เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 1
นอกจากหนังสือที่เปรียบเหมือนไบเบิลของชาว VI อย่าง หนังสือของ Warrent Buffet, Benjamin Graham, Peter Lynch, ดร. นิเวศน์ แล้ว เพื่อนๆมีหนังสือด้านการลงทุนเล่มไหนที่ดีๆ อยากแนะนำบ้างครับ ช่วยแชร์ให้ผมและเพื่อนท่านอื่นที่เป็นหนอนหนังสือรักการอ่าน เป็นวิทยาทานด้วยนะครับ
ส่วนตัวผมมีหนังสือจะนำเสนอ เผื่อเพื่อนๆท่านใดสนใจ อยากลองอ่านหนังสือด้านการลงทุนเล่มอื่นนอกเหนือ จากไบเบิลด้านบนนะครับ
1. Reminiscence of the Stock Operator
เล่มนี้เป็นอัตชีวประวัติของ Jesse Livermore นักลงทุนระดับตำนาน ที่ผมแอบเอาชื่อเค้ามาเป็น ID Livermore ไม่ใช่นักลงทุนแนว VI แต่ประสบการณ์ลงทุนของเค้าน่าสนใจและมีประโยชน์สำหรับนักลงทุนทุกคน ที่สำคัญอ่านสนุก หนังสือเล่มนี้ มันทำให้ผมนึกถึงหนังแนว Catch me if you can จากเด็กที่ไม่มีอะไร อาศัยมันสมอง เล่ห์เหลี่ยม สร้างตัวจนโด่งดังคับวอลสตรีท
2. How to Make Money in Stocks แต่งโดย William J. O'Neil
อีกหนึ่งเทพแห่งวงการลงทุนยุคปัจจุบัน ต้นตำหรับการลงทุน CANSLIM ที่เพื่อนๆ VI บางท่านนำมาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ธุรกิจ Investor's Business Daily
3. Fooled by Randomness แต่งโดย Nassim Taleb
เจ้าของแนวคิด Back Swan อันโด่งดัง ซึ่งเป็นแนวคิดที่พูดถึง เหตุการณ์ที่มีความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้นต่ำ แต่มีผลกระทบอย่างรุนแรงในการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงในตลาดการเงิน พร้อมทั้งนำเสนอความจริงผ่านเรื่องเล่า ว่าในบางครั้งโลกก็ไม่ยุติธรรม คนที่โง่กว่าก็อาจประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ฉลาดกว่าได้ เพราะอะไรๆในโลกล้วนแล้วแต่อนิจจัง (Fooled by Randomness)
ส่วนตัวผมมีหนังสือจะนำเสนอ เผื่อเพื่อนๆท่านใดสนใจ อยากลองอ่านหนังสือด้านการลงทุนเล่มอื่นนอกเหนือ จากไบเบิลด้านบนนะครับ
1. Reminiscence of the Stock Operator
เล่มนี้เป็นอัตชีวประวัติของ Jesse Livermore นักลงทุนระดับตำนาน ที่ผมแอบเอาชื่อเค้ามาเป็น ID Livermore ไม่ใช่นักลงทุนแนว VI แต่ประสบการณ์ลงทุนของเค้าน่าสนใจและมีประโยชน์สำหรับนักลงทุนทุกคน ที่สำคัญอ่านสนุก หนังสือเล่มนี้ มันทำให้ผมนึกถึงหนังแนว Catch me if you can จากเด็กที่ไม่มีอะไร อาศัยมันสมอง เล่ห์เหลี่ยม สร้างตัวจนโด่งดังคับวอลสตรีท
2. How to Make Money in Stocks แต่งโดย William J. O'Neil
อีกหนึ่งเทพแห่งวงการลงทุนยุคปัจจุบัน ต้นตำหรับการลงทุน CANSLIM ที่เพื่อนๆ VI บางท่านนำมาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ธุรกิจ Investor's Business Daily
3. Fooled by Randomness แต่งโดย Nassim Taleb
เจ้าของแนวคิด Back Swan อันโด่งดัง ซึ่งเป็นแนวคิดที่พูดถึง เหตุการณ์ที่มีความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้นต่ำ แต่มีผลกระทบอย่างรุนแรงในการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงในตลาดการเงิน พร้อมทั้งนำเสนอความจริงผ่านเรื่องเล่า ว่าในบางครั้งโลกก็ไม่ยุติธรรม คนที่โง่กว่าก็อาจประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ฉลาดกว่าได้ เพราะอะไรๆในโลกล้วนแล้วแต่อนิจจัง (Fooled by Randomness)
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 2
1) 16 สูตรสำเร็จ รวยด้วยหุ้น โดย ตะวัน สุรัติเจริญสุข
เล่มเดียวครบตั้งแต่เกร็งกำไรยันVI สรุปมาดีครับ
2) กุญแจ 5 ดอกของการลงทุน แบบเน้นคุณค่า แปลมาจากต้นฉบับชื่อ 5 Keys to Value Investing เขียนโดย J. Dennis Jean-Jacques ผู้เรียบเรียงคือ คุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข
กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า สามารถสรุปคร่าวๆ ได้ดังต่อไปนี้
กุญแจดอกที่หนึ่ง: บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ดีหรือไม่
กุญแจดอกที่สอง: มูลค่าที่เหมาะสมของบริษัทนี้อยู่ที่เท่าไหร่
กุญแจดอกที่สาม: ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าสนใจหรือไม่
กุญแจดอกที่สี่: ตัวเร่ง (Catalyst) ที่มีประสิทธิภาพมีโอกาสเกิดขี้นแค่ไหน
ส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of Safety)
กุญแจดอกที่สี่นี่ผมว่าสำคัญนะ ถ้าวิเคราะห์ตัวเร่งได้แม่นๆ และมันเร่งจริงๆนี่ 10 เด้งก็ไม่ยาก
3)คอลั่มเด็กแนวเล่าหุ้น ดูตรงหุ้นแอบชอบ จะมีหุ้นแปลกๆที่รอดหูรอดตาเรามาให้วิเคราะห์
4)หนังสือธรรมะ
เห็นไตรลักษณ์ของราคาหุ้นว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และควบคุมไม่ได้ไปตามเหตุปัจจัย
เล่มเดียวครบตั้งแต่เกร็งกำไรยันVI สรุปมาดีครับ
2) กุญแจ 5 ดอกของการลงทุน แบบเน้นคุณค่า แปลมาจากต้นฉบับชื่อ 5 Keys to Value Investing เขียนโดย J. Dennis Jean-Jacques ผู้เรียบเรียงคือ คุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข
กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า สามารถสรุปคร่าวๆ ได้ดังต่อไปนี้
กุญแจดอกที่หนึ่ง: บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ดีหรือไม่
กุญแจดอกที่สอง: มูลค่าที่เหมาะสมของบริษัทนี้อยู่ที่เท่าไหร่
กุญแจดอกที่สาม: ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าสนใจหรือไม่
กุญแจดอกที่สี่: ตัวเร่ง (Catalyst) ที่มีประสิทธิภาพมีโอกาสเกิดขี้นแค่ไหน
ส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of Safety)
กุญแจดอกที่สี่นี่ผมว่าสำคัญนะ ถ้าวิเคราะห์ตัวเร่งได้แม่นๆ และมันเร่งจริงๆนี่ 10 เด้งก็ไม่ยาก
3)คอลั่มเด็กแนวเล่าหุ้น ดูตรงหุ้นแอบชอบ จะมีหุ้นแปลกๆที่รอดหูรอดตาเรามาให้วิเคราะห์
4)หนังสือธรรมะ
เห็นไตรลักษณ์ของราคาหุ้นว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และควบคุมไม่ได้ไปตามเหตุปัจจัย
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 4337
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 3
the zurich axioms by max gunther ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
the intelligent investor by graham พรชัย รัตนนนทชัยสุข
the new buffettology by mary buffett พรชัย รัตนนนทชัยสุข
john neff on investing by john neff. s. l. mintz กุศยา ลีฬหาวงศ์
beating the street by peter lynch,john rothchild พรชัย รัตนนนทชัยสุข
value investing made easy by janet lowe พรชัย รัตนนนทชัยสุข
the little book of value investing by christopher h. browne เทพ รุ่งธนาภิรมย์
the psychology of investing by john r.nofsinger พรชัย รัตนนนทชัยสุข
the intelligent investor by graham พรชัย รัตนนนทชัยสุข
the new buffettology by mary buffett พรชัย รัตนนนทชัยสุข
john neff on investing by john neff. s. l. mintz กุศยา ลีฬหาวงศ์
beating the street by peter lynch,john rothchild พรชัย รัตนนนทชัยสุข
value investing made easy by janet lowe พรชัย รัตนนนทชัยสุข
the little book of value investing by christopher h. browne เทพ รุ่งธนาภิรมย์
the psychology of investing by john r.nofsinger พรชัย รัตนนนทชัยสุข
-
- Verified User
- โพสต์: 1120
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 6
ถ้ามือใหม่อยากให้เริ่มอ่านหนังสือ ดร.นิเวศน์ ก่อนครับอาจจะเน้นไปที่ตีแแตกเพื่อเอาพื้นฐานความคิดก่อนครับ นอกเหนือจากนี้ลองเข้าไปดูใน FB ของผมได้ครับ หนังสือส่วนมากมีแปลไทยนะครับ ลองหาดูจาก SE-Ed ได้ครับ
http://www.facebook.com/album.php?id=58 ... aid=262421
http://www.facebook.com/album.php?id=58 ... aid=262421
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 7
ขอถามหน่อย ถ้าเคยอ่านเล่มที่สาม (จนเอามาพูดถึง/แนะนำ) ยังจะแนะนำเล่มที่ 1-2 อีกเหรอครับ ok เล่มที่ 1 มันอาจจะนิยายไปหน่อย แต่รู้ได้ยังไงว่า เล่มที่ 2 มันไม่ใช่แค่เรื่องเล่าของ a lucky fool ?J.Livermore เขียน:นอกจากหนังสือที่เปรียบเหมือนไบเบิลของชาว VI อย่าง หนังสือของ Warrent Buffet, Benjamin Graham, Peter Lynch, ดร. นิเวศน์ แล้ว เพื่อนๆมีหนังสือด้านการลงทุนเล่มไหนที่ดีๆ อยากแนะนำบ้างครับ ช่วยแชร์ให้ผมและเพื่อนท่านอื่นที่เป็นหนอนหนังสือรักการอ่าน เป็นวิทยาทานด้วยนะครับ
1. Reminiscence of the Stock Operator
2. How to Make Money in Stocks แต่งโดย William J. O'Neil
3. Fooled by Randomness แต่งโดย Nassim Taleb
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่แนะนำหนังสือเข้ามานะครับ แล้วผมจะลองไปหาอ่านดูครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 9
คือหนังสือเล่มที่ 3 ไม่ได้บอกว่าโชคกำหนดทุกอย่างนะครับ ผมคิดว่าผู้แต่งต้องการชี้ให้เห็นถึง ความไม่แน่นอน (Randomness) ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย แต่ส่งผลกระทบแบบพลิกชีวิต โดยเรื่องเล่าสมมติ คือ เพื่อนบ้าน 2 คนอยู่รั้วติดกัน คนหนึ่งเป็นคนที่ฉลาดแต่ออกแนว Conservative เพราะเข้าใจและให้ความสำคัญกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ เพื่อนบ้านอีกรายฉลาดน้อยกว่า (ตามเนื้อเรื่อง) เป็นแนว Aggressive และเน้นที่ผลตอบแทนสูงสุดเป็นสำคัญ ซึ่งในช่วงเวลาปกติ เพื่อนบ้านที่ Aggressive จะประสบความสำเร็จในชีวิตสูงกว่า และพูดจาดูแคลน เพื่อนบ้านที่ Conservative แต่แล้ว วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันขึ้นในตลาดเงิน ราคาสินทรัพย์ดำดิ่งแบบหยุดไม่อยู่ สุดท้าย ตามคอนเซปนิยายน้ำเน่า คือ พระเอกชนะ ผู้ร้ายก็พ่ายแพ้ โดยคนที่ Aggressive ก็หมดตัว ตกงาน (ในหนังสือไม่ได้ใช้คำว่า Conservative กับ Aggressive นะครับ แต่ผมยกขึ้นมาเพราะน่าจะเข้าใจง่าย และถูกต้องมากกว่าคำว่า ฉลาดกว่ากับโง่กว่า)simplelife เขียน:ขอถามหน่อย ถ้าเคยอ่านเล่มที่สาม (จนเอามาพูดถึง/แนะนำ) ยังจะแนะนำเล่มที่ 1-2 อีกเหรอครับ ok เล่มที่ 1 มันอาจจะนิยายไปหน่อย แต่รู้ได้ยังไงว่า เล่มที่ 2 มันไม่ใช่แค่เรื่องเล่าของ a lucky fool ?J.Livermore เขียน:นอกจากหนังสือที่เปรียบเหมือนไบเบิลของชาว VI อย่าง หนังสือของ Warrent Buffet, Benjamin Graham, Peter Lynch, ดร. นิเวศน์ แล้ว เพื่อนๆมีหนังสือด้านการลงทุนเล่มไหนที่ดีๆ อยากแนะนำบ้างครับ ช่วยแชร์ให้ผมและเพื่อนท่านอื่นที่เป็นหนอนหนังสือรักการอ่าน เป็นวิทยาทานด้วยนะครับ
1. Reminiscence of the Stock Operator
2. How to Make Money in Stocks แต่งโดย William J. O'Neil
3. Fooled by Randomness แต่งโดย Nassim Taleb
เรื่องเล่าสมมติ ก็ใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริงที่ กองทุน Long Term Capital Management ซึ่งอุดมไปด้วยนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล นักคณิตศาสตร์ขั้นเทพ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงแรก แต่สุดท้ายเจอเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นแค่ 1 ใน 10000 หรือ 1 ใน 1000000 จนต้องปิดกองทุนไป จะเห็นได้ว่า ความไม่แน่นอนในตลาดเงิน สามารถสร้างคุณประโยชน์อนันต์ หรือ โทษมหันต์ ให้กับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนฉลาด คนโง่ คนใจถึง คนอนุรักษ์นิยม
กลับมาที่คำถามของคุณ โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่า การที่เราจะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ มันมีปัจจัย 3 ส่วนเป็นตัวกำหนด
1. Format หรือ กลยุทธ์ที่เหมาะสม ซึ่งแต่ละคนก็มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่า แนวทางการลงทุนแบบ VI เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุดในระยะยาว โดยเฉพาะการคาดหวัง Return 10% - 30% ต่อปี
2. สภาพแวดล้อมการลงทุนในช่วงเวลานั้น ซึ่ง Jesse Livermore ใช้คำว่า General Condition ซึ่ง ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ ก็ย่อมมีกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมแตกต่างกันไป ในภาวะตลาดหมี ซึ่งกินเวลา 5-10 ปี การลงทุนแนว VI ก็สามารถให้ผลตอบแทนต่ำกว่าแนวทางอื่นเช่นกัน และอาจทำให้บางคนหมดตัวก็ได้ ถ้านักลงทุนมองอนาคตของบริษัทแค่ 1-2 ปี
3. โชควาสนา ถ้ามองในเชิงคณิตศาสตร์ ก็คือ Randomness หรือ Residual ในสมการ Regression ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ผมคิดว่าไม่มีนักลงทุนคนไหนหรอกที่บอกสามารถคาดการณ์การลงทุนได้ 100% ทุกคนตัดสินใจจากพื้นฐานข้อมูลที่ตนเองวิเคราะห์มาอย่างดีที่สุด แต่อนาคตเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ มีปัจจัยอีกมากมายที่นักลงทุนไม่สามารถประเมินได้ ดังนั้น คนเราจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด โชควาสนาย่อมมีผลแน่นอน
การอ่านหนังสือและการศึกษาความรู้ด้านการลงทุน จะช่วยเสริมสร้างและพัฒนาการทักษะของเราในส่วนของปัจจัยที่ 1 และ 2 ส่วนปัจจัยที่ 3 เป็นเครื่องเตือนใจ ไม่ให้เราประมาทความไม่แน่นอนในตลาดทุน และไม่ยกตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมากไป ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อันใดเลย
ผมไม่ใช่คนเก่ง และก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ก็พยายามจะพัฒนาตนเอง และก็อยากแลกเปลี่ยนความรู้ ความเห็นกับเพื่อนๆนักลงทุนด้วยกัน ทั้งในด้านพื้นฐานบริษัทและความรู้การลงทุนครับ นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เราแลกเปลี่ยนกันได้ ส่วนเงินในกระเป๋าไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ของใครก็ของมันนั่นแหละครับ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 10
แปลว่าอะไรครับ "ถ้าเคยอ่านเล่มที่สาม (จนเอามาพูดถึง/แนะนำ) ยังจะแนะนำเล่มที่ 1-2 อีกเหรอครับ"simplelife เขียน:ขอถามหน่อย ถ้าเคยอ่านเล่มที่สาม (จนเอามาพูดถึง/แนะนำ) ยังจะแนะนำเล่มที่ 1-2 อีกเหรอครับ ok เล่มที่ 1 มันอาจจะนิยายไปหน่อย แต่รู้ได้ยังไงว่า เล่มที่ 2 มันไม่ใช่แค่เรื่องเล่าของ a lucky fool ?J.Livermore เขียน:นอกจากหนังสือที่เปรียบเหมือนไบเบิลของชาว VI อย่าง หนังสือของ Warrent Buffet, Benjamin Graham, Peter Lynch, ดร. นิเวศน์ แล้ว เพื่อนๆมีหนังสือด้านการลงทุนเล่มไหนที่ดีๆ อยากแนะนำบ้างครับ ช่วยแชร์ให้ผมและเพื่อนท่านอื่นที่เป็นหนอนหนังสือรักการอ่าน เป็นวิทยาทานด้วยนะครับ
1. Reminiscence of the Stock Operator
2. How to Make Money in Stocks แต่งโดย William J. O'Neil
3. Fooled by Randomness แต่งโดย Nassim Taleb
"รู้ได้ยังไงว่า เล่มที่ 2 มันไม่ใช่แค่เรื่องเล่าของ a lucky fool ?"
คือว่างง ว่าเล่มที่3มันcover 2เล่มแรกเหรอครับ หรือว่าอย่าเสียเวลาไปอ่านมันครับ ถ้ามันดีจะได้ไปหามาอ่านครับ
เล่มแรกกำลังอ่านอยู่ในมือ เล่มสองอ่านคร่าวๆแล้ว อยากรู้ว่ามันแนวเดียวกันไหมจะได้หามาอ่านต่อ
สำหรับเล่มสองผมว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเล่าของ a lucky fool นะ มันเป็นคัมภีร์ของผมเลยนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1475
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 11
ผมว่าระบบขายของคุณ O'Neil ที่บังคับต้อง cut loss แน่นอน เขาจะรักษาความมั่งคั่ง ไม่เกิด black swan จนต้องล้มละลายครับsimplelife เขียน: ขอถามหน่อย ถ้าเคยอ่านเล่มที่สาม (จนเอามาพูดถึง/แนะนำ) ยังจะแนะนำเล่มที่ 1-2 อีกเหรอครับ ok เล่มที่ 1 มันอาจจะนิยายไปหน่อย แต่รู้ได้ยังไงว่า เล่มที่ 2 มันไม่ใช่แค่เรื่องเล่าของ a lucky fool ?
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 12
ผมก็ชอบอ่านหนังสือ และผมก็เป็นLivermorianเหมือนกันครับ แลกเปลี่ยนความรู้กันได้ครับ ผมชอบแชร์ความรู้(ถ้าผมรู้)แต่น้อยคนจะฟังผม ไม่แน่นะถ้าความเห็นตรงกันเรามาสร้างทีมทศกัณฑ์แบบพี่หมอศรรามก็ได้นะ ผมชอบไอเดียทีมทศกัณฑ์J.Livermore เขียน:การอ่านหนังสือและการศึกษาความรู้ด้านการลงทุน จะช่วยเสริมสร้างและพัฒนาการทักษะของเราในส่วนของปัจจัยที่ 1 และ 2 ส่วนปัจจัยที่ 3 เป็นเครื่องเตือนใจ ไม่ให้เราประมาทความไม่แน่นอนในตลาดทุน และไม่ยกตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมากไป ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อันใดเลย
ผมไม่ใช่คนเก่ง และก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ก็พยายามจะพัฒนาตนเอง และก็อยากแลกเปลี่ยนความรู้ ความเห็นกับเพื่อนๆนักลงทุนด้วยกัน ทั้งในด้านพื้นฐานบริษัทและความรู้การลงทุนครับ นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เราแลกเปลี่ยนกันได้ ส่วนเงินในกระเป๋าไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ของใครก็ของมันนั่นแหละครับ :lol:
ผมแนะนำให้อ่าน"Trade Like an O'neil Disciple"ของ Gil Morales&Dr. Chris Kacher ลองอ่านดูแล้วมาถกกันครับ หลายคนหลายมุมมองอ่านคนเดียวอาจพลาดมุมมองที่สำคัญไปได้ เวลาอ่านหนังสือจบแล้วผมชอบสรุปแล้วเอามาสอนเพื่อนครับ เพราะการที่เราจะสอนใครได้เราต้องหัดมองให้รอบด้านเผื่อพวกถามจะได้ตอบได้ ทำให้การอ่านเรามีประสิทธิภาพ สุดท้ายการที่เราได้ถ่ายทอดไปความรู้ที่เรากลั่นออกมาแล้ว มันจะผ่านสมองและเราก็จะจำไปจนตาย งัดออกมาใช้ได้ทุกเมื่อครับ
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 13
ขอออกตัวก่อน ว่าอ่านนานแล้ว ขี้เกียจเดินไปรื้อมาดู จำได้แค่ว่าอ่านยาก แต่เท่าที่จำได้J.Livermore เขียน:คือหนังสือเล่มที่ 3 ไม่ได้บอกว่าโชคกำหนดทุกอย่างนะครับ ผมคิดว่าผู้แต่งต้องการชี้ให้เห็นถึง ความไม่แน่นอน (Randomness) ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย แต่ส่งผลกระทบแบบพลิกชีวิต โดยเรื่องเล่าสมมติ คือ เพื่อนบ้าน 2 คนอยู่รั้วติดกัน คนหนึ่งเป็นคนที่ฉลาดแต่ออกแนว Conservative เพราะเข้าใจและให้ความสำคัญกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ เพื่อนบ้านอีกรายฉลาดน้อยกว่า (ตามเนื้อเรื่อง) เป็นแนว Aggressive และเน้นที่ผลตอบแทนสูงสุดเป็นสำคัญ ซึ่งในช่วงเวลาปกติ เพื่อนบ้านที่ Aggressive จะประสบความสำเร็จในชีวิตสูงกว่า
Nassim Taleb พยายามบอกครับว่าเหตุการณ์บางอย่างที่เราเห็น ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำ จริงๆแล้วอาจจะเป็นแค่ randomness ก็ได้ อย่างเรื่องเพื่อนบ้าน (บท 1?) เรื่องมันคือว่าคนที่ 2 ได้ผลตอบแทนดีกว่า เพราะว่าโชคครับ และมันก็โชคดีได้หลายๆครั้งต่อๆกันด้วย จนในที่สุดแล้วโชคดีก็หมดลงและโดนไล่ออกครับ ที่ว่าโชคดีไม่ได้บอกว่าโอกาสการชนะน้อยกว่าแพ้นะครับ มีการยกตัวอย่างว่า ถ้ามีนักลงทุน 10,000 คน ซื้อหุ้นโดยมีโอกาสกำไร/ขาดทุนเท่าๆกัน 50% ทุกปี ถ้าขาดทุนปีไหนก็จบ ถ้ากำไรก็ลงทุนต่อไป ผ่านไป 6 ปี เชื่อหรือไม่ว่ายังมีนักลงทุนเหลือเกิน 150 คน ที่กำไรมาได้ 6 ปีติดต่อกัน ทั้งหมดด้วยความฟลุ๊กล้วนๆ
Nassim Taleb บอกว่าบางครั้งเราเชื่อกับการ back testing ข้อมูลในอดีตเกินไป พยายามหาสาเหตุมาอธิบายอดีต พยายามเอาเหตุการณ์ในอดีตมาพยากรณ์อนาคต ทั้งๆที่มันอาจจะเป็นม่านลวงตา มองเห็น pattern จากความ random ครับ กลับมาที่ CANSLIM ผมถึงลองถามดูไงครับ ว่าเราพิสูจน์ได้จริงๆหรือเปล่า ว่าการประสบความสำเร็จ CANSLIM มันเป็นความสำเร็จจริงๆ หรือมันเป็นแค่ความโชคดีหลายๆครั้งติดๆกัน research ที่ออกมาเพื่อจะหาผลสรุปอะไรก็ไม่มี ที่สำคัญมนุษย์เรายังมี bias ที่ทำให้เรามองแต่คนที่สำเร็จจากระบบ มากกว่าคนที่ล้มเหลวจากมัน ถ้าเชื่อ Taleb ไม่ว่าระบบจะเป็นยังไง randomness ก็อาจจะทำให้มี winner เผลอๆ big winner ได้ทั้งนั้นแหละครับ ทั้งหมดจากความ random ที่เราไม่ได้ิคิดถึง ในหนังสือเรียกว่า lucky fool ครับ
อันนี้ขอเสริมหน่อย เห็นหลายๆท่านชอบลงทุนหุ้นตัวเดียว 100% หรือแม้แต่ใช้ margin ด้วย เรื่อง cutloss ป้องกัน black swan นี่ สมมติว่า black swan ที่ว่าคือเหตุการณ์เหมือน SECC หรืออย่าง ITV หรืออย่าง เรื่อง cutloss ที่ 8% ก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ครับ
ขอตอบแค่นี้ก่อนครับ ดึกมากๆแล้ว ยังไม่ได้นอนเลย
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 14
ผมลองเข้าไปดู Review ในเวบไซต์แล้วครับ น่าสนใจดี ขอบคุณนะครับ แล้วจะลองไปซื้อมาอ่านครับ ในส่วนของกลุ่มทศกัณฑ์ คือ กลุ่มแนวไหนครับ ต้องขอโทษด้วย ผมอาจยังไม่ได้เข้ามาเล่นเวบบอร์ดบ่อยนัก เลยยังไม่รู้จัก รบกวนช่วยแนะนำเพิ่มด้วยนะครับSaitthasak เขียน: ผมแนะนำให้อ่าน"Trade Like an O'neil Disciple"ของ Gil Morales&Dr. Chris Kacher ลองอ่านดูแล้วมาถกกันครับ หลายคนหลายมุมมองอ่านคนเดียวอาจพลาดมุมมองที่สำคัญไปได้
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 16
ผมดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณนะ และเห็นด้วยกับที่คุณเขียนมาทั้งหมดนะ เพียงแต่ผมมองว่าแนวคิดของ Nasim Taleb เน้นไปเหตุการณ์ในลักษณะ Back Swan นั่นคือ การพิจารณาความเสี่ยง รวมถึงแสวงหาโอกาส จากเหตุการณ์ที่มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นได้น้อย แต่มีผลกระทบรุนแรง แต่แนวคิดในลักษณะของโชคแต่เพียงอย่างเดียว หรือ การไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ น่าจะตรงกับทฤษฎี Random Walk ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในแวดวงวิชาการมากกว่า ซึ่งผมเชื่อว่า คนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นด้วยตนเอง คงไม่มีใครเชื่อในทฤษฎี Random Walksimplelife เขียน: ขอออกตัวก่อน ว่าอ่านนานแล้ว ขี้เกียจเดินไปรื้อมาดู จำได้แค่ว่าอ่านยาก แต่เท่าที่จำได้
Nassim Taleb พยายามบอกครับว่าเหตุการณ์บางอย่างที่เราเห็น ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำ จริงๆแล้วอาจจะเป็นแค่ randomness ก็ได้ อย่างเรื่องเพื่อนบ้าน (บท 1?) เรื่องมันคือว่าคนที่ 2 ได้ผลตอบแทนดีกว่า เพราะว่าโชคครับ และมันก็โชคดีได้หลายๆครั้งต่อๆกันด้วย จนในที่สุดแล้วโชคดีก็หมดลงและโดนไล่ออกครับ ที่ว่าโชคดีไม่ได้บอกว่าโอกาสการชนะน้อยกว่าแพ้นะครับ มีการยกตัวอย่างว่า ถ้ามีนักลงทุน 10,000 คน ซื้อหุ้นโดยมีโอกาสกำไร/ขาดทุนเท่าๆกัน 50% ทุกปี ถ้าขาดทุนปีไหนก็จบ ถ้ากำไรก็ลงทุนต่อไป ผ่านไป 6 ปี เชื่อหรือไม่ว่ายังมีนักลงทุนเหลือเกิน 150 คน ที่กำไรมาได้ 6 ปีติดต่อกัน ทั้งหมดด้วยความฟลุ๊กล้วนๆ
Nassim Taleb บอกว่าบางครั้งเราเชื่อกับการ back testing ข้อมูลในอดีตเกินไป พยายามหาสาเหตุมาอธิบายอดีต พยายามเอาเหตุการณ์ในอดีตมาพยากรณ์อนาคต ทั้งๆที่มันอาจจะเป็นม่านลวงตา มองเห็น pattern จากความ random ครับ กลับมาที่ CANSLIM ผมถึงลองถามดูไงครับ ว่าเราพิสูจน์ได้จริงๆหรือเปล่า ว่าการประสบความสำเร็จ CANSLIM มันเป็นความสำเร็จจริงๆ หรือมันเป็นแค่ความโชคดีหลายๆครั้งติดๆกัน research ที่ออกมาเพื่อจะหาผลสรุปอะไรก็ไม่มี ที่สำคัญมนุษย์เรายังมี bias ที่ทำให้เรามองแต่คนที่สำเร็จจากระบบ มากกว่าคนที่ล้มเหลวจากมัน ถ้าเชื่อ Taleb ไม่ว่าระบบจะเป็นยังไง randomness ก็อาจจะทำให้มี winner เผลอๆ big winner ได้ทั้งนั้นแหละครับ ทั้งหมดจากความ random ที่เราไม่ได้ิคิดถึง ในหนังสือเรียกว่า lucky fool ครับ
ในส่วนของ CANSLIM จะให้ผลดีกว่าวิธีการลงทุนอื่นรึเปล่า ผมว่าไม่มีใครสามารถหาหลักฐานหรือ Research มาตอบได้ บางครั้งการลงทุน มันก็เหมือนการฟังเพลง แต่ละคนก็ชอบฟังเพลงต่างสไตล์กัน ไม่มีถูกผิด ดีกว่าแย่กว่า เพียงแต่ต้องเหมาะกับตนเอง ขนาดแนว VI การลงทุนในลักษณะของเกรแฮม ลินซ์ หรือ บัฟเฟต ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน การนำไปประยุกต์ใช้ก็แตกต่างกัน Margin of Safety ระยะเวลาในการประเมินมูลค่า เครื่องมือทางการเงินที่ใช้ในการประเมินแต่ละคนก็แตกต่างกัน
ดังนั้น ผมจึงคิดว่า แต่ละคนก็ต้องหา Format ของตนเองให้เจอ จะนำแนวคิดของใครมาประยุกต์ใช้ก็แล้วแต่ ส่วน Randomness จะทำให้คุณเป็น Big Winner หรือ Mediocre Winner มันไม่สำคัญ ที่สำคัญขอให้เป็น Winner ไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 17
เล่มนี้มีแปลไทยครับ แต่แปลไม่ค่อยดีมากนัก แต่ถ้าเอามาอ่านควบคู่กัน น่าจะช่วยได้เยอะครับ ผมก็ทำแบบนั้นแหละ ที่จริงผมก็อ่านไม่หมดทั้งเล่มหรอกครับ เพียงแต่พยายามนำแนวคิดในหนังสือมาประยุกต์ใช้เท่านั้นBlueocean เขียน:เล่นที่ 3 Fooled by Randomness อ่านยากมากเลยครับ ภาษาอังกิดต้องแข็งหน่อย ผมอ่านไม่ไหว
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 18
ผมเคยอ่าน the zurich axioms ให้แนวคิดดีมากเลยครับ the intelligent investor ก็พยายามอ่านอยู่ แต่ยังไม่จบ เล่มหนามากเลย :lovl:yoko เขียน:the zurich axioms by max gunther ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
the intelligent investor by graham พรชัย รัตนนนทชัยสุข
the new buffettology by mary buffett พรชัย รัตนนนทชัยสุข
john neff on investing by john neff. s. l. mintz กุศยา ลีฬหาวงศ์
beating the street by peter lynch,john rothchild พรชัย รัตนนนทชัยสุข
value investing made easy by janet lowe พรชัย รัตนนนทชัยสุข
the little book of value investing by christopher h. browne เทพ รุ่งธนาภิรมย์
the psychology of investing by john r.nofsinger พรชัย รัตนนนทชัยสุข
- VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 19
เข้ามาบอกว่าชอบ การ discussion ของเพื่อนๆจังครับ
PS ขอนอกเรื่องนิด จริงๆการพิสูจน์ว่าใครเป็น lucky fool หรือเปล่านี่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะ
เช่น Bill Gates หรือ Buffet หรือ Mark Zuckerberg เป็น lucky fool หรือคนที่แค่อยู่ ถูกที่ ถูกเวลา อ่ะป่าว ยังตอบยากเลย แม้แต่ buffet ยังบอกว่าถ้าเค้าเกิด สมัยโบราณเค้าคงโดน dinosaur กินไปแล้ว้พราะเค้าทำอย่างอื่นไม่เป็นเลยจริงๆนอกจากลงทุน
PS ขอนอกเรื่องนิด จริงๆการพิสูจน์ว่าใครเป็น lucky fool หรือเปล่านี่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะ
เช่น Bill Gates หรือ Buffet หรือ Mark Zuckerberg เป็น lucky fool หรือคนที่แค่อยู่ ถูกที่ ถูกเวลา อ่ะป่าว ยังตอบยากเลย แม้แต่ buffet ยังบอกว่าถ้าเค้าเกิด สมัยโบราณเค้าคงโดน dinosaur กินไปแล้ว้พราะเค้าทำอย่างอื่นไม่เป็นเลยจริงๆนอกจากลงทุน
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 20
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=45733J.Livermore เขียน: ผมลองเข้าไปดู Review ในเวบไซต์แล้วครับ น่าสนใจดี ขอบคุณนะครับ แล้วจะลองไปซื้อมาอ่านครับ ในส่วนของกลุ่มทศกัณฑ์ คือ กลุ่มแนวไหนครับ ต้องขอโทษด้วย ผมอาจยังไม่ได้เข้ามาเล่นเวบบอร์ดบ่อยนัก เลยยังไม่รู้จัก รบกวนช่วยแนะนำเพิ่มด้วยนะครับ
concept คือ ดูหุ้นคนเดียวก็2ตา ถ้ารวมกลุ่มคนที่มีแนวความคิดแบบเดียวกัน หลายตา มันก็เป็นพลังอย่างน่าอัศจรรย์ใจครับ
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย portfolio manager ของโอนีล ที่เป็น livermorian เพิ่งออกไปเปิดบริษัทเป็นที่ปรึกษาการลงทุน MoKa Investors, LLC ปี2009
http://www.virtueofselfishinvesting.com/
อ่านง่ายกว่า Reminiscence of the Stock Operator หลายเท่า ผมไม่ใช่คนชอบอ่านภาษาอังกฤษยังอ่านรู้เรื่อง ส่วนReminiscence of the Stock Operator นี่เปิดดิกทุกพารากราฟเลย ผมชอบTrade Like an O'neil Discipleเพราะ simple but effective ครับ
ถ้าชอบโอนีลทำไมไม่อ่านยกชุดไปเลย เวลาจะแกะรอยหยักของคนๆหนึ่งผมจะอ่านทุกเล่มเพื่อให้ได้ไอเดียหรือหัวใจว่าคนๆนั้นเค้าคิดยังไง ถึงแม้มันจะคล้ายๆกัน แต่อย่าลืมว่าไอ้นั่นแหละคือสิ่งที่เค้าต้องการจะสื่อเค้าถึงย้ำแล้วย้ำอีก
อ่านแล้วPMมาถกกันก็ได้ครับ เผื่อได้มุมมองเพิ่ม เชื่อไหมว่าบางเล่มผมอ่านหลายรอบ แต่ละรอบก็ได้มุมมองต่างไป เพราะประสบการณ์trade ในตลาดทำให้เราเข้าใจและเห็นภาพจริงมากขึ้น ซึ้งเลยกับคำที่เค้าเล่าว่างั้นเถอะ
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 21
ผมมองว่าจริงๆแล้ว CANSLIM ก็ใช้หลักการเดียวกับVIในการเลือกหุ้นGrowthแต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันครับ เพราะมุมมองเรื่องราคาต่างกัน VI เน้นMargin of Safety ดังนั้นPE ก็ต้องต่ำไว้ก่อน แต่โอนีลเค้าไม่แคร์ยิ่งราคาสูงยิ่งเป็นการคอนเฟริมว่ามันเป็นของดีจริง ในมุมมองเค้ามันก็undervalueเหมือนกันครับ และเนื่องจากเค้าเป็นคนชอบจับตาดูพฤติกรรมตลาด ทำให้เค้าเห็นtiming ในรูปแบบpattern และpatternเหล่านั้นมันแสดงอาการของคนเริ่มไม่อยากขาย พอมีคนยังอยากซื้อมันก็เลยขึ้น และจุดที่ปลอดภัยที่สุดก็คือนิวไฮครับ เพราะเป็นจุดที่คนอยากซื้อมากกว่าคนอยากขายครับJ.Livermore เขียน: ในส่วนของ CANSLIM จะให้ผลดีกว่าวิธีการลงทุนอื่นรึเปล่า ผมว่าไม่มีใครสามารถหาหลักฐานหรือ Research มาตอบได้ บางครั้งการลงทุน มันก็เหมือนการฟังเพลง แต่ละคนก็ชอบฟังเพลงต่างสไตล์กัน ไม่มีถูกผิด ดีกว่าแย่กว่า เพียงแต่ต้องเหมาะกับตนเอง ขนาดแนว VI การลงทุนในลักษณะของเกรแฮม ลินซ์ หรือ บัฟเฟต ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน การนำไปประยุกต์ใช้ก็แตกต่างกัน Margin of Safety ระยะเวลาในการประเมินมูลค่า เครื่องมือทางการเงินที่ใช้ในการประเมินแต่ละคนก็แตกต่างกัน
เห็นด้วยครับ อย่าลืมว่าเราลงทุนเพื่ออะไร make moneyรึปล่าว ถ้าใช่อะไรที่ตอบโจทย์เราได้ทำไมจะไม่ลองดู ผมเชื่อว่าVIก็ตอบโจทย์ได้ CANSLIMก็ตอบโจทย์ได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเราเข้าใจมันทะลุหรือปล่าวครับ ผมเองก็เพิ่งเข้าใจแก่นแท้VI ก็ตอนศึกษาCANSLIMนี่แหละJ.Livermore เขียน: ดังนั้น ผมจึงคิดว่า แต่ละคนก็ต้องหา Format ของตนเองให้เจอ จะนำแนวคิดของใครมาประยุกต์ใช้ก็แล้วแต่ ส่วน Randomness จะทำให้คุณเป็น Big Winner หรือ Mediocre Winner มันไม่สำคัญ ที่สำคัญขอให้เป็น Winner ไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 22
น่าสนใจมากครับ
ความอดทนคือบันไดสู่ชัยชนะ
http://cway-investment.blogspot.com/
http://cway-investment.blogspot.com/
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 23
http://www.cnbc.com/id/35300031/Black_S ... t_Be_LuckyVI Wannabe เขียน:เข้ามาบอกว่าชอบ การ discussion ของเพื่อนๆจังครับ
PS ขอนอกเรื่องนิด จริงๆการพิสูจน์ว่าใครเป็น lucky fool หรือเปล่านี่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะ
เช่น Bill Gates หรือ Buffet หรือ Mark Zuckerberg เป็น lucky fool หรือคนที่แค่อยู่ ถูกที่ ถูกเวลา อ่ะป่าว ยังตอบยากเลย แม้แต่ buffet ยังบอกว่าถ้าเค้าเกิด สมัยโบราณเค้าคงโดน dinosaur กินไปแล้ว้พราะเค้าทำอย่างอื่นไม่เป็นเลยจริงๆนอกจากลงทุน
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
- VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 24
:lol: ตรงประเด็นเป๊ะเลยsimplelife เขียน:http://www.cnbc.com/id/35300031/Black_S ... t_Be_LuckyVI Wannabe เขียน:เข้ามาบอกว่าชอบ การ discussion ของเพื่อนๆจังครับ
PS ขอนอกเรื่องนิด จริงๆการพิสูจน์ว่าใครเป็น lucky fool หรือเปล่านี่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะ
เช่น Bill Gates หรือ Buffet หรือ Mark Zuckerberg เป็น lucky fool หรือคนที่แค่อยู่ ถูกที่ ถูกเวลา อ่ะป่าว ยังตอบยากเลย แม้แต่ buffet ยังบอกว่าถ้าเค้าเกิด สมัยโบราณเค้าคงโดน dinosaur กินไปแล้ว้พราะเค้าทำอย่างอื่นไม่เป็นเลยจริงๆนอกจากลงทุน
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 25
หงสา จอมราชันย์
...............................
อย่าเรียกมันว่าการ์ตูน
...............................
อย่าเรียกมันว่าการ์ตูน
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 625
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 26
ไปดูในห้องคุณน้อง Sarut เลยครับ
"มือใหม่อยากลงทุนหุ้นแนว VI ต้องอ่านหนังสืออะไรบ้างมาดูกันครับ"
http://forum.sarut-homesite.net/index.p ... c=3212.345
"มือใหม่อยากลงทุนหุ้นแนว VI ต้องอ่านหนังสืออะไรบ้างมาดูกันครับ"
http://forum.sarut-homesite.net/index.p ... c=3212.345
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 27
เท่าที่ดูคุณ J.Livermore อ่าน ผมมีความเห็นดังนี้
1. Canslim นั้นเป็นกรอบแนวคิดที่ดีสำหรับการเลือกหุ้น ผมกราบ อ.โอนีล เป็นอาจารย์ แต่ในบางครั้งเป็น darkside ของการลงทุน ซึ่งบางครั้งหากเรา apply ไปใช้โดยไม่ระวังจะทำให้กรอบแนวคิด หรือ paradigm ความคิดของเรากลายเป็นนักเก็งกำไรโดยเราไม่รู้ตัว ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร แต่ก็อยากให้ จขกท ถามใจตัวเองว่า กี่เปอร์เซ็นต์ของเราเป็นนักเก็งกำไร และกี่เปอร์เซ็นต์เป็นนักลงทุน *อีกครั้งนะครับ จะลงทุนหรือเก็งกำไรก็ไม่ได้ผิดอะไร ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไร ส่วนตัวก็พยายามทำ paradigm shift อยู่ และผมศรัทธาแนวคิดแบบ CANSLIM
2. หนังสือของ น้าซิม เทเล็ป ส่วนตัวไม่ชอบครับ ย้ำนะครับว่าไม่ชอบ (ไม่ใช่ไม่ดีหรือดี) แต่ไม่ชอบ ไม่ใช่เพราะเค้าว่าวิจารณ์บัฟเฟตต์ แต่เพราะเค้าเอาคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ ความน่าจะเป็นมาอธิบาย โดยไม่ผสมผสานหลักเกณฑ์ทางสถิติเข้ามา ทำไม คนที่เป็นถึง university professor ไม่รู้เหรอ ว่าความน่าจะเป็นเดี่ยว ๆ มันใช้ตัดสินอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าอาศัยหลักสถิติหรือประชากรศาสตร์เข้ามาจะอธิบายเรื่องความน่าจะเป็นได้ จริงอยู่ หากเอาลิงมาหลายล้านตัวมาจิ้มแป้นพิมพ์ดีด ลิงบางตัวอาจพิมพ์มหากาพย์ออกมาได้ แล้วไง! แล้วมันทำซ้ำได้มั๊ย มันเป็น outlier หรือเป็น อะไรกันแน่ คนลงทุนหลายล้านคนจะเป็นบัฟเฟตต์ซักคน ผมว่าก็ไม่แปลก แต่อีกหลายคนจะเป็น ลินซ์ ขึ้นมา หรือเป็น โอนีล หรือเป็น โซรอส หรือเป็น โอ๊ย อีกมากมาย นั่นมิใช่เพราะเหตุบังเอิญแต่เพียงอย่างเดียว พูดแล้วโกรธในฐานะที่เป็น แฟนคณิตศาสตร์ อย่างผมโกรธครับ มันไม่จำเป็นเลยว่านักคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ จะต้องเก่งการลงทุน ไม่จำเป็นเลยว่าเค้าจะต้องเก่งจิตวิทยา แต่เค้าเก่งคณิตศาสตร์พอมั๊ย นิวตันไง ไอแซคนิวตั้น ที่คิด นิวเมอริคับเมทธอท โดยเฉพาะ นิวตัน-ราฟสัน เมทธอท ปัจจุบัน solver ใน Excel ยังใช้อยู่เลย! มันกี่ปีมาแล้วนั่น และรู้มั๊ยว่านิวตัน นั้นเจ๊งหุ้น เจ๊งเลย ผมเคยเขียนไว้ ไว้ไปขุดมาให้อ่าน น้าซิมทำไมไม่ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์กว่านี้
ผมเสนอแบบนี้ครับถ้าน้าซิมเอาเรื่องสถิติมาเกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็น โดยเฉพาะเรื่อง population distribution ทั้งแบบ discrete event และ continuous มาใช้อธิบายพฤติกรรมของนักลงทุนจะดีกว่านี้ ผมชอบการใช้ โมเดลของมอนติคาโล ในการอธิบายพฤติกรรมของการลงทุน ผมว่ามันสมบูรณ์กว่าในการควบรวมความคิด แต่การอาศัยพฤติกรรมการพูดเก่งบวกกับคณิตศาสตร์บริสุทธ์ครับ
1. Canslim นั้นเป็นกรอบแนวคิดที่ดีสำหรับการเลือกหุ้น ผมกราบ อ.โอนีล เป็นอาจารย์ แต่ในบางครั้งเป็น darkside ของการลงทุน ซึ่งบางครั้งหากเรา apply ไปใช้โดยไม่ระวังจะทำให้กรอบแนวคิด หรือ paradigm ความคิดของเรากลายเป็นนักเก็งกำไรโดยเราไม่รู้ตัว ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร แต่ก็อยากให้ จขกท ถามใจตัวเองว่า กี่เปอร์เซ็นต์ของเราเป็นนักเก็งกำไร และกี่เปอร์เซ็นต์เป็นนักลงทุน *อีกครั้งนะครับ จะลงทุนหรือเก็งกำไรก็ไม่ได้ผิดอะไร ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไร ส่วนตัวก็พยายามทำ paradigm shift อยู่ และผมศรัทธาแนวคิดแบบ CANSLIM
2. หนังสือของ น้าซิม เทเล็ป ส่วนตัวไม่ชอบครับ ย้ำนะครับว่าไม่ชอบ (ไม่ใช่ไม่ดีหรือดี) แต่ไม่ชอบ ไม่ใช่เพราะเค้าว่าวิจารณ์บัฟเฟตต์ แต่เพราะเค้าเอาคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ ความน่าจะเป็นมาอธิบาย โดยไม่ผสมผสานหลักเกณฑ์ทางสถิติเข้ามา ทำไม คนที่เป็นถึง university professor ไม่รู้เหรอ ว่าความน่าจะเป็นเดี่ยว ๆ มันใช้ตัดสินอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าอาศัยหลักสถิติหรือประชากรศาสตร์เข้ามาจะอธิบายเรื่องความน่าจะเป็นได้ จริงอยู่ หากเอาลิงมาหลายล้านตัวมาจิ้มแป้นพิมพ์ดีด ลิงบางตัวอาจพิมพ์มหากาพย์ออกมาได้ แล้วไง! แล้วมันทำซ้ำได้มั๊ย มันเป็น outlier หรือเป็น อะไรกันแน่ คนลงทุนหลายล้านคนจะเป็นบัฟเฟตต์ซักคน ผมว่าก็ไม่แปลก แต่อีกหลายคนจะเป็น ลินซ์ ขึ้นมา หรือเป็น โอนีล หรือเป็น โซรอส หรือเป็น โอ๊ย อีกมากมาย นั่นมิใช่เพราะเหตุบังเอิญแต่เพียงอย่างเดียว พูดแล้วโกรธในฐานะที่เป็น แฟนคณิตศาสตร์ อย่างผมโกรธครับ มันไม่จำเป็นเลยว่านักคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ จะต้องเก่งการลงทุน ไม่จำเป็นเลยว่าเค้าจะต้องเก่งจิตวิทยา แต่เค้าเก่งคณิตศาสตร์พอมั๊ย นิวตันไง ไอแซคนิวตั้น ที่คิด นิวเมอริคับเมทธอท โดยเฉพาะ นิวตัน-ราฟสัน เมทธอท ปัจจุบัน solver ใน Excel ยังใช้อยู่เลย! มันกี่ปีมาแล้วนั่น และรู้มั๊ยว่านิวตัน นั้นเจ๊งหุ้น เจ๊งเลย ผมเคยเขียนไว้ ไว้ไปขุดมาให้อ่าน น้าซิมทำไมไม่ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์กว่านี้
ผมเสนอแบบนี้ครับถ้าน้าซิมเอาเรื่องสถิติมาเกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็น โดยเฉพาะเรื่อง population distribution ทั้งแบบ discrete event และ continuous มาใช้อธิบายพฤติกรรมของนักลงทุนจะดีกว่านี้ ผมชอบการใช้ โมเดลของมอนติคาโล ในการอธิบายพฤติกรรมของการลงทุน ผมว่ามันสมบูรณ์กว่าในการควบรวมความคิด แต่การอาศัยพฤติกรรมการพูดเก่งบวกกับคณิตศาสตร์บริสุทธ์ครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 28
A Day แทบจะทุกเล่มครับ
หนังสือของคุณนิ้วกลมทุกเล่ม และเช่นกันสำหรับของคุณวินทร์ เลียววาริน และ เดอะดวง
รับ the economist ทุกสัปดาห์ ส่วนใหญ่อ่านหน้าแรกๆ , section ที่สนใจ , leader ,business ฯลฯ ครับ
หนังสือของคุณนิ้วกลมทุกเล่ม และเช่นกันสำหรับของคุณวินทร์ เลียววาริน และ เดอะดวง
รับ the economist ทุกสัปดาห์ ส่วนใหญ่อ่านหน้าแรกๆ , section ที่สนใจ , leader ,business ฯลฯ ครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 29
และที่อ่านทุกวัน คือ การ์ตูน ครับ :lol:
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เพื่อนๆชาว VI อ่านหนังสืออะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ คือ ผมตั้งกระทู้ขึ้นมา ก็เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนๆในบอร์ดอ่านหนังสืออะไรกันบ้าง และมีเล่มไหนดี แนะนำอยากแชร์ แต่ที่เป็นประเด็นก็คงเป็นเล่มที่สาม Fooled by Randomness เห็นที่คุณ Simplelife ส่ง link มาให้ผมก็เข้าใจประเด็นมากขึ้น เข้าใจว่าประเด็นเรื่องพวกนี้ ค่อนข้าง Sensitive ถ้าทำให้บางท่านหมองใจไปบ้างก็ขออภัย
โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่า คนจะประสบความสำเร็จได้ มันก็ต้องมีอะไรพิเศษมากกว่าโชคหรือดวง ทั้งในด้าน IQ และ EQ สำหรับผม Soros และ Buffet ก็เก่งทั้งคู่ แต่ถามว่าใครเก่งกว่าใคร ใครโชคดีกว่าใครผมไม่รู้จริงๆ ต่อให้รู้ ผมก็คงไม่รวยขึ้น แล้วสมมติ Buffet เก่งกว่า แต่ผมคิดว่าตัวผม เหมาะกับการลงทุนแบบ Soros มากกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า ผมก็เลือกลงทุนแบบ Soros ครับ
ผมคิดว่า เนื้อหาในหนังสือ ไม่ได้เน้นไปที่ ความบังเอิญเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของแต่ละบุคคล แต่เน้นไปที่ความเสี่ยงของเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบกับชีวิตการลงทุน ซึ่งเป็นความเชื่อของ นาซิม ทาเล็บ แต่ถ้าไปอ่านหนังสือของลินซ์ ลินซ์เชื่อว่า เหตุการณ์ไม่ปกติมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่โลกก็ไม่แตก ชีวิตดำเนินต่อไป สุดท้ายราคาหุ้นก็จะกลับมาสู่พื้นฐานเดิมของมัน ก็แล้วแต่แนวคิด แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน สำหรับผม ผมไม่อยากเอาชีวิตของผมไปแขวนบนเส้นด้ายทุกครั้งที่เกิดวิกฤติ ผมจึงโน้มเอียงมาทาง ทาเล็บมากกว่า มันเป็นนิสัย+ความเชื่อส่วนตัวครับ
โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่า คนจะประสบความสำเร็จได้ มันก็ต้องมีอะไรพิเศษมากกว่าโชคหรือดวง ทั้งในด้าน IQ และ EQ สำหรับผม Soros และ Buffet ก็เก่งทั้งคู่ แต่ถามว่าใครเก่งกว่าใคร ใครโชคดีกว่าใครผมไม่รู้จริงๆ ต่อให้รู้ ผมก็คงไม่รวยขึ้น แล้วสมมติ Buffet เก่งกว่า แต่ผมคิดว่าตัวผม เหมาะกับการลงทุนแบบ Soros มากกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า ผมก็เลือกลงทุนแบบ Soros ครับ
ผมคิดว่า เนื้อหาในหนังสือ ไม่ได้เน้นไปที่ ความบังเอิญเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของแต่ละบุคคล แต่เน้นไปที่ความเสี่ยงของเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบกับชีวิตการลงทุน ซึ่งเป็นความเชื่อของ นาซิม ทาเล็บ แต่ถ้าไปอ่านหนังสือของลินซ์ ลินซ์เชื่อว่า เหตุการณ์ไม่ปกติมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่โลกก็ไม่แตก ชีวิตดำเนินต่อไป สุดท้ายราคาหุ้นก็จะกลับมาสู่พื้นฐานเดิมของมัน ก็แล้วแต่แนวคิด แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน สำหรับผม ผมไม่อยากเอาชีวิตของผมไปแขวนบนเส้นด้ายทุกครั้งที่เกิดวิกฤติ ผมจึงโน้มเอียงมาทาง ทาเล็บมากกว่า มันเป็นนิสัย+ความเชื่อส่วนตัวครับ