนเดิมที่เขาคิดคือเอเซียกำลังเป็นมหาอำนาจในศตวรรษที่ 21 ในศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาอเมริกา และก่อนหน้านั้นคืออังกฤษ เขายังพำนักในสิงคโปร์ที่เป็นประเทศที่มีระบบการเงิน ระบบสุขภาพชั้นเยี่ยมของโลก จิมยังพูดถึงว่าตอนนี้กำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงของสินค้าโภคภัณฑ์แล้ว เอ้าใครที่ถนัดทางด้านนี้ก็เตรียมตัวครับ ทั้ง SSI และ TTA เพราะเคยได้ยินโบราณว่า แมวสีอะไรก็ได้ขอให้จับหนูได้ก็พอ ครับ
ส่วนลูกสาวผมตอนนี้ก็สามขวบพอดี กำลังน่ารัก พูดเก่งมาก พูดได้สามภาษา ไทย จีนแมนดาริน และ ภาษาอังกฤษ ซึ่งก็เป็นความตั้งใจที่จะเลี้ยงเขาเหมือนเลี้ยงหุ้นตัวหนึ่งเหมือนกัน คือมีหน้าที่ใส่เงินลงไปเพิ่มเติมตลอดเวลา ทุกเดือนๆ ค่าแนนนี่ชาวฟิลิปปินส์ ค่าเหล่าซือชาวจีน ค่าโรงเรียนอนุบาลแบบฝรั่ง (ยังมีรายการปลีกย่อย เช่น ดนตรี ร้องเพลง เต้น บัลเล่ วาดรูป ต่างๆ) เราก็ได้สนุกไปด้วย นี่ก็เป็นการลงทุนและก็คือชีวิตปกติธรรมดาๆของนักลงทุนที่เน้นคุณค่าอย่างหนึ่งครับ เพราะทำเพื่อคนอื่น และสังคมด้วยนั่นเอง
ณ วันนี้เราก็ไม่รู้จะไปได้ถึงไหนกัน ดัชนีตอนนี้ 1,300 พอดิบพอดี อาจได้เห็น 1,700 เหมือนที่เคยไป แล้วลงมาที่ 200 อีกที ใครจะรู้ครับ ดร.นิเวศน์ได้เตือนสติด้วยบทความวันนี้ หุ้น กับ ชีวจิต ได้ดีมากๆทีเดียว ว่าอย่าฮีกเหิมเหมือนช่วงกระทิงอันยาวนานช่วงนี้ ว่าต้องอยู่ถึง 100 ปี (ดร.สาทิส อินทรกำแหง 86 ปี) หรือต้องได้ร้อยล้าน ต้องถึงพันล้าน เพราะทุกอย่างก็ไปของมันเรื่อยๆ และมันก็อยู่ของมันอย่างนี้
ส่วนลูกสาวผมตอนนี้ก็สามขวบพอดี กำลังน่ารัก พูดเก่งมาก พูดได้สามภาษา ไทย จีนแมนดาริน และ ภาษาอังกฤษ ซึ่งก็เป็นความตั้งใจที่จะเลี้ยงเขาเหมือนเลี้ยงหุ้นตัวหนึ่งเหมือนกัน คือมีหน้าที่ใส่เงินลงไปเพิ่มเติมตลอดเวลา ทุกเดือนๆ ค่าแนนนี่ชาวฟิลิปปินส์ ค่าเหล่าซือชาวจีน ค่าโรงเรียนอนุบาลแบบฝรั่ง (ยังมีรายการปลีกย่อย เช่น ดนตรี ร้องเพลง เต้น บัลเล่ วาดรูป ต่างๆ) เราก็ได้สนุกไปด้วย นี่ก็เป็นการลงทุนและก็คือชีวิตปกติธรรมดาๆของนักลงทุนที่เน้นคุณค่าอย่างหนึ่งครับ เพราะทำเพื่อคนอื่น และสังคมด้วยนั่นเอง
ณ วันนี้เราก็ไม่รู้จะไปได้ถึงไหนกัน ดัชนีตอนนี้ 1,300 พอดิบพอดี อาจได้เห็น 1,700 เหมือนที่เคยไป แล้วลงมาที่ 200 อีกที ใครจะรู้ครับ ดร.นิเวศน์ได้เตือนสติด้วยบทความวันนี้ หุ้น กับ ชีวจิต ได้ดีมากๆทีเดียว ว่าอย่าฮีกเหิมเหมือนช่วงกระทิงอันยาวนานช่วงนี้ ว่าต้องอยู่ถึง 100 ปี (ดร.สาทิส อินทรกำแหง 86 ปี) หรือต้องได้ร้อยล้าน ต้องถึงพันล้าน เพราะทุกอย่างก็ไปของมันเรื่อยๆ และมันก็อยู่ของมันอย่างนี้