จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 1
จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์ ปัจจุบันผมยังทำงานประจำอยู่ครับ แต่งานค่อนข้างเครียดและไม่มีเวลาให้ครอบครัวเนื่องจากต้องทำงานต่างประเทศเป็นหลัก เงินเดือนเป็นหลักหลายแสน ปัจจุบันมีอิสรภาพทางการเงินแล้วครับหลังจากลงทุนมา5ปี ปันผลปีละล้านกว่าบาท เป็นคนใช้ชีวิตเรียบง่ายและประหยัดครับ ตอนนี้กำลังตัดสินใจอยากลาออกเพื่อมีเวลาให้กับลูก,ภรรยาและการลงทุนแนวviครับ อายุผม41ปีครับ แต่ยอมรับว่าเสียดายเงินเดือนมากเพราะโอกาสน้อยคนที่จะได้เงินเดือนอย่างนี้และอยากให้เงินในพอร์ตเพิ่มได้เร็วขึ้น อยากถามประสบการณ์เพื่อนๆครับ ถ้าถึงจุดหนึ่งต้องตัดสินใจเลือกจะทำอย่างไรและเพราะอะไรครับ ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 2
อันนี้เป็นคำถามของคุณ "BOON GRAHAM(VI CLASSIC)" หรือของ ดร.ครับ
สำหรับตัวผมคำถามนี้ตอบได้ง่ายมากเลยครับ ผมจะถามตัวเองว่าเราจะเลือกอะไร
ระหว่าง "เงิน" กับ "ครอบครัว" ??
ปล. ชีวิตมันแสนสั้นนักครับ...^^)
สำหรับตัวผมคำถามนี้ตอบได้ง่ายมากเลยครับ ผมจะถามตัวเองว่าเราจะเลือกอะไร
ระหว่าง "เงิน" กับ "ครอบครัว" ??
ปล. ชีวิตมันแสนสั้นนักครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณ คุณplant ครับ เป็นคำถามของผมครับแต่อ่านจากบทความของดร. นิเวศน์ ทำให้ผมคิดไม่ตก ว่าควรลงทุนไปทำงานไปหรือลาออกมาเพื่อชีวิตที่สมดุลย์ขึ้นดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 234
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 4
ประเด็นคือ อยากให้เวลาครอบครัวมากขึ้น เงินปันผลปีนึงเยอะพอแล้ว อยากให้เวลาในการลงทุนด้วย ผมอยากให้คำตอบดังนี้ครับ ซึ่งผมก็หาทางทำแบบนี้อยู่
ตอบ ให้ลดความโลภในเงินเดือนลง หางานที่เงินเดือนอาจจะไม่เท่าเดิม แต่ไม่เครียดเท่าเดิมสิครับ และถ้าเกิดสุดท้ายไม่อยากทำงานประจำอีกจริงๆ ก็ให้หารายได้เรื่อยๆ ทางอื่น แต่ไม่เครียดเท่าเดิม ถ้าระดับเงินเดือนแบบนี้ น่าจะพอมีลู่ทางออกมาทำ freelance เป็นที่ปรึกษา หรือตั้งบริษัทเล็กๆให้คำปรึกษาที่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำงานประจำด้วยตำแหน่งสูงๆ สิครับ ความรู้ความสามารถน่าจะพอมี
ที่บอกคือ ไม่ได้ให้ลาออกมาทันทีนะครับ แต่ให้พยายามหาลู่ทางที่จะสร้างรายได้อีกทาง แบบไม่ใช่ต้องไปเครียดออฟฟิศ แล้วพอคิดว่าโอเคแล้วค่อยออกมา ซึ่งตรงนี้อาจจะดร็อป performance งานประจำที่ทำ แต่ยังไงคุณก็ไม่ได้จะทำตลอดไปอยู่แล้ว ก็พยายามรีบหาทางครับ พอหาได้ความเสี่ยงคุณก็จะน้อยลงถ้าออกจากงาน
เงินเดือนสูงๆแลกกับความเครียด และไม่ได้อยู่กับครอบครัว มาคิดดีๆ อาจจะเสียดายน้อยลงนะครับ
ตอบ ให้ลดความโลภในเงินเดือนลง หางานที่เงินเดือนอาจจะไม่เท่าเดิม แต่ไม่เครียดเท่าเดิมสิครับ และถ้าเกิดสุดท้ายไม่อยากทำงานประจำอีกจริงๆ ก็ให้หารายได้เรื่อยๆ ทางอื่น แต่ไม่เครียดเท่าเดิม ถ้าระดับเงินเดือนแบบนี้ น่าจะพอมีลู่ทางออกมาทำ freelance เป็นที่ปรึกษา หรือตั้งบริษัทเล็กๆให้คำปรึกษาที่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำงานประจำด้วยตำแหน่งสูงๆ สิครับ ความรู้ความสามารถน่าจะพอมี
ที่บอกคือ ไม่ได้ให้ลาออกมาทันทีนะครับ แต่ให้พยายามหาลู่ทางที่จะสร้างรายได้อีกทาง แบบไม่ใช่ต้องไปเครียดออฟฟิศ แล้วพอคิดว่าโอเคแล้วค่อยออกมา ซึ่งตรงนี้อาจจะดร็อป performance งานประจำที่ทำ แต่ยังไงคุณก็ไม่ได้จะทำตลอดไปอยู่แล้ว ก็พยายามรีบหาทางครับ พอหาได้ความเสี่ยงคุณก็จะน้อยลงถ้าออกจากงาน
เงินเดือนสูงๆแลกกับความเครียด และไม่ได้อยู่กับครอบครัว มาคิดดีๆ อาจจะเสียดายน้อยลงนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 5
อุ้ย...ผมกำลังแอบคิดเรื่องนี้อยู่พอดีเลยครับ
(คิดเผื่ออนาคตน๊ะครับ
)
ที่ผมคิดไว้คือ ผมจะยึดเรื่องที่ผมให้ความสำคัญกับชีวิตผมมากที่สุดเป็นเกณฑ์ครับ
อย่างที่ผมเคยโพสในกระทู้เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอว่า
ผมให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ครอบครัวและความสุขสงบทางจิตวิญญาณ
(นอกเหนือจากเรื่องการลงทุน)
เมื่อวันที่ ผมมีเงินปันผลมากกว่าค่าใช้จ่ายของครอบครัว~2เท่า
แล้วบังเอิญว่างานประจำ ทำให้ผมไม่สามารถให้เวลากับ3-4เรื่องดังกล่าวของผมได้
ผมจะเลือก ทางที่จะนำผมไปสู่เป้าหมายของผมเป็นหลักครับ
แต่ถ้าผมสามารถทำงานประจำไปด้วย ลงทุนไปด้วย มีเวลาให้กับอีก3เรื่องได้ด้วย อย่างสมดุล
ผมก็จะทำทั้ง4-5อย่างไปพร้อมๆกันนี่แหละครับ
ปล.ยินดีกับอิสรภาพทางการเงินของพี่จขกท.ด้วยน๊ะครับ
(คิดเผื่ออนาคตน๊ะครับ

ที่ผมคิดไว้คือ ผมจะยึดเรื่องที่ผมให้ความสำคัญกับชีวิตผมมากที่สุดเป็นเกณฑ์ครับ
อย่างที่ผมเคยโพสในกระทู้เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอว่า
ผมให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ครอบครัวและความสุขสงบทางจิตวิญญาณ
(นอกเหนือจากเรื่องการลงทุน)
เมื่อวันที่ ผมมีเงินปันผลมากกว่าค่าใช้จ่ายของครอบครัว~2เท่า
แล้วบังเอิญว่างานประจำ ทำให้ผมไม่สามารถให้เวลากับ3-4เรื่องดังกล่าวของผมได้
ผมจะเลือก ทางที่จะนำผมไปสู่เป้าหมายของผมเป็นหลักครับ
แต่ถ้าผมสามารถทำงานประจำไปด้วย ลงทุนไปด้วย มีเวลาให้กับอีก3เรื่องได้ด้วย อย่างสมดุล
ผมก็จะทำทั้ง4-5อย่างไปพร้อมๆกันนี่แหละครับ
ปล.ยินดีกับอิสรภาพทางการเงินของพี่จขกท.ด้วยน๊ะครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณคุณwaay vi และคุณsaichon มากครับ ถ้าผมลาออก ผมคงเป็นนักลงทุนเต็มตัวและเลี้ยงลูก แบบท่านนายกสมาคมครับ 

-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 7
มีพาดพิง
ขอแสดงความเห็นบ้าง
เข้าใจทุกคนครับ การตัดสินใจเรื่องนี้สำคัญจริง
เพราะมันจะเปลี่ยนชีวิตไปอย่างแน่นอน
เป็นการออกจาก comfort zone
ทุกคนต่างมีเส้นทาง มีเหตุผล และต้นทุนทางสังคมไม่เท่ากัน
ของผมตัดสินใจไม่ยาก เพราะได้เงินเดือน 7 พัน ทำงาน 6 วัน ทำเกินเวลา ไม่มีโอที
กับพอร์ตล้านต้นๆ และลูกเล็ก 1 คน ภรรยารับข้าราชการเป็น MOS
แต่หลายคน เงินเดือนหลายหมื่น หลายแสน เป็นผมก็คิดหนัก
สุดท้ายขึ้นอยู่กับขนาดพอร์ต ที่เผื่อค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดแล้ว
ขึ้นอยู่กับมุมมองของชีวิต ว่าให้ความสำคัญกับอะไร
ขึ้นอยู่กับความมั่นคงของอารมณ์ การรับมือกับช่วงวิกฤติตลาดหุ้นได้ไหม
ยังไงก็ขอให้คนที่เลือกเส้นทางนี้ประสบความสำเร็จทุกท่านครับ
อย่างน้อย ท่านไม่ได้เดินตามลำพังบนเส้นทางนี้อย่างแน่นอน

เข้าใจทุกคนครับ การตัดสินใจเรื่องนี้สำคัญจริง
เพราะมันจะเปลี่ยนชีวิตไปอย่างแน่นอน
เป็นการออกจาก comfort zone
ทุกคนต่างมีเส้นทาง มีเหตุผล และต้นทุนทางสังคมไม่เท่ากัน
ของผมตัดสินใจไม่ยาก เพราะได้เงินเดือน 7 พัน ทำงาน 6 วัน ทำเกินเวลา ไม่มีโอที
กับพอร์ตล้านต้นๆ และลูกเล็ก 1 คน ภรรยารับข้าราชการเป็น MOS
แต่หลายคน เงินเดือนหลายหมื่น หลายแสน เป็นผมก็คิดหนัก
สุดท้ายขึ้นอยู่กับขนาดพอร์ต ที่เผื่อค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดแล้ว
ขึ้นอยู่กับมุมมองของชีวิต ว่าให้ความสำคัญกับอะไร
ขึ้นอยู่กับความมั่นคงของอารมณ์ การรับมือกับช่วงวิกฤติตลาดหุ้นได้ไหม
ยังไงก็ขอให้คนที่เลือกเส้นทางนี้ประสบความสำเร็จทุกท่านครับ
อย่างน้อย ท่านไม่ได้เดินตามลำพังบนเส้นทางนี้อย่างแน่นอน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 8
http://www.coziplace.com/archives/41076
ของพี่สุมาอี้ ผมชอบตรงคำพูดนี้มาก
ถ้าชีวิตคนเราสามารถเลือกทำงานอะไรก็ได้ โดยที่ไม่ต้องคิดเรื่องเงินเป็นหลัก ผมเชื่อว่ามันต้องเป็นสิ่งที่เจ๋งมากแน่ๆ
หวังว่าพี่ จขกท. จะเจอโดยเร็วครับ
ของพี่สุมาอี้ ผมชอบตรงคำพูดนี้มาก
ผมว่าพี่แค่เครียด และเบื่อกับงานที่ทำอยู่มากกว่าที่จริงแล้ว คนส่วนใหญ่อาจไม่ได้ต้องการเกษียณเร็ว แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ คือ การได้ทำงานที่เราชอบ
ถ้าชีวิตคนเราสามารถเลือกทำงานอะไรก็ได้ โดยที่ไม่ต้องคิดเรื่องเงินเป็นหลัก ผมเชื่อว่ามันต้องเป็นสิ่งที่เจ๋งมากแน่ๆ
หวังว่าพี่ จขกท. จะเจอโดยเร็วครับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณท่านนายกกับคุณromeeครับ 

- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 10
คุณ Boon น่าจะคล้ายๆผมครับ
การละทิ้งรายได้ที่ได้มากพอสมควร คงทำใจได้ยากครับ ผมยังเป็นอยู่
ผมประเมินตัวเองตอนนี้ครับ ว่าผมมีเงินเก็บที่สามารถออกดอกผลต่อได้เกิน 200 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนแน่นอนแล้วครับ
ผมก็เลยไม่กังวลเรื่องรายได้เท่าไหร่แล้ว
ที่ผ่านมาผมลดจำนวนวันที่ต้องตรวจคนไข้ และลดจำนวนเวลาลง เพื่อให้้กลับไปบ้านเร็วขึ้น ได้สอนทำการบ้านลูก และทำสิ่งที่ต้องทำ ควรทำ และอยากทำกับครอบครัวครับ
คงแนะนำเท่านี้ก่อนครับ ขอไปตรวจคนไข้ต่อครับ
การละทิ้งรายได้ที่ได้มากพอสมควร คงทำใจได้ยากครับ ผมยังเป็นอยู่
ผมประเมินตัวเองตอนนี้ครับ ว่าผมมีเงินเก็บที่สามารถออกดอกผลต่อได้เกิน 200 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนแน่นอนแล้วครับ
ผมก็เลยไม่กังวลเรื่องรายได้เท่าไหร่แล้ว
ที่ผ่านมาผมลดจำนวนวันที่ต้องตรวจคนไข้ และลดจำนวนเวลาลง เพื่อให้้กลับไปบ้านเร็วขึ้น ได้สอนทำการบ้านลูก และทำสิ่งที่ต้องทำ ควรทำ และอยากทำกับครอบครัวครับ
คงแนะนำเท่านี้ก่อนครับ ขอไปตรวจคนไข้ต่อครับ

-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณท่านอุปนายกครับ 

-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 12
ผมแกะทีละประเด็นเลยนะครับ...^^)
1) อิสรภาพทางการเงินของคุณหมายถึงอะไร? การมีกระแสเงินสดมากกว่ารายจ่าย
ต่อเดือนเท่านั้นหรือ??
2) ผมเห็นคุณบอกว่าเสียดายเงินเดือนหลักหลายแสนที่น้อยคนที่จะได้(ผมก็อยู่ในคนส่วน
ใหญ่นั้นด้วย...T-T) แต่สิ่งที่คุณต้องแลกกับเงินก้อนนั้น คือ "เวลา" ซึ่งคุณคงจะต้อง
เลือกว่าจะยอมเสียอะไรและได้อะไร "เงิน" หรือ "เวลา"??
3) พี่หนุ่ม อาจารย์ของผม และเป็นโค้ชการเงินของคนไทยบอกว่าคนเรา
ต้องรวย 6 มิติ คือ มิติด้านสุขภาพ ด้านครอบครัว ด้านการงาน ด้านการเงิน
ด้านการพัฒนาตนเอง และด้านสังคม
""จำไว้ว่า ...ถ้าคุณรวยแค่เงิน คุณก็จะมีแค่เงิน ...""
พี่หนุ่มได้กล่าวเอาไว้....^^)
4) การวางแผนการลงทุนที่ดี นอกจากวิธีการต่างๆแล้ว เราต้องมี "แผนการออก"
ด้วยเสมอ คุณมีแผนการออกจากการลงทุนทำงานให้คนอื่นแล้วหรือยัง??
ปล. สิ่งที่พี่หนุ่มพูดแล้วผมจดจำไว้เสมอ คือ "ลูกของเราอายุ 5 ขวบเพียงแค่ปีเดียว!!"
https://www.facebook.com/MoneyCoach4Tha ... 7177356759
https://www.facebook.com/MoneyCoach4Tha ... 7694490374
FB ข้อความของพี่หนุ่มที่ผมกล่าวถึงครับ...^^)
1) อิสรภาพทางการเงินของคุณหมายถึงอะไร? การมีกระแสเงินสดมากกว่ารายจ่าย
ต่อเดือนเท่านั้นหรือ??
2) ผมเห็นคุณบอกว่าเสียดายเงินเดือนหลักหลายแสนที่น้อยคนที่จะได้(ผมก็อยู่ในคนส่วน
ใหญ่นั้นด้วย...T-T) แต่สิ่งที่คุณต้องแลกกับเงินก้อนนั้น คือ "เวลา" ซึ่งคุณคงจะต้อง
เลือกว่าจะยอมเสียอะไรและได้อะไร "เงิน" หรือ "เวลา"??
3) พี่หนุ่ม อาจารย์ของผม และเป็นโค้ชการเงินของคนไทยบอกว่าคนเรา
ต้องรวย 6 มิติ คือ มิติด้านสุขภาพ ด้านครอบครัว ด้านการงาน ด้านการเงิน
ด้านการพัฒนาตนเอง และด้านสังคม
""จำไว้ว่า ...ถ้าคุณรวยแค่เงิน คุณก็จะมีแค่เงิน ...""
พี่หนุ่มได้กล่าวเอาไว้....^^)
4) การวางแผนการลงทุนที่ดี นอกจากวิธีการต่างๆแล้ว เราต้องมี "แผนการออก"
ด้วยเสมอ คุณมีแผนการออกจากการลงทุนทำงานให้คนอื่นแล้วหรือยัง??
ปล. สิ่งที่พี่หนุ่มพูดแล้วผมจดจำไว้เสมอ คือ "ลูกของเราอายุ 5 ขวบเพียงแค่ปีเดียว!!"
https://www.facebook.com/MoneyCoach4Tha ... 7177356759
https://www.facebook.com/MoneyCoach4Tha ... 7694490374
FB ข้อความของพี่หนุ่มที่ผมกล่าวถึงครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 14
บางทีสิ่งที่เราอยากทำให้ครอบครัว
กับสิ่งที่ครอบครัวต้องการ มันไม่ตรงกันครับ
โดยเฉพาะ"จ้าวนายตัวน้อย"
เค้าจะมีความสุขกับ"ครอบครัว"ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงช่วงวัยรุ่น
หลังจากนั้น อาจสนใจเพื่อนมากขึ้น(สนใจ"เงิน"มากขึ้นด้วยมั้ง)
โดยเฉพาะช่วง8-10 ขวบเนี่ย เป็นช่วงสนุกกับชิวิตมากๆ
ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
ผมยังจำได้ตอนออกไปขี่จักรยานในทุ่งนอกเขตบ้านพักกะพ่อ
ช่วยแม่ทำขนม ทำกับข้าว ขับรถไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว ๆลๆ
มีความสุขมากครับ
จะแลกชีวิต(ชีวิตคือเวลาที่มีอยู่ช่วงนั้น)ให้เงิน หรือให้ครอบครัว
ก็ลองเลือกเอานะครับ
กับสิ่งที่ครอบครัวต้องการ มันไม่ตรงกันครับ
โดยเฉพาะ"จ้าวนายตัวน้อย"
เค้าจะมีความสุขกับ"ครอบครัว"ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงช่วงวัยรุ่น
หลังจากนั้น อาจสนใจเพื่อนมากขึ้น(สนใจ"เงิน"มากขึ้นด้วยมั้ง)
โดยเฉพาะช่วง8-10 ขวบเนี่ย เป็นช่วงสนุกกับชิวิตมากๆ
ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
ผมยังจำได้ตอนออกไปขี่จักรยานในทุ่งนอกเขตบ้านพักกะพ่อ
ช่วยแม่ทำขนม ทำกับข้าว ขับรถไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว ๆลๆ
มีความสุขมากครับ
จะแลกชีวิต(ชีวิตคือเวลาที่มีอยู่ช่วงนั้น)ให้เงิน หรือให้ครอบครัว
ก็ลองเลือกเอานะครับ
samatah
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 15
เงินหาได้ตลอดเวลา (ที่เรายังมีชีวิตอยู่)
เวลาที่เลยไปแล้วเรียกคืนไม่ได้
เวลาที่เลยไปแล้วเรียกคืนไม่ได้

"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณทุกท่านครับ บางครั้งชีวิตก็มีบททดสอบที่ตัดสินใจได้เพียงอย่างเดียว ผมเองมาจากครอบครัวที่ยากจนครับ
เลยทำให้ที่ผ่านมามีโอกาสทำงานได้เก็บเงินจึงอยากเก็บเต็มที่ ใช้จ่ายอย่างประหยัด เอาเงินมาลงทุนทั้งหมด ด้วยความคิดที่ว่า
การที่เราจะซื้อรถหรือของใช้แพงๆ เงิน 1 ล้านบาทวันนี้อาจจะเป็น20ล้านใน20ปีข้างหน้าก็ได้ ก็เลยทำให้เสียดายเงินเดือนที่ได้รับด้วยครับ ที่ผ่านมาคิดว่ามีโอกาสได้รับเงินเดือนที่ดีจึงอยากเก็บเงินไว้ก่อนครับด้วยความคิดที่ว่าเงินทองนั้นหายากครับ แต่มาวันนี้
เริ่มมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว จึงอยากทบทวนชีวิตดูใหม่ครับ
เลยทำให้ที่ผ่านมามีโอกาสทำงานได้เก็บเงินจึงอยากเก็บเต็มที่ ใช้จ่ายอย่างประหยัด เอาเงินมาลงทุนทั้งหมด ด้วยความคิดที่ว่า
การที่เราจะซื้อรถหรือของใช้แพงๆ เงิน 1 ล้านบาทวันนี้อาจจะเป็น20ล้านใน20ปีข้างหน้าก็ได้ ก็เลยทำให้เสียดายเงินเดือนที่ได้รับด้วยครับ ที่ผ่านมาคิดว่ามีโอกาสได้รับเงินเดือนที่ดีจึงอยากเก็บเงินไว้ก่อนครับด้วยความคิดที่ว่าเงินทองนั้นหายากครับ แต่มาวันนี้
เริ่มมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว จึงอยากทบทวนชีวิตดูใหม่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 18
.....^^)BOON GRAHAM(VI CLASSIC) เขียน:ขอบคุณทุกท่านครับ บางครั้งชีวิตก็มีบททดสอบที่ตัดสินใจได้เพียงอย่างเดียว ผมเองมาจากครอบครัวที่ยากจนครับ
เลยทำให้ที่ผ่านมามีโอกาสทำงานได้เก็บเงินจึงอยากเก็บเต็มที่ ใช้จ่ายอย่างประหยัด เอาเงินมาลงทุนทั้งหมด ด้วยความคิดที่ว่า
การที่เราจะซื้อรถหรือของใช้แพงๆ เงิน 1 ล้านบาทวันนี้อาจจะเป็น20ล้านใน20ปีข้างหน้าก็ได้ ก็เลยทำให้เสียดายเงินเดือนที่ได้รับด้วยครับ ที่ผ่านมาคิดว่ามีโอกาสได้รับเงินเดือนที่ดีจึงอยากเก็บเงินไว้ก่อนครับด้วยความคิดที่ว่าเงินทองนั้นหายากครับ แต่มาวันนี้
เริ่มมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว จึงอยากทบทวนชีวิตดูใหม่ครับ
ชีวิตที่มีอิสรภาพ คือ "ชีวิตที่เราออกแบบมันได้!!!" ครับ
ขอให้คุณ "BOON GRAHAM(VI CLASSIC)" สนุกสนานกับการเลือกออกแบบชีวิต
ที่มีอิสรภาพครับ ...^^)
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 19
จำได้ว่า เคยมีคนพูดคำๆนี้ครับ ไม่แน่ใจว่าจะเป็น ไอน์สไตน์หรือไม่นะครับว่า
Life is like riding a bicycle. To keep your balance you must to keep moving
เปรียบเสมือน ชีวิตเหมือนกับการขี่จักรยาน
เพื่อรักษาสมดุล คุณต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ความสมดุล นั้นน่าจะเป็นเรื่องยาก ของชีวิตเรา
ระหว่าง "งาน" กับ "ครอบครัว"
ความสุข กับ ความสำเร็จ
คงต้องหาจุดสมดุลของตัวเองให้พบครับ
Life is like riding a bicycle. To keep your balance you must to keep moving
เปรียบเสมือน ชีวิตเหมือนกับการขี่จักรยาน
เพื่อรักษาสมดุล คุณต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ความสมดุล นั้นน่าจะเป็นเรื่องยาก ของชีวิตเรา
ระหว่าง "งาน" กับ "ครอบครัว"
ความสุข กับ ความสำเร็จ
คงต้องหาจุดสมดุลของตัวเองให้พบครับ

- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 20
ไว้มาคุยด้วยครับ ประเด็นน่าสนใจ
...........
แลกเปลี่ยนสั้น ๆ ก่อน ให้เอาเรื่องเงินไว้หลังสุดก่อน เพราะตอนนี้คุณบูน น่าจะรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแล้วนะครับ น่าจะอยู่อันดับท็อปของปิรามิด
ลองเอาเงินไว้หลังแล้วจัดลำดับดู
..........
ไว้มาแลกเปลี่ยนครับ ตอนนี้ขอทำงานก่อน คืนนี้คงดึก
...........
แลกเปลี่ยนสั้น ๆ ก่อน ให้เอาเรื่องเงินไว้หลังสุดก่อน เพราะตอนนี้คุณบูน น่าจะรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแล้วนะครับ น่าจะอยู่อันดับท็อปของปิรามิด
ลองเอาเงินไว้หลังแล้วจัดลำดับดู
..........
ไว้มาแลกเปลี่ยนครับ ตอนนี้ขอทำงานก่อน คืนนี้คงดึก

เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 21
โอ้ว คุณNevercry.boy ก็มาอ่านด้วย ผมติดตามอ่านแนวคิดของคุณNevercry.boy มานานหลายปีแล้วครับ รู้สึกชอบแนวคิดเชิงปรัชญาของคุณNevercry.boy ครับ
จะรออ่านนะครับ ยอมรับนะครับ ว่ารู้สึกเสียดายหน้าที่การงานที่เราทุ่มเททำมา รวมทั้งตำแหน่งและเงินเดือน ที่เพื่อนๆในรุ่นบอกว่าผมเติบโตเร็วที่สุดในรุ่นแล้ว
เลยทำให้ผมลังเลอยู่ตลอด
แต่ยอมรับครับว่า เวลาให้แก่ครอบครัวก็น้อยกว่าเพื่อนในรุ่นด้วย
อีกอย่างครับผมอยากให้พอร์ตลงทุนเติบโตเร็วๆด้วยครับ
(เงินจากเงินเดือนก็เป็นหนึ่งในแก้วสามประการที่ทำให้พอร์ตเติบโต) แต่มาวันนี้รู้สึกสงสารลูกที่เรามีเวลาให้เขาน้อยไป บางทีก็คิดว่าเราควรให้เวลาเขามากกว่านี้หรือให้เงินเขามากกว่านี้ดี บางทีการที่เราลาออกครั้งนี้คงไม่มีโอกาสกลับไปทำงานอีก บางทีก็เสียดายความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เรามี แต่ชีวิตบางทีก็ต้องเลือก บางทีก็ต้องมีจุดสิ้นสุด จริงไหมครับ



แต่ยอมรับครับว่า เวลาให้แก่ครอบครัวก็น้อยกว่าเพื่อนในรุ่นด้วย

(เงินจากเงินเดือนก็เป็นหนึ่งในแก้วสามประการที่ทำให้พอร์ตเติบโต) แต่มาวันนี้รู้สึกสงสารลูกที่เรามีเวลาให้เขาน้อยไป บางทีก็คิดว่าเราควรให้เวลาเขามากกว่านี้หรือให้เงินเขามากกว่านี้ดี บางทีการที่เราลาออกครั้งนี้คงไม่มีโอกาสกลับไปทำงานอีก บางทีก็เสียดายความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เรามี แต่ชีวิตบางทีก็ต้องเลือก บางทีก็ต้องมีจุดสิ้นสุด จริงไหมครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 22
แลกเปลี่ยนครับไม่กล้าแนะนำ คุณบูนเป็นคนเก่งและประสบความสำเร็จมากทั้งการทำงานและเรียนและลงทุน ผมต้องขอความรู้จากคุณบูนครับ
งานกับลาออกมันของคู่กันครับเปรียบเหมือนตาชั่งสองแขนถ้าฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่หนักกว่ามากก็ทำงานต่อไปครับ แต่ถ้าตาชั่งมันเอียงกระเท่เร่ เอาไม่อยู่ก็ออกครับพี่น้อง
ออกมาแล้วต้องเป็น นลท กินปันผลอย่างเดียวมั๊ย ก็ไม่จำเป็น หาอย่างอื่นทำควบคู่ มองเป้าหมายที่ไกลกว่าเอาไว้
.............
ตอนแรกจะไม่ตอบครับดึกแล้ว แต่พออ่านที่คุณบูนเขียนว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในรุ่นอั๊ยหย่ะ
ต้องขอตอบครับ ความสำเร็จเป็นเพื่อนกินนะครับ มันมาอยู่เดี๋ยวมันก็ไป มันชวนเราไปดื่มด่ำกับความเป็นตัวกู จนติดแงม กูเก่ง กูเจ๋ง สวดยวดดด เลยลูกพี่ แหมๆ เรานี่ก็ไม่ธรรมดานะ ไอ้ความสำเร็จนี่หล่ะตัวร้ายเลย มันล่อเรารัก ความท้าทาย ยิ่งสูงยิ่งหนาวเหมือนที่พี่เต๋อแกว่าไว้
ต้องขอโทษอย่างสูงนะครับที่มุมมองผมออกจะแปลกสักหน่อย พระอาจารย์ที่ผมนับถือท่านเปิดกระโหลกผมไว้ ว่า เราเอามันไปไม่ได้
.............
คุณบูนตัดสินใจอย่างไร ผมว่าดีทั้งนั้นครับ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัว อะไรที่เราเลือกแล้วดีทั้งนั้นครับ do not look back. เป็นกำลังใจให้ครับ
งานกับลาออกมันของคู่กันครับเปรียบเหมือนตาชั่งสองแขนถ้าฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่หนักกว่ามากก็ทำงานต่อไปครับ แต่ถ้าตาชั่งมันเอียงกระเท่เร่ เอาไม่อยู่ก็ออกครับพี่น้อง
ออกมาแล้วต้องเป็น นลท กินปันผลอย่างเดียวมั๊ย ก็ไม่จำเป็น หาอย่างอื่นทำควบคู่ มองเป้าหมายที่ไกลกว่าเอาไว้
.............
ตอนแรกจะไม่ตอบครับดึกแล้ว แต่พออ่านที่คุณบูนเขียนว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในรุ่นอั๊ยหย่ะ
ต้องขอตอบครับ ความสำเร็จเป็นเพื่อนกินนะครับ มันมาอยู่เดี๋ยวมันก็ไป มันชวนเราไปดื่มด่ำกับความเป็นตัวกู จนติดแงม กูเก่ง กูเจ๋ง สวดยวดดด เลยลูกพี่ แหมๆ เรานี่ก็ไม่ธรรมดานะ ไอ้ความสำเร็จนี่หล่ะตัวร้ายเลย มันล่อเรารัก ความท้าทาย ยิ่งสูงยิ่งหนาวเหมือนที่พี่เต๋อแกว่าไว้
ต้องขอโทษอย่างสูงนะครับที่มุมมองผมออกจะแปลกสักหน่อย พระอาจารย์ที่ผมนับถือท่านเปิดกระโหลกผมไว้ ว่า เราเอามันไปไม่ได้
.............
คุณบูนตัดสินใจอย่างไร ผมว่าดีทั้งนั้นครับ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัว อะไรที่เราเลือกแล้วดีทั้งนั้นครับ do not look back. เป็นกำลังใจให้ครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 24
เห็นเงินเดือนพี่แล้วก็ไม่กล้าแนะนำจริง ๆ ครับ
แต่บังเอิญผมมีประสบการณ์คล้าย ๆ กันอยู่บ้างเลยขอเอามาแชร์นะครับ
ประมาณปีสองปีก่อนผมต้องตัดสินใจครั้งใหญ่
ผมประเมินดูว่าตามนโยบายประชานิยมของรัฐบาลที่กำลังจะเข้ามาทำงานในตอนนั้น (ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนก็ตามที่ได้เป็นรัฐบาล ต่างก็มีนโยบายน่ากลัวทั้งนั้นเลย) ประเมินว่าเงินต้องเฟ้อของต้องแพงขึ้นแน่นอน
เวลาได้มีโอกาสพูดคุยกับคนรอบข้าง ถ้าเป็นคนที่เราสามารถแนะนำได้ เช่นรุ่นน้องผองเพื่อน หรือญาติสนิทมิตรสหาย ผมก็คอยบอกเขาว่าของกำลังจะแพงขึ้นผิดหูผิดตาจนรายได้เดิม ๆ จะเริ่มดูน้อยลงเพราะของจะแพงขึ้นมามาก
น่าจะเตรียมตัวอย่างน้อยก็หารายได้ไว้หลาย ๆ ทาง เช่น พึ่งพาการลงทุนให้มากขึ้นเป็นต้น
แต่เอาเข้าจริง ๆ ส่วนมากเขาฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไปเฉย ๆ
หลังจากนั้นก็คอยจับตาดูก็ปรากฎว่ารัฐบาลก็เริ่มดำเนินนโยบาย ตามที่โฆษณาไว้จริง ๆ
ผมก็คิดว่าคงนิ่งเฉยไม่ได้ ไม่งั้นถ้าเงินเดือนผมยังเท่าเดิมผมคงใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ลำบาก
ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตของผมเลยทีเดียว
ผมต้องตัดสินใจลาออกจากงานที่ผมรักและทำมาเป็นเวลาถึง 6 ปีแล้ว ออกมาหาลู่ทางใหม่
เพราะนอกจากตัวผมแล้ว ผมยังมีภาระหน้าที่อื่น ๆ ที่ต้องดูแล
ใช่แล้วครับผมต้องหาเงินให้ได้มากขึ้น แล้วลงทุนเพิ่ม ต้องหาเงินเพิ่ม ให้ได้จำนวนมาก ๆ เพื่อรับมือกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น
สำหรับผมแล้วมันเป็นหนทางเดียวในตอนนั้นเลยครับ จำได้ว่าตอนจะคลิ๊กปุ่ม "Send" ในอีเมล์ที่ยื่นขอลาออก
ผมค้างอยู่ตรงนั้นเพื่อทำใจเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครับ มันเป็นงานที่ดีมาก และ ผมก็รักมันมาก สถานที่ทำงานที่เหมือนบ้านหลังที่สองของผมไปแล้ว เพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมกันมานาน และความคุ้นเคยต่าง ๆ อีกมากมาย ภายหลังผมแอบได้ยินมาว่าทุกคนอึ้งกันมากเลยครับไม่คิดว่าจะมีเหตุผลอะไรให้จู่ ๆ ผมลาออกไปได้ และ ก่อนลาออก ผมไม่ได้บอกใครในที่ทำงานเลยครับ มันทำใจไม่ได้
ตอนนั้นเจ้านายผมเค้า Counter Offer ด้วยจำนวนเงินใกล้เคียงกับที่ผมไปสมัครที่ใหม่พอดี
แต่ว่าผมตัดสินใจไปแล้วก็เลยเลือกที่จะไปทำที่ใหม่
เงินเดือนก็ขยับขึ้นมาอยู่แถว ๆ 5 หลักกลาง ๆ
สำหรับในจังหวัดเชียงใหม่ ผมว่ามันค่อนข้างโอเค สำหรับอายุเลข 3 ต้น ๆ อย่างผม
เอาเข้าจริง ๆ แล้ว เงินที่มากขึ้นมันต้องแลกมาด้วยอะไรมากมายเลยจริง ๆ
ถ้าเล่าทั้งหมดคงจะยาวมากเลยครับ
สรุปว่าผมไม่ค่อย Happy กับงานที่ใหม่เท่าไหร่
ตอนนั้นผมก็เริ่มมานั่งคิดว่า นี่เรากำลังเผาเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตช่วงหนึ่ง ๆ
ไปกับสิ่งที่ตนไม่ได้ชอบซักเท่าไหร่ และผมคิดว่าผมรู้ว่าจริง ๆ แล้วผมชอบอะไร
ผมก็มานั้งถามตัวเองว่า เงินเดือนเท่านี้เราสามารถหาเอาใหม่ได้ยากเย็นหรือเปล่า เผื่อไว้ถ้าแผนการเงินมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด หรือถ้าตลาดหุ้นตกหนัก ๆ เราจะหาเงินมาซื้อเพิ่มได้ไหม
ผมก็ลองไปสมัครงาน Online ใน กทม ดู ปรากฏว่าเขายินดีให้เยอะกว่าเรตนี้อีก
(ผมไม่กล้าลองทำแบบนี้ในเชียงใหม่ครับ กลัวติด Black List เพราะเชียงใหม่วงการนี้แคบมาก
จะไปสมัครที่อื่น ก็เกรงใจที่เก่าที่เคยทำมาก่อน ถ้าจะกลับไปที่เก่าก็คงต้องอยู่ที่นั่นไปอีกนาน ๆ ผมก็ไม่อยากเข้า ๆ ออก ๆ บ่อย ๆ ครับ)
ก็เลยตัดสินใจเอาพลังชีวิตแลกกับเงินเดือนซักระยะ
พอเก็บตังค์ได้ซักพักก็ตัดสินใจลาออกครับ
ซึ่งก็ตัดสินใจได้ไม่ยากอะไร เพราะผมไม่ค่อย Happy กับงานตอนนั้นเท่าไหร่
แล้วเงินจากการลงทุนตอนนั้น ถ้าบริหารดี ๆ มันก็พออยู่ได้แล้วครับ
ทีนี้พอออกมาแล้วก็รู้สึกเหมือนเป็นอิสระ
เดือนแรกก็พักผ่อนเต็มที่ หลังจากที่เหนื่อยมาแสนนาน
ผ่านไปเกือบเดือนก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตที่ไม่ได้ทำงาน มันไม่มีคุณค่า และไร้สาระยังไงก็ไม่รู้ครับ
ก็เริ่มหางานอดิเรกทำ เป็นพวกโปรเจคที่อยากทำทั้งหลาย ที่เคยอยากทำแต่ไม่มีเวลา
ทำเล่นอยู่หลายอย่าง
ก็กลายเป็นว่างานอดิเรกที่ทำเล่น ๆ กลับทำรายได้ต่อเดือนให้มากกว่าเงินเดือนที่สุดท้ายตั้งหลายเท่าตัวครับ
ตอนนี้ผมค่อยข้างชอบ Life Style แบบนี้ดีครับ
มีอิสระภาพดี อยากทำอะไรก็ทำ ได้ทำงานในแบบที่ชอบ เบื่อก็พัก
แต่เอาเข้าจริง ๆ จาก Feedback ของคนรอบข้าง บอกว่าผมทำงานหนักกว่าสมัยทำงานประจำเสียอีก
พอกลับมามองตัวเอง มันก็เป็นอย่างเขาพูดจริง ๆ แต่มันก็มีความสุขดีครับ
สุดท้ายนี้
ผมว่าที่จริงพี่มีคำตอบในใจอยู่แล้วล่ะครับ
อาจจะแค่อยากได้ยินคำสนับสนุนอยู่ก็ได้มั้งครับ
แต่บังเอิญผมมีประสบการณ์คล้าย ๆ กันอยู่บ้างเลยขอเอามาแชร์นะครับ
ประมาณปีสองปีก่อนผมต้องตัดสินใจครั้งใหญ่
ผมประเมินดูว่าตามนโยบายประชานิยมของรัฐบาลที่กำลังจะเข้ามาทำงานในตอนนั้น (ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนก็ตามที่ได้เป็นรัฐบาล ต่างก็มีนโยบายน่ากลัวทั้งนั้นเลย) ประเมินว่าเงินต้องเฟ้อของต้องแพงขึ้นแน่นอน
เวลาได้มีโอกาสพูดคุยกับคนรอบข้าง ถ้าเป็นคนที่เราสามารถแนะนำได้ เช่นรุ่นน้องผองเพื่อน หรือญาติสนิทมิตรสหาย ผมก็คอยบอกเขาว่าของกำลังจะแพงขึ้นผิดหูผิดตาจนรายได้เดิม ๆ จะเริ่มดูน้อยลงเพราะของจะแพงขึ้นมามาก
น่าจะเตรียมตัวอย่างน้อยก็หารายได้ไว้หลาย ๆ ทาง เช่น พึ่งพาการลงทุนให้มากขึ้นเป็นต้น
แต่เอาเข้าจริง ๆ ส่วนมากเขาฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไปเฉย ๆ
หลังจากนั้นก็คอยจับตาดูก็ปรากฎว่ารัฐบาลก็เริ่มดำเนินนโยบาย ตามที่โฆษณาไว้จริง ๆ
ผมก็คิดว่าคงนิ่งเฉยไม่ได้ ไม่งั้นถ้าเงินเดือนผมยังเท่าเดิมผมคงใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ลำบาก
ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตของผมเลยทีเดียว
ผมต้องตัดสินใจลาออกจากงานที่ผมรักและทำมาเป็นเวลาถึง 6 ปีแล้ว ออกมาหาลู่ทางใหม่
เพราะนอกจากตัวผมแล้ว ผมยังมีภาระหน้าที่อื่น ๆ ที่ต้องดูแล
ใช่แล้วครับผมต้องหาเงินให้ได้มากขึ้น แล้วลงทุนเพิ่ม ต้องหาเงินเพิ่ม ให้ได้จำนวนมาก ๆ เพื่อรับมือกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น
สำหรับผมแล้วมันเป็นหนทางเดียวในตอนนั้นเลยครับ จำได้ว่าตอนจะคลิ๊กปุ่ม "Send" ในอีเมล์ที่ยื่นขอลาออก
ผมค้างอยู่ตรงนั้นเพื่อทำใจเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครับ มันเป็นงานที่ดีมาก และ ผมก็รักมันมาก สถานที่ทำงานที่เหมือนบ้านหลังที่สองของผมไปแล้ว เพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมกันมานาน และความคุ้นเคยต่าง ๆ อีกมากมาย ภายหลังผมแอบได้ยินมาว่าทุกคนอึ้งกันมากเลยครับไม่คิดว่าจะมีเหตุผลอะไรให้จู่ ๆ ผมลาออกไปได้ และ ก่อนลาออก ผมไม่ได้บอกใครในที่ทำงานเลยครับ มันทำใจไม่ได้
ตอนนั้นเจ้านายผมเค้า Counter Offer ด้วยจำนวนเงินใกล้เคียงกับที่ผมไปสมัครที่ใหม่พอดี
แต่ว่าผมตัดสินใจไปแล้วก็เลยเลือกที่จะไปทำที่ใหม่
เงินเดือนก็ขยับขึ้นมาอยู่แถว ๆ 5 หลักกลาง ๆ
สำหรับในจังหวัดเชียงใหม่ ผมว่ามันค่อนข้างโอเค สำหรับอายุเลข 3 ต้น ๆ อย่างผม
เอาเข้าจริง ๆ แล้ว เงินที่มากขึ้นมันต้องแลกมาด้วยอะไรมากมายเลยจริง ๆ
ถ้าเล่าทั้งหมดคงจะยาวมากเลยครับ
สรุปว่าผมไม่ค่อย Happy กับงานที่ใหม่เท่าไหร่
ตอนนั้นผมก็เริ่มมานั่งคิดว่า นี่เรากำลังเผาเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตช่วงหนึ่ง ๆ
ไปกับสิ่งที่ตนไม่ได้ชอบซักเท่าไหร่ และผมคิดว่าผมรู้ว่าจริง ๆ แล้วผมชอบอะไร
ผมก็มานั้งถามตัวเองว่า เงินเดือนเท่านี้เราสามารถหาเอาใหม่ได้ยากเย็นหรือเปล่า เผื่อไว้ถ้าแผนการเงินมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด หรือถ้าตลาดหุ้นตกหนัก ๆ เราจะหาเงินมาซื้อเพิ่มได้ไหม
ผมก็ลองไปสมัครงาน Online ใน กทม ดู ปรากฏว่าเขายินดีให้เยอะกว่าเรตนี้อีก
(ผมไม่กล้าลองทำแบบนี้ในเชียงใหม่ครับ กลัวติด Black List เพราะเชียงใหม่วงการนี้แคบมาก
จะไปสมัครที่อื่น ก็เกรงใจที่เก่าที่เคยทำมาก่อน ถ้าจะกลับไปที่เก่าก็คงต้องอยู่ที่นั่นไปอีกนาน ๆ ผมก็ไม่อยากเข้า ๆ ออก ๆ บ่อย ๆ ครับ)
ก็เลยตัดสินใจเอาพลังชีวิตแลกกับเงินเดือนซักระยะ
พอเก็บตังค์ได้ซักพักก็ตัดสินใจลาออกครับ
ซึ่งก็ตัดสินใจได้ไม่ยากอะไร เพราะผมไม่ค่อย Happy กับงานตอนนั้นเท่าไหร่
แล้วเงินจากการลงทุนตอนนั้น ถ้าบริหารดี ๆ มันก็พออยู่ได้แล้วครับ
ทีนี้พอออกมาแล้วก็รู้สึกเหมือนเป็นอิสระ
เดือนแรกก็พักผ่อนเต็มที่ หลังจากที่เหนื่อยมาแสนนาน
ผ่านไปเกือบเดือนก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตที่ไม่ได้ทำงาน มันไม่มีคุณค่า และไร้สาระยังไงก็ไม่รู้ครับ
ก็เริ่มหางานอดิเรกทำ เป็นพวกโปรเจคที่อยากทำทั้งหลาย ที่เคยอยากทำแต่ไม่มีเวลา
ทำเล่นอยู่หลายอย่าง
ก็กลายเป็นว่างานอดิเรกที่ทำเล่น ๆ กลับทำรายได้ต่อเดือนให้มากกว่าเงินเดือนที่สุดท้ายตั้งหลายเท่าตัวครับ
ตอนนี้ผมค่อยข้างชอบ Life Style แบบนี้ดีครับ
มีอิสระภาพดี อยากทำอะไรก็ทำ ได้ทำงานในแบบที่ชอบ เบื่อก็พัก
แต่เอาเข้าจริง ๆ จาก Feedback ของคนรอบข้าง บอกว่าผมทำงานหนักกว่าสมัยทำงานประจำเสียอีก
พอกลับมามองตัวเอง มันก็เป็นอย่างเขาพูดจริง ๆ แต่มันก็มีความสุขดีครับ
สุดท้ายนี้
ผมว่าที่จริงพี่มีคำตอบในใจอยู่แล้วล่ะครับ
อาจจะแค่อยากได้ยินคำสนับสนุนอยู่ก็ได้มั้งครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 25
สังเกตุเห็นว่า เรามักจะติดกับคำว่า "รายได้ที่มากขึ้น" , "เงินในพอร์ทที่ใหญ่ขึ้น"
ในมุมมองของผมนั้น ผมมองว่าการมีรายได้มากขึ้น ทำให้เราต้องทำงานมากขึ้น(เพื่อให้คุ้มกับเงินที่เขาจ้างเรา) เหนื่อยมากขึ้น เสียเวลาไปกับงานมากขึ้น
เครียดมากขึ้น และมีเรื่องของภาษีมากขึ้น(อันนี้ผมว่าสำคัญนะ) เพื่อที่จะได้มีเงินมาใส่ในพอร์ทให้โตๆ มากขึ้นเป็นหลักล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน!!!
(เริ่มเยอะเกิน แหะแหะ)......
ผมคิดว่าเราอาจจะลืมถามตัวเองไปว่า "ทำไมต้องมีเงินเดือนหลักแสน??" "ทำไมต้องพอร์ทสิบล้าน??" เพราะมันจำเป็นต้องมี หรือ เพราะเห็นคนอื่นเขามี!!!
สำหรับตัวผม ทุกวันนี้ผมมีรายได้ต่อเดือน 2 หมื่นบาท(หลังโดนหักภาษี ประกันสังคม ฯลฯแล้ว...T-T) แล้วผมก็สามารถใช้เงิน 2 หมื่นบาทนี้อยู่ได้ทุกๆเดือนโดยมีเงินเหลือ
อาจจะมองว่าผมยังไม่มีแฟน ไม่มีครอบครัว ไม่ต้องรับผิดชอบภาระรายจ่ายในครอบครัว ฯลฯ ผมมองว่านั่นเป็นสิ่งที่เราควรจะทำไปพร้อมๆกันกับแฟน กับครอบครัว
ในการวางแผนใช้จ่ายต่างๆ แต่ตอนนี้ผมใช้เพียงเท่านี้ ผมก็มองว่าเพียงผมสร้าง "กระแสเงินสด" ให้มากกว่ารายจ่ายแค่นั้นก็พอแล้วนั่นคือสร้าง Passive เพียง 2 หมื่น
ถ้ามองว่าแล้วเรื่องเกษียณหละ ไม่คิดเลยเหรอ พี่หนุ่มโค้ชการเงินของผมได้บอกว่า " เราต้องมีแผน "เกษียณรวย" และ "เกษียณเร็ว" " เกษียณเร็ว คือสิ่งที่ผมกล่าวถึง
ไปแล้วคือสร้าง Passive เพียง 2 หมื่นส่วนเกษียณรวยพี่หนุ่มบอกว่า "วันที่คุณเกษียณคุณจะรวยหรือไม่รวยผมไม่รู้ แต่ถึงวันนั้นแล้วคุณมีเงินหรือเปล่า"
วิธีการทำให้มีเงินตอนเกษียณนั้นง่ายมาก พี่เขาใช้คำว่า "เศษเงิน" โดยที่คุณนำเงินเพียงเดือนละ 3000 บาท ไปใส่ในกองทุนรวมหุ้นที่ให้ผลตอบแทนประมาน 10% ต่อปี
ใส่ทุกๆเดือนไปตลอด 30 ปี(360 เดือน) คุณก็จะมีเงิน 6,781,463.77 บาท ณ ปีที่ 30 แล้ว ถ้าใครอายุมากก็เพิ่มเงินที่ใส่เข้าไปในกองทุนมากขึ้น หรือถ้าใครอายุน้อยก็
เพิ่มเวลาในการเก็บเงินเข้าไป คุณก็จะมีเงินเป็นหลักล้าน หรือสิบล้านตอนเกษียณแล้ว นี่คือแผนที่เบสิกมากๆๆๆๆๆๆ.....
สรุป(ร่ายมายาวเลย เห็นคนอื่นพิมยาวเลยเอามั่ง อิอิ) สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ การที่เราจะทำอะไร เราควรมีแผนการที่เป็นของเรา ความคิด ความชอบ สมกับเรา
ไม่ใช่เอาความคิดของคนอื่นมาใส่ในแผน ไม่ว่าเราจะลาออกหรือทำงานต่อ จะมีพอร์ทหลักร้อยล้านพรือแค่หลักล้าน ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ "แผนการของคุณคืออะไร?"
และสุดท้ายผมอยากฝากคำว่า "พอ" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพูดถึงคือ "พอเพียง" คำถามคือ "เราจะพอแค่ไหน?"
แล้วผมมองว่า ถ้าเรารู้จักคำว่าพอ ชีวิตเราจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะเลยครับ!!!!
.....^^)
ในมุมมองของผมนั้น ผมมองว่าการมีรายได้มากขึ้น ทำให้เราต้องทำงานมากขึ้น(เพื่อให้คุ้มกับเงินที่เขาจ้างเรา) เหนื่อยมากขึ้น เสียเวลาไปกับงานมากขึ้น
เครียดมากขึ้น และมีเรื่องของภาษีมากขึ้น(อันนี้ผมว่าสำคัญนะ) เพื่อที่จะได้มีเงินมาใส่ในพอร์ทให้โตๆ มากขึ้นเป็นหลักล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน!!!
(เริ่มเยอะเกิน แหะแหะ)......
ผมคิดว่าเราอาจจะลืมถามตัวเองไปว่า "ทำไมต้องมีเงินเดือนหลักแสน??" "ทำไมต้องพอร์ทสิบล้าน??" เพราะมันจำเป็นต้องมี หรือ เพราะเห็นคนอื่นเขามี!!!
สำหรับตัวผม ทุกวันนี้ผมมีรายได้ต่อเดือน 2 หมื่นบาท(หลังโดนหักภาษี ประกันสังคม ฯลฯแล้ว...T-T) แล้วผมก็สามารถใช้เงิน 2 หมื่นบาทนี้อยู่ได้ทุกๆเดือนโดยมีเงินเหลือ
อาจจะมองว่าผมยังไม่มีแฟน ไม่มีครอบครัว ไม่ต้องรับผิดชอบภาระรายจ่ายในครอบครัว ฯลฯ ผมมองว่านั่นเป็นสิ่งที่เราควรจะทำไปพร้อมๆกันกับแฟน กับครอบครัว
ในการวางแผนใช้จ่ายต่างๆ แต่ตอนนี้ผมใช้เพียงเท่านี้ ผมก็มองว่าเพียงผมสร้าง "กระแสเงินสด" ให้มากกว่ารายจ่ายแค่นั้นก็พอแล้วนั่นคือสร้าง Passive เพียง 2 หมื่น
ถ้ามองว่าแล้วเรื่องเกษียณหละ ไม่คิดเลยเหรอ พี่หนุ่มโค้ชการเงินของผมได้บอกว่า " เราต้องมีแผน "เกษียณรวย" และ "เกษียณเร็ว" " เกษียณเร็ว คือสิ่งที่ผมกล่าวถึง
ไปแล้วคือสร้าง Passive เพียง 2 หมื่นส่วนเกษียณรวยพี่หนุ่มบอกว่า "วันที่คุณเกษียณคุณจะรวยหรือไม่รวยผมไม่รู้ แต่ถึงวันนั้นแล้วคุณมีเงินหรือเปล่า"
วิธีการทำให้มีเงินตอนเกษียณนั้นง่ายมาก พี่เขาใช้คำว่า "เศษเงิน" โดยที่คุณนำเงินเพียงเดือนละ 3000 บาท ไปใส่ในกองทุนรวมหุ้นที่ให้ผลตอบแทนประมาน 10% ต่อปี
ใส่ทุกๆเดือนไปตลอด 30 ปี(360 เดือน) คุณก็จะมีเงิน 6,781,463.77 บาท ณ ปีที่ 30 แล้ว ถ้าใครอายุมากก็เพิ่มเงินที่ใส่เข้าไปในกองทุนมากขึ้น หรือถ้าใครอายุน้อยก็
เพิ่มเวลาในการเก็บเงินเข้าไป คุณก็จะมีเงินเป็นหลักล้าน หรือสิบล้านตอนเกษียณแล้ว นี่คือแผนที่เบสิกมากๆๆๆๆๆๆ.....
สรุป(ร่ายมายาวเลย เห็นคนอื่นพิมยาวเลยเอามั่ง อิอิ) สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ การที่เราจะทำอะไร เราควรมีแผนการที่เป็นของเรา ความคิด ความชอบ สมกับเรา
ไม่ใช่เอาความคิดของคนอื่นมาใส่ในแผน ไม่ว่าเราจะลาออกหรือทำงานต่อ จะมีพอร์ทหลักร้อยล้านพรือแค่หลักล้าน ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ "แผนการของคุณคืออะไร?"
และสุดท้ายผมอยากฝากคำว่า "พอ" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพูดถึงคือ "พอเพียง" คำถามคือ "เราจะพอแค่ไหน?"
แล้วผมมองว่า ถ้าเรารู้จักคำว่าพอ ชีวิตเราจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะเลยครับ!!!!
.....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 26
ผมยังไปไม่ถึงจุดที่พี่ยืนอยู่ แต่อันนี้เป็นภาพประกอบจากหนังสือ"จะเลือกเงินหรือว่าชีวิต" ครับ
แต่ได้เห็นแนวคิดดีๆในกระทู้ครับ ขอบคุณพี่ๆทุกท่านมากครับ
แต่ได้เห็นแนวคิดดีๆในกระทู้ครับ ขอบคุณพี่ๆทุกท่านมากครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 27
อยากให้พี่วางแผนชีวิต วางแผนการเงินครับ
ในแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง ในแต่ละเดือน แต่ละปีจะทำอะไรบ้าง
แล้วความต้องการของพี่ ความต้องการของครอบครัวในอนาคตเป็นอย่างไร
เช่น เช้าส่งลูกไปโรงเรียน กลับมาทำงานบ้าน ต่อด้วยออกกำลังการ พักผ่อน ไปรับลูก
ทำอาหารเย็น กินข้าว เสร็จแล้วอ่านข่าวหุ้นต่างๆ
ปีหน้าลูกต้องเข้าม.ต้น อยากให้เรียนEP เรียนพิเศษ พาไปเที่ยวตปท.ช่วงซัมเมอร์
ลูกเรียนป.ตรี-โทอยากให้จบตปท. บลาๆ
สิ่งที่ตามมาคือสินทรัพย์/เงินที่ต้องใช้สนับสนุนกิจกรรมต่างๆ คือรถสำหรับรับส่งลูก
อุปกรณ์ออกกำลังกายหรือค่าสมาชิกฟิสเนส คอมสำหรับอ่านข่าวเล่นหุ้น ค่าเทอมลูก ค่าเรียนพิเศษ
ผมเห็นกระทู้ในพันทิพบอกค่าเทอมEPเทอมละ50k
ค่าเรียนตปท.ตั้งแต่ม.ต้น-ป.ตรี15ล้าน
ปันผลปีละล้านกว่าเยอะมากสำหรับหลายๆคน แต่ถ้ามีคชจ.ข้างต้นอาจไม่เพียงพอ
อยากให้วางแผนให้ดีครับ เห็นว่าทำงานตปท. ไกลครอบครัว ลองหางานไทยก่อนดีมั้ยครับ
รับเงินน้อยลง แต่ได้อยู่ใกล้ครอบครัวมากขึ้น ไม่รู้จะตอบโจทย์รึเปล่า
ปล.อยู่บ้านว่างมากๆก็เครียดได้นะครับ อ.ผมหลายท่านไม่ลาออกจน60เพราะว่างมาก ขาดสังคม
ท่านบอกว่าวันๆฟุ้งซ่าน ธาตุไฟเข้าแทรกง่ายมากครับ
ในแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง ในแต่ละเดือน แต่ละปีจะทำอะไรบ้าง
แล้วความต้องการของพี่ ความต้องการของครอบครัวในอนาคตเป็นอย่างไร
เช่น เช้าส่งลูกไปโรงเรียน กลับมาทำงานบ้าน ต่อด้วยออกกำลังการ พักผ่อน ไปรับลูก
ทำอาหารเย็น กินข้าว เสร็จแล้วอ่านข่าวหุ้นต่างๆ
ปีหน้าลูกต้องเข้าม.ต้น อยากให้เรียนEP เรียนพิเศษ พาไปเที่ยวตปท.ช่วงซัมเมอร์
ลูกเรียนป.ตรี-โทอยากให้จบตปท. บลาๆ
สิ่งที่ตามมาคือสินทรัพย์/เงินที่ต้องใช้สนับสนุนกิจกรรมต่างๆ คือรถสำหรับรับส่งลูก
อุปกรณ์ออกกำลังกายหรือค่าสมาชิกฟิสเนส คอมสำหรับอ่านข่าวเล่นหุ้น ค่าเทอมลูก ค่าเรียนพิเศษ
ผมเห็นกระทู้ในพันทิพบอกค่าเทอมEPเทอมละ50k
ค่าเรียนตปท.ตั้งแต่ม.ต้น-ป.ตรี15ล้าน
ปันผลปีละล้านกว่าเยอะมากสำหรับหลายๆคน แต่ถ้ามีคชจ.ข้างต้นอาจไม่เพียงพอ
อยากให้วางแผนให้ดีครับ เห็นว่าทำงานตปท. ไกลครอบครัว ลองหางานไทยก่อนดีมั้ยครับ
รับเงินน้อยลง แต่ได้อยู่ใกล้ครอบครัวมากขึ้น ไม่รู้จะตอบโจทย์รึเปล่า
ปล.อยู่บ้านว่างมากๆก็เครียดได้นะครับ อ.ผมหลายท่านไม่ลาออกจน60เพราะว่างมาก ขาดสังคม
ท่านบอกว่าวันๆฟุ้งซ่าน ธาตุไฟเข้าแทรกง่ายมากครับ
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 28
ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยแชร์แนวความคิดมากครับ ความคิดแต่ละท่านผมว่าตกผลึกแล้วนะครับ นลท.อย่างเราที่ทำงานไปลงทุนไป พอถึงจุดนึงที่passive incomeพอเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ก็คงเริ่มคิดแล้วว่าจะเอายังไงกันต่อดี จะเก็บเงินต่ออีกสักนิดดีไหมหรือออกไปใช้ชีวิตตามต้องการเลย ผมไม่ได้เป็นคนเก่งนะครับ อาศัยการอดทน ทำงานหนักและรับผิดชอบเป็นหลักในการทำงาน จึงทำให้มีโอกาสที่ดีครับ อยากให้ทุกท่านแลกเปลี่ยนความคิดกันครับ คิดว่าหลายๆท่านที่ทำงานไปลงทุนไป คงต้องมีวันที่ต้องตัดสินใจอย่างผมครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 29
โลกธุรกิจที่วันนี้โหดร้ายครับ เมื่อเราทำงานมานาน เงินเดือนมากขึ้น ภาระความรับผิดชอบก็มากขึ้น แล้วก็มาพร้อมกับภาระของครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เพื่อนของผม พออายุเริ่มขึ้นต้นเลข 4 ตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบก็มากขึ้นพร้อมรายได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่มีลูกตัวเล็กๆคนหรือสองคน ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ในขณะที่พ่อแม่ของเราก็เริ่มมีอายุมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ยังโชคดีที่เรามีฐานะในปัจจุบันที่มากพอ และมีความรู้ในการลงทุนซึ่งนำมาซึ่งรายได้เพียงพอในการใช้ชีวิต
ส่วนจะออกจากงานหรือไม่ ก็คงต้องเปรียบเทียบว่า งานที่เราทำ เรารักที่จะทำไหม หรือเราทนทำเพราะรายได้ รวมทั้งงานที่เราทำมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนสำหรับสังคม ถ้าเป็นประดยชน์ต่อเจ้าของกิจการเท่านั้นก็อาจจะตัดสินใจไม่ยาก
ขณะที่ครอบครัวของเรามีใครดูแลมากน้อยแค่ไหน ถ้ายังพอมีใครช่วยดูแลได้ก็อาจจะรอซักระยะ แต่ถ้าไม่มีใครช่วยดูแล ผมก็คิดว่าตัดสินใจไม่ยากเหมือนกัน
เพื่อนของผม พออายุเริ่มขึ้นต้นเลข 4 ตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบก็มากขึ้นพร้อมรายได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่มีลูกตัวเล็กๆคนหรือสองคน ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ในขณะที่พ่อแม่ของเราก็เริ่มมีอายุมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ยังโชคดีที่เรามีฐานะในปัจจุบันที่มากพอ และมีความรู้ในการลงทุนซึ่งนำมาซึ่งรายได้เพียงพอในการใช้ชีวิต
ส่วนจะออกจากงานหรือไม่ ก็คงต้องเปรียบเทียบว่า งานที่เราทำ เรารักที่จะทำไหม หรือเราทนทำเพราะรายได้ รวมทั้งงานที่เราทำมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนสำหรับสังคม ถ้าเป็นประดยชน์ต่อเจ้าของกิจการเท่านั้นก็อาจจะตัดสินใจไม่ยาก
ขณะที่ครอบครัวของเรามีใครดูแลมากน้อยแค่ไหน ถ้ายังพอมีใครช่วยดูแลได้ก็อาจจะรอซักระยะ แต่ถ้าไม่มีใครช่วยดูแล ผมก็คิดว่าตัดสินใจไม่ยากเหมือนกัน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 30
เข้ามาศึกษาเป็นแนวทาง อย่างผมผมยังไม่สามารถแนะนำอะไรได้
ขอให้โชคดีนะครับ
ขอให้โชคดีนะครับ

"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"