ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

ขุมทรัพย์ทางปัญญา แนะนำหนังสือน่าอ่านสำหรับนักลงทุน ทั้งเรื่องหุ้น การลงทุน และอื่นๆ (ท่านที่ยังโพสต์แนะนำไม่ได้ ให้โพสต์แนะนำใน ห้องนั่งเล่น (Miscellaneous เดิม) หรือ ห้อง Value Investing ผู้ดูแลจะย้ายกระทู้และมอบสิทธิ์ให้ท่านครับ)

โพสต์ โพสต์
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีครับเพื่อชาว VI
ก่อนอื่นต้องขอบคุณกำลังใจมหาศาลที่ PM เข้ามาให้เขียนต่อ ตอนแรกว่าจะชะลอๆเพราะดูแล้วอาจจะไม่มีคุณค่าเพียงพอ  เนื่องจากเห็นบทความของท่านต่างๆที่เขียนมา โอ้โฮ ขอชิดซ้ายเลยครับ  เลยไปชั่งใจตัวเองในห้องอื่นๆ เช่น นั่งเล่นบ้าง  ร้อยคนร้อยเล่มบ้าง Value Investing (แต่น้อยมาก)
เห็นกระทู้ดีๆของหลายคนที่มีคนอ่านเยอะ (โดยไม่ได้พูดเรื่องหุ้น) ถึงไม่มีฟีดแบ็ค เจ้าตัวก็ยังโพสประจำ  เออ...เราดูจะเป็นคนชายขอบเหมือนกันนะ  ไม่เป็นไร ก็กลับมาโพสต่อดีกว่า  ไม่เป็นประโยชน์ทางตรงแก่นักลงทุน ก็ต้องเป็นทางอ้อม(แอ้ม)แหละนะ...ว่าแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาบริหารขดสมองถ่ายทอดความทรงจำย้อนยุคอีกครั้ง

ไม่กี่อาทิตย์ก่อน มีข่าวเรื่องสะพานถล่มที่เมืองลุงแซม ฮ์มม์ เห็นภาพสะพานหักพับไปมา จนแทบไม่น่าเขื่อว่าครั้งหนึ่งคือสะพานที่แข็งแรง รับน้ำหนักรถได้เป็นตันๆ  ย้อนยุทธ์ตอนนี้ก็เลยเอาประสบการณ์ตัวเองที่เกียวข้องกับสะพานมาเล่าบ้าง หวังว่าคงจะไม่เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน  เชิญร่วมกลับไปผจญคืนวันเก่าๆได้เลยครับ

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

วันที่ 9 พฤศจิกายน 1989
ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศยุโรปตะวันออก  เหมือนเช่นทุกวัน  สรรพสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ  เห็นผู้คนในชุดเสื้อโค้ทหนาสีทึม เดินเป็นเงาตะคุ่มๆ   ใบไม้ทิ้งตัวเคว้งคว้างหลังปลิดจากต้นขั้วมาสู่ท้องถนน  ท้องฟ้าในฤดูใบไม้ร่วงช่างเหงา ซึม ยะเยือก ไม่สดใสเอาเสียเลย

แต่ทันใดนั้น ใครคนหนึ่งหยิบค้อนใหญ่หนักอึ้งขึ้นมาฟาดลงบนแท่นหินก้อนแรก  เกิดแรงกระแทกแตกร้าวสนั่น พร้อมเสียงโห่ร้องอย่างปิติยินดี  หลังจากนั้นค้อนทุบแท่นหินก้อนต่อไปก็ดังก้องขึ้นต่อ  ก้องต่อไป ต่อไปและต่อไป  เสียงเพลง Ode of Joy อันคุ้นหูจาก Symphony หมายเลข 9 ของคีตกวีเอก Beethoven ค่อยๆกระหึ่มตามจังหวะของเสียงค้อนทุบก้อนหิน  ภาพกว้างออกมา  เราจะเห็นภาพทั้งหมดอย่างชัดเจนขึ้น ไม่ใช่การทำลายล้างหรือม็อบก่อเหตุความรุนแรง  หากคือการทลายกำแพงเบอร์ลิน กำแพงหินตระหง่านที่ขวางกั้นประชาชาติชาวเยอรมันมาตลอด  28 ปี (ก่อสร้างเมื่อ 13 สิงหาคม 1961)  จนกระทั่งอิฐก้อนสุดท้ายแตกทลายลงพร้อมกับจังหวะเพลงที่จบอย่างยิ่งใหญ่  ณ มุมภาพถอยออกมา  เห็นเด็กผู้ชายยิ้มอย่างแจ่มใส ในมือถือดอกกุหลายสีแดง ยื่นให้กับกล้อง  พร้อมคำพูด ขอสันติสุขจงมีแต่ชาวโลกทุกคน   มุมอีกด้านของจอภาพขึ้นโลโก เครื่องดื่มน้ำดำยี่ห้อหนึ่ง

นั่นคือสาระของโฆษณาของน้ำอัดลมคนรุ่นใหม่ที่เล่นกับเหตุการณ์สำคัญของโลก  เกาะกระแสที่อยู่ในความสนใจอย่างสอดคล้อง  แนบเนียน แม้แฝงโฆษณาอยู่บ้างก็ไม่จงใจจนน่าเกลียด  เป็นหนึ่งในโฆษณาที่สามารถสร้างความจดจำได้โดยไม่ยัดเยียด ถือเป็นการเล่นกับอีเว้นท์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง  แน่ละครับ ผลพลอยได้หลังจากนั้นก็คือ บริษัทน้ำอัดลมยักษ์นั้น สามารถฝ่าซากกำแพงเข้าไปสร้างตลาดในดินแดนสนธยาอย่างเบอร์ลินตะวันออกได้เป็นรายแรกๆ

การเล่นกับอีเว้นวรรค เอ้ย อีเว้นท์ เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของนักการตลาด  เพราะสามารถสร้างความทรงจำในแบรนด์ที่นำไปผูกด้วย  แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม  ( แน่ล่ะ คนส่วนใหญ่ต้องสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า ) ถึงกระนั้น บรรดาแบรนด์ใหญ่ๆมักจะไม่ยอมพลาดเหตุการณ์สำคัญๆ ด้วยถือว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีและสร้างความจดจำ  หากเหตุการณ์นั้นยังปลุกกระแสได้นานต่อเนื่อง   โดยเฉพาะเมื่อได้กลายเป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของการเปลี่ยนแปลงการเมือง การปกครองระหว่างค่ายลัทธิคอมมิวนิสต์และค่ายเสรีนิยมอย่างในกรณีกำแพงเบอร์ลินเบื้องต้นมานี้

ดูในบ้านเราบ้างครับ   ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน เรามีอีเว้นท์ดังๆปีละหลายๆงานที่ภาครัฐมักส่งเสริม สมเป็น Land of Events จริงๆ (แต่หลังจากงานจบก็กลายเป็นงานทุกข์ของพวกอีเวรและกรรมทั้งหลายที่ต้องมาคอยปัดกวาด ดูแลสภาพให้เรียบร้อยตามเดิม) บริษัทฯส่วนใหญ่ที่เล่นกับอีเว้นท์ในลักษณะนี้ล้วนสวมบทบาทเพียงเป็นสปอนเซอร์ให้กับหน่วยงานที่จัด   ซึ่งจะสามารถผลิตสื่อต่างๆเพื่อประกาศว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุน(เงิน)อย่างเป็นทางการ (ห้ามคู่แข่งเข้ามาแอบติดป้ายในบริเวณงานเด็ดขาด) แน่นอนสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในงานนั้นได้ด้วย

แต่ก็มีบางอีเว้นท์ที่จัดครั้งเดียวจบ หรือมาแล้วไปเลย ไม่มีจัดซ้ำอีก  (ดังเช่น การทลายกำแพงเบอร์ลิน)  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการเล็งเห็นโอกาส ตลอดจนความเร็วในการเตรียมตัวเพื่อเล่นกับอีเว้นท์นั้นให้สมน้ำสมเนื้อ

เอ้า   ก่อนจะย้อนยุทธ์กลับไปเล่าปรากฏประสบการณ์เล่นกับอีเว้นท์ครั้งนี้  ..ขอเช็คอายุผู้อ่าน (อีกแล้ว) ทราบมั้ยว่า สะพานแขวนพระราม 9 เปิดใช้มากี่ปีแล้ว   10 ปี ?  ( ฮึมม์ น้อยไปครับ เมื่อเทียบกับสภาพชำรุดของสะพานวันนี้)   30 ปี ? (ฮืมม์ มากไปนิด นั่นต้องเรียกคุณน้าสะพานล่ะ)   คุณพี่สะพานพระราม 9 เปิดมาได้ 20 ปีพอดีครับ  ( ใครบางคนอาจจะยังไม่เกิดนะนี่) เปิดใช้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2530  เป็นส่วนหนึ่งของทางด่วนเฉลิมมหานคร  และเป็นสะพานแขวนแห่งแรกของไทย  ฟังดูแค่นี้ก็น่าตื่นเต้นแล้ว...วว

อ้า เพื่อให้สมกับความยิ่งใหญ่อลังการ์  แทนที่จะเปิดสะพานเฉยๆ ปล่อยให้รถขบวนวิ่งเอาฤกษ์เอาชัยปกติ อย่ากระนั้นเลย  ทำอีเว้นท์สนุกๆกันดีกว่า  เอาประชาชนทั่วกรุงเทพ ฯ และฝั่งธนฯ มาร่วมเฉลิมฉลองด้วยการวิ่งมาราธอน ข้ามสะพานที่มีความยาวถึงสองกิโลเมตรกว่า (รวมทางลาดขึ้นจากทั้ง 2 ฝั่ง) ให้สนั่นหวั่นไหวเลย (เป็นการทดสอบความอึดของสะพานอีกต่างหาก )  เอ้า แล้วเอางบประมาณที่ไหนล่ะ ไม่ได้เตรียมการณ์ใหญ่ขนาดนี้ไว้นี่...ไม่เป็นไรขอบริจาคจากสปอนเซอร์ใหญ่ๆซิ   รับรองจ้าวไหนๆก็อยากจะร่วมเหตุการณ์การวิ่งครั้งสำคัญครั้งนี้

แว่วข่าวมาเช่นนี้ บรรดา บริษ้ทห้างร้านธุรกิจใหญ่ๆหรือจะเพิกเฉยได้  ถือเป็นโอกาสอันงามที่จะได้ส่ง นางงามเอ๊ยผลิตภัณฑ์ของตัวเองเข้าร่วมด้วย มิหนำซ้ำยังมีการถ่ายทอดออกอากาศอีก ได้แอร์ไทม์ฟรีๆ (ขอให้ถ่ายเห็นแบนเนอร์โฆษณามากๆหน่อยนะคร้าบ) ว่าแล้วบริษัทเครื่องดื่มทั้งหลายก็เตรียมควักกระเป๋าจ่ายไม่อั้น  เอาน่ะ ครั้งแรกของเมืองไทย  มีแบรนด์ของบริษัทบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์เชียวนะ (แต่ครั้งต่อๆไป ขอคิดดูก่อน แห่ะ แห่ะ)

แต่นอกเหนือจากบริษัทเครื่องดื่มแล้ว  ยังมีบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผงซักฟอกรายใหญ่อีกจ้าวที่ต้องการจะมีชื่อของตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์เช่นกัน ( เอ...มันจะเกี่ยวหันมั้ยเนี่ย  เออน่า...อยากจะร่วมอีเว้นท์ซะอย่างก็ต้องหาเหตุให้มีเอี่ยวจนได้แหละ) นอกเหนือจากเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานแล้ว  ถือโอกาสถ่ายหนังโฆษณาชุดใหม่โดยมีประชาชนเรือนแสนร่วมแสดงด้วย   เพื่อนชาว VI คนไหนไปวิ่งมาราธอนวันนั้นก็กลายเป็นดาราไปด้วย

การเล่นกับอีเว้นท์ครั้งนี้ ทีมงานต้องเตรียมตัวอย่างละเอียด เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้หมด เพราะวิ่งแค่ครั้งเดียว  ไม่มีการวิ่งซ้ำอีก  ฉะนั้นการเก็บภาพจะต้องครบถ้วนและสมบูรณ์เพียงพอเพื่อนำไปตัดต่อ  สคริปท์จะถูกเขียนอย่างคร่าวๆ เน้นการวิ่งเป็นหลัก  ตัวแสดงนำชาย หญิง(ที่ใส่เสื้อขาวสะอาด แม้ผ่านการวิ่งมาแล้ว) จะเป็นเพียงบทสรุปตบท้ายให้เห็นถึงความสนุก  ปลื้มปิติของคนไทยที่มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งกับสะพานแขวนแห่งแรกของประเทศ  ฉากบางฉากเช่น นักแสดง  บทสัมภาษณ์จะถูกถ่ายล่วงหน้าไว่ก่อน  ขณะที่วันที่วิ่งจริง ทีมงานกระจายกล้องไปตามจุดต่างๆบนสะพาน ยิงช้อตคนวิ่งบนสะพานลงมา  อา...แล้วถ้าคนวิ่งเป็นแสนๆแล้ว  มุมกล้องแค่นี้จะรับอยู่หรือ   ทีมงานเริ่มกุมขมับ (โดยเฉพาะลูกค้า)เมื่อทางตากล้องคนเก่งขอเสนอเฮลิคอปเตอร์ช้อต ( อาศัยกล้องที่ยิงลงมาจากจากเฮลิคอปเตอร์) ซี่งจะได้มุมกว้าง เห็นคนนับแสนๆได้ สมความเกรียงไกร  ว่าแล้ว..ลูกค้าก็จำยอม  เอาก็เอา(ฟ่ะ)  เพื่อครั้งหนึ่งในชีวิต   หวังว่าคงไม่มีการวิ่งลอยฟ้าบ่อยๆนักหรอกนะ

และแล้วการถ่ายทำภาพยนตร์ชุด วิ่งลอยฟ้า  ก็ดำเนินไปเสร็จสมบูรณ์  โชคช่วยที่แดดวันนั้นไม่ร้อนเกินไป  แถมยังมีเฮลิคอปเตอร์จากหน่วยงานอื่นบินมาเก็บภาพเช่นเดียวกันจึงได้บรรยากาศของภาพยนตร์ประมาณน้องๆ Top Gun ที่ตาพระเอกทอม ครุยส์เล่น  กำลังโด่งดังในโรงขณะนั้น  

กฏข้อสำคัญของการเล่นอีเว้นท์ก็คือ  เล่นกับกระแส อารมณ์และความรู้สึกของมวลชน ณ วินาทีนั้น หากช้าไปเพียงวันสองวันก็เท่ากับสอบตก  ฉะนั้นเมื่อเก็บภาพครบแล้ว  ทีมงานก็ต้องรีบแข่งกับเวลาเอาภาพทั้งหมดไปล้างฟิลม์และตัดต่อ  อัดเสียงทันที  เพื่อให้ลูกค้าอนุมัติก่อนจะออกอากาศในคืนนั้นพร้อมๆกับรายงานช่าวภาคหัวค่ำ   ซึ่งแน่นอน   ฝ่ายมีเดียได้วิ่งล็อบบี้ขอตัวโฆษณาให้อยู่ในเบรคแรกทุกช่อง ทุกสถานีและเป็นเรื่องแรกต่อจากรายงานข่าวการวิ่งมาราธอนสะพานแขวนจบลง   ฮืมม์...งานนี้ถึงแข่งกับเวลาสุดขีดแต่ก็ดูราบรื่นผิดปกตินะ  สงสัยทีมงานจะถูกชะตากับสะพาน  เห็นทีพรุ่งนี้สะพานเปิดให้รถสัญจร  จะเอารถไปวิ่งเอาฤกษ์เอาชัย ยกมือไหว้ท่วมหัว (ใช้มือเดียว)ขอขอบคุณสักหน่อย

.....อะอะ....เค้าลางความยุ่งยากเริ่มปรากฏขึ้น เมื่อภาพยนตร์ที่ตัดต่อเสร็จหมาดๆร้อนๆฉายขึ้นจอมอนิเตอร์    ด้วยอารมณ์  โทน และภาพขณะนั้น ทีมงานเลยขอตัดฉากสำคัญอันเก่าแก่ออกไปจากความยาว 30 วินาที นั่นก็คือ  ฉากพรีเซ้นเตอร์คนคุ้นเคยขณะถือกล่องผงซักฟอก ซึ่งเป็นขนบนิยมตอนจบประจำโฆษณาทุกเรื่องของผงซักฟอกจ้าวนี้   ลูกค้าเริ่มคิ้วขมวด ถ้าไม่มีฉากเด็ดโบราณๆที่ว่า   จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นหนังโฆษณาของเรา... จะเอามัน เอาสวย เอาบรรยากาศ แต่ไม่ขายของ   ไม่ใช่สารคดีข่าวนะ คุณ   อย่างนี้...พวกคุณจ่ายค่าถ่ายหนังแล้วชื่นชมดูกันเองก็แล้วกัน (เฉพาะเฮลิคอปเตอร์ช้อตนั่นก็เป็นแสนแล้ว)

บรรยากาศชักเครียด  ฝ่ายมีเดียสาวก็โทรศัพท์เร่งยิกๆ เมื่อไหร่เทปหนังจะเสร็จยะ  ต้องเร่งส่งให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องออกอากาศคืนนี้นะ  หรือเปลี่ยนใจอยากจะออกพรุ่งนี้ยะ   ขณะที่ผู้อยู่ในวงสนทนาหน้าถอดสี  ทุกคนเงียบกริบ ทีมงานด้านเอเยนซี่ก็เลยขอประนีประนอมตัดต่ออีกเวอร์ชั่นหนึ่ง  ขายของเต็มที่ครับ  แต่ขอเวอร์ชั่นที่เพิ่งนำเสนอ( ไม่มีกล่องผงซักฟอก)  ออกอากาศสู่สายตาประชาชนคืนนี้ก่อน  เถียงกันไปเถียงกันมา  เข็มนาฬิกาก็หมุนคืบหน้าไปเรื่อยๆ   จนในที่สุด ลูกค้ากัดฟันพยักหน้าอย่างจำยอม ...(มัดมือชกนี่หว่า) แต่ไม่วายย้ำ เวอร์ชั่นที่จะใช้ตลอดไป   คนถือกล่องผงซักฟอกต้องเป็นพระเอก    ไม่งั้น...ไม่ต้องฉาย  เฮลิคอปเตอร์ช้อตก็เหอะ....ผมไม่ได้ขาย ฮ. นะคุณ

ในที่สุด คืนนั้น  ทุกคนเฝ้าจับตาดูโทรทัศน์ช่วงข่าวภาคค่ำ หลังรายงานการวิ่งมาราธอนสะพานพระราม 9 จบ  พอพักเบรคโฆษณา  นึกว่ายังมีข่าวต่อเนื่องอีกเพราะภาพที่เห็น ณ วินาทีนั้น  คือ

สะพานพระราม 9 ตระหง่านเหนือแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงเช้ามืด  แล้วแสงอาทิตย์เริ่มสาดไล้ตามส่วนต่างๆของสะพาน  ปืนยิงสลุตเสียงลั่น  เส้นขึงสะพานไหวน้อยๆ  ตัดภาพเห็นเหล่านักวิ่งค่อยๆปรากฏตัวขึ้นบนสะพาน  จนมากขึ้น มากขึ้นนับแสน เฮลิปคอปเตอร์ 2 ลำ บินเข้ามาในช้อต  สร้างเสียงและบรรยากาศให้ตื่นเต้นและขึงขังขึ้นไปอีก จนกระทั่งเหล่านักวิ่งวิ่งเสร็จผ่านทะลุเส้นชัย ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องพร้อมรอยยิ้มบนความเหน็ดเหนื่อย.....

เช่นเดียวกับรอยยิ้มโล่งใจของเหล่าทีมงานในท้ายสุด  ยังไม่ลืมความตั้งใจที่จะขับรถไปขอบคุณสะพาน ในวันรุ่งขึ้น

หลังจากนั้นก็กลายเป็นประเพณีของการเปิดสะพานใหม่ทุกที่ ก็ต้องมีวิ่งเอาฤกษ์เอาชัย  แต่ความทรงจำของชาวกรุงเทพและฝั่งธนฯยังจดจำครั้งแรกของการวิ่งมาราธอนบนสะพานแขวนได้เสมอ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอแปะ ความรู้สึกและความประทับใจของเหล่านักวิ่งมาราธอนสะพานพระราม9 ตามกระทู้นี้ครับ

http://www.healthcorners.com/2007/webbo ... rt=0&page=

พร้อมรูป

รูปภาพ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

และก็สืบค้นมาได้ว่า เพื่อนๆชาว VI หลายคนที่นี่ก็ได้เข้ากล้องเป็นดาราของภาพยนตร์ชุด วิ่งลอยฟ้านี้ด้วยครับ

ขออนุญาตเอามาแปะให้รับรู้กันอีกครั้ง

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... f75166bac0 :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับ

ท่านกูรู มีอะไรดีๆมาให้อ่านเสมอ

เขียนต่อไปนะครับ "สู้เขา ทาเคชิ!" อิอิ
รักในหลวงครับ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

Raphin Phraiwal เขียน:ขอบคุณครับ

ท่านกูรู มีอะไรดีๆมาให้อ่านเสมอ

เขียนต่อไปนะครับ "สู้เขา ทาเคชิ!" อิอิ
ได้แรงเชียร์จากคุณ Raphin Phraiwal อย่างนี้ สู้ตายเล้ย :lol:

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
BOONPARUEY
Verified User
โพสต์: 184
ผู้ติดตาม: 0

Re: ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 6

โพสต์

[quote="กูรูขอบสนาม"] ทราบมั้ยว่า สะพานแขวนพระราม 9 เปิดใช้มากี่ปีแล้ว   10 ปี ?


... ชื่อเรียกที่ถูกต้องตามวิศวกรรมสะพานคือ สะพานขึง มิใช่ สะพานแขวน  นะ...

:D
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท "  พุทธตรัส ...
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 7

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

... ชื่อเรียกที่ถูกต้องตามวิศวกรรมสะพานคือ สะพานขึง มิใช่ สะพานแขวน  นะ... 

ขอบคุณครับ  เออ..ได้เห็นคุณ Boonparuey แสดงความคิดเห็นบ้าง  โขกโต๊ะบ่อยๆไม่เจ็บหรือคร้าบ..แซวเล่น

พอมีความรู้มั้ยครับว่า บ้านเรามีสะพานแขวงหรือขึงกี่แห่งบ้าง
ภาพประจำตัวสมาชิก
bremner
Verified User
โพสต์: 437
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความดีๆ ที่มีให้เป็นประจำ

:bow:  :bow:  :bow:  :bow:
"What seems too high and risky to the majority generally goes higher and what seems low and cheap generally goes lower."
Dech
Verified User
โพสต์: 4596
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เข้ามาติดตามของดีๆครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณครับ
...
Verified User
โพสต์: 1817
ผู้ติดตาม: 0

Re: ย้อนยุทธ์ตอนที่ 7 เล่นกับอีเว้นท์

โพสต์ที่ 11

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน:ในที่สุด คืนนั้น  ทุกคนเฝ้าจับตาดูโทรทัศน์ช่วงข่าวภาคค่ำ หลังรายงานการวิ่งมาราธอนสะพานพระราม 9 จบ  พอพักเบรคโฆษณา  นึกว่ายังมีข่าวต่อเนื่องอีกเพราะภาพที่เห็น ณ วินาทีนั้น  คือ

สะพานพระราม 9 ตระหง่านเหนือแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงเช้ามืด  แล้วแสงอาทิตย์เริ่มสาดไล้ตามส่วนต่างๆของสะพาน  ปืนยิงสลุตเสียงลั่น  เส้นขึงสะพานไหวน้อยๆ  ตัดภาพเห็นเหล่านักวิ่งค่อยๆปรากฏตัวขึ้นบนสะพาน  จนมากขึ้น มากขึ้นนับแสน เฮลิปคอปเตอร์ 2 ลำ บินเข้ามาในช้อต  สร้างเสียงและบรรยากาศให้ตื่นเต้นและขึงขังขึ้นไปอีก จนกระทั่งเหล่านักวิ่งวิ่งเสร็จผ่านทะลุเส้นชัย ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องพร้อมรอยยิ้มบนความเหน็ดเหนื่อย.....
บรรยายได้สุดยอดมากครับ  :D
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
โพสต์โพสต์