การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

ขุมทรัพย์ทางปัญญา แนะนำหนังสือน่าอ่านสำหรับนักลงทุน ทั้งเรื่องหุ้น การลงทุน และอื่นๆ (ท่านที่ยังโพสต์แนะนำไม่ได้ ให้โพสต์แนะนำใน ห้องนั่งเล่น (Miscellaneous เดิม) หรือ ห้อง Value Investing ผู้ดูแลจะย้ายกระทู้และมอบสิทธิ์ให้ท่านครับ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
GrandSlam
Verified User
โพสต์: 139
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ขอบคุณ คุณ PP อีกครั้ง ที่หาการบ้าน อ้อไม่ใช่ หาบทความดีๆ ที่อ่านไปก็ต้องยิ้มไปมาฝากอีกครั้ง ผมขออนุญาตแปลต่อจากกระทู้ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=42711
ขอบคุณทุกเสียงตอบรับ ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010
พวกคุณหลายๆ คนเพลิดเพลินไปกับบทบรรยายของผมก่อนหน้านี้ของ Li Lu ที่ไปกล่าวที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ขอบคุณ Joe Koster ที่ทำให้คุณสามารถดูการบรรยายล่าสุดของ Li Lu ที่ให้ในชั้นเรียนของ Bruce Greenwald ในหัวข้อการลงทุนแบบเน้นคุณค่าในเดือนเมษายน ปี 2010
อ้างถึงการลงทุนของ Berkshire ในบริษัท BYD ความจริงที่ว่า Lu ได้บริหารเงินของ Charlie Munger รวมทั้งการที่ Buffet อาจจะให้ Lu บริหารเงินของเขา ถ้าเขาต้องเกษียณ (ตามที่ Greenwald ได้บอก) นั่นทำให้ผมคิดว่า Li Lu เป็นนักลงทุนที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
สิ่งเหล่านั้นที่อยู่ในใจผม ทำให้ผมเชื่อว่ามันเป็นสายตาที่แหลมคมที่จะศึกษาเกี่ยวกับตัวเขา (Li Lu) และวิธีการของเขา ผมคิดว่าการบรรยายนี้ในปี 2010 เป็นอะไรที่สุดยอดมาก การบันทึกเสียงมีปัญหานิดหน่อยทำให้ฟังได้ยากและพวกคุณบางคนน่าจะเพลิดเพลินกับการอ่านบันทึกจากการบรรยาย นี่ไม่ใช่บทบรรยายที่ตรงเปะ แต่เป็นการประมาณในสิ่งที่เขาได้พูด จากการที่ผมได้ฟังเสียงการบรรยายมาหลายรอบ ผมคิดว่ามันใกล้เคียงมาก ผมคิดว่าคุณจะพบว่ามันพอช่วยได้และได้ประโยชน์จากการบรรยายนี้
Bruce Greenwald: Warren Buffet กล่าวว่าเมื่อเขาเกษียณ มีบุคคล 3 คนที่เขาอยากจะให้บริหารเงินของเขา คนแรกคือ Seth Klarman จาก Baupost Group ซึ่งคุณจะได้รู้จักเขาภายหลังในคอร์สนี้ คนต่อไปคือ Greg Alexander และคนที่สามคือ Li Lu เขา (Li Lu) ได้บริหารเงินของ Charlie Munger ทั้งหมด ตัวผมเองก็ได้ลงทุนนิดหน่อยกับเขาด้วยและภายในสี่ปีผลตอนแทนได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 400%
เสียงปรบมือดังขึ้น
Li Lu: มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย คือสถานที่ที่ชีวิตทั้งหมดของผมในอเมริกาได้เริ่มต้นขึ้น ในขณะนั้นผมแทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย โคลัมเบียเป็นสถานที่ที่ผมมีชีวิตใหม่ มันเป็นการเรียนในวิชาการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ทำให้ผมเริ่มอาชีพในการเป็นนักลงทุน ในขณะนั้นผมค่อนข้างเป็นกังวลเกี่ยวกับเงินกู้เพื่อการศึกษา ในขณะที่เพื่อนผมคนหนึ่งบอกผมเกี่ยวกับวิชานี้ และกล่าวว่าผมจำเป็นต้องดูการบรรยายจาก Warrant Buffet
สิ่งที่ผมได้ฟังในคืนนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมไปอย่างสิ้นเชิง เขาได้กล่าวไว้ 3 ข้อ
1. หุ้นไม่ใช่แผ่นกระดาษ มันเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของในบริษัท
2. คุณต้องมี Margin of Safety เพื่อที่ว่าถ้าคุณผิดพลาด คุณจะเสียหายไม่มาก
3. คนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น เป็นพวกเล่นระยะสั้น มันช่วยให้คุณมีกรอบในการจัดการกับความผันผวนในแต่ละวัน
นั่นคือ 3 แนวคิดที่ทรงพลังมาก ผมไม่เคยมองตลาดหุ้นแบบนั้นมาก่อนเลย ผมมองมันในแง่ลบว่าเป็นสถานที่ที่มีคนมาปั่นราคาด้วยเงินในกระเป๋า ผมจึงทุ่มเทศึกษาอย่างเข้มข้นในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับ Buffet เป็นระยะเวลา 2 ปี
2 ปีหลังจากที่ผมซื้อหุ้นตัวแรก หลังจากที่ผมเรียนจบและผมได้ทำงานที่ธนาคารเพื่อการลงทุน 1 ปี และตระหนักว่ามันเป็นความผิดพลาด ผมพยายามเริ่มตั้งกองทุนแต่ผมยังไม่มีประวัติผลงานให้ติดตาม ปีแรกที่ผมบริหารเงิน ผมขาดทุนไป 19%
การเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าหมายถึงคุณมองที่ Downside ก่อนที่จะมอง Upside ก่อนที่คุณจะเป็นนักลงทุน คุณจำเป็นต้องรู้ว่าคุณจะพลาดได้อย่างไรในเกมนี้ มันมีหลายทางที่คุณจะพลาดได้ คุณจำเป็นต้องตรวจสอบว่าคุณเป็นใคร และดูว่าคุณสามารถทำในสิ่งนั้นได้ดีหรือไม่ ถ้าคุณเคยค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่คุณสามารถทำได้ดีและชอบมันอย่างแท้จริง นั่นน่าจะเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดของคุณ คุณจะทำได้ดีกว่าคู่แข่ง ถ้าคุณสามารถทำมันด้วยความหลงใหลอย่างแท้จริง นั่นจะเป็นการเพิ่มคุณค่าได้อย่างมหาศาลให้กับตัวคุณเองตลอดช่วงเวลานั้น
กลับมาสู่เกมในการลงทุน แนวความคิดของ Margin of Safety เป็นแนวคิดที่จำเป็นในการที่จะเป็นนักลงทุนที่ดี อนาคตเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ คุณมักจะต้องจัดการกับความไม่แน่นอนเสมอๆ ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ (ส่วนใหญ่เป็นแบบหลัง) คุณต้องอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยเพื่อที่ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณจะไม่เละเป็นจุล ถ้าคุณประสบความสำเร็จในการรู้ว่าคุณกำลังอยู่กับอะไร คุณจะสามารถผ่านมันไปได้อย่างสวยงาม คนส่วนใหญ่มีปัญหากับสิ่งที่เขาไม่รู้ โลกแบ่งคนออกเป็นคนที่รู้กับคนที่ไม่รู้ ถ้าคุณเป็นฝ่ายที่รู้จริง คุณจะไม่เหนี่ยวไกแบบนักค้าหุ้นที่ Wall Street ถ้าคุณซื่อสัตย์ในความรู้อย่างแท้จริง คุณจะไม่ทำสิ่งเหล่านั้น
ชั้นเรียนนี้สอนคุณว่าคุณกำลังเล่นอยู่กับอะไร โดยเฉพาะยอมรับว่าสิ่งไหนที่คุณไม่รู้ เกมการลงทุนเป็นการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง ทุกสิ่งทุกอย่างมีผลกระทบกับการลงทุน มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คุณไม่ได้ลงทุนในอดีต แต่คุณกำลังสะสมกระแสเงินสดในอนาคต คุณต้องมีความต้องการในการค้นหาสิ่งที่คุณรู้ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ มีหลายอย่างที่ผมไม่รู้แต่มันก็ไม่มีผลกับการซื้อ เพราะผมมี Margin of Safety ไว้มาก ผมกำลังซื้อเงิน 1 เหรียญด้วยเงิน 50 เซ็นต์ ฉะนั้นถ้าสิ่งนั้นมันไม่เป็นไปตามที่คุณคิด คุณก็ยังรอด มันไม่ง่ายหรอก ธุรกิจนี้แข่งขันกันอย่างเหี้ยมโหด มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรู้ทุกอย่างและรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นแน่นอนในธุรกิจจากนี้ไป จนกว่าในที่สุดคุณต้องยอมรับจริงๆว่าอะไรที่คุณไม่รู้
การค้นหาความเฉียบคมมาจากกรอบของความคิดที่ถูกต้องและการศึกษาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายปี แต่เมื่อไหร่ที่คุณพบอย่างถ่องแท้ตลอดเส้นทางในการเรียนรู้ คุณต้องมีความกล้าที่จะไม่สนใจต่อความเห็นของคนอื่น การเป็นนักลงทุนที่ดีคุณต้องยืนหยัดได้ด้วยตัวคุณเอง คุณไม่เพียงแต่แค่ลอกการบ้านคนอื่น ไม่ช้าก็เร็วมันจะย้อนกลับมาทำร้ายคุณ ถ้าคุณไม่เข้าใจในตัวธุรกิจนั้น ถ้าราคาหุ้นตกลงมาจาก $100 เป็น $50 คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะกลับเป็น $100 หรือ $200 หรือเปล่า
มันจึงเป็นอะไรที่ยากมาก แต่มองอีกแง่มันก็ให้ผลตอบแทนที่มากเช่นกัน Warren กล่าวว่า ถ้าคุณลงทุนได้ดีเพียงแค่ 10 ครั้งตลอด 40 ปีในชีวิตการทำงาน คุณจะร่ำรวยมหาศาล มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ นี่คือสิ่งที่ทำให้การลงทุนแบบเน้นคุณค่าแตกต่างจากทุกสิ่ง
แล้วคุณจะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ได้อย่างไรล่ะ? เลือกธุรกิจที่คุณเข้าใจมันอย่างแท้จริงมาหนึ่งธุรกิจ ธุรกิจอะไรก็ได้ ขอให้เข้าใจมัน ผมบอกกับนักศึกษาฝึกงานว่า -- ลองจินตนาการตามผมว่า ถ้าญาติห่างๆ ของคุณได้เสียชีวิตลงและคุณได้รับมรดกตกทอดมาเป็นธุรกิจที่เค้าเป็นเจ้าของ 100% คุณจะจัดการกับมันอย่างไร? นี่คือสิ่งที่ต้องนึกเมื่อคุณมองดูธุรกิจใดๆ ผมแนะนำให้คุณเริ่มและทำความเข้าใจใน 1 ธุรกิจ จากภายในสู่ภายนอก วิธีนี้ดีกว่าการอบรมใดๆ ทั้งสิ้น มันไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจที่สุดยอด เป็นธุรกิจอะไรก็ได้ คุณต้องมีความรู้สึกให้ได้ว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของมัน 100% คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณสามารถทำได้ คุณจะสามารถยืนหยัดในการแข่งขันได้อย่างมาก คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้แนวคิดที่ถูกต้องตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก คนส่วนใหญ่มองมันแค่แผ่นกระดาษและซื้อๆขายๆ เพียงเพราะว่ามันซื้อขายง่าย แต่ถ้ามันเป็นธุรกิจที่คุณสืบทอดมรดกมาคุณจะไม่ซื้อๆขายๆ คุณต้องเริ่มหาความรู้อย่างจริงจังว่าธุรกิจนี้ควรดำเนินการอย่างไร มันทำงานอย่างไร ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยวิธีนี้ ในที่สุดคุณก็จะรู้ว่าธุรกิจนั้นมีมูลค่ามากเท่าไหร่
เมื่อผมเริ่มต้นธุรกิจในปี 1997 มันเป็นช่วงเวลาท่ามกลางวิกฤตการเงินที่เอเชีย ไม่กี่ปีต่อมาเกิดฟองสบู่อินเตอร์เน็ต เมื่อ 2 ปีก่อนเกิดการล่มสลายรุนแรงในช่วงปี 2007-2008 เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นร้ายแรงในรอบศตวรรษ แต่เกิดห่างกันไม่กี่ปี ทุกครั้งที่เกิด มันส่งผลกระทบกับคุณ ทรัพย์สินสุทธิหรือมูลค่าการลงทุนของคุณอาจจะลดลง 50% นี่คือช่วงเวลาที่ความเข้าใจและอารมณ์เริ่มเข้ามามีส่วนร่วม ตามสัญชาติญาณคุณต้องมั่นใจในการตัดสินใจของคุณระดับหนึ่ง และไม่โอนเอียงไปกับความคิดของคนอื่น มันไม่ง่ายหรอก แต่นี่แหละคือชีวิต มันคือสิ่งที่ให้เรามา มันเกิดขึ้นกับทุกคน อย่างน้อย 3 ครั้งที่ราคาหุ้นของบริษัท Berkshire ได้ตกลงกว่า 50% มันเคยเกิดขึ้นกับ Andrew Carnegie และ Rockefeller ด้วยเช่นกัน มันเกิดขึ้นกับทุกคน ถ้าคุณทำพลาดมันจะไม่หยุดที่ 50% แต่มันจะไปที่ 0 เลยทีเดียว
สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่เว้นแต่บริษัทที่เข้มแข็ง ดูบริษัทในอเมริกา 50 อันดับแรกสิ ทุกๆ 10 ปี ตลอดเวลา 20-40 ปีย้อนหลัง 2/3 ของบริษัทเหล่านี้ได้หายไป ผ่านไปอีก 100 ปี มันอาจจะเหลือเพียงแค่ 2 บริษัท มันเป็นอย่างนี้แหละ ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทที่เคยยิ่งใหญ่อย่าง General Motor สิ นี่คือสิ่งที่ทำไมผมถึงพูดว่าการลงทุนเป็นขั้นตอนการเรียนรู้อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นเพราะการลงทุนของคุณกำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ดังนั้นสำหรับคุณๆ ที่มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น เกมนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคุณ ระบบทุนนิยมให้รางวัลกับคนที่มีความสามารถในการจัดสรรเงิน ฉะนั้นถ้าคุณมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ นี่เป็นเกมที่สุดยอดที่สุด ถ้าคุณไม่มีแล้วละก็ ผมแนะนำว่าอย่าเล่นให้หงุดหงิด นี่คือสิ่งที่พวก Wall Street ทำ เขาไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาเลย เขาแค่เคลื่อนย้ายเงินทุน การปล่อยให้อุตสาหกรรมการเงินใหญ่โตเกินไปเป็นสิ่งที่เลวร้ายสำหรับระบบเศรษฐกิจ มันเลวร้ายพอๆ กับการเข้าบ่อนติดการพนัน ติดยา และสุรา มันเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ มันเป็นแค่การโยกย้ายความมั่งคั่งเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าได้เกิดขึ้นที่ Wall Street ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้นจงหลีกเลี่ยงมันก่อนที่คุณจะเจ็บตัว
ผมเปิดโอกาสให้ถามคำถาม
Q: Monish Pabrai ได้พูดเมื่อไม่นานมานี้ในการที่เขาลังเลที่จะลงทุนในประเทศจีนเนื่องจากการมีสมุดบัญชีหลายเล่ม และความเป็นไปได้ในการทุจริต คุณจัดการกับปัญหาเหล่านี้ในการลงทุนที่ประเทศจีนได้อย่างไร?
Li Lu: อืม คุณรู้หรือไม่ ผมว่าเขาพูดถูกนะ แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้น เพียงแค่เพื่อนบ้านคุณทุจริตก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องทุจริตด้วยนี่ นั่นคือคำถามหนึ่งที่คุณต้องถาม -- ว่าคุณสามารถเชื่อถือข้อมูลบัญชีและผู้บริหารได้หรือไม่ นี่มีผลอย่างมากต่อธุรกิจ ผมแนะนำให้คุณใช้เวลามากหน่อยในการดูปัจจัยเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังลงทุนระยะยาว
Q: ทำไมคุณตัดสินใจที่จะเข้าสู่การเป็น Venture Capital? มันแตกต่างจากการลงทุนแบบอื่นของคุณอย่างไร?
Li Lu: ผมมีความตั้งใจอยู่เสมอที่จะสร้างธุรกิจจริงๆ ขึ้นมา หลังจากที่ผมได้เริ่ม ผมรู้สึกสนุกกับมันมาก โดยรวมมันเป็นเกมที่ยากกว่าการลงทุนในหุ้นเพราะคุณต้องมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานไปทุกๆวัน และมันไม่ง่ายที่จะสร้างสุดยอดธุรกิจ ทุกๆชั่วอายุคนจะมีสุดยอดธุรกิจไม่มากที่เริ่มจากไม่มีอะไรและโดดเด่นขึ้นมาได้ในวงการนั้นๆ มันให้ผลตอบแทนที่มากกว่าในฐานะผู้ลงทุน และคุณก็น่าจะหาผู้จัดการที่เก่งกว่าคุณด้วย โดยรวมแล้วผมได้เรียนรู้เยอะมาก ผมได้เรียนรู้อย่างมากว่าธุรกิจประสบความสำเร็จ และล้มเหลวได้อย่างไร มันเป็นอะไรที่สนุกมาก ผมอาจจะแบกรับมันมาไกลเกินไป จนในที่สุดผมต้องออกจากธุรกิจหนึ่ง และแน่นอนมันคือข้อผิดพลาด
Q: ผมได้อ่านมาว่า เมื่อคุณมองอุตสาหกรรมหนึ่ง คุณดูที่ความล้มเหลวที่ร้ายแรงที่สุดของธุรกิจนั้นเพื่อที่คุณจะดูว่าคุณจะลงทุนหรือไม่ คุณช่วยอธิบายมันหน่อยได้ไหม?
Li Lu: มันต้องกลับไปเริ่มที่ความเข้าใจในตัวธุรกิจ เมื่อคุณเข้าใจแล้วถึงจะขยายไปสู่อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมหนึ่งอาจจะมีลักษณะที่แตกต่างกับอุตสาหกรรมอื่น คุณต้องเข้าใจในอุตสาหกรรมนั้นๆ ได้ดีกว่าคนอื่น หาผู้เล่นที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดในอุตสาหกรรม และดูว่าพวกเขามีผลงานอย่างไรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และถ้าผู้เล่นที่แย่ที่สุดมีผลงานที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับผู้เล่นที่ดีที่สุด นั่นบ่งบอกคุณสมบัติบางอย่างในตัวอุตสาหกรรม มันก็ไม่เสมอไปแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั้น อุตสาหกรรมบางอย่างดีกว่าอุตสาหกรรมอื่น
ดังนั้นถ้าคุณเข้าใจธุรกิจจากภายในสู่ภายนอก คุณสามารถเข้าใจในตัวอุตสาหกรรมได้ในที่สุด ถ้าคุณเข้าใจมันอย่างถ่องแท้มันจะมีประโยชน์มหาศาล ถ้าคุณเพ่งความสนใจไปยังธุรกิจที่มีความได้เปรียบในเชิงเศรษฐศาสตร์ในอุตสาหกรรมที่มีความได้เปรียบในเชิงเศรษฐศาสตร์ ที่มาพร้อมกับการบริหารที่ดี ในราคาที่เหมาะสม คุณก็มีโอกาสที่จะยังคงอยู่ได้เป็นเวลานาน
Q: คุณมีตัวอย่างเฉพาะจงหน่อยไหม?
Li Lu: ผมได้ศึกษามามากตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา อย่างที่บอก อย่าลอกการบ้านคนอื่นเพราะมันใช้ไม่ได้ผล อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังน่าตื่นเต้น ถ้าคุณดูในช่วงแรกมันเริ่มจากผู้เล่นหลายราย จากนั้นเพ่งความสนใจไปยังผู้เล่นบางรายที่มีกำไรมากๆ จากนั้นบริษัทเหล่านั้นก็แย่ลง คุณจะเห็นว่าวงจรชีวิตเปลี่ยนไปด้วยการมีผู้ผลิตรายใหม่ในประเทศจีนและอินเดียได้อย่างไร ทุกอย่างมีเหตุผล ถ้าคุณต้องการความคิดดีๆ ดูที่ General Motor จากช่วงแรก ดูทุกๆ 5 ปี และดูผลงานว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร Graham and Dodd Center คงจะรวบรวมข้อมูลและมีบทวิจารณ์บางอย่างเกี่ยวกับมัน
Bruce Greenwald: คุณต้องการให้ผมตอบคำถามนั้นไหม? ในช่วงปี 1960 ผลตอบแทนต่อเงินทุนอยู่ที่ 46% ในช่วงปี 1970 ผลตอบแทนเงินทุนอยู่ที่ 28% ในช่วงปี 1980 มันอยู่ที่ 9% ในช่วงปี 1990 มันอยู่ที่ 6% คุณอยากเดาไหมว่าตอนนี้ติดลบอยู่เท่าไหร่?
Li Lu: นั่นเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ถ้าคุณมีข้อมูลนั้น และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง นั่นจะให้ผลตอบแทนกลับมาอย่างมาก ดังนั้นแทนที่คุณจะแค่ยอมรับความคิดโดยทั่วไปว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไม่ดี ซึ่งมันไม่จริง หรือถ้าคุณบอกว่าเจ้านั่นเป็นเครื่องปั๊มเงินที่น่าทึ่ง มันก็ไม่จริงอีกเช่นกัน ดังนั้นถ้าคุณสามารถตรวจสอบข้อมูลและทำความเข้าใจมัน นั่นจะทำให้คุณได้เปรียบในการวิเคราะห์สถานการณ์ใหม่เหมือนในประเทศจีนและอินเดีย นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมกระจ่าง ความเข้าใจในสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
Q: ผมอยากถามเกี่ยวกับบริษัท BYD ผมได้ยินมาว่าคุณคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทจะนำรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในอเมริกา และอยากรู้ว่าทำไมคุณคิดเช่นนั้น?
Li Lu: นั่นอาจจะเป็นคำถามที่ควรถามกับประธานบริษัท BYD มากกว่าผม อืม ถ้าคุณกำลังพูดถึงแค่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า คุณรู้ไหมว่าหัวใจและวิญญาณของอายุการใช้งานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคือแบตเตอร์รี่ มันมีแบตเตอร์รี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และแผงควบคุมวงจร มอเตอร์ไฟฟ้ามีมากว่า 100 ปีแล้ว และระบบควบคุมก็คือซอฟแวร์ที่สามารถปรับปรุงได้ตลอดเวลา
แบตเตอร์รี่คือสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มมากที่สุด และเป็นตัวตัดสินในมูลค่าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 ปีก่อนที่รถยนต์ Model-T ได้แนะนำเข้าสู่ตลาด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานดีเซลยังดีพอไม่ จนกระทั่ง ณ วันนั้น 1/3 ของรถยนต์ที่กำลังผลิตคือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จนกระทั่ง Rockefeller สามารถสกัดน้ำมันได้ง่ายพอและใช้งานได้ Henry Ford ถึงจะสามารถทำการสันดาปได้ผล ถึงแม้จะมีอัตราการสูญเสียอยู่ที่ 85% เขาสามารถสร้างเครื่องยนต์และผลิตรถยนต์ที่ถูกพอและใช้งานได้ที่คนทั่วไปจะหาซื้อมาใช้ได้ เมื่อนั้นคุณก็พบกับผู้ชนะอย่างแท้จริง
หลายปีต่อมาถึงปัจจุบัน เรารู้ว่าวิธีการที่น้ำมันถูกเผามีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งถ้ายังคงเป็นอย่างนี้อยู่ต่อไป โลกของเราอาจจะยังอยู่ แต่พวกเราคงไม่สามารถอยู่ได้ มนุษย์เราเพิ่งจะอยู่ในโลกนี้เพียงแค่เวลาสั้นๆ เมื่อเทียบกับอายุของโลกนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ดีสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า การพัฒนาแบตเตอร์รี่ได้พัฒนาไปมากจนสามารถแข่งขันในด้านราคาและประสิทธิภาพกับรถยนต์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันได้ ดังนั้นทุกวันนี้ จากความช่วยเหลือของบริษัทอย่าง BYD ความสมดุลจึงอยู่ในระดับที่น่าพอใจสำหรับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในเรื่องประสิทธิภาพและราคา มันจะกลายเป็นสิ่งที่น่าปรารถนาในทุกๆ ที่ และในที่สุดถ้าคุณมีรถยนต์ที่ทำได้ทุกสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วละก็ มันจะขายได้ทุกที่
Q: แล้วบริษัท BYD เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมล่ะ?
Li Lu: ตลาดจะเป็นผู้ตัดสิน
Q: ใช่ -- แต่ทำไมต้อง BYD แล้วบริษัทอื่นๆ ล่ะ?
Li Lu: อืม เพราะว่าเราได้ศึกษาบริษัทอื่นๆ มาหมดแล้ว เดี๋ยวเราจะได้เห็นเมื่อผู้ชนะโผล่ออกมา ไม่ว่าเราจะคิดถูกหรือผิด
Q: ถูกต้อง แต่อะไรล่ะที่คุณถึงมองได้ถึงขั้นนี้?
Li Lu: มีคนมากมายที่สร้างสุดยอดรถยนต์ออกมาตลอด 100 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ได้ถูกกลั่นกรองมาอยู่ในระดับที่สามารถเรียนรู้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ที่ๆ เรายังคงเห็นการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วต่อเนื่องอีกมากก็คือแบตเตอร์รี่สำหรับรถยนต์ ผู้ที่กำลังเป็นผู้นำย่อมได้เปรียบมาก มีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้นำในการผลิตแบตเตอร์รี่และผลิตรถยนต์ มีแค่บริษัทเดียวเอง เพื่อที่จะนำสิ่งเหล่านี้มารวมกัน คุณต้องการคนระดับ Henry Ford นำมารวมกัน ขณะนี้ทั้งสองสิ่งจำเป็นต้องนำมารวมกัน มันไม่ใช่ขั้นตอนที่ง่ายเลย
Q: ดังนั้นคุณจึงไปที่บริษัท BYD ในปี 2005 และนำ Berkshire ไปด้วย ผมเห็นว่าคุณได้ขายหุ้น BYD ออกนิดหน่อยเมื่อสิ้นปีที่แล้ว มันแค่เป็นการปรับสมดุลหรือเปล่า? คุณพอจะบอกได้ไหมว่าคุณคิดอะไรอยู่?
Li Lu: จริงๆ แล้วผมเริ่มลงทุนในบริษัท BYD ตั้งแต่ปี 2002 ผมขายหุ้นออกไปนิดหน่อยเพราะผู้ลงทุนของเราท่านหนึ่งต้องการถอนเงินด่วน
Q: เราอ่านประวัติของคุณในอินเตอร์เน็ต ผมมีคำถามว่าคุณมีปัญหาอะไรหรือไม่ในขณะที่พยายามที่จะลงทุนในประเทศจีน?
Li Lu: ใช่ ผมมีนิดหน่อย ผมไม่ได้เห็นโรงงานของ BYD จนกระทั่งสิ้นปี 2008 ผมไม่ค่อยเข้าใจจนกระทั่งเวลานั้น นั่นทำให้คุณตั้งคำถามว่ามันคืออะไรก่อนที่คุณจะทำการลงทุน ในการลงทุนคุณต้องอยู่กับข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์แบบเพราะคุณกำลังซื้อส่วนหนึ่งของอนาคต ผมไม่ได้มีโอกาสในการได้รับข้อมูลที่มากเพราะปัญหาในเอเชีย แต่มันก็ไม่ได้หยุดผมในการตัดสินใจลงทุน ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อคุณมี Margin of Safety ที่มากพอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องย้อนกลับมาในเรื่องพื้นฐานของ Margin of Safety คุณสามารถเพิ่มความไม่แน่นอนและความไม่รู้ได้ ดังนั้นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่ามันทำให้คุณหยุดลงทุนหรือไม่?คำตอบคือไม่เลย
Q: ผมได้ทำการวิจัยในเรื่องแบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออน มาบ้าง และผมเห็นว่า BYD มีความได้เปรียบในการผลิตแบตเตอร์รี่สำหรับผู้บริโภค แต่ผมเห็นว่าแบตเตอร์รี่สำหรับรถยนต์มีความซับซ้อนมากกว่า ผมไม่คิดว่าความคิดที่ว่าการผลิตแบตเตอร์รี่สำหรับผู้บริโภคได้เก่งบวกกับผู้ผลิตรถยนต์น่าจะไปด้วยกันได้ ดังนั้นเมื่อ Buffet เริ่มๆ สนใจมันอาจจะยังน่าลงทุน แต่ปัจจุบันราคามันค่อนข้างสูง ดูไม่เหมือนหุ้นที่ดีสำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเลย และทำไมคุณจะเป็นเจ้าของมันในวันนี้อยู่อีกล่ะ?
Li Lu: อืม น่าสนใจนะ สิ่งหนึ่งที่น่าเย้ายวนในการเป็นนักลงทุนก็คือสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดเป็นส่วนหนึ่งของเกม เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์อย่าง BYD คุณเห็นหลายๆสิ่งที่ดีเกิดขึ้นอย่างไม่ได้คาดคิด Chuanfu และทีมของเขามีวัฒนธรรมที่เหลือเชื่อ ทุกๆสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเขารู้มักจะล่าช้าไปหลายปี เขาต้องเข้าสู่การผลิตแบตเตอร์รี่เพราะเขาไม่มีทางเลือก เขาไม่มีเงิน เขามีเงินแค่ 300,000 เหรียญเท่านั้น จากการลงทุนของ Venture Capital ก่อนจะทำ IPO เขาได้เงินมาจากการขาย IPO และ Buffet ให้เขา 200 ล้านเหรียญ ขณะนี้เขามีพนักงาน 160,000 คน รายได้ 6-7 พันล้านเหรียญ กำไร 500 ล้านเหรียญ มันน่าทึ่งมาก ดังนั้นเขามีความสามารถในการปรับตัวในสภาวะการแข็งขัน เขาทำให้เห็นในความสามารถซ้ำแล้วซ้ำอีก วิธีที่เขาทำระบบอัตโนมัตินั้นถูกกว่าของคนอื่นมากและมีความเสถียรมากกว่าด้วย เขายังคงทำให้ผมประหลาดใจในความเฉลียวฉลาดในการหาทางทำสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าคนอื่น สิ่งที่เขากำลังทำในขณะนี้นั้นแตกต่างจากสิ่งที่คนอื่นได้เคยทำ พอสิ้นวันคุณอาจจะดูว่าเขาทำอะไรลงไป
แล้วคุณในฐานะนักลงทุนจะดูข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ได้อย่างไร? อืม ผมแนะนำให้คุณดูสิ่งที่เขาทำสำเร็จ 8 ปีก่อนผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุก หรือแบตเตอร์รี่สำหรับโทรศัพท์มือถือ นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นอย่างไร การลงทุนในครั้งนี้ไม่ง่ายในการทำความเข้าใจเพราะมันเปลี่ยนแปลงเร็วมากและใหญ่มาก ในระดับความเร็วที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในไม่ช้า ปีนี้เขาจะจ้างนักศึกษาจบใหม่ 10,000 ตำแหน่ง 8-9 พันตำแหน่งเป็นวิศวกร ในขนาดที่เกือบจะไม่ขนานกัน นี่คือสิ่งที่ว่าทำไมการศึกษาประวัติศาสตร์ของบริษัทที่ยิ่งใหญ่จะทำให้คุณเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าอะไรกำลังจะเกิดกับ BYD ผมแนะนำให้เราเริ่มกับ GM และวิเคราะห์ผลงานทุก 5 ปี ตลอด 100 ปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะเข้าใจอย่างน้อยก็มุมหนึ่งในธุรกิจของ BYD
Q: นักลงทุนคนหนึ่งเข้ามาและกล่าวว่าการพูดคุยกับฝ่ายบริหารเป็นการเสียเวลา พวกเขาจะพูดในสิ่งที่คุณต้องการให้เขาพูด แน่นอนฟังดูเหมือนว่าคุณไม่ค่อยเชื่อ คุณล่ะคิดอย่างไร? คุณจะจ่ายพรีเมี่ยมกับธุรกิจที่มีคูคลองป้องกันหรือไม่?
Li Lu: ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว  ประเด็นในการลงทุนคือรู้ว่าอะไรที่คุณรู้และรู้ว่าอะไรที่คุณไม่รู้ คุณสามารถรู้เกี่ยวกับฝ่ายบริหารโดยไม่ต้องพบกับพวกเขา ทุกสถานการณ์แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นผมกลับมาในจุดที่ว่าถ้าคุณรู้เพียงพอในสิ่งอื่นว่ามี Margin of Safety ที่เพียงพอ ถึงแม้ว่าคุณจะพบกับฝ่ายบริหารคุณก็อาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยก็ได้ เห็นได้ชัดว่าการกระทำมีน้ำหนักมากกว่า คุณต้องการดูว่าพวกเขาได้ทำอะไรไปบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างมีค่าเท่ากัน ยิ่งคุณรู้เกี่ยวกับฝ่ายบริหารมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้ว่าพวกเขาซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาหรือไม่ พวกเขามีแรงจูงใจหรือไม่ สถานการณ์ยิ่งดีเท่าไหร่ส่วนลดก็ยิ่งมากเท่านั้น คุณต้องวิเคราะห์มันทั้งหมด กุญแจสำคัญในการวิเคราะห์มันก็คือคุณต้องถามว่า ฉันรู้ในสิ่งที่คิดว่ารู้จริงหรือเปล่า และฉันรู้ว่าสิ่งใดที่ฉันไม่รู้จริงหรือเปล่า? ถ้าคุณตอบไม่ได้ คุณก็อาจจะกำลังเล่นการพนันอยู่ก็ได้
Q: คุณต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนที่จะเข้าพบกับฝ่ายบริหาร?
Li Lu: ผมไม่มีกฎเกณฑ์กำหนดไว้ เพราะปกติผมอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับธุรกิจและผมไม่รู้อีกมากอยู่แล้ว ดังนั้นเตรียมก็เหมือนไม่ได้เตรียม ถ้าคุณอยากรู้อยากเห็นอย่างแท้จริง คุณจะต้องการเรียนรู้และศึกษามันอีกมาก ขณะที่คุณทำงานที่กองทุนบริหารความเสี่ยงหรือกองทุนรวม คุณถูกคาดหวังว่าจะเรียนรู้ธุรกิจหนึ่งๆ ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ คุณไม่สามารถเข้าใจทุกอย่างได้อย่างแท้จริงภายในหนึ่งสัปดาห์ ผมใช้เวลาถึง 10 ปี ในการเรียนรู้ และยังคงเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆเกี่ยวกับ BYD มันเป็นการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง คุณสามารถใช้เวลาชั่วชีวิตของคุณศึกษาธุรกิจหรืออุตสาหกรรม แต่ผมสามารถบอกคุณได้แทบจะทันทีว่าผมชอบธุรกิจมันหรือไม่ คุณต้องสร้างความรู้ด้วยการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่มีการเตรียมการใดๆ
Q: เมื่อไม่นานมานี้ Jim Chanos มอบวิทยานิพนธ์ให้กับเราในเรื่อง China Syndrome ว่าจะเกิดสภาวะฟองสบู่
Li Lu: อืม มันเป็นคำถามที่ใหญ่เกินไปสำหรับผม ผมไม่รู้หรอก
Q: 20 ปีก่อน คุณบอกว่าคุณได้ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมในประเทศจีน ด้วยความอยากรู้ คุณได้ท้าทายความเชื่อเดิมในเรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่าบ้างไหม?
Li Lu: อืม พื้นฐานปรัชญาการลงทุนแบบเน้นคุณค่าดีอยู่แล้ว มันมีอยู่ 3 ข้อ
1. หุ้นไม่ใช่แผ่นกระดาษ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นเจ้าของในบริษัท
2. คุณต้องมี Margin of Safety เพื่อที่ว่าถ้าคุณผิดพลาด คุณจะเสียหายไม่มาก
3. ในตลาดหุ้น คนส่วนใหญ่มองแค่ระยะสั้น มันช่วยให้คุณมีกรอบในการจัดการกับความผันผวนในแต่ละวัน
นี่เป็นวิธีการที่ชาญฉลาดมาก ดังนั้นการลงทุนที่ชาญฉลาดใดๆ ก็คือการลงทุนแบบเน้นคุณค่านั่นเอง มันมีระดับหนึ่งของปัญญาในความซื่อสัตย์ ถ้าคุณเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการวิเคราะห์ธุรกิจแล้วละก็ ผมคงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเลย
Q: คุณมีมุมมองอย่างไรกับการ long/short ในการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
Li Lu: ประเภทการลงทุนที่ทำกำไรมากที่สุดคือการลงทุนในระยะยาว คุณต้องให้เวลากับมันเพราะคุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตลาดหุ้นจะตอบสนอง ถ้าคุณพบธุรกิจที่บริหารดี พื้นฐานอุตสาหกรรมที่ดีกำลังพัดมันไปข้างหน้า คุณก็มีโอกาสที่ดี และคุณก็สามารถประหยัดค่าภาษีได้ด้วย
การ short ไม่สามารถเป็นพื้นฐานในการลงทุนระยะยาว ในเกม long -- Upside ไม่มีขีดจำกัด Downside คือ 100% แต่เกม short จะตรงกันข้าม การ short คือการยืม ดังนั้นคุณต้องการเงินและเวลาให้เข้าข้างคุณ แต่ถ้าเวลาไม่เข้าข้างคุณแล้วละก็ คุณสามารถทายถูกแต่ก็ยังเสียเงินทั้งหมด ประเภทการ short ที่ดีที่สุดเป็นการโกงชนิดหนึ่ง ในสถานการณ์นั้นฝ่ายบริหารถูกตัดสินว่าทุจริต ดูอย่าง Bernie Madoff ใช้เวลา 20 ปี คุณไม่สามารถยืมเงินได้ถึง 20 ปี ดังนั้นการ short คือเกมระยะสั้น เมื่อมันไม่เป็นไปในแนวทางของคุณ หนี้สินมากมายสามารถทำให้คุณแหลกเป็นจุล
ในทางทฤษฎีแล้ว long/short ก็ถือว่ารับได้ แต่ถ้าคุณซื้อๆ ขายๆ อยู่ตลอดเวลา คุณต้องปรับจูนให้เข้ากับทุกสิ่งที่กำลังขับเคลื่อนตลาดหุ้น ไม่มีสิ่งไหนที่เป็นพื้นฐานของธุรกิจที่แท้จริง ฉะนั้นคุณใช้เวลาทั้งหมดในการติดตามเสียงรบกวนมากกว่าการศึกษาสถานการณ์ในระยะยาว ถ้าคุณไม่สามารถเพ่งความสนใจไปในระยะยาว และใช้เวลาทั้งหมดไปกับการคิดในระยะสั้น คุณจะไม่สามารถพัฒนาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่จำเป็นในการพบกับการลงทุนที่ยิ่งใหญ่
บางครั้ง คุณจะขาดทุนอยู่ในกระดาษ แต่นี่คือส่วนหนึ่งของเกม นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงถึงปิดการ long/short คุณรู้ไหมว่าผมผ่านมา 3 วิกฤตฟองสบู่ วิกฤตการเงินเอเชีย ฟองสบู่อินเตอร์เน็ต และวิกฤตการเงินล่าสุด ความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดก็คือผมไม่สามารถเลือกหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าในบริษัทที่ผมมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะมัวแต่ไปผูกติดอยู่กับเรื่อง long/short เงินที่ผมทิ้งไว้บนโต๊ะยังคงเพิ่มขึ้น ผมยังคงจ่ายให้กับความผิดพลาดนั้น
Q: ในสภาวะตลาดกระทิง คุณประเมินสมมุติฐานของคุณใหม่อีกครั้งอย่างไร?
Li Lu: ผมไม่เคยต้องการทำกำไรจากสภาวะฟองสบู่ George Soros ทำได้ นั่นไม่ใช่เกมของผม ผมไม่ชำนาญในการเข้าใจว่ามันจะใช้เวลานานเท่าไหร่ที่ฝูงชนจะเข้ามาซื้อในสภาวะฟองสบู่ ผมลงทุนในสิ่งที่จะเพิ่มค่าไปเรื่อยๆ นั่นคือเหตุว่าทำไมเกมนี้ถึงเป็นขั้นตอนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพราะทุกสิ่งที่กระทบกับการลงทุนเปลี่ยนไปตลอด รวมถึงราคาหุ้นด้วย รวมถึงโอกาส และส่วนประกอบของธุรกิจ คุณต้องไม่หยุดเรียนรู้ เกมนี้ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย
Q: ในการลงทุนของคุณที่มุ่งในระดับระหว่างประเทศ คุณคิดอย่างไรกับการกระจายลงทุนในระดับภูมิภาค?
Li Lu: อย่างแรกเลย ผมไม่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนระหว่างประเทศ ผมเริ่มลงทุนส่วนใหญ่ในประเทศอเมริกาและแคนาดา เมื่อไม่กี่ปีมานี้ผมเพิ่งจะเริ่มเห็นโอกาสจากมัน สิ่งหนึ่งที่สุดยอดเกี่ยวกับการเป็นนักลงทุนก็คือคุณสามารถมองไปที่ไหนก็ได้และค้นพบโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากมาย คุณไม่สามารถทำได้ในฐานะ Venture Capitalist อย่างที่ผมประสบมา ดังนั้นคุณสามารถมองไปที่ไหนก็ได้เพื่อหาโอกาส ผมไม่ได้ลงทุนในภูมิภาคเพื่อการกระจายความเสี่ยง ผมมองไปยังประเทศและค่าเงินของประเทศนั้นๆ แต่นั่นไม่ใช่แรงขับในการลงทุนที่มีศักยภาพ ถ้าคุณมีพื้นฐานที่ถูกต้อง และมีภาพเศรษฐกิจมหภาคเป็นปัจจัยสนับสนุน คุณสามารถวิ่งอยู่ในกระแสใหญ่ได้
Q: แนวทางการลงทุนของคุณได้เปลี่ยนไปอย่างไร ณ วันนี้ กับวันที่คุณเริ่มก่อตั้งกองทุน?
Li Lu: หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไป โบนัสอย่างหนึ่งในวิชาชีพนี้คือคุณดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลา วิชาชีพส่วนใหญ่ เมื่อคุณอายุมากขึ้นคุณต้องออกไปจากเกม ยกตัวอย่างเช่นกีฬาที่แข่งกันอย่างสูง ถ้าคุณเป็นนักสเก็ตหรือนักยิมนาสติก หลังจากพ้นช่วงวัยรุ่นไปแล้วคุณก็หลุดออกจากเกม กับการลงทุนถ้าคุณทำในสิ่งที่ถูก คุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ ความรู้ของคุณสะสมเป็นทวีคูณ เมื่อผมมองย้อนกลับไปในทุกสิ่งที่ได้ทำลงไป ผมน่าจะทำสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างไปเล็กน้อย แต่นั่นเป็นเพราะว่าวันนี้ผมดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นถ้าคุณเข้าถึงพื้นฐานอย่างถูกต้อง เมื่อคุณโตขึ้น คุณจะดีขึ้นและดีขึ้น ขั้นตอนและความก้าวหน้านี้เหมือนกับการทบต้นของเงิน ที่จริงคุณสามารถทบต้นความรู้ได้เร็วกว่าทบต้นเงิน ถ้าคุณรักในเกมนี้อย่างแท้จริง ผมแนะนำว่าคุณอย่าเลือกเดินทางลัด มันอาจจะใช้เวลามากกว่าแต่มันตอบแทนรางวัลที่มากกว่า
Q: ข้อแตกต่างระหว่างการเป็นนักโทษทางการเมืองอันดับต้นๆ ของประเทศจีน กับผู้จัดการกองทุนกระจายความเสี่ยง (ในเรื่องความโกรธที่มีผลโดยตรงกับพวก Wall Street) ในวันนี้คืออะไร?
Li Lu: ผมไม่คิดว่าผมเป็นนักโทษ ผมไม่คิดว่าประเทศจีนคิดว่าผมเป็นนักโทษ ผมคิดว่าสิ่งที่เรากำลังทำในวันนี้ด้วยการลงทุนในบริษัท BYD ในประเทศจีน กำลังช่วยประเทศจีนอย่างแท้จริงในการมุ่งสู่ยุคใหม่แห่งความสำเร็จ BYD ได้มอบวิธีการแก้ปัญหาให้แก่ทั้งประเทศจีนและประเทศอเมริกา เพื่ออพยพจากอดีตที่เราอยู่ที่ไม่ยั่งยืนในยุคคาร์บอนที่เราอาศัยอยู่ สภาวะโลกร้อนเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรกังวล ดังนั้นประเทศจีนมีส่วนอย่างมากกับทุกคนโดยบริษัท BYD อเมริกามีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในสิ่งประดิษฐ์ และนี่คือบริษัทที่ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนที่กำลังจะสร้างสิ่งสำคัญที่มีผลอย่างมากต่อมวลมนุษยชาติด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และพลังงานแสงอาทิตย์ ราคาถูก
ในท้ายที่สุดแล้วเราจะต้องเอาพลังงานมาจากดวงอาทิตย์ พลังงานส่วนใหญ่ เกิดมาจากดวงอาทิตย์ไม่เว้นแม้แต่เชื้อเพลิงฟอสซิล (ต้นไม่ที่ตายและงอกขึ้นสู่พื้นดิน) ดังนั้นถ้าคุณสามารถรู้วิธีนำพลังงานมาจากดวงอาทิตย์และพลังงานจากพาหนะ ขณะที่ใช้แบตเตอร์รี่เก็บมันไว้อย่างไม่แพง พวกเราจะสามารถนำพลังงานกลับมาใช้ได้กับทุกสิ่ง องค์ประกอบเหล่านั้นรวมกันเป็นกุญแจที่นำไปสู่อนาคตอุตสาหกรรมของมวลมนุษยชาติที่พวกเรากำลังจะก้าวไปด้วยกัน เราไม่ได้กำหนดในใจว่าต้องเป็น BYD มันแค่เป็นอย่างนั้นเอง กับบริษัทที่ยิ่งใหญ่มันดูมีเหตุผลในการคิดย้อนไปในอดีต อย่าง Bill Gates เมื่อเริ่มก่อตั้ง Microsoft ผมไม่คิดว่าเขาจะรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะได้ตลาดไปเกือบทั้งหมด เพราะตอนนั้นมันยังไม่มีตลาด มันเหมือนกับแนวทางการลงทุนใน BYD ในแบบเดียวกัน ในที่สุด ผมคิดว่าการหาวิธีที่ไม่แพงในการเก็บพลังงานที่รับจากดวงอาทิตย์จะมีส่วนช่วยอย่างมากสำหรับประเทศจีนและอเมริกา แต่ที่กว้างกว่านั้นคือมวลมนุษยชาติของเราด้วย
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
:D
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
kanoon
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ สำนวน แปลอ่านแล้วเข้าใจเนื้อหาครบถ้วน
Tungkung
Verified User
โพสต์: 186
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากครับที่แปลมาให้อ่านกัน
Sloth
Verified User
โพสต์: 115
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
blueplanet
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
เป็นความรู้ที่สุดยอด
Blueplanet
ภาพประจำตัวสมาชิก
PrasertsakK
Verified User
โพสต์: 286
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณมากครับ ข้อมูลมีประโยชน์มาก ๆ
pornchal
Verified User
โพสต์: 1070
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 8

โพสต์

นับถือในความสามารถ ในการแปล ความมีน้ำใจ และเสียสละเวลาให้พวกเรา ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Saran
Verified User
โพสต์: 2377
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณครับ แปลได้สุดยอดจริงๆ อ่านแล้วเข้าใจเนื้อหาครบถ้วนเลย :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
st33tnw
Verified User
โพสต์: 91
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณมากครับ นับถือในน้ำใจจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณมากครับ น่าเข้าคลังกระทู้คุณค่าครับ

ขอบคุณ คุณ PP และคุณ Grandslam มากครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
pacabee
Verified User
โพสต์: 380
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอบคุณครับ เยี่ยมมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Juninho
Verified User
โพสต์: 1050
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
rerkit
Verified User
โพสต์: 177
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ขอบคุณมากๆคับ ผมอ่านแล้วตื่นเต้นมากๆเลย
BYD = พลังงานใหม่แห่งมวลมนุษย์ชาติ
Keep It Simple and Stupid.
ภาพประจำตัวสมาชิก
j21
Verified User
โพสต์: 690
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอบคุณครับ   :D
Anti-Aircraft
Verified User
โพสต์: 807
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคุณค้าบ
อย่ายอมแพ้
arica
Verified User
โพสต์: 1112
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ขอบคุณมากครับ :D
กุหลาบงามหลังฝน
Verified User
โพสต์: 1598
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 18

โพสต์

:bow:  :bow:  :bow:
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
คนคอน
Verified User
โพสต์: 883
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 19

โพสต์

:bow:  :bow:  :bow:
choosak
Verified User
โพสต์: 1487
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ขอบคุณมากๆ ครับ :D  :D  :D
ในการลงทุนระยะยาว ใครนิ่งได้มากกว่า คนนั้นชนะ
Dekfaifah
Verified User
โพสต์: 1220
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ขอบคุณครับ  :D
setmaker
Verified User
โพสต์: 215
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
naronkas
Verified User
โพสต์: 30
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ขอบคุณอย่างยิ่งครับ  :lol:
sontaya pranweerapaibul
Verified User
โพสต์: 20
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ขอบคุณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
thalucoz
Verified User
โพสต์: 658
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ขอบคุณมากครับ :lol:
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
^mUe^
Verified User
โพสต์: 213
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับ  :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ขอบคุณ สำหรับ แนวคิดดีๆ  :cool:
syj
Verified User
โพสต์: 4241
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryotaro
Verified User
โพสต์: 319
ผู้ติดตาม: 0

การบรรยายของ Li Lu ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2010 (ฉบับภา

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ที่แบ่งปันให้ครับ
โพสต์โพสต์