หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง Fun

ขุมทรัพย์ทางปัญญา แนะนำหนังสือน่าอ่านสำหรับนักลงทุน ทั้งเรื่องหุ้น การลงทุน และอื่นๆ (ท่านที่ยังโพสต์แนะนำไม่ได้ ให้โพสต์แนะนำใน ห้องนั่งเล่น (Miscellaneous เดิม) หรือ ห้อง Value Investing ผู้ดูแลจะย้ายกระทู้และมอบสิทธิ์ให้ท่านครับ)

โพสต์ โพสต์
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง Fun

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ
หนังสือหุ้นเชิงปัจจัยพื้นฐานที่อ่านสนุก เข้าใจง่ายที่สุด และนำไปใช้งานได้จริง!
ผู้เขียน อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง Fundamental VI), ติงลี่

รายละเอียดหนังสือ
ISBN : 9786167752105 (ปกอ่อน) 256 หน้า
ขนาดรูปเล่ม : 145 x 209 x 14 มม.
น้ำหนัก : 315 กรัม
เนื้อในพิมพ์ : ขาว-ดำ (สีเดียว) / สี
ชนิดกระดาษ : กระดาษถนอมสายตา
สำนักพิมพ์ : สต็อคทูมอร์โรว์, สนพ.

เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือเล่มนี้เป็นจุดเริ่มต้นของนักลงทุนหุ้นทุกคนที่สนใจในแนวทางการลงทุนสู่ระดับเศรษฐี หลายคนที่อนาคตอาจเป็นนักลงทุนวีไอ และรวยมากๆ อาจจะเริ่มต้นจากจุดนี้ และมันเป็นเสน่ห์ของตลาดหุ้นที่คำว่า "มูลค่า" และ "ราคา" ไม่ได้แปะติดกันตลอดเวลา ประกอบกับ "ตลาดหุ้นเป็นเรื่องของการซื้ออนาคต" ล้วนๆ เมื่อนักลงทุน เห็นอนาคตดีๆ ในบริษัท ก็จะยอมให้ราคาแพงๆ กับหุ้นในปัจจุบัน ตรงกันข้ามหากนักลงทุนมองบริษัทมีอนาคตมืดมน ราคาก็ลดลงมา เพราะเชื่อว่ามูลค่าของบริษัทจะลดลงในอนาคต ตอนนี้ก็ตัดราคากันไป

แล้วอะไรล่ะคือมูลค่า? "ติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ" เล่มนี้ ได้ถ่ายทอดวิธีการหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นได้อย่างดีเยี่ยม ควบคู่ไปกับแนวคิดแบบวีไอ และนอกจากวิชา Fundamental แล้ว ยังผสมผสานกับการแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการลงทุนได้อย่างกลมกลืน อ่านสนุก เข้าใจง่าย และงานได้จริง ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงของผู้เขียนกว่า 12 ปี ในตลาดหลักทรัพย์กับการลงทุนแนวเน้นคุณค่า ที่จะทำให้คุณ...มั่งคั่ง อย่าง...ยั่งยืน!!!

สารบัญ
1. ทำไมต้องเป็น Fundamental VI?
2. วีไอ=ชาวสวนยาง=นักวิ่งมาราธอน
3. เราเป็นนักลงทุนแบบใด?
4. นักลงทุนควรมี "แนวทางการลงทุน" หรือไม่?
5. "เล่นเก็งกำไร" คือ "เล่นท่ายาก"
6. จงสะสมสินทรัพย์สร้างกระแสเงินสด
7. วีไอระดับตำนานเขาเรียนจบอะไรกัน?
8. รู้จักวีไอระดับตำนาน
9. ถามตัวเองทุกครั้งก่อนซื้อหุ้น
10. วัดมูลค่าโรนัลโด้
ฯลฯ

คำนิยม
หนังสือเล่มนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่และคนอย่างผมที่ชอบที่จะเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่ได้สาระและเนื้อหาอย่างเต็มเปี่ยมไปพร้อมกัน"
-- ธนา เธียรอัจฉริยะ --

ถือเป็นตำราแนะนำวิธีการลงทุนหุ้นแบบ VI ที่นักลงทุนทุกคนต้องมีไว้ติดตัวครับ เพราะถ่ายทอดผ่านคำอธิบายอย่างตรงไปตรงมา ใช้ตัวอย่างที่ใกล้ตัว เข้าใจง่าย
-- ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ --
ผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 2

โพสต์

pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

image.jpg
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อยากรวยหุ้น 'อย่าโลภ''นิ้วโป้ง' อธิป กีรติพิชญ์
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)

Monday, June 17, 2013 07:45


วิถีแห่งการลงทุนแบบ Fundamental VI ของ "นิวโป้ง" อธิป กีรติพิชญ์ เจ้าของพอร์ตหุ้นมูลค่าหลักสิบล้าน ได้รับการถ่ายทอดมาตังแต่วัยเยาว์จากผู้พ่อเชือสายจีนไหหลำทีโล้สำเภาจากเมืองจีนมาเมืองไทย
ศาสตร์ทีเขาใช้วิเคราะห์หุ้น เตือนเม่าน้อยอย่ามัวแต่ดูกระจกหลัง โดยไม่มองไปข้างหน้า ต้องพิจารณาสิงทีควรระมัดระวัง วิเคราะห์ธุรกิจ ,วิเคราะห์อุตสาหกรรม ,วิเคราะห์กิจการเชิงคุณภาพ ,วิเคราะห์กิจการเชิงปริมาณ และข้อสุดท้ายวิเคราะห์ความสามารถของผู้บริหาร
ที่สำคัญ ลงทุนหุ้น อย่าโลภ ท่องไว้ให้ขึนใจ !!
เมื่อ "ดีเอ็นเอ" เลิฟการลงทุนของพ่อต่อสายตรงถึงลูก "นิ้วโป้ง" อธิป กีรติพิชญ์ นักลงทุนแนว Fundamental VI ไม่รอช้าควักเงินตั้งต้นหลักแสนลงหุ้น ปัจจุบันพอร์ตแตะ 8 หลัก เบา เบาเลือดพ่อแรง!!
วิถีแห่งการลงทุนแบบ Fundamental VI ของ "นิ้วโป้ง" อธิป กีรติพิชญ์ เจ้าของพอร์ตหุ้นมูลค่าหลักสิบล้าน ในฐานะวิทยากรสอนคอร์สสัมมนา "ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน Value/Growth Investor" ประจำ Stock2Morrow ได้รับการถ่ายทอดมาตั้งแต่วัยเยาว์จากผู้เป็นพ่อเชื้อสายจีนไหหลำที่โล้เรือสำเภาจากเมืองจีนมาเมืองไทย
"กิจการค้าไม้แถวบางโพธิ์" ถือเป็นอาชีพหลักที่พ่อใช้หาเงินเลี้ยงคนในครอบครัว ก่อนจะผลันตัวเองมาเป็น "นักสะสมที่ดิน" เชื่อหรือไม่?! ที่ดินผืนแรกที่พ่อควักเงินสดๆซื้อมา ยังคงอยู่เป็นสมบัติประจำตระกูล เพียงแต่แปลงสภาพ จากที่ดินเปล่าเป็น "อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า" หวังให้ลูกๆ เก็บกินดอกผล ปัจจุบันครอบครัวได้ส่งไม้ต่อให้น้องสาวคนสุดท้อง จากพี่น้องทั้งหมด 3 คน รับหน้าที่ "กงสี" ดูแลธุรกิจค้าไม้และอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าต่อไป เมื่อชีวิตต้องการ "อิสรภาพทางการเงิน" ทำให้เจ้าของแฟนเพจ "นิ้วโป้ง Fundamental VI"ใน Facebook ที่มีคนกดไลท์ 6,200 คน ภายในระยะเวลาเกือบ 3 เดือน ตัดสินใจเข้ามา "ลองผิด-ถูก" ในตลาดหุ้น แม้ครั้งหนึ่งผู้เป็นพ่อ จะเคยห้ามปราม หลังเคย "ขาดทุนหนัก" จากหุ้น ธนาคารนครหลวงไทย หลังโดนวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 ถล่มยับ
"ตลาดหุ้นไม่ดี เมื่อเกิดวิกฤติ หุ้นจะมีมูลค่าเป็นศูนย์ทันที ไม่เหมือนที่ดิน มูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี" คำสอนของพ่อ "นิ้วโป้ง""พ่อนี่แหละไอดอลแห่งการลงทุน" อาจารย์โป้ง เปิดบทสนทนากับ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" พ่อไม่เคยกู้เงินมาลงทุน บ้านเราไม่เคยมีหนี้ ซื้อทุกอย่างด้วยเงินสด คนจีนสมัยก่อนเป็นเยี่ยงนี้ละ วิถีการลงทุนอย่างเป็น "ธรรมชาติ" ของพ่อ สอนให้บรรดาลูกๆ ซึมซับโดยไม่รู้ตัว ก่อนท่านจะเสียชีวิตเมื่อปีก่อนท่านเพิ่งซื้อโกดังแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง แถวรัตนาธิเบศ หวังให้เป็นสมบัติของครอบครัว (ยิ้ม)
"ขยัน อดทน ประหยัด" พ่อพูดกล่อมลูกทุกคน "นิ้วโป้ง" สถบ..
ก่อนซื้อที่ดิน ครอบครัวเราจะหาข้อมูลทุกอย่าง เรียกว่า "ครอบจักรวาล" ถ้าเปรียบการลงทุนที่ดินเป็นหุ้น ก็เหมือนเราเป็น "นักลงทุน แนว VI " อย่างแรกต้องนำโฉนดที่ดินมาเช็คหมายเลข สำรวจราคาขายที่ดิน จากนั้นเราจะยกครอบครัวไปขับรถวนดูที่ดิน "เช้า-บ่าย-ค่ำ"ขั้นตอนสุดท้าย คือ "ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์" ครอบครัวเรานับถือ "ศาลเจ้าพ่อเสือ" บริเวณเสาชิงช้า ถ้าผล "เสี่ยงเซียมซี" ออกมาอย่างไร ก็ว่าไปตามนั้น (ความเชื่อส่วนบุคคล)
"นิ้วโป้ง" ย้อนประวัติฉบับย่อให้ฟังว่า หลังเรียนจบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก็ไปต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงนั้นได้เริ่มต้นชีวิต "มุนษย์เงินเดือน" ตำแหน่งวิศวกร ใน "ทีทีแอนด์ที" (TT&T) หน้าที่หลักลากสายโทรศัพท์อยู่แถวเชียงใหม่ และภาคกลาง
ทำอยู่ 4 ปี ก็ลาออกไปทำงานเป็นผู้จัดการโครงการใน Siemens ตอนโน้นอุตสาหกรรมสื่อสาร "พีคมาก"จากนั้นไม่นานก็ออกไปทำ "หัวเหว่ย" 5 ปี ตอนนี้นั่งทำงานในตำแหน่งวิศวกรรม ณ บริษัทสื่อสารรายใหญ่แห่งหนึ่ง ไม่อยากเปิดเผยชื่อที่ทำงาน เพราะเวลาพูดถึงชื่อหุ้นตัวนี้ เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าเชียร์ออกนอกหน้า (ยิ้ม) เมื่อปี 2543 เคยเปิดโรงเรียนกวดวิชาชื่อ "ติวเตอร์ไทยดอทคอม"
เริ่มรู้จักการลงทุนในตลาดหุ้นครั้งแรก เมื่อปี 2544 ก่อนเหตุการณ์ 911 เพียง 2 เดือน "หนังสือตีแตก" ของ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" นี่แหละตัวจุดประกายความอยากเป็นนักลงทุนแนววีไอ (ยิ้ม) ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน ไม่เคยมีใครพูดถึงตลาดหุ้นในแง่ที่ว่า "ซื้อหุ้นเหมือนการลงทุนในธุรกิจ" ทุกคนจะได้ยินเพียงว่า"ซื้อให้ว่อง ออกให้ไว หรือ ซื้อเช้า ขายเย็น เป็นค่ากับข้าว" (หัวเราะ) อ่านจบปุ๊บ! หอบเงิน 100,000 บาท ไปเปิดพอร์ตลงทุนกับบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เลือกจิ้มหุ้น เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ในราคา 5 บาท เป็นตัวแรก ช่วงนั้นมั่นใจมาก (ลากเสียงยาว) เพราะวิเคราะห์ทุกอย่างมาดี "เรียกว่า ตามหลักแนววีไอเป๊ะ!!" พื้นฐานดี ค่า P/E 7-8 เท่า และมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่ำๆ
ถือได้ 2 เดือน ราคาหุ้น CPF เหลือแค่ 3 บาทกว่าๆ ทำให้พอร์ตการลงทุนช่วงแรกติดลบทันที 38% ทันที "พลาดท่า" เพราะเราไม่กระจายความเสี่ยงของพอร์ต ทุ่มเงินไปในหุ้นตัวเดียว แถมยังซื้อหุ้นตัวเดียวด้วยเงินสดเพียงไม้เดียว ทำให้ไม่มีโอกาสแก้ตัว
ที่สำคัญเรามัวแต่ดูกระจกหลัง โดยไม่มอง ไปข้างหน้า อธิบายง่ายๆ เราไม่พิจารณาสิ่งที่ควรระมัดระวัง ตอนนั้นหุ้น CPF เจอเหตุการณ์ 911 เล่นงานหนัก แถม "ซวยซ้ำหนัก" อีกรอบ จาก เหตุการณ์ไข้หวัดนก โรคที่ยังไม่มีใครรู้จัก ผ่านมา ไม่นานเจอกีดกันภาษีอีก โอ๊ย! ข่าวร้าย 3 เด้ง บอกตรงๆ ตอนนั้นไม่เหลียวดูหุ้น CPF เลย ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นหละ สงสัยจะติดนิสัยขายของยากเหมือนพ่อ (หัวเราะ) บนความโชคร้ายยังมีโชคดีซ่อนอยู่ "ผมได้เงินปันผลคืนกลับมาจากหุ้น CPF มากกว่าปีละ 1 ครั้ง เรียกว่าชนะดอกเบี้ยเงินฝาก แม้ราคาหุ้น CPF จะ "นอนหนาวบนยอดดอยแต่ก็ยังดีที่เขาให้ความอบอุ่นเราด้วยเงินปันผล"
ถือหุ้น CPF มา 4 ปี ตัดใจขายในราคา 7 บาท ตอนนั้นต้องนำเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ทำให้ช่วงนั้นจำต้องเน้นลงทุนเล็กๆน้อย หนักไปทางซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพราะทำงานประจำไม่มีเวลาส่องตลาดหุ้น
ถามถึงกลยุทธ์สอยหุ้นเข้าพอร์ต? เขาตอบว่า เมื่อก่อนเคยปันใจอยากใช้กราฟเป็น ตัวช่วย ศึกษาไปสักพัก รู้เลยไม่ใช่ตัวเรา เล่นกราฟต้องมี "จุดซื้อ-จุดขาย" ฉะนั้น "หุ้นพื้นฐาน"ดูจะเหมาะกับจริตของเรามากกว่า เมื่อก่อน ดูแต่งบการเงินอย่างเดียว พักหลังอายุมากขึ้น ผ่านอะไรมาเยอะแยะ จำต้องเปลี่ยนแนวมาวิเคราะห์หุ้นเชิงคุณภาพมากขึ้น
ลงทุนหุ้น อย่าโลภ ท่องไว้ให้ขึ้นใจ!ก่อนช้อนหุ้นสักตัวจะพิจารณา 5 ปัจจัยหลัก คือ 1.วิเคราะห์ธุรกิจ เน้นดูความขั้นเทพของธุรกิจ เช่น พูดชื่อมาแล้วผู้บริโภครู้จัก 2.วิเคราะห์อุตสาหกรรม ดูเรื่องการแข่งขันเป็นหลัก 3.วิเคราะห์กิจการเชิงคุณภาพ ด้วยการส่องเรื่องราวในอดีต เขาเติบโตด้วยอะไร 4.วิเคราะห์กิจการเชิงปริมาณ ด้วยการสำรวจงบการเงิน งบดุล กำไรขาดทุน ข้อสุดท้ายดูความสามารถของผู้บริหาร เขาต้องอธิบายความเป็นตัวตนของบริษัทได้อย่างดี
ก่อนซื้อต้องหมั่นถามตัวเองว่า "โลภหรือเปล่า" ที่ผ่านมาใช้เวลาดูหุ้นก่อนตัดสินใจช้อนค่อนข้างนาน เพราะสัดส่วนการลงทุนอยู่ในรูปของหุ้นมากถึง 80% ที่เหลือเป็นเงินสด 20%
เขา เล่าต่อว่า ส่วนตัวจะแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 พอร์ต คือ พอร์ตออมหุ้น โดยจะซื้อหุ้นเข้าพอร์ต 10-20% ทุกๆ วันที่ 20 ของทุก
เดือน ตอนนี้มีหุ้นอยู่ 7-8 ตัว แบ่งเป็น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มอาหาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มประกันชีวิต
"ผมจัดพอร์ตลงทุนเหมือนจัดทีมฟุตบอล ในทีมต้องมีคนเก่งหลากหลายแนว"
จริงๆ ไม่เคยคาดหวังผลตอบแทนมากมาย ขอแค่พอร์ตออมหุ้นเติบโตปีละ 15% ก็ "หรูหรา" แล้ว ตั้งใจจะซื้อหุ้นเติมเรื่อยๆ จนถึงอายุ 60 ปี ที่ผ่านมามักรีวิวพอร์ตออมหุ้นปีละ 2 ครั้ง ผมหวังว่าเงินลงทุนปีที่ 1 จะเติบโตเป็น 16 เท่า ในอีก 20 ปี ข้างหน้า พอร์ตหุ้นจะเกิดเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสด นี่คือความ "มหัศจรรย์" ของกำไรทบต้น อีกพอร์ตเป็น "พอร์ตเงินก้อน" เราต้องหาจังหวะเหมาะสมเข้าลงทุน ยกตัวอย่าง เช่น หุ้น พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) เพิ่งเข้าไปซื้อช่วงเหตุการณ์ น้ำท่วมปลายปี 2554 เล็งหุ้นตัวนี้มานาน แต่ไม่มี จังหวะ เมื่อสบโอกาสจึงนำเงินที่กั้นไว้ส่วนหนึ่ง มาลงทุน ทุกวันนี้ยังไม่ได้ขายหุ้น PS เลย เชื่อป่ะ!
"ผมเล่นหุ้นตามกระแสเงินสดที่มี ทำให้สามารถโกยผลตอบแทนจากราคาหุ้นและเงินปันผลได้แล้ว 50% จากนี้ไปขอแค่พอร์ตเติบโตปีละ 15% ทบต้นก็พอแล้ว แม้จะประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่ครั้งหนึ่งก็เคย "เจ็บหนัก"เพราะหุ้น บ้านปู (BANPU)"
"นิ้วโป้ง" ปิดท้ายบทสนทนาด้วยการพูดถึง "หุ้นสื่อสาร" ว่า ปลื้มหุ้นกลุ่มนี้มากๆ ด้วยความที่คลุกคลีในแวดวงสื่อสารมานานกว่า 10 ปี ทำให้รู้จักทุกซอกทุกมุม ครั้งแรกที่รู้จักหุ้น แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ราคาซื้อขายที่ 38 บาท วันนี้ทะยาน 270-280 บาทแล้ว
หุ้นลักษณะนี้ หลายคนเรียกว่า "Growth Stock" (หุ้นเติบโต) "ผมเพิ่งขายหุ้น ADVANC ไปเมื่อปี 2549 ตอนนั้นต้องใช้เงินซื้อเรือนหอ" ใครซื้อหุ้น ADVANC รับรองไม่มี "ขาดทุน"เพราะเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ แถม ผลประกอบการยังเติบโตดีสม่ำเสมอ
หากคุณลงมือสำรวจหุ้นสักหนึ่งตัว แล้วพบว่าหุ้นตัวนั้นมีมูลค่าแท้จริงสูง ประกอบกับเวลาเหมาะสม ขอจงอย่ารีรอ...
'ผมเล่นหุ้นตามกระแสเงินสดที่มี ทำให้สามารถโกยผลตอบแทนจากราคาหุ้นและเงินปันผลได้แล้ว 50%'
ติวหุ้นรวยด้วยวีไอ
หนังสือเล่มแรกในชีวิต
ของ"นิ้วโป้ง" อธิป กีรติพิชญ์"ผมภูมิใจนำเสนอพ็อกเก็ตบุ๊คที่พิมพ์กับสำนักพิมพ์สต็อคทูมอร์โรว์เล่มนี้มาก ในหนังสือจะบอกเล่าเรื่องหุ้นเชิงปัจจัยพื้นฐาน "รับรองอ่านสนุก เข้าใจง่ายที่สุด นำไปใช้งานได้จริง"
หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นได้ต้องขอบคุณ "ป้อม" ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา" ประธานกรรมการบริหาร Stock 2Morrow ใครอ่านรับรองคุ้มเพราะจะถ่ายทอดประสบการณ์การลงทุนแนวเน้นคุณค่าตลอด 12 ปี "ผมเชื่อว่านักลงทุนวีไอที่รวยมากๆ อาจมีจุดเริ่มต้นคล้ายๆ กัน" ตลาดหุ้นเป็นเรื่องของการซื้ออนาคต เมื่อเห็นว่าวันข้างหน้าจะมีแต่เรื่องดีๆ ทุกคนย่อมตีค่าตีราคาหุ้นตัวนั้นสูง ลองอ่านดูเถอะ ไม่อยากเล่าเยอะ
ครั้งหนึ่งเคยเล่า "ความฝัน" ให้คุณป้อมฟังว่า อยากเห็น Stock-2Morrow เป็นศูนย์กลางของการลงทุน สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเห็นใครในตลาดหุ้นทำ คือ หาคนที่มีความรู้จริงๆ ในอุตสาหกรรมนั้นๆมาบอกเล่าเรื่องราวที่เคยพบเจอให้นักลงทุนรายย่อยฟัง อีกไม่กี่เดือนเราจะจัดงานสัมมนา รับรองงานนี้จะมีแต่ กูรูเก่งๆ มาเล่าโน่นนี่ให้ฟัง
บรรยายใต้ภาพ
อธิป กีรติพิชญ์--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rabbitz
Verified User
โพสต์: 61
ผู้ติดตาม: 0

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ใครอ่านแล้วเป็นยังไงบ้างครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
koh
Verified User
โพสต์: 273
ผู้ติดตาม: 0

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 6

โพสต์

สำนักพิมพ์นี้ วีไอเยอะจริง
iamtherang
Verified User
โพสต์: 337
ผู้ติดตาม: 0

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมไปสอยมาแล้วครับ อ่านง่ายแล้วก็สนุกดีครับ สามารถนำมาปรับใช้ในการประเมินมูลค่าได้เลย(แต่ก็แค่เบื้องต้นนะครับ) แต่ว่าเนื้อหาอาจจะไม่ละเอียดมากนะครับ
tigerroad197
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="iamtherang"]ผมไปสอยมาแล้วครับ อ่านง่ายแล้วก็สนุกดีครับ สามารถนำมาปรับใช้ในการประเมินมูลค่าได้เลย(แต่ก็แค่เบื้องต้นนะครับ) แต่ว่าเนื้อหาอาจจะไม่ละเอียดมากนะครับ[/quote]

ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อนะครับ แต่พอเปิดอ่านบทที่ว่าด้วยเรื่องของ DCF ที่เขียนแบบคร่าว ๆ แล้วบอกให้ไปหาอ่านรายละเอียดจาก ห้องสมุดมารวย ก็เลยไม่ได้ซื้อครับ

เพราะคนเขียนเขาแนะนำให้ไปหาอ่านจาก ห้องสมุดมารวย แล้วไงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kissme
Verified User
โพสต์: 1237
ผู้ติดตาม: 0

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ตามอ่านแนวคิดเค้าในเฟสบุคประจำครับ เป็นคนที่มุมมองเจ๋งดี ชอบครับ ได้อุดหนุนแน่นอน ^_^
harikung
Verified User
โพสต์: 2232
ผู้ติดตาม: 0

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ซื้อมาอ่านแล้วครับ เหมาะสำหรับviมือใหม่หน่อยครับ ท่านที่อ่านหนังสือมาอย่างโชกโชนอาจจะไม่จำเป็น ผมว่าแกเขียนดีกว่าคนในค่ายอีกนะ
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ตะลุยช้อปของถูกวัน 'หุ้นดิ่ง'ภารกิจใหญ่ 5 เก๋าตลาดหุ้น
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)

Monday, June 24, 2013 07:47


ขาใหญ่ไล่เก็บของถูก!! ปฏิกิริยานีเกิดขึนในช่วงที "เม่าน้อยมือใหม่" กุมขมับ หลังตลาดหุ้นไทย "หล่นตุ๊บ" 125 จุด หรือ 8.1% มูลค่าซือขายเฉลียต่อวัน 56,872 ล้านบาท ติดต่อกัน 3 วันรวด (11-13 มิ.ย.2556) มือสมัครเล่นอารมณ์บ่จอย แต่รุ่นเก๋าสบายๆ
"ห้าอรหันต์เรืองหุ้น" ยืดอกยอมรับ ช่วง 3 วันทีตลาดหุ้นร่วง ทยอยสอยหุ้นตัวเดิมๆพืนฐานเริดๆ เข้าพอร์ต "6 เดือนของปี 56 โกยผลตอบแทนชิลๆ 10-20%"
นีเป็นจังหวะเก็บหุ้นพืนฐานดีทีมีผลประกอบการแข็งแกร่ง แต่ต้องทยอยลงทุน
"ห้าอรหันต์เรื่องหุ้น" ยืดอกยอมรับ ช่วง 3 วันที่ตลาดหุ้นร่วง 125 จุด (11-13 มิ.ย.) ทยอยสอยหุ้นตัวเดิมๆ พื้นฐานเริ่ดๆ เข้าพอร์ต"6 เดือนของปี 56 โกยผลตอบแทนชิลๆ 10-20%"
ขาใหญ่ไล่เก็บของถูก!!
ปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นในช่วงที่ "เม่าน้อยมือใหม่" กุมขมับ หลังตลาดหุ้นไทย "หล่นตุ๊บ" 125 จุด หรือ 8.1% มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 56,872 ล้านบาท ติดต่อกัน 3 วันรวด (11-13 มิ.ย.2556) "มือสมัครเล่นอารมณ์บ่จอย แต่รุ่นเก๋าสบายๆ" "หลิน" วีระพงษ์ ธัม กรรมการสมาคม นักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) สถบ
หุ้นไทยรูด 3 วัน "นก" จรัมพร โชติกเสถียรกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย (ตลท.) รีบออกมานั่งโต๊ะแถลงข่าวเรียกความมั่นใจแทบทุกวัน "ขอนักลงทุนอย่าตื่นตระหนกพื้นฐานบจ.ยังดี นี่อาจเป็นโอกาสเหมาะในการช้อนหุ้นพื้นฐาน เมื่อพายุสงบทุกอย่างจะดีขึ้น" ประโยคบิ้วอารมณ์ นักลงทุนรายย่อย
ต่างชาติคงไม่ขายแล้ว!! คำพูดเรียกขวัญกำลังใจของ "ดร.ภากร ปีตธวัชชัย" รองผู้จัดการสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงินตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) "5 เดือนของปี 2556 นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิไปแล้ว 21,038 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 11,783 ล้านบาท"
"ไม่ห่วงหุ้นไทย"ตราบใดที่ผลประกอบ- การของบจ.ยังอยู่ใน เกณฑ์ที่ดี ท้ายที่สุดนักลงทุนจะกลับ เข้ามาลงทุนเหมือน เดิม "วรพล โสคติยา- นุรักษ์" เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ช่วยกระตุ้นอีกราย
"เพื่อนพ้องน้องพี่มือสมัครเล่นที่เข้ามาตลาดหุ้นช่วงสีเขียวๆ พากันนำพอร์ตสีแดงๆมาให้ช่วยแก้เพียบ เห็นแล้วน่าปวดใจแทน ทุกตัวที่ติดลบเป็นหุ้นเล่นตามสตอรี่ นาทีนี้ทำได้เพียง "ซื้อถัวเฉลี่ย" เว้นแต่ว่าใจกล้า "ขายขาดทุน" เลย "วีระพงษ์ ธัม" นักลงทุนแนววีไอ เล่าให้ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ฟัง
เพิ่งมีโอกาสได้คุยกับพี่คนหนึ่ง เขาเป็นมือใหม่ในตลาดหุ้น แต่เป็นมืออาชีพในวงการอื่น เขาช้อนหุ้น TRUE ซื้อขายได้กำไรตลอด เมื่อเริ่มมั่นใจประกอบราคาหุ้น TRUE ขึ้นไป 10 บาท เขาก็หันไปซื้อ DW พอตลาดหุ้นลงหนัก "เจ็บตัว" เลยที่นี้ ที่ผ่านมากรรมการในสมาคมฯ พยายามเตือนนักลงทุน ด้วยการโพสต์ข้อมูลขวางโลกนิดหนึ่ง ฮ่าฮ่า
"ตลาดหุ้นขึ้นบันได แต่มักลงลิฟท์ เป็นเรื่องปกติ"
ช่วงหุ้นไทยร่วงหนักๆ "ผมเป็นคนหนึ่ง ที่เข้าไปสอยหุ้นดีๆ เข้าพอร์ต ซื้อทั้งหุ้นเดิมที่มีอยู่แล้ว และหุ้นใหม่ จริงๆ เน้นเก็บหุ้นใหม่ๆมากกว่า กลยุทธ์ คือ "ซื้อไม่มาก-ทยอยซื้อ 10-20 ไม้" ในช่วงภาวะตลาดหุ้นผันผวนเช่นนี้ นักลงทุนไม่ควรใช้เงินสดทั้งหมดที่มีอยู่เข้าไปลงทุน ควรเหลือติดกระเป๋าบ้าง เพื่อความปลอดภัย
"6 เดือนแรกของปี 2556 ผลตอบแทน การลงทุนยืนแดนบวกเฉลี่ย 10% เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ปรับพอร์ตลงทุนนิดหน่อย เน้นหุ้น พื้นฐาน หุ้นที่มีความปลอดภัย"
ตลาดหุ้นไทยลดแรง เกิดจากเงินทุน ต่างชาติไหลออก ทำให้ตลาดสินทรัพย์ทั่วโลก ปั่นป่วน แถมมาเจอตัวเลขส่งออกเมืองจีนชะลอตัว ส่วนตัวไม่ค่อยกลัวเหตุผลเหล่านี้ หวั่นใจเรื่องอื่นๆ ที่ทับซ้อนอยู่แล้วเราไม่รู้ (น่ากลัวมาก) ต่างชาติขายหุ้นคงเป็นเพียงการปรับพอร์ตลงทุน
เจ้าของนามแฝง "หลินจือ" เว็บไซต์ THAIVI.COM พูดต่อว่า ช่วงหุ้นลงแรงมีโอกาสไปฟังข้อมูลของ "พีทีจี เอ็นเนอยี" (PTG) ผู้บริหารเขาจบประมง เริ่มทำธุรกิจครั้งแรกด้วยการเปิดคลังน้ำมัน เพื่อขายให้เรือประมง จากนั้นธุรกิจขยายตัวเรื่อยๆ เริ่มออกไปเติบโตภาคกลาง ภาคเหนือ
"ผมถามเขาว่าทำไมลูกค้าต้องเติม PT ปั๊มอื่นก็มี" ผู้บริหารตอบว่า ลูกค้าหลักของ เราเป็นรถบรรทุก ปั๊มอื่นไม่ค่อยต้อนรับ เพราะรถไม่ค่อยสะอาด แต่เราโบกให้เข้าเลย เชิญครับ เชิญ
ถามว่าหุ้นตัวนี้น่าสนใจมั้ย โมเดลเขาก็ดีนะ แต่ต้องยอมรับว่าธุรกิจปั๊มน้ำมันเหนื่อย การแข่งขันรุนแรง แม้เขาจะมีกำไรบางๆ แต่บริษัทบริหารต้นทุนเก่ง เขาจัดการบริหาร การขนส่งเองทั้งหมด อีกอย่างเจ้าอื่น สร้างปั๊มเอง แต่เขาเช่าและนำมาปรับปรุง ใหม่ในราคาไม่กี่ล้านบาท "ผมเล่าตาม
ผู้บริหารบอกนะไม่ได้ต้องการเชียร์หุ้น ตัวนี้แต่อย่างใด" 4-5 ปีก่อน รายได้บริษัทเติบโต 60% มีจำนวนปั๊มน้ำมัน 600 แห่ง
ตลาดหุ้นจะซึมอีกนานมั้ย บอก ไม่ได้เหมือนกัน แต่เท่าที่คุยกับผู้ใหญ่ เก่งๆ บางท่าน เขาบอกว่าคงขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้อีกสักพัก แต่คงไม่แย่จนหลุด 1,000 จุด โอกาสเห็น 1,700 จุด ช่วงนี้คง ยาก (ทำหน้าจริงจัง)
ดัชนีสวิงแบบนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน คุณเคยเล็งตัวไหนไว้หาจังหวะเก็บได้เลย ส่วนตัวหากเจอของดีราคาถูกยามนี้ยกใจให้เลย ปกติเป็นคนลงทุนหุ้นเต็มพอร์ต 100% กลยุทธ์ลงทุนเน้น "ระมัดระวัง" เคยผ่าน วิกฤติช่วงปี 2551 เข็ด (คิดแล้วสยอง) ทุกครั้งที่ลงทุน แทบไม่เคยสนใจ SET INDEX จะขึ้นหรือลงไม่ดู เน้นดูผลประกอบการของหุ้นตัวนั้นๆ เป็นหลัก หากดีจัดหนักเลย "ผมชอบหุ้นที่มีธุรกิจเติบโต อนาคตสดใส" ถ้าเข้าเกณฑ์ไม่รีรอ
"ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" ผู้เผยแพร่ การลงทุนแบบเน้นคุณค่าคนแรกของเมืองไทย บอกว่า ช่วงตลาดหุ้นผันผวนพอร์ตลงทุนไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมาย แต่จะเข้าไปซื้อ เพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มเดิมๆแต่ไม่เยอะเท่าไร เน้นหุ้นที่สัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน ถามว่าเก็บหุ้น ตัวไหนไปบ้าง "ขอไม่บอกได้มั้ยอะ" "ผมถือหุ้นระยะยาว พอร์ตไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง แต่ผลตอบแทนครึ่งปีแรก เป็นไปตามภาวะตลาด หรือมากกว่านิดหน่อย"
มองตลาดหุ้นครึ่งปีหลังอย่างไร? "ดอกเตอร์" บอกว่า ตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะผันผวนต่อไปสักระยะ ลงเยอะๆ แบบนี้คงเกิดจากสภาพคล่องทางการเงินของเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลง ทำให้กังวลว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัว นักลงทุนจึงเกิดอาการ "ตกใจ" ทำให้เทขายหุ้นออกมาจำนวนมาก
นักลงทุนยังลงทุนหุ้นได้ ดัชนียังลงไม่ลึก แต่ถ้าต่ำกว่าช่วงปลายปี 2555 ต้องระวัง ฉะนั้นยังไม่ถือว่าตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง "ผมคิดว่านี่เป็นจังหวะเก็บหุ้นพื้นฐานดีที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง แต่คุณต้องทยอยลงทุนนะ"
"นิ้วโป้ง" อธิป กีรติพิชญ์ นักลงทุนแนว Fundamental VI เล่าว่า อารมณ์ตลาดแบบนี้ ผมจะรอจังหวะเหมาะๆ เพื่อช้อนหุ้น 3 ตัว โดยเฉพาะกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มสื่อสาร ทุกวันนี้ก็นั่งดูอยู่หากวันไหนเข้าเกณฑ์ ค่า P/E ไม่เกินระดับ 8 เท่า และผลตอบแทนจากเงินปันผลชนะเงินดอกเบี้ยแบงก์ ถ้าเข้าเกณฑ์จะเริ่มวิเคราะห์พื้นฐานเชิงลึกต่อไป
"ผมเติมหุ้นเข้าพอร์ตเป็นประจำทุกเดือน" ทำไมต้องเลือกหุ้นกล่มุนี้!! เขาทำธุรกิจภายในประเทศ ไม่พึ่งพิงภาวะเศรษฐกิจโลก ฉะนั้นต่อให้ตลาดผันผวนกลุ่มเหล่านี้จะไม่โดนผลกระทบ
6 เดือนแรกของปี 2556 เลือกหุ้นถูกตัวถูกกลุ่มทำให้ผลตอบแทน "พีค" ทะลุ 50% แต่ตอนนี้ตลาดหุ้นผันผวนผลตอบแทนลดลงเหลือเฉลี่ย 10% ช่วงนี้ใครอยากเล่นหุ้นต้องทยอยซื้อ แบ่งเป็นหลายๆไม้ เต็มทีไม่ควรเกิน 3 ไม้ เว้นแต่วันที่ตลาดหุ้นผันผวนจะเล่น 5 ไม้ เน้นหุ้นปลอดภัย พื้นฐานแกร่ง ผลประกอบการดี ปันผลสูง
ตลาดหุ้นครึ่งปีหลังของปี 2556 ยอมรับยังเห็นไม่ชัด (หัวเราะ) แต่หากไม่มีเรื่องร้ายๆ เชื่อว่าสภาพคล่องยังมากอยู่ ถ้าสภาพคล่องลดลงเมื่อไร นักลงทุนอาจต้องใช้ความระมัดระวัง เลือกลงทุนหุ้นที่มีความปลอดภัยไว้ก่อน
"ป้อม" ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา นายใหญ่แห่ง Stock2Morrow เจ้าของฉายาเซียนหุ้น "ไม่เต็มบาท" บอกว่า ช่วงตลาดหุ้นลงแรงๆ ได้เข้าไปซื้อหุ้นตัวเดิมๆ ราคาลงมาเยอะ ถูกมากพูดง่ายๆ ตอนนั้นคิดในใจไม่ซื้อไม่ได้ละ เพราะพื้นฐานเขาไม่เปลี่ยน แต่ช้อนไม่มาก ก่อนเข้าไปซื้อมักทำการบ้านก่อน วันนี้มีหุ้น 4 ตัว ช่วงหุ้นร่วงเก็บเพิ่มแค่ 1 ตัว อีก 3 ตัวไม่ได้ซื้อ เพราะราคาแพง
ผลตอบแทนครึ่งปีแรกไม่มากแค่ 20% ส่วนตัวมองว่าภาวะตลาดหุ้นยังผันผวนต่อเนื่องไปอีก 1-2 สัปดาห์ เชื่อว่าจะกลับมาดีอีกครั้งหลังบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/56 "กำไร" น่าจะออกมาดีนะ "ป้อม" เชื่อ ฉะนั้นครึ่งปีหลังตลาดหุ้นมีโอกาสทำ "นิวไฮ" เซียนหุ้นคนสุดท้าย "พีรเจต สุวรรณนภาศรี" ประธานกรรมการบริหาร "ยูเนี่ยน อินทราโก้" (UIC) ในฐานะนักลงทุน VI เล่าว่า หุ้นลงไม่พลาดจะเข้าไปซื้อหุ้นตัวเดิมเพิ่มเติม ซื้อไม่เยอะเท่าไร เชื่อหรือไม่รอจังหวะซื้อมานานมากแล้ว (หัวเราะ)
"ผมแบ่งซื้อหุ้น 3 ช่วงราคา ช่วงแรกตอนดัชนีปรับลดลงมาอยู่ระดับ 1,500 จุด ครั้งที่ 2 ตอน SET INDEX อยู่ 1,400 จุด ไม้สุดท้ายซื้อตอน 1,350-1,360 จุด"
พื้นฐานเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เรียกว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอให้ซื้อหุ้นตัวเดิมๆ ได้แล้ว ตลาดหุ้นครึ่งปีหลังยังคงผันผวนต่อไป แต่ SET INDEX ยังไปต่อได้ เป้าหมาย 1,700 จุด เชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ตลาดหุ้นจะไม่ "หวือหวา" เหมือนช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ส่วนตัวมองว่าหุ้นดีๆ น่าจะอยู่ในกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง โครงการต่างๆ ของภาค รัฐบาลจะดันหุ้นกลุ่มนี้ อาทิ โครงการบริหาร จัดการน้ำ และโครงการรถไฟความเร็วสูง ส่วนกลุ่มสื่อสารบอกตรงตอนนี้ พักก่อน เพราะราคาลงมาเยอะเกินไป
ตลาดหุ้นอาการเยี่ยงนี้ สำหรับนักลงทุน "ระยะยาว" อย่าซื้อครั้งเดียวหมดให้ทยอยซื้อ รอดูจังหวะที่เหมาะสม ถ้าพื้นฐานบริษัทไม่เปลี่ยน ราคาหุ้นลงมาเยอะเข้าเลย แต่ถ้าผันผวนมากๆ เก็บเงินสดไว้บ้างก็ดี ใครชอบ "เล่นกลางๆ" 3-6 เดือน ตลาดอารมณ์นี้ถือเป็นจังหวะดี กรุณาเลือกหุ้นดีๆ พื้นฐานแกร่งๆ สำหรับ "คนเล่นสั้น" ให้เปิดกราฟราคาหุ้นแล้วเลือกจิ้มตามใจชอบ เล่นหุ้นสั้นๆ ต้องวัดดวง ดวงดีก็โชคดีไป
1 เดือนข้างหน้า ดัชนีจะเคลื่อนไหวในลักษณะ "ไซด์เวย์" (แกร่งตัวออกด้านข้าง) เพราะยังไม่มีข่าวดีอะไรมาเป็นตัวกระตุ้น เท่าที่ดูๆ อาจเป็นแบบ"ไซด์เวย์อัพ" (ปรับขึ้นเบาๆ) ตอนนี้ยังมองไม่เห็นว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวหนักๆ มีเพียง เศรษฐกิจญี่ปุ่น และจีนเท่านั้นที่ชะลอ
บรรยายใต้ภาพ
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา
วีระพงษ์ ธัม--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
KedJade
Verified User
โพสต์: 525
ผู้ติดตาม: 0

Re: หนังสือติวหุ้น...รวยด้วยวีไอ / อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง

โพสต์ที่ 12

โพสต์

อ่านเพลินดีครับ สมกับที่ผู้เขียนมีประสบการณ์เคยเป็นติวเตอร์มาก่อน สามารถอธิบายเรื่องซับซ้อนออกมาได้เข้าใจง่าย บวกตัวอย่างเสริมสิ่งที่อธิบายไป
โพสต์โพสต์