The world is flat
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ หลังจากได้ใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ไปนานเหมือนกันก็เลยขอมานำเสนอหน่อยนะครับ ทั้งนี้หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลจาก Financial Times และ Goldman Sachs ว่าเป็น Business book of the year 2005 (จริงๆ เล่มนี้เป็นเล่มที่พี่ Mon recommends มาด้วยนะครับ ฮิฮิ) เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
หนังสือเล่มนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกเราที่มีการเชื่อมโยงกันตั้งแต่อดีต ทั้งนี้เค้าได้แบ่งโลกออกเป็นยุคๆ ถึงสามยุคได้แก่ Globalization 1.0, 2.0, และ 3.0 โดย G 1.0 นั้นจะเป็นยุคของประเทศชาติสังเกตุได้จากการล่าอาณานิคมของประเทศต่างๆ G 2.0 จะเป็นระดับที่เล็กลงมาเป็นระดับบริษัทสังเกตุได้จาก MNC ต่างๆ และ G 3.0 ปัจจุบันและอนาคตที่จะถึงผู้แต่งได้นิยามว่าถึงเวลาของระดับ Individuals คือเราๆ ท่านๆ แล้ว ที่จะสามารถแข่งขันกันได้ (ทำให้ผู้แต่งเห็นว่าโลกเรานั้นนับวันมันก็จะแบนลงๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือระดับความสามารถทางการแข่งขันของพวกเราที่เป็นระดับบุคคลนั้นถูกยกมาให้เทียบเท่ากับระดับบริษัทใหญ่ๆ แล้ว) ยกตัวอย่างเช่น กำเนิดของ eBay ที่ทำให้ผู้คนต่างๆ สามารถเป็นผู้ประกอบการกันได้ถ้วนหน้า อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ web TVI แห่งนี้ที่ทำให้พวกเราได้มารวมตัว แลกเปลี่ยนข้อมูล และวิเคราะห์หุ้นกันได้ดีกว่าบริษัทหลักทรัพย์ที่มีทรัพยากรต่างๆ มากกว่าพวกเราเยอะ
ทั้งนี้การพัฒนาดังกล่าวก็เกิดจากหลายๆ ปัจจัยทั้งนี้เกิดจาก 10 สาเหตุหลักที่ทำให้โลกของเรานั้นแบนลง เช่น การทำลายกำแพงเบอร์ลิน การเริ่มต้นของ Netscape การใช้ระบบ outsource และ insource ระบบ supply chain etc
หนังสือเล่มนี้ให้ความสำคัญไปที่ประเทศจีน และอินเดียมากพอสมควรเลย ฉะนั้นถ้าท่านใดอยากลองศึกษาเรื่องราวการพัฒนาประเทศของ 2 ยักษ์ใหญ่นี้ก็สามารถลองไปหยิบมาอ่านดูได้ (แล้วจะทำให้รู้สึกว่าเราในฐานะคนไทยก็คงต้องรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ มากขึ้นเหมือนกันหลังจากนี้) ทั้งนี้การพัฒนาของทั้งสองประเทศดังกล่าวน่าจะทำให้อเมริการพี่บิ๊กเบิ้มเดือดร้อนได้เหมือนกันถ้าไม่ปรับตัว
ต่อมาเค้าก็พูดถึงเรื่องว่าอเมริกาจะอยู่รอดได้อย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจมากคือเรื่องของการศึกษาที่ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ เริ่มต้นใหม่ได้แล้ว (ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองไทยนะครับ)
อย่างไรก็ตามโลกในลักษณะดังกล่าวนอกจากมีคุณแล้วก็ยังมีโทษด้วยเช่นกัน โดยได้ยกตัวอย่างของการก่อการร้ายที่ได้ใช้การพัฒนาดังกล่าวมาใช้ในทางที่ทำให้เกิดความเสียหาย และอาจทำให้โลกมันไม่แบนอีกต่อไป
ท่านใดได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็รบกวนมาช่วยแชร์ความคิดเห็นกันบ้างนะครับ
Enjoy reading ครับ
หนังสือเล่มนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกเราที่มีการเชื่อมโยงกันตั้งแต่อดีต ทั้งนี้เค้าได้แบ่งโลกออกเป็นยุคๆ ถึงสามยุคได้แก่ Globalization 1.0, 2.0, และ 3.0 โดย G 1.0 นั้นจะเป็นยุคของประเทศชาติสังเกตุได้จากการล่าอาณานิคมของประเทศต่างๆ G 2.0 จะเป็นระดับที่เล็กลงมาเป็นระดับบริษัทสังเกตุได้จาก MNC ต่างๆ และ G 3.0 ปัจจุบันและอนาคตที่จะถึงผู้แต่งได้นิยามว่าถึงเวลาของระดับ Individuals คือเราๆ ท่านๆ แล้ว ที่จะสามารถแข่งขันกันได้ (ทำให้ผู้แต่งเห็นว่าโลกเรานั้นนับวันมันก็จะแบนลงๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือระดับความสามารถทางการแข่งขันของพวกเราที่เป็นระดับบุคคลนั้นถูกยกมาให้เทียบเท่ากับระดับบริษัทใหญ่ๆ แล้ว) ยกตัวอย่างเช่น กำเนิดของ eBay ที่ทำให้ผู้คนต่างๆ สามารถเป็นผู้ประกอบการกันได้ถ้วนหน้า อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ web TVI แห่งนี้ที่ทำให้พวกเราได้มารวมตัว แลกเปลี่ยนข้อมูล และวิเคราะห์หุ้นกันได้ดีกว่าบริษัทหลักทรัพย์ที่มีทรัพยากรต่างๆ มากกว่าพวกเราเยอะ
ทั้งนี้การพัฒนาดังกล่าวก็เกิดจากหลายๆ ปัจจัยทั้งนี้เกิดจาก 10 สาเหตุหลักที่ทำให้โลกของเรานั้นแบนลง เช่น การทำลายกำแพงเบอร์ลิน การเริ่มต้นของ Netscape การใช้ระบบ outsource และ insource ระบบ supply chain etc
หนังสือเล่มนี้ให้ความสำคัญไปที่ประเทศจีน และอินเดียมากพอสมควรเลย ฉะนั้นถ้าท่านใดอยากลองศึกษาเรื่องราวการพัฒนาประเทศของ 2 ยักษ์ใหญ่นี้ก็สามารถลองไปหยิบมาอ่านดูได้ (แล้วจะทำให้รู้สึกว่าเราในฐานะคนไทยก็คงต้องรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ มากขึ้นเหมือนกันหลังจากนี้) ทั้งนี้การพัฒนาของทั้งสองประเทศดังกล่าวน่าจะทำให้อเมริการพี่บิ๊กเบิ้มเดือดร้อนได้เหมือนกันถ้าไม่ปรับตัว
ต่อมาเค้าก็พูดถึงเรื่องว่าอเมริกาจะอยู่รอดได้อย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจมากคือเรื่องของการศึกษาที่ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ เริ่มต้นใหม่ได้แล้ว (ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองไทยนะครับ)
อย่างไรก็ตามโลกในลักษณะดังกล่าวนอกจากมีคุณแล้วก็ยังมีโทษด้วยเช่นกัน โดยได้ยกตัวอย่างของการก่อการร้ายที่ได้ใช้การพัฒนาดังกล่าวมาใช้ในทางที่ทำให้เกิดความเสียหาย และอาจทำให้โลกมันไม่แบนอีกต่อไป
ท่านใดได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็รบกวนมาช่วยแชร์ความคิดเห็นกันบ้างนะครับ
Enjoy reading ครับ
Impossible is Nothing
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 2
ใครแนะนำท่านมนอีกทีละ อิ อิ
สารภาพว่ายังอ่านไม่จบเลย
เหลืออีกหนึ่งในสี่
ช่วงแรกๆอ่านสนุก ลุกนั่งสบาย
เพราะใช้ภาษาง่ายๆ
เป็นเรื่องใกล้ตัว
โดยเฉพาะการพูดถึงไอทีและเอาท์ซอร์ส
ช่วงหลังจะพูดถึงอเมริกาว่าต้องปรับตัวอย่างไร
ถึงจะแข่งขันได้ในระดับโลก
ถึงตอนนี้เหลืออีกหน่อยยังอ่านไม่จบ
เลยยังไม่มีข้อสรุป
สารภาพว่ายังอ่านไม่จบเลย
เหลืออีกหนึ่งในสี่
ช่วงแรกๆอ่านสนุก ลุกนั่งสบาย
เพราะใช้ภาษาง่ายๆ
เป็นเรื่องใกล้ตัว
โดยเฉพาะการพูดถึงไอทีและเอาท์ซอร์ส
ช่วงหลังจะพูดถึงอเมริกาว่าต้องปรับตัวอย่างไร
ถึงจะแข่งขันได้ในระดับโลก
ถึงตอนนี้เหลืออีกหน่อยยังอ่านไม่จบ
เลยยังไม่มีข้อสรุป
-
- Verified User
- โพสต์: 250
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 4
เพิ่งเริ่มอ่านครับ...
แต่เป็นฉบับแปลของคุณรอฮีม ปรามาท
อ่านแล้วสนุกในเนื้อหา จนวางไม่ลงเลยครับ....
เดี๋ยวจะกลับไปอ่านต่อ....
*** ผมชอบหนังสือแนววิทยาศาสตร์ที่คุณรอฮีมแปลอยู่หลายๆเล่ม ส่วนตัวไม่เคยรู้จัก แต่รู้สึกชื่นชมว่ายังพอมีนักแปลเกี่ยวกับงานด้านนี้ให้เด็กๆได้พอหาอ่านหนังสือต่างประเทศ ฉบับภาษาไทยครับ ***
แต่เป็นฉบับแปลของคุณรอฮีม ปรามาท
อ่านแล้วสนุกในเนื้อหา จนวางไม่ลงเลยครับ....
เดี๋ยวจะกลับไปอ่านต่อ....
*** ผมชอบหนังสือแนววิทยาศาสตร์ที่คุณรอฮีมแปลอยู่หลายๆเล่ม ส่วนตัวไม่เคยรู้จัก แต่รู้สึกชื่นชมว่ายังพอมีนักแปลเกี่ยวกับงานด้านนี้ให้เด็กๆได้พอหาอ่านหนังสือต่างประเทศ ฉบับภาษาไทยครับ ***
-
- Verified User
- โพสต์: 250
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 6
เข้าใจว่าหนังสือต้นฉบับหนาพอสมควร จึงมีการแบ่งแปลออกมาเป็น 2 เล่ม เพื่อให้มีกำไรจากการจำหน่ายบ้าง
คิดว่าเล่มที่ 2 ยังไม่ออกจำหน่าย :roll: แต่ตอนนี้กำลังอ่านเล่มที่ 1 อยู่ครับ
ยินดีที่รู้จักครับคุณQVIXOTE สำหรับคอหนังสือในแนวเดียวกัน
คิดว่าเล่มที่ 2 ยังไม่ออกจำหน่าย :roll: แต่ตอนนี้กำลังอ่านเล่มที่ 1 อยู่ครับ
ยินดีที่รู้จักครับคุณQVIXOTE สำหรับคอหนังสือในแนวเดียวกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 8
อ่านไปหน่อยนึง มีพูดถึง Tom Grosser CEO ของ Reuters ด้วย ต้องขอบคุณ CEO คนนี้ที่ทำให้ผมมีงานทำเลยนะเนี่ย
I do not sleep. I dream.
-
- Verified User
- โพสต์: 158
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 9
อ่านเกือบจบแล้วค่ะ เหลืออีกไม่กี่หน้าเอง สนุกมาก พยายามแนะนำให้เพื่อนๆอ่านต่อ แต่ไม่ค่อยจะสนใจกันเลย
ไปถามตอนงานหนังสือ ที่สำนักพิมพ์เค้าบอกว่าเล่ม2 จะออกเดือนมกราคม ค่ะ
ตอนนี้มีใครเห็นว่าเมืองไทยมี insource บ้างรึยังคะ
ไปถามตอนงานหนังสือ ที่สำนักพิมพ์เค้าบอกว่าเล่ม2 จะออกเดือนมกราคม ค่ะ
ตอนนี้มีใครเห็นว่าเมืองไทยมี insource บ้างรึยังคะ
- oo
- Verified User
- โพสต์: 125
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 10
ฟังที่คุณ Woody เล่า แล้วคล้ายๆกับ หนังสือเรื่องจุดเปลี่ยนประเทศไทย เศรษฐกิจพอเพียงในกระแสโลกาภิวัฒน์ ของ ดร.สุวิทย์ เมษิณทรีย์ เลยครับ สงสัยคงเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศต่างๆในโลกและโลกาภิวัฒน์เหมือนกัน ไว้จะไปหามาอ่านบ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 12
เล่มสองที่แปลหรือเปล่าครับ ? ถ้าใช่ว่าแต่เล่มหนึ่งที่แปลมันจบที่บทเท่าไหร่หรือครับZenDai เขียน:เป็นหนังสือที่ให้แง่คิดดีๆหลายด้ายครับ กำลังรออ่านเล่มสองอยู่ ไม่รู้ออกเมื่อไหร่ หวังว่าคงจะดีเหมือนเล่มแรกนะ มีใครพอจะเดาเนื้อหาเล่มสองได้ไหมครับ (เพื่อความตื่นเต้น)
Impossible is Nothing
- ISUZU
- Verified User
- โพสต์: 179
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 13
woody เขียน: เล่มสองที่แปลหรือเปล่าครับ ? ถ้าใช่ว่าแต่เล่มหนึ่งที่แปลมันจบที่บทเท่าไหร่หรือครับ
คำถามแรก เห็นข้างบน คุณ oaaa19 ไปถามตอนงานหนังสือ ที่สำนักพิมพ์เค้าบอกว่าเล่ม2 จะออกเดือนมกราคมครับ
ส่วนบทสุดท้าย ของเล่มที่หนึ่งคือ Steroids ครับ ข้อสังเกตุ ทำไมใช้เวลาอ่านบทแรกๆจะยาว
แต่ยิ่งบทท้าย เนื้อหายิ่งสั้น แต่ก็ยอมรับว่าดีมาก จนอยากไปอยู่ญี่ปุ่นเลยครับ..
แถมหน้าสุดท้าย มีโฆษณา FREAKONOMICS ด้วยครับ อยากอ่านมาก ไม่รู้แปลเสร็จเมื่อไหร่
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 16
_________
-
- Verified User
- โพสต์: 1231
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 23
อยากจะบอกว่าเป็นเล่มบังคับ ที่นักลงทุนต้องอ่าน
และต้องอ่านให้จบ เพราะ เรื่อง it ,เรี่อง outsource ซึ่งเป็นบทแรกๆ เป็นสิ่งที่กำลังเกิดอยู่
แต่ซัพพลายเชน ของ walmart ,กับ insource ของ UPS ซึ่งเป็นบทท้ายๆ เป็นอะไรที่ตะลึงตึงตึงมาก
และต้องอ่านให้จบ เพราะ เรื่อง it ,เรี่อง outsource ซึ่งเป็นบทแรกๆ เป็นสิ่งที่กำลังเกิดอยู่
แต่ซัพพลายเชน ของ walmart ,กับ insource ของ UPS ซึ่งเป็นบทท้ายๆ เป็นอะไรที่ตะลึงตึงตึงมาก
- ก้อนหิน
- Verified User
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 25
จำสำนักพิมพ์ไม่ได้อะครับ แต่อยู่ Zone C ชั้นล่าง เดินลงไป block ที่ 2 เลี้ยวขวาครับ เดี๋ยววันจันทร์ไปซื้อจะมา Confirm สถานที่อีกทีครับmongkol เขียน:สำนักพิมพ์ อะไร คับ อยุ่ตรงไหน ในงานหนังสือครับ ผมกะลังจะไปอยู่เลย ตอนนี้รวบรวมหนังสือน่าอ่านอยู่ครับ
สงสัยเห็นที เงินเดือนๆ นี้ ต้องใช้บูชา ความรุ้ซะแล้ว
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 26
สำนักพิมพ์ V-Learn ครับ
สามารถขอแผนที่แบบที่เป็นสี (กระดาษอาร์ตมัน) ด้านหนึ่งจะเป็นแผนที่
อีกด้านจะเป็นโฆษณาหนังสือใหม่ของสำนักพิมพ์ต่างๆซึ่งจะมีบอกชื่อ
Boot ของสำนักพิมพ์นั้นๆอยู่พร้อมที่ตั้งด้วยครับ จะทำให้หาง่ายมาก
World is flat 2 หน้าปกสีสวยมากครับสีเหมือนชาเย็นเปี๊ยบเลยอะ ชอบมาก
ครับ
สามารถขอแผนที่แบบที่เป็นสี (กระดาษอาร์ตมัน) ด้านหนึ่งจะเป็นแผนที่
อีกด้านจะเป็นโฆษณาหนังสือใหม่ของสำนักพิมพ์ต่างๆซึ่งจะมีบอกชื่อ
Boot ของสำนักพิมพ์นั้นๆอยู่พร้อมที่ตั้งด้วยครับ จะทำให้หาง่ายมาก
World is flat 2 หน้าปกสีสวยมากครับสีเหมือนชาเย็นเปี๊ยบเลยอะ ชอบมาก
ครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1256
- ผู้ติดตาม: 0
The world is flat
โพสต์ที่ 30
"Price is what you pay. Value is what you get."