Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิทย์
-
- Verified User
- โพสต์: 26
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 31
พี่ร็อคนั้นเก่งจริงรู้จริงในเทคนิค ใช้จิตวิทยามวลชนประกอบ ผมอ่านมาหลายปีแล้วครับ
คนเก่งไม่โม้มาก ไม่ต้องโฆษณามีแต่คนตามไปอ่านครับ แกหายไปนานเพราะพ่อและพี่สาวป่วยครับ
เพิ่งกลับมาโพสต์ไม่นาน
คนเก่งไม่โม้มาก ไม่ต้องโฆษณามีแต่คนตามไปอ่านครับ แกหายไปนานเพราะพ่อและพี่สาวป่วยครับ
เพิ่งกลับมาโพสต์ไม่นาน
- untrataro25
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 32
จะดูน่าเกลียดไหม
ถ้าจะบอกว่า อยากเห็น port คุณภาววิทย์ อ่ะครับ
ถ้าจะบอกว่า อยากเห็น port คุณภาววิทย์ อ่ะครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 33
ไม่รู้สิคับsakkaphan เขียน:ความเห็นผม
ในเมื่อหลักพื้นฐานของVI คือการซื้อหรือขายหุ้นโดยอิงอยู่บนพื้นฐานของกิจการ
แต่technicalเป็นการซื้อหรือขายหุ้นโดยอิงอยู่บน...กราฟ??
แล้วVI+technical มันจะผสมกันได้อย่างไร
มันก็แค่การเก็งกำไร ที่พูดให้มันดูดีรึป่าว?
ถ้าสมการคือ ราคา = value + อารมณ์ตลาด
technical ก็คงมาเติมเต็มส่วนที่ใช้ดูภาวะการณ์ของตลาด มั้งคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 34
แกก็สัมภาษณ์ บ่อยนะคับharikung เขียน:ยอบรับว่าหน้าตาดีครับ แต่คำถามบางทีฟังแล้วปวดตับ เหมือนพิธีกรความรู้ไม่เยอะเท่าไหร่วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:ดูแต่พิธีกร![]()
เคยสัมภาษณ์ อาจารย์นิเวศน์ กับ คุณเทพรุ่ง พร้อมกัน
ตอนนั้นไว้ผมตรง สั้นกว่านี้ ดูดีกว่านี้อีก
เป็น สสว ที่ดูดีอะคับ
(ชอบรุ่นใหญ่ ต้องใจนิ่ง เหอๆๆๆ)
show me money.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 430
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 35
ผมเคยลอง VI กับ เทคนิคพร้อมกันมาแล้ว
สุดท้ายไม่เวริ๋คเท่าไหร่ สงสัยเลยลองย้อนหลังดู ว่าทำไม ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ
สำหรับหุ้น sideway นิ่งๆ หรือหุ้น ลง เทคนิคจะได้กำไรมากกว่านิดหน่อย หรือ ขาดทุนน้อยกว่า
แต่สำหรับหุ้นเติบโต ขาขึ้น ขายหมูเกือบตลอดเลยครับ กำไรหายไปเยอะครับ
สุดท้ายไม่เวริ๋คเท่าไหร่ สงสัยเลยลองย้อนหลังดู ว่าทำไม ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ
สำหรับหุ้น sideway นิ่งๆ หรือหุ้น ลง เทคนิคจะได้กำไรมากกว่านิดหน่อย หรือ ขาดทุนน้อยกว่า
แต่สำหรับหุ้นเติบโต ขาขึ้น ขายหมูเกือบตลอดเลยครับ กำไรหายไปเยอะครับ
ปล ความเห็นส่วนตัว
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 37
ต้องเรียก อาจารย์ Rockriverarms ครับ แกพื้นฐาน แน่น ด้วยครับ คิดว่าไม่น้อยกว่า 50% ต่อปี ทบต้นครับsakkaphan เขียน:อยากทราบว่าคุณ rockriverarms ที่เน้นtechnicalเนี่ยไม่ทราบว่าพอจะทราบมั้ยครับว่าพี่เค้าทำผลตอบแทนระยะยาวได้กี่เปอร์เซนต์ทบต้นต่อปี
ลองไปอ่าน มุมมองในเว็บแกได้ครับ
- koh
- Verified User
- โพสต์: 273
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 38
อยากเห็นเหมือนกันครับuntrataro25 เขียน:จะดูน่าเกลียดไหม
ถ้าจะบอกว่า อยากเห็น port คุณภาววิทย์ อ่ะครับ
ไม่ค่อยเห็นแกพูดถึงปัจจัยพื้นฐานเลยครับ ทั้งๆที่แกบอกว่า90%ของพอร์ทเป็นแนวVI
แปลกดี
หนังสือแกเท่าที่เคยซื้ออ่าน(แล้วผิดหวัง) ก็มีแต่เรื่องจิตวิทยาแนวเทคนิค ที่หาอ่านตามเวปบอร์ดการลงทุนแนวนี้โดยทั่วๆไป ไม่ได้มีแนวคิดลึกซึ้งแต่อย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 39
ปัจจุบันที่ผมเห็นบ่อยมาก
บางเวปจะนำเสนอการซื้อขายหุ้น โดยใช้เทคนิค ดูกราฟ
แต่เวลายกตัวอย่างวาทะของคนดัง หรือ อ้างอิงผู้ที่ประสบความสำเร็จ กลับอ้างอิงถึง วอเรน บัฟเฟตต์ หรือ ดร.นิเวศน์ ฯ ซึ่งเป็นแนวทาง VI
อาจบางทีการผสมผสานระหว่าง เทคนิค และ VI คงหมายถึงวิธีการที่ผมกล่าวถึงข้างต้นนั่นเองครับ เพื่อที่คนอ่าน (โดยเฉพาะมือใหม่) จะได้เชื่อถือครับ
บางเวปจะนำเสนอการซื้อขายหุ้น โดยใช้เทคนิค ดูกราฟ
แต่เวลายกตัวอย่างวาทะของคนดัง หรือ อ้างอิงผู้ที่ประสบความสำเร็จ กลับอ้างอิงถึง วอเรน บัฟเฟตต์ หรือ ดร.นิเวศน์ ฯ ซึ่งเป็นแนวทาง VI
อาจบางทีการผสมผสานระหว่าง เทคนิค และ VI คงหมายถึงวิธีการที่ผมกล่าวถึงข้างต้นนั่นเองครับ เพื่อที่คนอ่าน (โดยเฉพาะมือใหม่) จะได้เชื่อถือครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 40
เห็น ดร.นิเวศน์ บอกในรายการประมาณว่า
ในเวลานี้ ถ้าอยากลงทุนก็ซื้อได้เลย
แต่ผมคิดว่าราคาหุ้นแต่ละตัวค่อนข้างแพงมากแล้ว
ผมเลยสงสัยนิดหน่อยเพราะ วอเรน บัฟเฟตต์ บอกว่า ให้ซื้อธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม
ในความคิดผมเลยคิดว่าถ้าทำแบบ ดร.นิเวศน์ พูด คือซื้อไปเลยไม่ต้องสนใจราคาถูกหรือแพงของหุ้น
เพื่อนๆ พี่ๆ คิดยังไงบ้างครับ ?
ในเวลานี้ ถ้าอยากลงทุนก็ซื้อได้เลย
แต่ผมคิดว่าราคาหุ้นแต่ละตัวค่อนข้างแพงมากแล้ว
ผมเลยสงสัยนิดหน่อยเพราะ วอเรน บัฟเฟตต์ บอกว่า ให้ซื้อธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม
ในความคิดผมเลยคิดว่าถ้าทำแบบ ดร.นิเวศน์ พูด คือซื้อไปเลยไม่ต้องสนใจราคาถูกหรือแพงของหุ้น
เพื่อนๆ พี่ๆ คิดยังไงบ้างครับ ?
- ilekis
- Verified User
- โพสต์: 205
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 41
ดร ไม่ได้หมายถึงว่าไม่ให้สนว่าหุ้นถูกหรือแพงครับchinny เขียน:เห็น ดร.นิเวศน์ บอกในรายการประมาณว่า
ในเวลานี้ ถ้าอยากลงทุนก็ซื้อได้เลย
แต่ผมคิดว่าราคาหุ้นแต่ละตัวค่อนข้างแพงมากแล้ว
ผมเลยสงสัยนิดหน่อยเพราะ วอเรน บัฟเฟตต์ บอกว่า ให้ซื้อธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม
ในความคิดผมเลยคิดว่าถ้าทำแบบ ดร.นิเวศน์ พูด คือซื้อไปเลยไม่ต้องสนใจราคาถูกหรือแพงของหุ้น
เพื่อนๆ พี่ๆ คิดยังไงบ้างครับ ?
แต่ให้ ไม่สนว่าตลาดแพงไปหรือยัง มากกว่านะครับ
หุ้นต้องดูครับว่าถูกหรือแพง ถ้าแพงคงไม่ควรไปซื้อ
How much can you know about yourself, you've never been in a fight?
Tyler Durden
Tyler Durden
-
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 44
nut776 เขียน:แกก็สัมภาษณ์ บ่อยนะคับharikung เขียน:ยอบรับว่าหน้าตาดีครับ แต่คำถามบางทีฟังแล้วปวดตับ เหมือนพิธีกรความรู้ไม่เยอะเท่าไหร่วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:ดูแต่พิธีกร![]()
เคยสัมภาษณ์ อาจารย์นิเวศน์ กับ คุณเทพรุ่ง พร้อมกัน
ตอนนั้นไว้ผมตรง สั้นกว่านี้ ดูดีกว่านี้อีก
เป็น สสว ที่ดูดีอะคับ
(ชอบรุ่นใหญ่ ต้องใจนิ่ง เหอๆๆๆ)
ใครพอทราบ link มั้ยครับ อยากดูสัมภาษณ์ ทั้งคู่เลย
อยากดูพิธีกรด้วย อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 45
เข้าไปตาม link http://www.dcs-digital.com/moneychannel ... p?listid=5
แล้ว click ที่ปฏิทินวันที่ 13 มีนาคม 2555 ครับ
แล้ว click ที่ปฏิทินวันที่ 13 มีนาคม 2555 ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 47
เคยไปสัมนาของบัวหลวงที่เชิญคุณภารวิทย์มาเป็นวิทยากรครับ
และอ่านหนังสือการลงทุนหุ้นคุณค่ามามากพอสมควร
ขอกล่าวดังนี้นะครับ
เมื่อตลาดเป็นขาลงแน่นอนครับไม่ว่าจะเป็นหุ้นอะไรก็ลงทั้งนั้นไม้เว้น
แม้แต่หุ้นที่เรามองว่าเป็น VI
Technical analysis มีประโยชน์มากเมื่อตลาดมีสภาวะขาลงเพราะจะทำ
ให้เราสามารถมองจุดที่เราจะเข้าซื้อหุ้น VI ที่เราต้องการได้อย่างชัดเจนมากขึ้นซึ่งก็คือ
เราจะได้ต้นทุนที่ต่ำมากขึ้นไงครับ ต้องยอมรับนะครับว่าราคาหุ้นขึ้นอยู่
กับจิตวิทยามวลชนซึ่งแสดงออกมาได้อย่างดีในทางกราฟ
และเวลาจะขายเมื่อเราวิเคราะห์แล้วว่าหุ้นตัวนั้นเต็มมูลค่าแล้ว เราอาจจะดูกราฟประกอบด้วยหาก
ว่าเป็นขาขึ้นก็ปล่อยให้ขึ้นจนสุดแล้วค่อยขายก็ได้นี่ครับ
และอ่านหนังสือการลงทุนหุ้นคุณค่ามามากพอสมควร
ขอกล่าวดังนี้นะครับ
เมื่อตลาดเป็นขาลงแน่นอนครับไม่ว่าจะเป็นหุ้นอะไรก็ลงทั้งนั้นไม้เว้น
แม้แต่หุ้นที่เรามองว่าเป็น VI
Technical analysis มีประโยชน์มากเมื่อตลาดมีสภาวะขาลงเพราะจะทำ
ให้เราสามารถมองจุดที่เราจะเข้าซื้อหุ้น VI ที่เราต้องการได้อย่างชัดเจนมากขึ้นซึ่งก็คือ
เราจะได้ต้นทุนที่ต่ำมากขึ้นไงครับ ต้องยอมรับนะครับว่าราคาหุ้นขึ้นอยู่
กับจิตวิทยามวลชนซึ่งแสดงออกมาได้อย่างดีในทางกราฟ
และเวลาจะขายเมื่อเราวิเคราะห์แล้วว่าหุ้นตัวนั้นเต็มมูลค่าแล้ว เราอาจจะดูกราฟประกอบด้วยหาก
ว่าเป็นขาขึ้นก็ปล่อยให้ขึ้นจนสุดแล้วค่อยขายก็ได้นี่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 48
ผมเคยดูคุณภาววิทย์ออกรายการทางช่องวอยซ์เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว เห็นเค้าบอกว่าเคยยืมเงินแม่ 20 ล้านบาทไปทำธุรกิจร้านอาหาร แต่ไม่ค่อยจะรุ่ง แล้วต่อมาก็ลงทุนในหุ้นแล้วก็ใช้หนี้ 20 ล้านที่ยืมแม่มาเรียบร้อยแล้ว ส่วนพอร์ตตอนนี้ก็...untrataro25 เขียน:จะดูน่าเกลียดไหม
ถ้าจะบอกว่า อยากเห็น port คุณภาววิทย์ อ่ะครับ
Find good companies at bargain prices
-
- Verified User
- โพสต์: 100
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 49
[quote="untrataro25"]จะดูน่าเกลียดไหม
ถ้าจะบอกว่า อยากเห็น port คุณภาววิทย์ อ่ะครับ[/quote]
มีพี่คนหนึ่งที่รู้จักกัน บอกว่า Port คุณภาววิทย์มีเงินหลัก 10 ล้านครับ (แต่ไม่รู้กี่สิบล้าน)แต่ที่แน่ๆยังไม่ถึง 100 ล้านครับ
หุ้นหลักๆเป็นหุ้นใหญ่ๆ เช่นสื่อสาร แบงค์ น้ำมัน ที่ทราบเพราะแกเชียร์บ่อยๆ ข้อมูลเมื่อต้นปีนะครับ
ถ้าจะบอกว่า อยากเห็น port คุณภาววิทย์ อ่ะครับ[/quote]
มีพี่คนหนึ่งที่รู้จักกัน บอกว่า Port คุณภาววิทย์มีเงินหลัก 10 ล้านครับ (แต่ไม่รู้กี่สิบล้าน)แต่ที่แน่ๆยังไม่ถึง 100 ล้านครับ
หุ้นหลักๆเป็นหุ้นใหญ่ๆ เช่นสื่อสาร แบงค์ น้ำมัน ที่ทราบเพราะแกเชียร์บ่อยๆ ข้อมูลเมื่อต้นปีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 132
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 50
[quote="Benzkrub"]คลิปพวกนี้มีวิธี save เก็บไว้ได้มั้ยครับ[/quote]
http://keepvid.com
หวังว่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
วิธีการ
เมื่อเจอลิงค์ VDO ที่เราสนใจ ก็ Copy ลิงค์ VDO นั้นเอาไปวางที่เว็บ http://keepvid.com/ เพื่อดาวน์โหลด
ลองดูนะครับ
http://keepvid.com
หวังว่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
วิธีการ
เมื่อเจอลิงค์ VDO ที่เราสนใจ ก็ Copy ลิงค์ VDO นั้นเอาไปวางที่เว็บ http://keepvid.com/ เพื่อดาวน์โหลด
ลองดูนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 51
เทคนิคบางทีผมว่ามันก็ช่วยในช่วงที่เทรนมันเปลี่ยนจริงๆเช่นช่วงวิกฤต2008ถ้าเกิด ศก.ไม่ฟื้นเร็วอย่างงี้เหล่าviเกือบทั้งหมดตอนนี้ก็ลบกันไปคนละ30-50เปอร์อะผมคิดว่างั้นส่วนพวกเทคนิคเขาคงชิงขายก่อนที่จะลงหนักๆผมคิดว่างั้นส่วนในเรื่องของการขายเทคนิคน่าจะมีข้อด้อยคือขายหมูง่ายกว่าVIน่าได้เปรียบกว่าเรื่องการขายสมมุติหุ้นAคำนวณราคาพื้นฐานไว้ที่10บาทพอราคามาถึง10พอดีบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเราก็ประเมินใหม่ว่ามูลค่าน่าจะมากกว่า10บาทเราก็ไม่ขายแต่บังเอิญช่วงนั้นตลาดมีการปรับฐานลงมาจากหุ้น10บาทร่วงลงมา7บาทพวกเล่นเทคนิคบางทีเห็นเทรนราคามันเปลี่ยนเขาก็อาจจะขายมาก่อนส่วนVIยังมั่นใจในกิจการก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรก็ยังถือ ผมคิดว่ามันก็มีทั้งดีและเสียแล้วแต่ใครจะชอบแบบไหนแค่นั้นละครับ
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2748
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 52
[quote="untrataro25"]จะดูน่าเกลียดไหม
ถ้าจะบอกว่า อยากเห็น port คุณภาววิทย์ อ่ะครับ[/quote]
เริ่มลงทุนปี 2008 (2551) หลังวิกฤติพอดี โดยเข้าไปซื้อหุ้น BBL ที่คนในครอบครัวเป็นผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าได้ใช้ข้อมูลวงในของธนาคารหรือเปล่า เพราะเจ้าตัวอ้างว่าคนในครอบครัวบอกว่าธุรกิจไม่เจ๊งแน่นอน เงินที่ลงทุนเป็นเงินของครอบครัว
จากนั้นก็ขายไปแล้วลงทุนอีกครั้งในปี 2009 (2552) โดยซื้อ ADVANC, PTT, PTTAR, IRPC, TOP, BLA แล้วถือจนถึงต้นปี 2010 (2553)
ในปี 2011 (2554) เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ในกรุงเทพธุรกิจว่าได้ผลตอบแทน "เท่ากับดัชนี" โดยหุ้นในพอร์ตนั้นมีประมาณ 10 ตัว เช่น ADVANC, PTT, PTTEP, IRPC, BBL, KK
เจ้าตัวบอกว่าเริ่มซื้อหุ้น BBL ที่ราคา 59 บาท ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงปลายปี 2008 ดัชนีจะอยู่ราวๆ 380-390 จุด ขณะที่ดัชนีตลาด SET เทียบจากเวลานั้นจนถึงปลายปี 2012 อยู่ที่ราวๆ 1400 จุด คิดเป็นการเติบโต 37.6% ต่อปีแบบทบต้น ไม่รวมปันผล
ส่วนผลตอบแทนของคุณภาววิทย์ ผมเองลองประเมินจากหุ้นที่เจ้าตัวบอกว่าถือไว้ ในช่วงเวลาต่างๆ ตัวเลขจะมากกว่าหรือน้อยกว่าตลาดแค่ไหน ลองประเมินกันดูนะครับ
ข้อมูลจาก
- http://sakejitta.blogspot.com/2011/11/b ... _7526.html
- http://www.pawawit.com/2010/01/port.html
ถ้าจะบอกว่า อยากเห็น port คุณภาววิทย์ อ่ะครับ[/quote]
เริ่มลงทุนปี 2008 (2551) หลังวิกฤติพอดี โดยเข้าไปซื้อหุ้น BBL ที่คนในครอบครัวเป็นผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าได้ใช้ข้อมูลวงในของธนาคารหรือเปล่า เพราะเจ้าตัวอ้างว่าคนในครอบครัวบอกว่าธุรกิจไม่เจ๊งแน่นอน เงินที่ลงทุนเป็นเงินของครอบครัว
จากนั้นก็ขายไปแล้วลงทุนอีกครั้งในปี 2009 (2552) โดยซื้อ ADVANC, PTT, PTTAR, IRPC, TOP, BLA แล้วถือจนถึงต้นปี 2010 (2553)
ในปี 2011 (2554) เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ในกรุงเทพธุรกิจว่าได้ผลตอบแทน "เท่ากับดัชนี" โดยหุ้นในพอร์ตนั้นมีประมาณ 10 ตัว เช่น ADVANC, PTT, PTTEP, IRPC, BBL, KK
เจ้าตัวบอกว่าเริ่มซื้อหุ้น BBL ที่ราคา 59 บาท ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงปลายปี 2008 ดัชนีจะอยู่ราวๆ 380-390 จุด ขณะที่ดัชนีตลาด SET เทียบจากเวลานั้นจนถึงปลายปี 2012 อยู่ที่ราวๆ 1400 จุด คิดเป็นการเติบโต 37.6% ต่อปีแบบทบต้น ไม่รวมปันผล
ส่วนผลตอบแทนของคุณภาววิทย์ ผมเองลองประเมินจากหุ้นที่เจ้าตัวบอกว่าถือไว้ ในช่วงเวลาต่างๆ ตัวเลขจะมากกว่าหรือน้อยกว่าตลาดแค่ไหน ลองประเมินกันดูนะครับ
ข้อมูลจาก
- http://sakejitta.blogspot.com/2011/11/b ... _7526.html
- http://www.pawawit.com/2010/01/port.html
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 54
การผสมผสานระหว่าง VI กับ Technical น่าจะเป็น การลงทุนแบบ C-A-N-S-L-I-M นะครับ ซึ่ง ดร.นิเวศน์ เึคยพูดถึงเหมือนกันในรายการ moneytalk สักตอนนึงที่จัดที่ห้องประชุมตลาดหลักทรัพย์ ตอนไม่นานมานี้ ซื้อดร.บอกว่า ก็เป็นวิธีที่น่าจะดี ผมเลยลองหาข้อมูลดู เลยขอยกบทความของ พี่วิบูลย์ พึุงประเสริฐ มาให้อ่านกันครับ
วิลเลียม โอนิล (William O’Neil) เริ่มงานเป็นนายหน้าขายหลักทรัพย์ในปี 1958 สามปีที่เขาทำงานกับบริษัทนี้ เขาได้เรียนรู้การบริหารกองทุนรวมที่เด่นๆในขณะนั้น เขาได้ค้นพบว่ากองทุนเหล่านี้ประสบผลสำเร็จก็เพราะเลือกซื้อหุ้นที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ หรือทางเทคนิคเคิลเรียกว่า “breaking out” หุ้นหลายตัวที่มีลักษณะแบบนี้มักจะปรับตัวสูงขึ้นต่อมากกว่า 100%
โอนิล ได้เลียนแบบการลงทุนแบบนี้ ภายในหนึ่งปีผ่านไปเขาสามารถเพิ่มเงินของเขาจาก 5,000 เหรียญ เป็น 200,000 เหรียญ เขาเป็นผู้จัดการกองทุนที่จัดว่ามีผลการดำเนินงานดีเด่นในยุค 60 เลยทีเดียว และเป็นผู้บุกเบิกการเลือกหุ้นโดยอาศัยข้อมูลทางสถิติ และบริษัทของเขาก็ยังคงให้บริการข้อมูลเหล่านี้แก่ผู้ลงทุนจนทุกวันนี้
ผลการดำเนินงานของเขามีทั้งขึ้นและลง โดยเฉพาะในช่วงที่หลังการปรับตัวที่ดีของตลาดหุ้นในช่วงยุค 60 ผลตอบแทนที่ได้รับจะอยู่ในอัตราเฉลี่ย 40% ในรอบสิบปี หุ้นที่เขาลงทุนแล้วประสบความสำเร็จอย่างมากเป็นหุ้นบริษัทยาซินเท็ค (SYNTEX) บริษัทนี้เป็นบริษัทแรกที่ผลิตยาคุมกำเนิด ขณะนั้นบริษัทประกาศผลกำไรโตขึ้นถึง 300% ราคาหุ้นปรับตัวจาก 100 เหรียญ เป็น 550 เหรียญ ทำให้เขามีกำไรมากพอที่จะเริ่มธุรกิจส่วนตัว ปัจจุบันเขาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทที่ปรึกษาของเขาเองตั้งอยู่ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
วิธีการและแนวทางการลงทุนของเขาคล้ายๆกับ จิม สแลตเตอร์ เขาให้ส่วนผสมของข้อมูลเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณเป็นเกณฑ์ในการเลือกหุ้นลงทุน แนวคิดที่สำคัญในการลงทุนคือ “มองหาหุ้นที่โตเร็วที่มีศักยภาพที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง” นั้นคือ ซื้อหุ้นเมื่อบริษัทแข็งแกร่ง ขายออกเมื่อบริษัทอ่อนแอลง
เขาแนะนำนักลงทุนให้ใช้แนวทาง 7 ประการในการลงทุน โดยมีตัวย่อ C-A-N-S-L-I-M ดังนี้
C = ผลกำไรไตรมาสก่อน (Current quarterly earnings) มองหาบริษัทที่เพิ่งประกาศผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 40-500%
A = กำไรต่อปีเพิ่มขึ้น (Annual earnings increases) มองหาบริษัทที่มีความเติบโตติดต่อกัน 5 ปี โดยมีอัตราเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 25% ต่อปี ถ้าหุ้นมีลักษณะอย่างนี้เราไม่จำเป็นต้องสนใจ P/E Ratio ซึ่งช่วงของ P/E อาจจะอยู่ที่ 20 ขึ้นไป
N = สินค้าใหม่ ทีมบริหารใหม่ จุดสูงสุดใหม่ (New products, new management, new highs) หุ้นที่ดีมักจะมีเรื่องราวใหม่ๆอยู่เบื้องหลังมัน เช่น สินค้าใหม่ที่น่าสนใจ หรือ ผู้บริหารคนใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดจุดสูงสุดใหม่
S = อุปสงค์ และ อุปทาน (Supply and demand) หากหุ้นที่มีขนาดเล็กมีปริมาณการซื้อขายสูงๆ จะทำให้โอกาสที่ราคาหุ้นจะถูกขับเคลื่อนสูงขึ้นได้
L = ผู้นำ และ ผู้ตาม (Leaders and laggards) เลือกลงทุนในหุ้นที่มีความเข้มแข็งในอันดับต้นของหมวดนั้นๆ สัก 2-3 บริษัท หุ้นเหล่านี้มักจะปรับตัวดีกว่าหุ้นอื่นๆในหมวดเดียวกันในอัตรา 80-90% ภายใน 12 เดือน อยู่ให้ห่างหุ้นที่ปรับตัวแย่ลงในระยะ 7 เดือน
I = ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบัน (Institutional sponsorship) หาให้ได้ว่าหุ้นตัวใดที่นักลงทุนสถาบันนิยมซื้อ หากเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนดีและนักลงทุนสถาบันยังมีอยู่น้อย เราอาจจะนำมาเป็นหุ้นที่เราจะเข้าซื้อ
M = ทิศทางของตลาด (Market direction) ตรวจสอบตลาดทุกวันเพื่อหาสัญญาณของการปรับตัวลง และให้ระวังการเข้าซื้อในขณะนั้น
เขาแนะนำให้ทำการขายหุ้นตัดขาดทุนเมื่อหุ้นนั้นตกลงต่ำกว่า 7-8% จากราคาที่ซื้อมาโดยไม่ต้องมีคำถาม และให้ขายหุ้นที่ขึ้นไม่ถึง 20% ภายใน 13 สัปดาห์ ให้ถือหุ้นที่ขึ้นเกิน 20% ภายใน 4-5 สัปดาห์ หุ้นพวกนี้มักจะเป็นหุ้นที่ทำกำไรมากที่สุด
ในกรณีที่หุ้นที่ซื้อมาและมีการปรับตัวขึ้น 25% อย่างรวดเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าอาจจะมีข่าวดี ทำให้นักลงทุนในตลาดแห่กันเข้าเก็บหุ้นอย่างเร่งร้อน เราควรรีบทำกำไรเช่นเดียวกัน
“C-A-N-S-L-I-M” 7 เคล็ดลับ “วิลเลียม โอนิล”
Value Way
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
วิลเลียม โอนิล (William O’Neil) เริ่มงานเป็นนายหน้าขายหลักทรัพย์ในปี 1958 สามปีที่เขาทำงานกับบริษัทนี้ เขาได้เรียนรู้การบริหารกองทุนรวมที่เด่นๆในขณะนั้น เขาได้ค้นพบว่ากองทุนเหล่านี้ประสบผลสำเร็จก็เพราะเลือกซื้อหุ้นที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ หรือทางเทคนิคเคิลเรียกว่า “breaking out” หุ้นหลายตัวที่มีลักษณะแบบนี้มักจะปรับตัวสูงขึ้นต่อมากกว่า 100%
โอนิล ได้เลียนแบบการลงทุนแบบนี้ ภายในหนึ่งปีผ่านไปเขาสามารถเพิ่มเงินของเขาจาก 5,000 เหรียญ เป็น 200,000 เหรียญ เขาเป็นผู้จัดการกองทุนที่จัดว่ามีผลการดำเนินงานดีเด่นในยุค 60 เลยทีเดียว และเป็นผู้บุกเบิกการเลือกหุ้นโดยอาศัยข้อมูลทางสถิติ และบริษัทของเขาก็ยังคงให้บริการข้อมูลเหล่านี้แก่ผู้ลงทุนจนทุกวันนี้
ผลการดำเนินงานของเขามีทั้งขึ้นและลง โดยเฉพาะในช่วงที่หลังการปรับตัวที่ดีของตลาดหุ้นในช่วงยุค 60 ผลตอบแทนที่ได้รับจะอยู่ในอัตราเฉลี่ย 40% ในรอบสิบปี หุ้นที่เขาลงทุนแล้วประสบความสำเร็จอย่างมากเป็นหุ้นบริษัทยาซินเท็ค (SYNTEX) บริษัทนี้เป็นบริษัทแรกที่ผลิตยาคุมกำเนิด ขณะนั้นบริษัทประกาศผลกำไรโตขึ้นถึง 300% ราคาหุ้นปรับตัวจาก 100 เหรียญ เป็น 550 เหรียญ ทำให้เขามีกำไรมากพอที่จะเริ่มธุรกิจส่วนตัว ปัจจุบันเขาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทที่ปรึกษาของเขาเองตั้งอยู่ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
วิธีการและแนวทางการลงทุนของเขาคล้ายๆกับ จิม สแลตเตอร์ เขาให้ส่วนผสมของข้อมูลเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณเป็นเกณฑ์ในการเลือกหุ้นลงทุน แนวคิดที่สำคัญในการลงทุนคือ “มองหาหุ้นที่โตเร็วที่มีศักยภาพที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง” นั้นคือ ซื้อหุ้นเมื่อบริษัทแข็งแกร่ง ขายออกเมื่อบริษัทอ่อนแอลง
เขาแนะนำนักลงทุนให้ใช้แนวทาง 7 ประการในการลงทุน โดยมีตัวย่อ C-A-N-S-L-I-M ดังนี้
C = ผลกำไรไตรมาสก่อน (Current quarterly earnings) มองหาบริษัทที่เพิ่งประกาศผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 40-500%
A = กำไรต่อปีเพิ่มขึ้น (Annual earnings increases) มองหาบริษัทที่มีความเติบโตติดต่อกัน 5 ปี โดยมีอัตราเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 25% ต่อปี ถ้าหุ้นมีลักษณะอย่างนี้เราไม่จำเป็นต้องสนใจ P/E Ratio ซึ่งช่วงของ P/E อาจจะอยู่ที่ 20 ขึ้นไป
N = สินค้าใหม่ ทีมบริหารใหม่ จุดสูงสุดใหม่ (New products, new management, new highs) หุ้นที่ดีมักจะมีเรื่องราวใหม่ๆอยู่เบื้องหลังมัน เช่น สินค้าใหม่ที่น่าสนใจ หรือ ผู้บริหารคนใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดจุดสูงสุดใหม่
S = อุปสงค์ และ อุปทาน (Supply and demand) หากหุ้นที่มีขนาดเล็กมีปริมาณการซื้อขายสูงๆ จะทำให้โอกาสที่ราคาหุ้นจะถูกขับเคลื่อนสูงขึ้นได้
L = ผู้นำ และ ผู้ตาม (Leaders and laggards) เลือกลงทุนในหุ้นที่มีความเข้มแข็งในอันดับต้นของหมวดนั้นๆ สัก 2-3 บริษัท หุ้นเหล่านี้มักจะปรับตัวดีกว่าหุ้นอื่นๆในหมวดเดียวกันในอัตรา 80-90% ภายใน 12 เดือน อยู่ให้ห่างหุ้นที่ปรับตัวแย่ลงในระยะ 7 เดือน
I = ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบัน (Institutional sponsorship) หาให้ได้ว่าหุ้นตัวใดที่นักลงทุนสถาบันนิยมซื้อ หากเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนดีและนักลงทุนสถาบันยังมีอยู่น้อย เราอาจจะนำมาเป็นหุ้นที่เราจะเข้าซื้อ
M = ทิศทางของตลาด (Market direction) ตรวจสอบตลาดทุกวันเพื่อหาสัญญาณของการปรับตัวลง และให้ระวังการเข้าซื้อในขณะนั้น
เขาแนะนำให้ทำการขายหุ้นตัดขาดทุนเมื่อหุ้นนั้นตกลงต่ำกว่า 7-8% จากราคาที่ซื้อมาโดยไม่ต้องมีคำถาม และให้ขายหุ้นที่ขึ้นไม่ถึง 20% ภายใน 13 สัปดาห์ ให้ถือหุ้นที่ขึ้นเกิน 20% ภายใน 4-5 สัปดาห์ หุ้นพวกนี้มักจะเป็นหุ้นที่ทำกำไรมากที่สุด
ในกรณีที่หุ้นที่ซื้อมาและมีการปรับตัวขึ้น 25% อย่างรวดเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าอาจจะมีข่าวดี ทำให้นักลงทุนในตลาดแห่กันเข้าเก็บหุ้นอย่างเร่งร้อน เราควรรีบทำกำไรเช่นเดียวกัน
“C-A-N-S-L-I-M” 7 เคล็ดลับ “วิลเลียม โอนิล”
Value Way
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 55
MONEY TALK - ลงทุนหุ้นแบบกูรูโลก ตอนช่วงนาทีที่ 9 - 10 ครับ ที่ ดร.นิเวศน์พูดถึง จิมโอนิล กับ canslim [น่่าจะ William O’Neil]
http://www.youtube.com/watch?v=4a3sQerWP1Q
ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เราควรจะลงทุนให้ตรงกับจริตของตัวเอง กว่าจะหล่อหลอมรูปแบบที่เหมาะสมและลงตัวกับตัวเองผมว่าน่าจะต้องใช้เวลา สัก 5-10 ปี เป็นอย่างน้อย สำหรับผมเพิ่งเริ่มลงทุนได้ 2 ปี ก็ยังพยายามหาแนวทางที่ตรงกับจริตของตัวเองอยู่เหมือนกันครับ เป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกท่านครับ
http://www.youtube.com/watch?v=4a3sQerWP1Q
ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เราควรจะลงทุนให้ตรงกับจริตของตัวเอง กว่าจะหล่อหลอมรูปแบบที่เหมาะสมและลงตัวกับตัวเองผมว่าน่าจะต้องใช้เวลา สัก 5-10 ปี เป็นอย่างน้อย สำหรับผมเพิ่งเริ่มลงทุนได้ 2 ปี ก็ยังพยายามหาแนวทางที่ตรงกับจริตของตัวเองอยู่เหมือนกันครับ เป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกท่านครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
โพสต์ที่ 57
เข้า money channel ได้ครับ ดูที่ชมรายการย้อนหลัง จะมีรายการ money talk weekly อยู่ึครับ
สำหรับใน ยูทูป ดร.ไพบูลย์ บอกว่าจะลงเฉพาะตอนที่มีประโยชน์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เน้นเฉพาะที่สำคัญๆ
เพราะ money talk weekly ส่วนใหญ่จะสัมภาษณ์ ผู้บริหารซะเยอะ ซึ่งจุดนี้ ท่านจะไม่ได้เอามาลงใน youtube ครับ
ก็มี Facebook money talk ให้ติดตามได้ครับ รู้สึกว่าจะมีกระทู้ที่บอกลายแทง ของรายการอยู่ด้วยลองหาดูตามนี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... k&start=90
สำหรับใน ยูทูป ดร.ไพบูลย์ บอกว่าจะลงเฉพาะตอนที่มีประโยชน์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เน้นเฉพาะที่สำคัญๆ
เพราะ money talk weekly ส่วนใหญ่จะสัมภาษณ์ ผู้บริหารซะเยอะ ซึ่งจุดนี้ ท่านจะไม่ได้เอามาลงใน youtube ครับ
ก็มี Facebook money talk ให้ติดตามได้ครับ รู้สึกว่าจะมีกระทู้ที่บอกลายแทง ของรายการอยู่ด้วยลองหาดูตามนี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... k&start=90