พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 1
ปีที่ 58 ฉบับที่ 18011 วันอังคาร ที่ 15 พฤษภาคม 2550
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้ [14 พ.ค. 50 - 04:41]
เมื่อพูดถึงโรงพยาบาลหลายคนอาจนึกถึงภาพของ เข็มฉีดยา แพทย์ และพยาบาลในห้องตรวจโรค บุคลากรที่เดินไปมาในแผนกต่างๆ เพื่อส่งเอกสารใบผลตรวจจากห้องแล็ป ฟิล์มภาพเอ็กซ์เรย์ ประวัติคนไข้ที่หนาเป็นตั้งๆ ท่ามกลางผู้ป่วยที่รอตรวจโรคจำนวนมาก ขณะที่คนอีกส่วนหนึ่งไม่ใช่ผู้ป่วย แต่เป็นคนที่ที่เดินทางมาเยี่ยมอาการของญาติ ที่พักรักษาในโรงพยาบาลตามตึกต่างๆ รวมทั้งนักศึกษาแพทย์และพยาบาลที่เดินตามอาจารย์ไปตรวจคนไข้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นภาพที่อาจจะเห็นกันเป็นปกติ กับโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศไทย
บริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการศึกษาของ บริษัท ไอดีซี ในกรณีศึกษา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เซนต์ โอลาฟ เมืองทรอนเดียม ประเทศนอร์เวย์ ผู้นำในด้านวิสัยทัศน์ของการเป็น “โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่มีการผสมผสานเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ” จากการให้สัมภาษณ์ของ นายทอร์ อินเดอร์รัก ผู้จัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รพ.เซนต์ โอลาฟ โดยแนวทางใหม่ของกรณีศึกษาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของการเป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วยชั้นเลิศ
เนื่องจากโรงพยาบาลแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่กว่า 8,000 ราย มีเตียงผู้ป่วย 950 เตียง และสามารถรักษาคนไข้ได้กว่า 413,000 รายต่อปี การลงทุนรวมประมาณ 1.5 พันล้านยูโร ที่เทียบเท่ากับเวลาในการดำเนินการสร้าง 2 ปี โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาแพทย์กว่า 1,250 ราย มาใช้สถานที่นี้ ดังนั้นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จึงมีความสำคัญ และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โรงพยาบาลสามารถปฏิบัติงานได้ และโซลูชั่นที่เติมเต็มความต้องการที่เกี่ยวข้องกับไอซีที คือ “โครงการแบบเทิร์น คีย์” ที่ได้รับการคัดเลือกและจัดการโดย บริษัท เทเลนอร์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม
เทเลนอร์เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมระบบด้านไอซีที หรือ System Integrator: SI และได้จับมือกับฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) ซิสโก้ฯ และ คาร์ดีแอ็ค เพื่อนำเสนอโซลูชั่นด้านการสื่อสาร โดยเอชพีเป็นผู้รวบรวมระบบและติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโรงพยาบาล เช่น พีซี และเซิร์ฟเวอร์ ด้าน บ.ซิสโก้ฯ เป็นผู้เสนออุปกรณ์เครือข่าย ไอพีโฟน พร้อมกับโซลูชั่น Cisco Clinical Suite และ คาดิแอ็ค เป็นผู้รวบรวมระบบโรงพยาบาล (Integrated hospital Suite) ที่เป็นโซลูชั่นด้านการดูแลสุขภาพโดยผู้ให้บริการเฉพาะด้าน โซลูชั่นการสื่อสารแบบบูรณาการของโรงพยาบาลเซนต์ โอลาฟ ที่ได้ถูกนำมาใช้งาน ได้แก่
ประวัติคนไข้อีเล็คทรอนิกส์ ที่ถูกพัฒนาและนำระบบอีเล็คทรอนิกส์ที่นำเสนอฟังก์ชันทั้งหมด ของประวัติที่เป็นกระดาษในปัจจุบัน รวบรวมเอกสารทางการแพทย์ของคนไข้ ในระบบคอมพิวเตอร์มาบูรณาการเป็นหนึ่งเดียว และสนับสนุนการพัฒนากรอบการทำงาน ที่ได้มาตรฐานของแนวคิดทางการแพทย์ โดยทำให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น การเรียกข้อมูลมาดูได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการต่อเชื่อมเข้ากับประวัติคนไข้ที่ดีขึ้น ข้อมูลที่ได้มีคุณภาพมาก
ในรายงานการศึกษาฯ ระบุว่า รพ.เซนต์ โอลาฟ ใช้ประโยชน์ในด้านการวิจัย ในแผนกต่างๆ กว่า 10 แผนกที่เริ่มใช้ระบบประวัติคนไข้อีเล็คทรอนิกส์ และเมื่อมีการให้บริการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมีการผลิตเอกสารประมาณ 3,500 ชิ้นต่อสัปดาห์ และคิดเป็น 1 ใน 3 ของเอกสารที่ผลิตในโรงพยาบาล โรงพยาบาลยังมีแผนที่จะนำเอกสารเกี่ยวกับคนไข้ในอดีตเข้าสู่กระบวนการดิจิตอล เพื่ออำนวยความสะดวกในการปรับข้อมูลคนไข้ให้ทันสมัย, ลดความเสี่ยงเรื่องการวินิจฉัยผิด และปรับปรุงการสื่อสารระหว่างวอร์ด หน่วยงาน แผนก โรงพยาบาล บริการด้านปฐมพยาบาล และส่วนภูมิภาคอื่นๆ
พาหนะนำทางอัตโนมัติ-หุ่นยนต์โรงพยาบาล (Automated guided vehicles: AGVs) ได้มีการเปิดตัวในปี 2549 ผลิตโดย บริษัท สวิส ล็อก ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ AGV สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนัก 500 กิโลกรัม ทั้งการเคลื่อนย้ายที่เกิดเป็นประจำ และการรับ-ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ในเส้นทางที่ระบุ โดยถือว่า เป็นเครื่องมือที่มีค่าในการขนส่ง พัสดุ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทำความสะอาด ชุดซักแห้งทั้งสะอาดและสกปรก อุปกรณ์ฆ่าเชื้อ อาหาร เครื่องอุปโภค และอื่นๆ มีการใช้งานในอาคารหลายชั้นบนทางแคบๆ รวมถึงทางเดินสำหรับคนโดยทั่วไป และยังช่วยบุคลากรของทางโรงพยาบาล ในการเคลื่อนย้ายของหนัก
เครื่อง AGV จะมีการใช้งานผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบไวเลสแลน (WLAN) และใช้ วิธีการ triangulation ในการกำหนดสถานที่ ระยะทาง เส้นทางที่ดีที่สุด และอื่นๆ ระบบการสื่อสารประกอบด้วยระบบเครือข่ายสายและ WLAN นอกจากนี้ยังมีอีเธอร์เน็ต LAN ที่ต่อเชื่อมเข้ากับศูนย์การควบคุมระบบกับอุปกรณ์สำนักงาน ประกอบด้วย เทอร์มินัลในการรับข้อมูลของโอเปอเรเตอร์ เสากาศย่านความถี่วิทยุ แสงไฟ และระบบเซ็นเซอร์ รวมถึงการอินเทอร์เฟซกับประตูหนีไฟ ลิฟท์ และ รถทำความสะอาด
ระบบเรียกพยาบาล ระบบสัมผัสเดียว และ การสื่อสารแบบสองทาง เพราะระบบเรียกพยาบาลถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมประจำวันในโรงพยาบาล เนื่องจากตามปกติแล้วคนไข้จะเรียกพยาบาลด้วยเหตุผลต่างๆ โดยขณะนี้ วิธีการนี้ก็ยังคงเป็นการสื่อสารของคนไข้ในการเรียกพยาบาล โดยพยาบาลจะได้รับแจ้งทางข้อความหรือแจ้งไปที่บอร์ดปฏิบัติการ นับเป็นวิธีที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพต่ำ และใช้เวลานานสำหรับเจ้าหน้าที่คาร์ดิแอ็ค จึงได้พัฒนาโซลูชั่นเฉพาะสำหรับบริการเรียกพยาบาล ที่เป็นการผสานระบบไอพีโฟนไร้สายของซิสโก้ กับพอร์ทัลสำหรับลูกค้า IMATIS ของคาร์ดิแอ็ค
ในสถานการณ์นี้ เมื่อคนไข้เรียกพยาบาล สัญญานจะถูกส่งไปยังพยาบาลที่รับผิดชอบ หากพยาบาลที่ถูกเรียกมีงานด่วนกว่า สัญญานนั้นก็จะถูกส่งไปเรียกที่พยาบาลคนอื่นในวอร์ด จนกว่าจะมีพยาบาลรับสาย พยาบาลที่รับการเรียก ก็จะเข้าถึงสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อคนไข้ได้แจ้งสาเหตุกของการเรียก บันทึกของวอร์ดจะสามารถบันทึกสถานการณ์ของสัญญาณการเรียกทั้งหมด การตอบสนองของพยาบาล และการแจ้งจากห้องคนไข้ ในสถานการณ์ที่พยาบาลต้องการความช่วยเหลือ พยาบาลจะตือนพยาบาลคนอื่นๆ ในวอร์ด และเรียกขอความช่วยเหลือจากห้องคนไข้ได้
จากรายงานการวิเคราะห์การบันทึกรายการเรียกพยาบาล ทำให้การวางแผนเพื่อการใช้ทรัพยากรทำได้ดีขึ้น และยังเป็นการใช้ทรัพยากรและพยาบาลในวอร์ดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มอำนาจการตัดสินใจในวอร์ดในช่วงกะดึก ระบบโทรศัพท์จะมีระบบ One-Touch ให้คนไข้ใช้ติดต่อ ไม่ว่าพยาบาลจะอยู่ที่ใดก็ตาม โดยอาจจะอยู่ในวอร์ด หรือส่วนอื่นของโรงพยาบาล ระบบการสื่อสารไร้สาย ถือเป็นความจำเป็นในโรงพยาบาลที่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องชีวิต และความตายในชีวิตประจำวัน การสื่อสารทั้งแบบกดปุ่มเดียว และการสื่อสารสองทางช่วยปรับปรุงการดูแลคนไข้ และช่วยให้พยาบาลใกล้ชิดกับผู้ป่วยตลอดเวลา
รายงานฉบับนี้ระบุอีกว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2549 โรงพยาบาลได้เริ่มให้บริการเครื่อง HP iPAQ pocket PC แบบดูอัล โหมด ที่รองรับระบบโทรศัพท์ ที่ใช้เครือข่ายไว-ไฟ ทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง โดยรวมถึงระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่ออยู่กลางแจ้ง หรือนอกเครือข่าย Wi-Fi และยังมีการใช้ส่งข้อความในกรณีฉุกเฉิน สำหรับทีมงานของคาร์ดิแอ็คและทีมงานพิเศษอื่นๆ ผลจากห้องแล็ป ข้อความสำหรับระบบการดูแลรักษาอัตโนมัติ การส่งสัญญาณของลูกค้า ความต้องการด้านการทดสอบ ลำดับการทำงานสำหรับการดูแลรักษา รวมถึงพนักงานขนส่ง
ในด้านการทำคลอด คือ อีกหนึ่งบริการที่เกิดขึ้นทุกวันที่ เซนต์ โอลาฟก็ไม่อากหลีกเลี่ยงได้ การติดตั้งโซลูชั่นนวัตกรรมในส่วนงานฉุกเฉิน การคลอดแบบผ่าท้อง (Caesarean) พยาบาลหรือแพทย์จะกดปุ่มที่มีการโปรแกรมไว้บนโทรศัพท์ แล้วบุคลากรที่ต้องการ ทรัพยากร และส่วนประกอบที่จำเป็นต่อกระบวนการผ่าท้องคลอดที่อยู่ในรายชื่อ จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์ไร้สาย หรือข้อความบนโทรศัพท์พื้นฐาน หากไม่อยู่ในพื้นที่ ทั้งนี้การติดต่อทั้งหมดจะดำเนินการผ่านเครือข่ายไอพีของโรงพยาบาล
รายงานฉบับนี้ระบุอีกว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2549 โรงพยาบาลได้เริ่มให้บริการเครื่อง HP iPAQ pocket PC แบบดูอัล โหมด ที่รองรับระบบโทรศัพท์ ที่ใช้เครือข่ายไว-ไฟ ทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง โดยรวมถึงระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่ออยู่กลางแจ้ง หรือนอกเครือข่าย Wi-Fi และยังมีการใช้ส่งข้อความในกรณีฉุกเฉิน สำหรับทีมงานของคาร์ดิแอ็คและทีมงานพิเศษอื่นๆ ผลจากห้องแล็ป ข้อความสำหรับระบบการดูแลรักษาอัตโนมัติ การส่งสัญญาณของลูกค้า ความต้องการด้านการทดสอบ ลำดับการทำงานสำหรับการดูแลรักษา รวมถึงพนักงานขนส่ง
ในด้านการทำคลอด คือ อีกหนึ่งบริการที่เกิดขึ้นทุกวันที่ เซนต์ โอลาฟก็ไม่อากหลีกเลี่ยงได้ การติดตั้งโซลูชั่นนวัตกรรมในส่วนงานฉุกเฉิน การคลอดแบบผ่าท้อง (Caesarean) พยาบาลหรือแพทย์จะกดปุ่มที่มีการโปรแกรมไว้บนโทรศัพท์ แล้วบุคลากรที่ต้องการ ทรัพยากร และส่วนประกอบที่จำเป็นต่อกระบวนการผ่าท้องคลอดที่อยู่ในรายชื่อ จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์ไร้สาย หรือข้อความบนโทรศัพท์พื้นฐาน หากไม่อยู่ในพื้นที่ ทั้งนี้การติดต่อทั้งหมดจะดำเนินการผ่านเครือข่ายไอพีของโรงพยาบาล
เมื่อบุคลากรได้วิ่งไปยังห้องผ่าตัดประตูก็จะเปิดขึ้นอัตโนมัติ ประตูลิฟท์จะถูกสั่งให้ล๊อคเปิดอัตโนมัติ เพื่อคนไข้จะได้รับการเคลื่อนย้ายไปยังห้องผ่าตัด ที่ตั้งอยู่ที่ชั้นอื่นจากห้องคลอด และในห้องผ่าตัดนั้น ก็จะต้องดึงข้อมูลทั้งหมดจากส่วนกลางได้ โดยใช้สมาร์ทการ์ดผ่านเครื่องพีซีใดๆ ก็ตาม เพื่อการล็อกอินเฉพาะกิจ โดยกระบวนการเคลื่อนย้ายของหน่วยงานฉุกเฉินแบบ Caesarean ทั้งหมด จะต้องใช้เวลาน้อยกว่า 3 นาที เพราะหากนานกว่านั้น มารดาอาจเสียชีวิต หรือสูญเสียบุตร กระบวนการดังกล่าวนี้เป็น ตัวอย่างที่บอกว่า ระบบความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในเครือข่ายไอพี รวมถึงระบบการสื่อสารแบบไอพี มีความสำคัญเพียงใด
เทอร์มินัลสำหรับคนไข้ ระบบนี้อาจจะเป็นโซลูชั่นที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ที่ติดตั้งที่โรงพยาบาล และมีผลกระทบมากในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของคนไข้ อีกทั้งการปรับปรุงการดูแลคนไข้ เพราะเทอร์มินัลของคนไข้จะได้รับการจัดวางให้เหมาะสมในแต่ละห้อง โดยให้บริการ เช่น โทรทัศน์ วีดีโอ อินเทอร์เน็ต อีเมล์ ดนตรี วิทยุ คอนโซล วีดีโอ เกมส์ เทเลโฟนี่ ระบบแสง เฉดสีของเตียง และการควบคุมการปรับอากาศ ระบบการเรียกพยาบาล ระบบการสั่งอาหาร ทั้งนี้ด้วยบัตรไอดีบุคลากรทางการแพทย์ จะเข้าถึงประวัติของคนไข้ได้ทั้งฟิลม์ภาพเอ็กซ์เรย์ ผลตรวจจากห้องแล็ป และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ที่อินทิเกรตเข้ากับเครือข่ายไอพี การติดตั้งเทอร์ทินัลคนไข้ จึงถือเป็นสิ่งที่สร้างความพอใจให้คนไข้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะคนไข้ที่ต้องรักษาระยะยาว
ด้านการจัดการด้านการระบุตัวตน บุคลากรและนักศึกษาที่โรงพยาบาลจะได้รับสมาร์ท การ์ด เครื่องอ่านสมาร์ท การ์ด จะติดอยู่ที่โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ตพีซี เครื่องเดสก์ท็อป เทอร์มินัลสำหรับคนไข้ และประตู โดยถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ ในการเชื่อมต่อข้อมูลจากเทอร์มินัลใดๆ ก็ตาม อาทิ แพทย์ สามารถรูดบัตบนเทอร์มินัลของคนไข้เพื่อดึงประวัติคนไข้มาดู และใช้บริการเรียกดูภาพ รวมถึงและใช้งานเทคโนโลยี ระบบสื่อสารและจัดเก็บรูปภาพ (Picture Archiving and communication system: PACS) เพื่อเรียกดูฟิล์มเอ็กซ์-เรย์ ภาพอัลตร้า ซาวน์ ในแบบดิจิตอลโดยไม่ใช้ฟิล์ม หรือสารเคมี
ทีมงานและคนไข้สามารถเรียกดูภาพบนคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเทอร์มินัลสำหรับคนไข้และด้วยผลจากห้องทดลอง ทำให้การปรึกษาการรักษา หรือวิธีการที่ใช้ได้โดยตรงกับคนไข้ ประวัติของคนไข้จะถูกดึงออกมาจากฐานข้อมูล และจะไม่มีข้อประวัติของคนไข้ที่ทิ้งไว้บนเครื่อง ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนบุคคล นอกจากนี้สมาร์ท การ์ด ยังจะใช้สำหรับการต่อเชื่อมเข้าสู่อาคารด้วยความเข้มงวด ในการต่อเชื่อมในพื้นที่พิเศษสำหรับทีมงานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
ข้อมูลทั้งหมดจากรายงานฉบับนี้ สะท้อนถึงการก้าวย่างครั้งสำคัญ ของวงการบริการด้านสุขภาพ ที่ใช้ไอซีทียกระดับเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ลดความซ้ำซ้อน และเวลาในการดำเนินงาน ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ทันท่วงที และอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา อีกทั้งยังสร้างความแปลกใหม่แก่คนไข้ที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยเป้าหมายสูงสุดของความสำเร็จในธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ คือ ความรู้ความเข้าใจในเชิงธุรกิจ และความตระหนักถึงแนวโน้มของเทคโนโลยี ที่มีการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
ทั้งนี้ โรงพยาบาลเซนต์ โอลาฟได้ถูกพิจารณาให้เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานโลก ในเรื่องของแนวทางและการใช้กลยุทธ์ของเทคโนโลยีทั้งในการทำงานและการรักษา เพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับคนไข้ เมื่อมองดูเรื่องนี้แล้วก็ย้อนมาดูสถานพยาบาลในเมืองไทยบ้าง ที่ระบบต่างๆ เหล่านี้ส่วนหนึ่งได้ถูกนำมาใช้บ้างแล้วใน โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ขณะที่โรงพยาบาลของรัฐยังต้องรอดูความชัดเจน และศึกษาระบบที่เหมาะสม แต่เชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วคุณหมอ และนางพยาบาลทุกคน หรือแม้แต่คนไข้คงหนีไม่พ้นสิ่งเหล่านี้แน่ และอาจเกิดโรคใหม่ คือ โรคแพ้เทคโนโลยี ขึ้นมาอีกโรคก็ได้ใครจะไปรู้...
จุลดิส รัตนคำแปง
[email protected]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 2
ทรีคอมจับมือไอบีเอ็มเปิดตัวแพลตฟอร์มแรกของวงการไอทีสู่ตลาด การใช้โทรศัพท์ไอพีในระบบ System i ของไอบีเอ็ม ร่วมกับโปรแกรมเฉพาะทางธุรกิจ
ผู้นำในการให้บริการโซลูชันเครือข่ายเสียงและข้อมูลที่ปลอดภัย
ร่วมกับบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
เปิดตัวแพลตฟอร์มแรกของวงการไอที รวมโซลูชันโทรศัพท์ไอพี
กับอีเมล์, การรับ-ส่งข้อความ และโปรแกรมเฉพาะของธุรกิจเข้าไว้ด้วยกัน
ซึ่งมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลได้สูง
โดย System i Integrated Collaboration
รวมเอาความสามารถในการสื่อสารรูปแบบต่างๆ ไว้ด้วยกัน
เพื่อช่วยให้ลูกค้าที่ใช้งานสามารถลดต้นทุน
เพิ่มประสิทธิภาพ และลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อน
โซลูชันนี้ทำงานบนแพลตฟอร์มเดียวกันที่ชื่อ System i
จึงทำให้จัดการระบบได้ง่าย
และประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าเมื่อเทียบกับระบบอื่น
ที่ทำงานบนวินโดวส์ ซึ่งต้องใช้เครื่องแม่ข่ายหลายเครื่องในการทำงาน
คำบรรยายภาพ: คุณชิงชัย เมฆทิพย์พาชัย (ซ้าย)
ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ทรีคอม (ประเทศไทย) จำกัด
และคุณธันวา เลาหศิริวงศ์ (ขวา)
กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานระบบเทคโนโลยีธุรกิจ
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย สองบังเหียนใหญ่ในวงการไอทีร่วมกันประกาศความร่วมมือ
เปิดตัวแพลตฟอร์มแรกของวงการ ที่ผสานการใช้โทรศัพท์ไอพี
กับโปรแกรมเฉพาะทางธุรกิจบนแพลตฟอร์ม System i
ของไอบีเอ็มสู่ตลาดระดับกลางขึ้นไป
๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๐
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 3
ไวไฟยุคหน้า (802.11n)
ผมคิดว่าท่านผู้อ่านที่ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตนั้น จะต้องชอบไวไฟแน่นอนเพราะใช้ได้ดีแน่นอนไม่ต้องต่อสายเคเบิลให้เกะกะไปที่ไหนก็ใช้ได้ที่นั่น
และในที่สุดนักออกแบบไวไฟทั่วทั้งโลกก็ยอมประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเองว่าไวไฟยุคหน้าออกมาในกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งก็แน่นอนล่ะว่าไวไฟยุคหน้าก็จะต้องได้รับการพัฒนาดีกว่ายุคปัจจุบันในหลายมิติและจะยิ่งสะดวกต่อผู้ใช้มากมายก่ายกอง
ก่อนที่ไวไฟจะพัฒนามาจนถึงวันนี้ซึ่งเรียกว่า ร่าง N หรือ Draft N ซึ่ง N ก็คือ Next Generation หรือยุคหน้านั่นเอง
กระบวนการก็มีการพัฒนามาโดยลำดับ ภาษาทางคอมพิว เตอร์จะมีรหัสเรียกไวไฟว่า 802.11 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลของ IEEE
ในยุคแรกเกิดใหม่ก็ประมาณปี 1997 ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้กำหนดมาตรฐานซึ่งเป็นรหัสเรียกจึงเรียกว่า รุ่นดั้งเดิมก็ใช้ได้ดี มีรัศมีการใช้งานในตัวอาคารประมาณ 25 เมตร นอกอาคาร 75 เมตร และความเร็วในการถ่ายข้อมูลทั่วไปอยู่ที่ 0.7 Mbps หรือสูงสุดที่ 2 Mbps เรียกว่าพอใช้ได้
มาเริ่มต้นตัวการใช้งานไวไฟเอาจริงจังก็เมื่อปี 1999 ซึ่งปีนั้นมีการออกมาสองรุ่นคือรุ่น 802.11a และ 802.11b ปรากฏว่า b ออกก่อน a ในปีนั้น เพราะต้องหาผู้ผลิตชิปในช่วงคลื่นใหม่ ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าเท่าตัวแต่ก็ได้ความเร็วการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงกว่า โดยปกติ 802.11 นั้นจะใช้ช่วงคลื่นประมาณ 2.4 ถึง 2.5 GHz ตั้งแต่รุ่นดั้งเดิมจนถึงปัจจุบันเพราะความสะดวกมากกว่า
ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลของ 802.11a อยู่ที่ 23 Mbps สูงสุดที่ 54 Mbps แต่ทำงานอยู่ที่ช่วงคลื่น ประมาณ 5 GHz ขึ้นไป
ส่วนรุ่น 802.11b ความเร็วต่ำกว่าอยู่ที่ 4 Mbps สูงสุดที่ 11 Mbps แต่ใช้ช่วงคลื่นมาตรฐานในการทำงานและมีความปลอดภัย
ส่วนไวไฟที่ผู้คนชื่นชอบมากก็คือรุ่น 802.11g ซึ่งออกมาในปี 2003 มีคนชอบใช้มาก เพราะได้ความเร็วและมีความแน่นอนไม่ค่อยมีการล่ม ส่วนรัศมีทำการภายในอาคารก็อยู่ที่ 35 เมตร นอกอาคารประมาณ 110 เมตร ก็ไม่ห่างจากรุ่นก่อน ๆ เท่าไรนัก แต่ความเร็วในการถ่ายข้อมูลก็ทันอกทันใจผู้ใช้โดยทั่วไปคืออยู่ที่ 19 Mbps หรือสูงสุดที่ 54 Mbps
รุ่น 802.11n หรือไวไฟ ยุคหน้า หรือ WiFi Next Generation นั้น ผู้ผลิตชิปและ ผู้ออกแบบทั้งหลายของบริษัทใหญ่ ๆ ของโลกก็ตกลงว่าจะเอาสเปกนี้นั้น ก็จะมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลอยู่ที่ 74 Mbps และสูงสุดที่ 248 Mbps ซึ่งหมายถึงว่าความเร็วกว่ารุ่นก่อนถึงประมาณ 5 เท่า นอกจากนี้ก็ยังมีรัศมีทำการภาย ในอาคารที่ 70 เมตร และนอกอาคารที่ 160 เมตร หรือกว้างมากกว่าเดิมเท่าตัว พูดง่าย ๆ ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ อย่างเทียบกันไม่ได้
คุณคาเรน แฮนลีย์ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการตลาดของกลุ่มผู้ผลิตที่มลรัฐเทกซัสได้กล่าวว่า ปีที่แล้วอุตสาหกรรมไร้สายสามารถส่งผลิตภัณฑ์ออกมาได้ 200 ล้านชิ้น
ในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า นั้น นักเล่นคอมพิวเตอร์แลปทอป จะสามารถใช้ไวไฟติดต่อกันกับโทรศัพท์ โทรทัศน์ และวิดีโอเกมได้ แต่แฮนลีย์บอกว่า 802.11n ร่างสุดท้ายจริง ๆ น่าจะออกในปี 2009 ซึ่งก็หมายความว่า คงจะต้องร่างและแก้สเปกไปอีกสักปีกว่าหรือสองปี
ท่านผู้อ่านที่ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลาย อย่างไรก็คงจะต้องรอ เพราะถ้ารุ่นนี้ออกมากิจการโทรศัพท์มือถือ กิจการโทรทัศน์และกิจการเกมวิดีโอจะปรับตัว อย่างไรจะได้มีเวลาคิด เพราะ 802.11n นั้นมาแน่.
ผศ.ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล
ผู้ช่วยอธิการบดี RSU Cyber University
มหาวิทยาลัยรังสิต
[email protected]
ข่าว : เดลินิวส์
ผมคิดว่าท่านผู้อ่านที่ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตนั้น จะต้องชอบไวไฟแน่นอนเพราะใช้ได้ดีแน่นอนไม่ต้องต่อสายเคเบิลให้เกะกะไปที่ไหนก็ใช้ได้ที่นั่น
และในที่สุดนักออกแบบไวไฟทั่วทั้งโลกก็ยอมประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเองว่าไวไฟยุคหน้าออกมาในกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งก็แน่นอนล่ะว่าไวไฟยุคหน้าก็จะต้องได้รับการพัฒนาดีกว่ายุคปัจจุบันในหลายมิติและจะยิ่งสะดวกต่อผู้ใช้มากมายก่ายกอง
ก่อนที่ไวไฟจะพัฒนามาจนถึงวันนี้ซึ่งเรียกว่า ร่าง N หรือ Draft N ซึ่ง N ก็คือ Next Generation หรือยุคหน้านั่นเอง
กระบวนการก็มีการพัฒนามาโดยลำดับ ภาษาทางคอมพิว เตอร์จะมีรหัสเรียกไวไฟว่า 802.11 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลของ IEEE
ในยุคแรกเกิดใหม่ก็ประมาณปี 1997 ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้กำหนดมาตรฐานซึ่งเป็นรหัสเรียกจึงเรียกว่า รุ่นดั้งเดิมก็ใช้ได้ดี มีรัศมีการใช้งานในตัวอาคารประมาณ 25 เมตร นอกอาคาร 75 เมตร และความเร็วในการถ่ายข้อมูลทั่วไปอยู่ที่ 0.7 Mbps หรือสูงสุดที่ 2 Mbps เรียกว่าพอใช้ได้
มาเริ่มต้นตัวการใช้งานไวไฟเอาจริงจังก็เมื่อปี 1999 ซึ่งปีนั้นมีการออกมาสองรุ่นคือรุ่น 802.11a และ 802.11b ปรากฏว่า b ออกก่อน a ในปีนั้น เพราะต้องหาผู้ผลิตชิปในช่วงคลื่นใหม่ ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าเท่าตัวแต่ก็ได้ความเร็วการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงกว่า โดยปกติ 802.11 นั้นจะใช้ช่วงคลื่นประมาณ 2.4 ถึง 2.5 GHz ตั้งแต่รุ่นดั้งเดิมจนถึงปัจจุบันเพราะความสะดวกมากกว่า
ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลของ 802.11a อยู่ที่ 23 Mbps สูงสุดที่ 54 Mbps แต่ทำงานอยู่ที่ช่วงคลื่น ประมาณ 5 GHz ขึ้นไป
ส่วนรุ่น 802.11b ความเร็วต่ำกว่าอยู่ที่ 4 Mbps สูงสุดที่ 11 Mbps แต่ใช้ช่วงคลื่นมาตรฐานในการทำงานและมีความปลอดภัย
ส่วนไวไฟที่ผู้คนชื่นชอบมากก็คือรุ่น 802.11g ซึ่งออกมาในปี 2003 มีคนชอบใช้มาก เพราะได้ความเร็วและมีความแน่นอนไม่ค่อยมีการล่ม ส่วนรัศมีทำการภายในอาคารก็อยู่ที่ 35 เมตร นอกอาคารประมาณ 110 เมตร ก็ไม่ห่างจากรุ่นก่อน ๆ เท่าไรนัก แต่ความเร็วในการถ่ายข้อมูลก็ทันอกทันใจผู้ใช้โดยทั่วไปคืออยู่ที่ 19 Mbps หรือสูงสุดที่ 54 Mbps
รุ่น 802.11n หรือไวไฟ ยุคหน้า หรือ WiFi Next Generation นั้น ผู้ผลิตชิปและ ผู้ออกแบบทั้งหลายของบริษัทใหญ่ ๆ ของโลกก็ตกลงว่าจะเอาสเปกนี้นั้น ก็จะมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลอยู่ที่ 74 Mbps และสูงสุดที่ 248 Mbps ซึ่งหมายถึงว่าความเร็วกว่ารุ่นก่อนถึงประมาณ 5 เท่า นอกจากนี้ก็ยังมีรัศมีทำการภาย ในอาคารที่ 70 เมตร และนอกอาคารที่ 160 เมตร หรือกว้างมากกว่าเดิมเท่าตัว พูดง่าย ๆ ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ อย่างเทียบกันไม่ได้
คุณคาเรน แฮนลีย์ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการตลาดของกลุ่มผู้ผลิตที่มลรัฐเทกซัสได้กล่าวว่า ปีที่แล้วอุตสาหกรรมไร้สายสามารถส่งผลิตภัณฑ์ออกมาได้ 200 ล้านชิ้น
ในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า นั้น นักเล่นคอมพิวเตอร์แลปทอป จะสามารถใช้ไวไฟติดต่อกันกับโทรศัพท์ โทรทัศน์ และวิดีโอเกมได้ แต่แฮนลีย์บอกว่า 802.11n ร่างสุดท้ายจริง ๆ น่าจะออกในปี 2009 ซึ่งก็หมายความว่า คงจะต้องร่างและแก้สเปกไปอีกสักปีกว่าหรือสองปี
ท่านผู้อ่านที่ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลาย อย่างไรก็คงจะต้องรอ เพราะถ้ารุ่นนี้ออกมากิจการโทรศัพท์มือถือ กิจการโทรทัศน์และกิจการเกมวิดีโอจะปรับตัว อย่างไรจะได้มีเวลาคิด เพราะ 802.11n นั้นมาแน่.
ผศ.ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล
ผู้ช่วยอธิการบดี RSU Cyber University
มหาวิทยาลัยรังสิต
[email protected]
ข่าว : เดลินิวส์
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 4
ปีที่ 58 ฉบับที่ 18152 วันพุธ ที่ 3 ตุลาคม 2550
ไอบีเอ็มไทยแต่งตั้งเอ็มดีคนใหม่ [3 ต.ค. 50 - 05:58]
นายออง ฮุนเมง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอบีเอ็ม ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า
ไอบีเอ็มได้ประกาศแต่งตั้งนายธันวา เลาหศิริวงศ์ ์
ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
แทนนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ขึ้นรับตำแหน่งรองประธานไอบีเอ็ม
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ประจำภูมิภาคอาเซียน มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.2550
โดยนายธันวาเป็นผู้บริหารระดับสูงของไอบีเอ็มที่มีประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และความมุ่งมั่นสูง
มีความสามารถในการวางกลยุทธ์ด้านบริหารธุรกิจและทำงานใกล้ชิดกับลูกค้ามาโดยตลอด
ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอบีเอ็ม ภูมิภาคอาเซียน กล่าวต่อว่า
จากผลงานที่น่าประทับใจมากมายที่นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กก.ผจก.ใหญ่คนก่อนทำไว้
ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนี้ ได้ปูรากฐานที่มั่นคงให้กับธุรกิจของไอบีเอ็มในอนาคตเป็นอย่างดี
หน้าที่ต่อจากนี้ไปของนายธันวา คือ
การนำไอบีเอ็มก้าวต่อไปข้างหน้าควบคู่ไปกับการสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ
เพื่อให้ลูกค้าของไอบีเอ็มประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ระยะเวลา 4 ปีครึ่งที่ผ่านมา
นางศุภจีเป็นกำลังสำคัญในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้ไอบีเอ็ม
ก้าวสู่ความเป็นองค์กรชั้นนำในประเทศ
นายฮุนเมง กล่าวอีกว่า
ด้วยเป้าหมายและการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นสู่การนำเสนอสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่ลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นองค์การขนาดใหญ่ หรือ เอสเอ็มอี
อีกทั้งยังสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรด้านการศึกษาในโครงการสำคัญต่างๆ
เช่น ผลักดันการสร้างสรรนวตกรรมแห่งชาติ และ
ริเริ่มระบบการศึกษาด้าน Service Science, Management and Engineering หรือ SSME
เป็นต้น นอกจากนี้ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย ยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วย
จากนิตยสารอีคอมเมอร์สในปี 2549
และได้รับโหวตให้เป็น 1 ใน 10 องค์กรยอดนิยม ปี 2550 จากนิตยสารโพสิชั่นนิ่ง
“นายธันวาจะรับผิดชอบธุรกิจทั้งหมดของไอบีเอ็มในประเทศไทย
รวมถึงการขายและจัดจำหน่ายทั้งหมด เทคโนโลยี การบริหารจัดการ
ธุรกิจโกลบอลไฟแนนซิ่ง และหน่วนงานด้านบริการ IBM Solution Delivery
การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงทั้งสองตำแหน่งในครั้งนี้
พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของไอบีเอ็มในการสร้างบุคคลากรระดับมันสมองให้กับองค์กร
ภาระกิจที่นายธันวาและนางศุภจีได้รับมอบหมายเป็นภาระกิจที่สำคัญยิ่ง
ต่อการเติบโตของธุรกิจไอบีเอ็มในภูมิภาคอาเซียน
ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอบีเอ็ม ภูมิภาคอาเซียน กล่าว
_____________________________________________________________________
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณธันวา
- bremner
- Verified User
- โพสต์: 437
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 5
ขอแสดงความยินดีด้วยครับพี่ธันวา
:cheers: :cheers: :cheers: :cheers:
:cheers: :cheers: :cheers: :cheers:
"What seems too high and risky to the majority generally goes higher and what seems low and cheap generally goes lower."
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 6
bremner เขียน:ขอแสดงความยินดีด้วยครับพี่ธันวา
:cheers: :cheers: :cheers: :cheers:
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 5&group=22
ผมขออนุญาตคุณธันวาเก็บข่าวไว้ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 7
ยินดีด้วยครับ
รักในหลวงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 9
ขอแสดง ความยินดีด้วยครับ
Becoming an Automatic Millionaire on Just a Few Bahts a Day..
My blog: http://nutsiri.bloggang.com
My blog: http://nutsiri.bloggang.com
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
พาไปดูโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่ เทคโนโลยีไอซีทีเนรมิตได้
โพสต์ที่ 10
-ข่าว ใหม่ในวันนี้ อนาคตยังไม่ทราบว่าจะเป็นไงครับ
วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
คนดังหวังต่อชีวิต แห่ฝากสเต็มเซลล์
โพสต์ทูเดย์ — ลูกบรรหาร-อดีต นางงาม-ราชินีช้าง โผล่ใช้บริการ
“สเต็มเซลล์” ยอดพุ่งเกือบ 2 พันราย
นพ.คอสตาส ปาปาโดปูลอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ
บริษัท ไทยสเตมไลฟ์
กล่าวว่า จากการทำธุรกิจธนาคาร
สเต็มเซลล์หรือการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2548
จนถึงขณะนี้มีผู้สนใจใช้บริการทั้งสิ้นเกือบ 2 พันราย
ทั้งดารานักแสดง นักการเมือง แพทย์ ตลอดจนนักธุรกิจ
ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียง ของบริษัท ไทยสเตมไลฟ์
มีทั้งนักการเมืองและนักแสดง อาทิ
นาย วราวุธ และนางสุวรรณา ศิลปอาชา
นายกฤษดา และนางศรสวรรค์ พันธุมะบำรุง ครอบครัวโปรกอล์ฟชื่อดัง
นางศรัยฉัตร จีระแพทย์
นางแคทลีน มาลีนนท์
นางรัชนก แสงชูโต
นาง ปนัดดา วงศ์ผู้ดี
นางอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ อดีตนางสาวไทย
และนาง ดุจดาว ชุติวงศ์ธนะพัฒน์ อดีตรองราชินีช้างปี 2542
“ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการฝาก ธนาคารสเต็มเซลล์ทั้งสิ้นกว่า 2 แสนครอบครัวทั่วโลก
ส่วนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มี 2 หมื่นราย
และในประเทศไทยมีเกือบ 2 พันราย
โดยลูกค้านิยมฝากสเต็มเซลล์ของตัวเองและลูกเพื่อนำมารักษาโรคต่างๆ
เกี่ยวกับมะเร็งและโลหิต” นพ.คอสตาส กล่าว
นพ.คอสตาส กล่าวว่า ทางบริษัทยังได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลต่างๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 100 แห่ง
ในการจัดเก็บสเต็มเซลล์ รวมถึงมีแพทย์ผู้ให้บริการอีก 265 คน
ด้าน พ.ต.ท.นพ.สุจิตร์ บัญญัติปิยพจน์ ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า
จากการทดลองฉีดสเต็มเซลล์บนใบหน้าของตัวเองพบว่า
สามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและมีผิวหน้าเรียบตึงขึ้นภายในเวลา 1 เดือน
ซึ่งจะต้องยอมอดทนต่อความเจ็บปวดในการฉีดสเต็มเซลล์
และต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 2 แสนบาท
____________________________________________________
น่าสนใจครับ
http://www.biotec.or.th/biotechnology-t ... sp?id=1967
วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
คนดังหวังต่อชีวิต แห่ฝากสเต็มเซลล์
โพสต์ทูเดย์ — ลูกบรรหาร-อดีต นางงาม-ราชินีช้าง โผล่ใช้บริการ
“สเต็มเซลล์” ยอดพุ่งเกือบ 2 พันราย
นพ.คอสตาส ปาปาโดปูลอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ
บริษัท ไทยสเตมไลฟ์
กล่าวว่า จากการทำธุรกิจธนาคาร
สเต็มเซลล์หรือการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2548
จนถึงขณะนี้มีผู้สนใจใช้บริการทั้งสิ้นเกือบ 2 พันราย
ทั้งดารานักแสดง นักการเมือง แพทย์ ตลอดจนนักธุรกิจ
ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียง ของบริษัท ไทยสเตมไลฟ์
มีทั้งนักการเมืองและนักแสดง อาทิ
นาย วราวุธ และนางสุวรรณา ศิลปอาชา
นายกฤษดา และนางศรสวรรค์ พันธุมะบำรุง ครอบครัวโปรกอล์ฟชื่อดัง
นางศรัยฉัตร จีระแพทย์
นางแคทลีน มาลีนนท์
นางรัชนก แสงชูโต
นาง ปนัดดา วงศ์ผู้ดี
นางอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ อดีตนางสาวไทย
และนาง ดุจดาว ชุติวงศ์ธนะพัฒน์ อดีตรองราชินีช้างปี 2542
“ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการฝาก ธนาคารสเต็มเซลล์ทั้งสิ้นกว่า 2 แสนครอบครัวทั่วโลก
ส่วนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มี 2 หมื่นราย
และในประเทศไทยมีเกือบ 2 พันราย
โดยลูกค้านิยมฝากสเต็มเซลล์ของตัวเองและลูกเพื่อนำมารักษาโรคต่างๆ
เกี่ยวกับมะเร็งและโลหิต” นพ.คอสตาส กล่าว
นพ.คอสตาส กล่าวว่า ทางบริษัทยังได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลต่างๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 100 แห่ง
ในการจัดเก็บสเต็มเซลล์ รวมถึงมีแพทย์ผู้ให้บริการอีก 265 คน
ด้าน พ.ต.ท.นพ.สุจิตร์ บัญญัติปิยพจน์ ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า
จากการทดลองฉีดสเต็มเซลล์บนใบหน้าของตัวเองพบว่า
สามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและมีผิวหน้าเรียบตึงขึ้นภายในเวลา 1 เดือน
ซึ่งจะต้องยอมอดทนต่อความเจ็บปวดในการฉีดสเต็มเซลล์
และต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 2 แสนบาท
____________________________________________________
น่าสนใจครับ
http://www.biotec.or.th/biotechnology-t ... sp?id=1967