สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คำชี้แจง

ผมมีความผูกพันกับเว็บแห่งนี้ มา ๙ ปี กว่าๆแล้วล่ะ
เวลาที่ผ่านมา ได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ นำไปปรับแต่ง
พัฒนาการ+ต่อยอด วิธีการลงทุนในหุ้น และมันก็ส่งผลให้
ได้แนวทางที่ถูกที่ดี สามารถนำวิธีคิดทำซ้ำแบบได้ผล
มีประโยชน์ สามารถพิสูจน์ได้ตามวันเวลาที่ผ่านมา

ช่วยงานเว็บ

อาสาเข้ามาช่วยงานเว็บ ตามแต่โอกาสจะมีมา
ตั้งแต่ยุคต้นๆก็นั่งอ่านกระทู้ ร่วมแสดงความคิดเห็น
ร่วมด้วยช่วยกันจัดการมีตติ้งครั้งที่๑-๒ ฯลฯ
ล่าสุดนี้ ออกตัวอาสาไปทำกระทู้สรุปข่าว
ข่าวที่ต้องลงทุนแรงกายแรงใจ ทุ่มเทบนต้นทุนที่ต้องอดทนอดกลั้น
มาตลอด (หากว่าใครมีจิตอาสามารับช่วงต่อก็ยินดีส่งต่อให้ครับ)

เริ่มต้นประมาณนี้

คนทำข่าวตื่นนอนก่อน เวลา๐๖.๐๐น.
เปิดกระทู้ทำข่าวเว็บนี้ก่อน แล้วไปเปิดเว็บส่วนตัวที่จัดทำลิ้งค์
จัดทำรูปโลโก้ของข่าวที่มา เปิดเว็บแรก รอยเตอร์ อีไฟแนนท์เชียล
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ข่าวทีวี ข่าวพีอาร์มาเก็ตติ้ง เช็คข่าวตามบริษัทต่างๆ ฯ
ตัดข่าว มาป่ะ เท่าที่พอจะหาข่าวได้ ถึงเวลาประมาณ เวลา๐๙.๓๐น.
ข่าวเหล่านี้ หมดอายุเร็ว นักลงทุนจะอ่านกันก่อนเปิดตลาดหุ้น

เวลา จาก ๐๙.๓๐น. ก็หาอ่านหาฟังข่าว
คลิปวีดีโอ ข่าวร้านอาหาร ข่าวสถานที่ท่องเที่ยว
เก็บไว้ใช้ตามแต่โอกาสจะให้นำลง

เวลา ๑๖.๓๐น. นั่งรอตลาดปิด เปิดเซ็ทเทรด ตัดแป่ะดัชนีราคาปิด
ของตลาดหุ้น ดูบทวิเคราะห์ นำมาลง ทั้งตัดทั้งปะทั้งก๊อบ
ก๊อบบางเว็บไม่ได้อย่างไทยรัฐ ก็ต้องหาโปรแกรมมาช่วย
โฟโต้สแคปลดหรือเพิ่มขนาดรูป เซฟใส่โฟลเดอร์
นำไปโหลดใส่ เว็บส่วนตัวเก็บภาพ ตั้งFB มาเก็บรูป ลิ้งค์ไปใช้งานกับกระทู้นี้

ทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไร และได้อะไร

เป็นคำถามซ้ำๆจากคนหลายๆคน
เงินก็ไม่ได้แล้วทำไปทำไม เหนื่อยเปล่าๆ เปลืองตัว เสียเวลา
หรือทำเพราะอยากเด่นอยากดัง อยากมีชื่อเสียงให้คนยอมรับใช่ไหม
(ช่วงเวลาที่ผ่านมา6-7ปี ผมไม่เคยได้พบใครในเว็บนี้เลย
ชื่อเสียงจอมปลอม อะไรต่อมิอะไรเป็นเรื่อง
โลกสมมุติ ปิดจอคอมฯทุกอย่างก็จบ
ชื่อเสียงกินไม่ได้ หุ้นไม่เคยมีแจกกับใคร
เคยลอกการบ้าน ซื้อตามเซียน ตกใจขายขาดทุน ผลประโยชน์ทับซ้อนหาไม่เจอ)

ปัญหา

ผมอ่านกระทู้นี้ ตั้งแต่ วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=2&t=53414

อ่านแล้วก็อยากปลง โลกมนุษย์มันก็เป็นเช่นนี้
ไม่ได้เข้าไปแก้ตัว ไม่ได้โต้ตอบ ทนอ่านมา20ครั้งได้มั้ง
อดทน อดกลั้น ตั้งสติ พิจารณา ดูเจตนาคนโพส์ต
คิดว่าเข้าไปคงคุยไม่รู้เรื่อง คนทำงานทำแทบตาย
คนจับผิดสบายๆ วันหนึ่งเปิดเข้ามาอ่านสัก๑-๒ชั่วโมง
ก็มาว่าชี้นี่ผิดนั่นผิดโน่นผิด
คนลบกระทู้ ก็กดลบ๒ครั้ง ส่งไปสวรรค์เรียบร้อย
คนหาข้อมูล หาข่าว เปิดเว็บไป50-60เว็บ กว่าจะนำข่าวมาลง
อ่านจนตาเหล่ เช็ดแว่นตา วันละหลายรอบ
บางโพส์ต ก๊อบปี้มา๕-๑๐ครั้ง กว่าจะได้มา๑ช่องข้อความ
ไม่ได้เข้าโต้ตอบ เพื่อยุติไม่ให้ปัญหาบานปลายและเกิดความแต่แยก
สังคมจะได้ดูดี

คิดอยู่ว่า

จำเป็นไหม ต้องทำให้ถูกใจทุกคน
ในเมื่อไม่ชอบคนชื่อนี้ กระทู้นี้ ก็ข้ามๆมันไป อย่าอคติ จ้องจับผิด
คิดโน่น คิดนี่ คิดนั่น กระวนกระวาย อยู่ไม่เป็นสุข น่าจะนอนไม่ค่อยหลับ
เดี๋ยวเสียสุขภาพจิตเปล่า ปิดจอเถอะครับ ออกจากโลกสมมุติ
เรื่องง่ายทำได้ไม่ยาก

การกดเครื่องหมาย บวก-ลบ

ผมคิดว่า ก่อนจะกดคิดกันสักนิด ว่ามันสร้างสรรหรือเปล่า
ไม่ใช่โพส์ตเสร็จความเห็นแรก กดลบ๑ครั้ง โพสต์ที่๒กดลบ๒ครั้ง
คนที่โพสต์กันยัง ไม่ทันแสดงความคิดเห็นชัดเจนเลย

อย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เอาเหตุผลมาบวกลบดูบ้าง
ช่องกดบวกลบ ไม่ใช่ช่องแสดงอารมณ์ แสดงความไม่พอใจ
เพียงแค่แป่ะข่าวจาก อีไฟแนนท์เชียล ก็ยังกดลบ ผมก็งงเรื่องอะไรของมัน
ขนาดเรากดบวกปลดออก ก็ยังไปชวนพวกมากดลบซ้ำอีก
ผมขอได้ก็อยากขอ เราอยู่รวมกันหนักนิด เบาหน่อย
ค่อยๆประคับประคองกันไป แชร์เรื่องราวต่างๆทั้งที่มีประโยชน์
และไม่มีประโยชน์ ก็อนุโลมกันไปเถอะ อยู่ด้วยกันนานๆหลายๆปี
อย่ามาจ้องจับผิดคิดให้เหนื่อย

ปิดจอคอมฯ
บ้านใครบ้านมัน
ทุกข์หรือสุขอยู่ที่ใจ หลอกคนอื่นได้ หลอกตัวเองไม่ได้หรอก


ขอให้โชคดีกับการลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มพอท์ตหุ้น มีความสุขสะสมทรัพย์สิน
มีจิตใจเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ยิ้มให้กัน สวัสดีครับ

(หากขัดข้องทางเทคนิค อาจจะมีการเว้นช่วงให้ทำใจ๒-๓วันนะครับ)

รูปภาพ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 2

โพสต์

รูปภาพ

การ์ดครึ่งร้อยสแกนทำเนียบคุ้มกันโอบามา

"โอบามา" เยือนไทย 18-19 พ.ย. ขอเข้าเฝ้าฯ "ในหลวง" ด้านการ์ดทำเนียบขาวกว่า 50 นายคุ้มกัน ปธน.สหรัฐเข้มงวด ส่งอเมริกันสไนเปอร์ประจำตึกสูงรอบทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันวานนี้ ครม.ให้ความเห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมว่าด้วยการประกาศการเข้าร่วมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) และการรื้อฟื้นการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐ

การเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. ในฐานะแขกของรัฐบาลไทยนั้น พบว่าการคุ้มกันประธานาธิบดีสหรัฐเป็นไปอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสหรัฐได้ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยด้วย

รายงานข่าวเปิดเผยว่า นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ แจ้งว่า ในโอกาสที่นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางมาเยือนประเทศไทยนั้น นายบารัค โอบามา ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ว่าจะให้เข้าเฝ้าฯ ในวันเวลาใด

ขณะที่แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในส่วนของการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวม โดยมีการประชุมเตรียมการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อแบ่งงานให้ตำรวจนครบาล ตำรวจสันติบาล และกองปราบปราม รวมถึงหน่วยข่าวกรอง ในการเตรียมการของแต่ละส่วน เบื้องต้นทราบว่าประธานาธิบดีสหรัฐและคณะจะมาถึงประเทศไทยเวลา 15.00 น. วันที่ 18 พ.ย. และจะเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลเวลาประมาณ 17.00 น. พักค้างคืนที่ประเทศไทย 1 คืน ก่อนจะเดินทางต่อวันที่ 19 พ.ย. เพื่อเข้าร่วมประชุมอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า วานนี้ (12 พ.ย.) ซึ่งมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่าสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยได้ประสานกับทำเนียบรัฐบาลว่า จะส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตและชุดรักษาความปลอดภัยชุดล่วงหน้าจากทำเนียบขาว มาดูสถานที่ภายในทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 08.00 น. แต่ปรากฏว่าคณะของสหรัฐกว่า 50 ชีวิต เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เวลา 07.30 น. และเข้าสำรวจตึกไทยคู่ฟ้า สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี และอาณาบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด มีการเปิดดูห้องทุกห้อง และถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอล สมาร์ทโฟน และไอแพด เก็บไว้ด้วยทุกห้องเช่นกัน รวมทั้งยังใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูยอดตึกสูงที่อยู่รอบๆ ทำเนียบรัฐบาลด้วย

ส่วนระบบการรักษาความปลอดภัยในวันที่ 18 พฤศจิกายนนั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า จะมีการปิดถนนด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล 2 จุด คือ ที่ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ จนถึงแยกสวนมิสกวัน และถนนพระราม 5 บริเวณด้านหลังพณิชยการพระนคร (เลียบคลองเปรมประชากร) -สะพานอรทัย โดยจะปิดถนนตั้งแต่ขบวนของนายบารัค โอบามา ลงจากทางด่วนยมราช จนถึงเดินทางออกจากงานเลี้ยงในช่วงค่ำ

ขณะที่การคุ้มกันประธานาธิบดีสหรัฐในระยะประชิดตัวจะใช้ทีม รปภ.จากทำเนียบขาวทั้งหมด เพราะมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าคนไทย ส่วนหน่วยรักษาความปลอดภัยของไทยทำได้เพียงยืนคุ้มกันรอบนอกในระยะไกล และจะมีทีมของทำเนียบขาวยืนประกบเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยด้วยอีกชั้น รวมถึงทีมสหรัฐจะมีชุดแม่นปืนที่เตรียมปืนไรเฟิลซุ่มอยู่บนอาคารสูงรอบทำเนียบ อาทิ ตึกธนาคาร ธ.ก.ส. ตึกสำนักงาน ก.พ. และตึกสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อป้องกันจากมุมสูงอีกทาง

แหล่งข่าวกล่าวในตอนท้ายว่า จากประสบการณ์การตรวจสถานที่ทำเนียบของคณะจากอเมริกา เมื่อครั้งยุคของนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่มาเยือนในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งครั้งนั้นทีมล่วงหน้าของบุชนำสุนัขเข้าไปตรวจหาวัตถุต้องสงสัยภายในตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยไม่พอใจอย่างมาก เพราะถือว่าไม่ให้ความเคารพต่อสถานที่ และครั้งนี้นายโอบามามาเยือนก็จะไม่อนุญาตให้นำสุนัขเข้าไปอีกแล้ว โดยจะอนุญาตให้นำสุนัขตรวจรอบตึกเท่านั้น หากต้องการตรวจภายในตึกจะให้ใช้อุปกรณ์ไอที หรือคนเข้าไปเท่านั้น

แต่เนื่องจากวานนี้เป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้มีสื่อมวลชนในทำเนียบรัฐบาลจำนวนมาก มีช่างภาพและสื่อมวลชนบางส่วนเข้าไปถ่ายภาพและตามทำข่าวคณะของสหรัฐ ทำให้ฝ่ายของสหรัฐไม่พอใจ พร้อมใช้กล้องส่องทางไกลถ่ายสื่อที่ตามทำข่าว และยังมีทีมงานคอยบันทึกภาพนิ่งสื่อที่เดินตามทำข่าวด้วย จนมาถึงตึกสันติไมตรี ปรากฏว่ายังมีสื่อมวลชนไทยเดินตามไปทำข่าว ทำให้ฝ่ายสหรัฐไม่พอใจอย่างมาก จึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยว่า ให้ไปบอกสื่อมวลชนไทยหยุดเดินตามทำข่าว เนื่องจากการเดินทางมาตรวจพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้มีเจ้าหน้าที่ที่เป็น “ซีเคร็ท” ของสหรัฐที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวเดินทางมาด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจึงแจ้งขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน

แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า กำหนดการของนายโอบามานั้น จะเดินทางถึงไทยในช่วงเย็น ซึ่งจะมีพิธีการต้อนรับตามปกติ คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนำนายโอบามาขึ้นแท่นรับความเคารพและตรวจแถวทหารกองเกียรติยศด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าตามปกติ จากนั้นนายกฯ จะนำนายบารัก โอบามา เดินเข้าไปยังห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยม และทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือแบบทวิภาคีเต็มคณะ

หลังจากนั้นนายกฯ และประธานาธิบดีสหรัฐจะเดินไปที่ตึกสันติไมตรี เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงที่ใกล้จะหมดอายุ และทั้งคู่ก็จะเปิดแถลงข่าวร่วมกันที่ตึกสันติไมตรีหลังใน โดยจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามได้ แต่กำหนดว่าถามนายกฯ ได้ 2 คำถาม และถามนายโอบามาได้ 2 คำถามเท่านั้น ต่อจากนั้นทั้งนายกฯ และนายโอบามาจะเดินมายังงานเลี้ยงที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก เมื่อจบงานเลี้ยงแล้วประธานาธิบดีสหรัฐและคณะจะเดินทางกลับทันที

"ยังมีจุดที่ยังตกลงกันไม่ได้คือ ช่วงที่นายโอบามาเดินออกมาจากตึกสันติไมตรีหลังในเข้ามายังตึกหลังนอก เพื่อเข้างานเลี้ยง ฝ่ายไทยจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวันลอยกระทงไว้ และแจ้งไปว่า อยากให้ประธานาธิบดีสหรัฐเดินชมนิทรรศการ แต่ปรากฏว่าจากการเจรจากับชุดล่วงหน้าของโอบามานั้น เขาขอว่าขอเดินผ่านไปเฉยๆ ได้หรือไม่ เพราะเขาต้องการเดินผ่านให้เร็วที่สุด ไม่ต้องการหยุดชมนิทรรศการ จึงยังไม่ชัดเจนว่าในวันจริงจะทำอย่างไร” แหล่งข่าว ระบุ

ผบ.ตร.พร้อมดูแล"โอบามา"เยือนไทย

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า ทางการข่าวยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่เราก็ไม่ประมาท ขณะนี้ตำรวจมีความพร้อมเต็มที่ในการรักษาความปลอดภัย โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ประชุมเตรียมการรักษาความปลอดภัยทั้งหมด พร้อมทั้งประสานกับสถานทูตสหรัฐ ซึ่งสหรัฐได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาตรวจดูความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล และสถานที่ที่นายโอบามาจะเดินทางมาแล้ว ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ ส่วนกำลังรักษาความปลอดภัยของตำรวจจะใช้กำลังจากนครบาล ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสันติบาล ในการรักษาความปลอดภัยตลอดเส้นทางการเดินทางและที่พัก แต่จะใช้กำลังเท่าไหร่จะสรุปอีกครั้ง นอกจากนี้หน่วยเก็บกู้ระเบิดของเราก็มีความพร้อมในการปฏิบัติงานตลอดเวลา

ครม.ไฟเขียวพันธมิตรทางทหารร่วมเจรจาTPPสหรัฐ

วานนี้ในการประชุมครม.มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้ให้ความเห็นชอบมาตรการที่รัฐบาลไทยจะเจรจาความร่วมมือกับสหรัฐในโอกาสที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการวันที่ 18-19 พ.ย.นี้

โดย ครม.ให้ความเห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมว่าด้วยการประกาศการเข้าร่วมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement หรือ TPP) และการรื้อฟื้นการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐ

ความตกลงทีพีพีประกอบด้วยสมาชิก 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐชิลี เปรู ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม แคนาดา และเม็กซิโก ในจำนวนนี้ไทยได้ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีแล้ว 8 ประเทศ ยกเว้น สหรัฐ แคนาดาและเม็กซิโก

สหรัฐโดยประธานาธิบดีโอบามา ได้ผลักดันการเจรจาทีพีพีอย่างจริงจังและได้ประกาศในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เดือนพ.ย.ปี 2553 ว่า"ความตกลงทีพีพีจะเป็นต้นแบบสำหรับการเจรจาทำความตกลงเปิดเสรีทางเศรษฐกิจการค้าในกลุ่มเอเปค"

สหรัฐเป็นคู่ค้าหลักของไทยมีมูลค่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออก 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ การเข้าร่วมทีพีพีจะช่วยขยายตลาดการค้าโดยเพิ่มมูลค่าระหว่างไทย-สหรัฐและสมาชิกทีพีพี ทำให้สินค้าส่งออกไทยได้รับสิทธิจีเอสพีภาษีเป็น 0 ถาวรในตลาดสหรัฐ โดยไม่ต้องพึ่งพาจีเอสพีชั่วคราวและไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการค้าอื่น

การรักษาและดึงดูดการค้า การลงทุน จากสมาชิกทีพีพีและหากไทยไม่เข้าร่วมเจรจา สินค้าของไทยจะเสียเปรียบการแข่งขันในตลาดทีพีพีและสมาชิกทีพีพี

กระทรวงพาณิชย์ยังได้เสนอให้รื้อฟื้นการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐ (ทิฟฟ่า) ซึ่งเดิมไทยและสหรัฐได้ลงนามกรอบความร่วมมือนี้ในปี 2545 เพื่อขยายความร่วมมือ ประสานงาน การค้า การลงทุน รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า

ปี 2555 สหรัฐทั้งระดับรัฐมนตรีและผู้ช่วยผู้แทนการค้าของสหรัฐ ได้เสนอฝ่ายไทยให้รื้อฟื้นการประชุมทิฟฟ่า ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่าการประชุมดังกล่าวจะเป็นช่องทางหารือทวิภาคี

ปัจจุบันไทยไม่มีเวทีหารือกับสหรัฐในเรื่องการค้าการลงทุนที่เป็นทางการต่อเนื่อง ทิฟฟ่าจึงเป็นเวทีสำคัญ ในการแลกเปลี่ยนความเห็นขจัดข้ออุปสรรคกับสหรัฐ กระทรวงพาณิชย์จึงขอให้ครม.อนุมัติฟื้นฟูกรอบเจรจาทิฟฟ่าขึ้นมาใหม่ ในการแถลงข่าวร่วมระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ

ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ ขอความเห็นชอบจากครม.เข้าร่วมความริเริ่มด้านความมั่นคงเกี่ยวกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (พีเอสไอ) โดยพีเอสไอ เป็นความคิดริเริ่มของสหรัฐ เสนอครั้งแรกที่โปแลนด์ เมื่อปี 2546 มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (ดับเบิลยูเอ็มดี) ตลอดจนระบบเครื่องส่ง และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย หรือประเทศที่ต้องสงสัยว่าจะพัฒนา หรือแพร่ขยายดับเบิลยูเอ็มดี ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 110 ประเทศ (ในอาเซียน มีบรูไน กัมพูชา สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ที่เข้าร่วมพีเอสไอแล้ว)

สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เป็นประเทศที่มีบทบาทแข็งขันในการโน้มน้าวให้ไทยเข้าร่วมพีเอสไอ โดยเห็นว่า ไทยเป็นประเทศทางผ่านที่มีท่าเรือขนาดใหญ่ และอยู่ในเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญ ดังนั้น จึงเห็นความสำคัญของไทยต่อความร่วมมือ ในการป้องกันการต่อต้านการก่อการร้าย การป้องกันการค้าที่มิชอบธรรม และการส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยทางการค้าร่วมกับประชาคมโลก

เพื่อให้ไทยสามารถประกาศเข้าร่วมพีเอสไอได้ ก่อนการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกในช่วงวันที่ 18-21 พ.ย. 2555 ณ กรุงพนมเปญ หรือระหว่างที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ

สาระสำคัญของพีเอสไอ เน้นมาตรการปฏิบัติ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการสกัดกั้น และยับยั้งการส่งผ่าน ถ่ายลำ และขนส่งดับเบิลยูเอ็มดี ระบบเครื่องส่ง และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ได้ 2 ทาง ทั้งทางบก และอากาศ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการหยุดยั้งการเคลื่อนย้าย ขนส่ง และการตรวจค้น จับกุมหรือยึดสินค้าต้องสงสัย รวมทั้งห้ามคนชาติของตนกระทำ หรือให้ความร่วมมือในการขนส่ง หรือเคลื่อนย้ายสินค้าดังกล่าว

พีเอสไอ เป็นความร่วมมือ และความรับผิดชอบโดยสมัครใจของประเทศต่างๆ ในลักษณะการเป็นหุ้นส่วนในการป้องกันการแพร่ขยายดับเบิลยูเอ็มดี ไปสู่ประเทศที่ไม่พึงประสงค์ และกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงของประชาคมระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบ และความพยายามอย่างที่สุด ที่จะหยุดยั้งการแพร่ขยายดับเบิลยูเอ็มดี และวัสดุที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นข้อห่วงกังวลลำดับต้นๆ ของประชาคมระหว่างประเทศ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 3

โพสต์

รูปภาพ

“Application “SETactivity” เข้าถึงกิจกรรมทางการลงทุนตลอดปี"

กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--ตลท.

จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ดร. ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดตัว Application “SETactivity” สนองตอบความต้องการของผู้ใช้สมาร์ทโฟนและรองรับกระแสของโลกออนไลน์ โดยเป็นตัวช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงทุกกิจกรรมสำคัญจากกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดปี สามารถดาวน์โหลดได้แล้วทั้ง IOS และ Android

Application “SETactivity” จะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงกิจกรรมทางการลงทุนก่อนใคร เรียกดูไฮไลท์ ข้อมูลการลงทุน กิจกรรมเด่น ตารางสัมมนา โปรโมชั่น บริการพิเศษ และข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินและการลงทุนต่างๆ ตลอดจนรายชื่อผู้ร่วมออกบูธให้ข้อมูลได้ทันที พร้อมความสะดวกสบายด้วยแผนที่บอกตำแหน่งที่ตั้งกิจกรรมตำแหน่งบูธต่างๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึงโลกของการลงทุนได้ง่ายขึ้นเมื่อมาร่วมกิจกรรม พร้อมไม่พลาดโอกาสและข้อมูลกับ Link ดูสัมมนาย้อนหลังอีกด้วย โดย Application “SETactivity” จะให้บริการสำหรับมหกรรมการลงทุนแห่งปี SET in the City 2012 เป็นครั้งแรก
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 4

โพสต์

รูปภาพ

ธนาคารเกียรตินาคิน จัดทัพร่วม ‘SET in the City 2012’

กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--ธนาคารเกียรตินาคิน

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) พร้อมร่วมงานมหกรรมการลงทุน "SET in the City กรุงเทพมหานคร 2012" ชูแนวคิด “ทุกเรื่องความมั่งคั่ง เป็นไปได้” นำเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษพร้อมของที่ระลึกที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ อาทิ สมัครสินเชื่อรถเพื่อเงินสด อนุมัติภายในงาน รับบัตรเติมน้ำมัน 1,000 บาท หรือเพียงจองสิทธิ์เปิดบัญชีเงินฝากรับฟรีกระเป๋าเดินทางสุดหรู รวมทั้งโปรโมชั่นซื้อทรัพย์รอขาย ได้สิทธิ์ร่วมลุ้น KK บินลัดฟ้าพาเที่ยว พร้อมพบกิจกรรมพิเศษลุ้นรับสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง เวลา 18.30 น. ทุกวันภายในงาน ร่วมด้วยบริการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ หรืออนุพันธ์ ให้กับนักลงทุนตลอด 4 วันเต็มภายในงานนี้เท่านั้น (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) และกิจกรรมสัมมนาเพื่อนักลงทุนแบบเจาะลึกกับเหล่าวิทยากรคุณภาพ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นและการสัมมนาของเกียรตินาคิน ได้ที่ โทร 02 680 3333 โดยงานดังกล่าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2555 ณ พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน





ตารางกิจกรรมสัมมนาของเกียรตินาคิน ระหว่างวันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2555

วัน-เวลา หัวข้อ

วันศุกร์ที่23 พฤศจิกายน "เจาะลึกหมวดเด็ด Domestic Play" โดยคุณธริศา

เวลา16.30-18.00 น.
ชัย สุนทรโยธิน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์

ณHall 2 Investment on stage บล.เกียรตินาคิน

วันอาทิตย์ ที่25 พฤศจิกายน
“เศรษฐกิจไทยรุ่ง เศรษฐกิจเทศร่วง...ลงทุนหุ้น อย่างไรให้ผลตอบแทนดี”
โดยคุณวิริยา ลาภพรหมรัตน

เวลา10.30-12.00 น. ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจหลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน และ
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน

ณHall 2 Investment on stage

วันอาทิตย์ ที่25 พฤศจิกายน “Investor Classroom:
กวดวิชาลงทุน เทรดหุ้น อนุพันธ์ อย่างมือโปร” โดยคุณชลเดช เขมะรัตนา ผู้อำนวยการ

เวลา15.30-16.30 น. ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล.เกียรตินาคิน

ณ โซนStock Classroom@Stock Booth
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 5

โพสต์

SIMคาดยอดขายSmart Phone4แสนเครื่องในQ4


บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) คาดว่าจะเพิ่มยอดขาย Smart Phone ในไตรมาส 4
ได้อีก 4 แสนเครื่องจากการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ โดยยอดขายโทรศัพท์มือถือในรอบ 9 เดือน
รวมแล้วกว่า 3 ล้านเครื่อง โดยเป็น Smart Phone จำนวน 2.3 แสนเครื่อง ด้วยราคาเฉลี่ยต่อ
เครื่องที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 23% ทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน

ส่วนธุรกิจทางด้าน MVNO คาดว่าจะมียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเมื่อเครือข่าย 3 จีครอบคลุม
มากขึ้น แม้จะมีความล่าช้าในการติดตั้งเครือข่าย แต่เชื่อมั่นว่า บมจ.ทีโอทีคงต้องเร่งขยาย
เครือข่าย เพื่อให้ทันและพร้อมต่อการแข่งขันในต้นปีหน้า

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 6

โพสต์

รูปภาพ
ศุภชัย เจียรวนนท์ ทุก “วิกฤติ” มี “โอกาส”

Submitted by Manager 360


คำว่า “วิกฤติ” ในภาษาจีนประกอบด้วยคำสองคำคือ “เปลี่ยนแปลง” และ “โอกาส”


ภายหลังการประมูลใบอนุญาต 3G เสร็จสิ้น ดูเหมือนว่าโอเปอเรเตอร์ยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 รายต่างก็โล่งอกและพอใจไปตามกัน แต่รายที่ดูจะคึกคักกว่าใคร เห็นจะเป็นศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ศุภชัยเชื่อมั่นว่า ระบบ 3G จะเป็นโอกาสแห่งการเริ่มต้นที่สูสีกับผู้เล่นรายอื่น แต่ลึกไปกว่านั้น เชื่อว่า เขายคงมีความมั่นใจอยู่ไม่น้อยว่า นี่เป็นโอกาสที่ทรูจะก้าวจากตำแหน่ง “เบอร์ 3” ขึ้นแท่น “ผู้นำ” ได้ไม่ยาก เพราะข้อจำกัดเรื่องเครือข่ายที่เคยเป็นจุดอ่อนของทรูได้ถูกแทนที่ด้วยเครือข่าย 3G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความเร็วสูงที่จะช่วยเติมเต็มยุทธศาสตร์ Convergence ที่สร้างสมมานานเกือบ 10 ปี ให้กลายเป็นภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

“จากเดิมที่ธุรกิจบรอดแบนด์กับเคเบิลทีวีของเราทำได้ดี แต่ต้องไปช่วยอุ้มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 'คอนเวอร์เจนซ์' ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าทั้ง 3 ธุรกิจทำได้ดีหมด ต่อไปไม่ว่าจะอยู่บนเทคโนโลยีไหนก็เติมเต็มไลฟ์สไตล์ได้” ศุภชัยเชื่อว่า เครือข่าย 3G จะพาทรูไปสู่ยุคใหม่

แต่กว่าจะมาถึงวันที่ความฝันของศุภชัยเริ่มก่อเค้าความจริงเช่นวันนี้ ตลอด 20 ปีในธุรกิจนี้ ศุภชัยต้องนำพาทรูก้าวผ่านวิกฤติมาหลายครั้งหลายคราว โดยเขาเคยบอกว่า วิกฤติเรื่องหนี้สินนับเป็นวิกฤติที่หนักที่สุดของเขาและบริษัท จนนำไปสู่การปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2540-41

ณ เวลานั้น ขณะที่คนรอบข้างมองว่าทรู “ล้มละลาย” ศุภชัยบอกตัวเองและคนรอบข้างว่า เมื่อติดลบอยู่แล้ว ก็คงไม่มีอะไรจะเสียไปกว่านี้ แต่ถ้าเดินต่อไปน่าจะมีแต่ได้ และวิกฤติครั้งนั้นนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ศุภชัยหันกลับมาทบทวนธุรกิจและปรับยุทธศาสตร์ของบริษัทเสียใหม่

“คำว่า 'วิกฤติ' ในภาษาจีนประกอบด้วยคำสองคำคือ 'เปลี่ยนแปลง' และ 'โอกาส' หมายความว่าในทุกความเปลี่ยนแปลงมีโอกาสอยู่เสมอ อยู่ที่เราจะเลือกมองมุมไหน” ศุภชัยพูดถึงหลักคิดในยามวิกฤติของเขา

เมื่อ 20 ปีก่อนทรูเริ่มต้นจากธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน ใช้เวลาลงทุนด้านโครงสร้างร่วม 10 ปี แต่เมื่อแล้วเสร็จ ศุภชัยกลับพบว่า โทรศัพท์พื้นฐานคงไม่โตขึ้นอีกแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีมือถือกำลังจะเข้ามาแทนที่

ในที่สุด ศุภชัยตัดสินใจกระโดดเข้าสู่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพราะเห็นแนวโน้มว่า “ธุรกิจของอนาคต” มีอยู่ 2 อย่าง คือ ธุรกิจบรอดแบนด์ และมือถือ โดยเขายังถือโอกาสนี้ปรับยุทธศาสตร์ของธุรกิจทีวีบอกรับสมาชิกที่มีอยู่แล้ว เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับทั้งกลุ่มอย่างเต็มที่
คลุกคลีกับธุรกิจใหม่สักระยะ ศุภชัยเห็นว่า สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ จริงๆ แล้ว ไม่ใช่โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ทีวี หรือเทคโนโลยี แต่เป็นการเติมเต็มการใช้ชีวิตและเข้าถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการ ได้แก่ content, community, commerce และ communication โดยสิ่งที่จะเป็นตัวเชื่อมต่อทุกอย่างให้ไปด้วยกันคือ Internet Platform

ความคิดดังกล่าวกลายเป็นที่มาของยุทธศาสตร์ “คอนเวอร์เจนซ์” ที่ถูกประกาศใช้ครั้งแรกในปี 2547 และตลอดเกือบ 10 ปี ยุทธศาสตร์นี้ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในการผสานสินค้าและบริการด้านการสื่อสารแบบครบวงจรเข้ากับคอนเทนต์ของกลุ่มทรู จนเกิดสินค้าและบริการที่หลากหลายและเกื้อกูลกัน ทรูจึงสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งนี่เป็นจุดแข็งและเอกลักษณ์โดดเด่นที่ทรูมีเหนือกว่าคู่แข่ง แต่ข้อจำกัดคือ การพัฒนาสินค้าและบริการจะมีความสร้างสรรค์ ความหลากหลาย และมีประสิทธิภาพในการสร้างความพึงพอใจให้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เมื่ออยู่บนเทคโนโลยีสื่อสารความเร็วสูง

“ตั้งแต่สมัยที่ยังใช้โมเด็ม มาถึงยุค 2G และ 3G พวกเราล้วนแต่บริโภค Bandwidth (ความจุข้อมูลในแง่ของดาต้า) ก็เพื่อเข้าถึงดาต้าที่เราต้องการ นี่จึงเป็นสิ่งที่ผมเชื่อมั่นว่า เรามาถึงยุคของ Convergence แล้วด้วย 3G”

คำกล่าวข้างต้นเกิดขึ้นหลังจากที่ศุภชัยต้องฝันสลาย เมื่อการประมูล 3G เมื่อปี 2552 ถูกยกเลิกไป ขณะที่ทรูกำลังเผชิญวิกฤติเรื่องอายุสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะหมดลงในปี 2556 ก่อนรายอื่น

ทรูหาทางออกด้วยการซื้อกิจการ “ฮัทชิสัน” ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบรนด์ฮัทช์ ซึ่งช่วยต่ออายุสัมปทานให้ทรูไปอีก 14 ปีกว่า พร้อมกับเปิดโอกาสสำคัญที่ทำให้ทรูกลายเป็นโอเปอเรเตอร์รายแรกที่ทดลองให้บริการ 3G ด้วยแบรนด์ “ทรูมูฟเอช (true move H)” ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว

ไม่ว่าการประมูล 3G ที่เพิ่งผ่านมา สุดท้ายแล้วจะถูกล้มเลิกไปหรือไม่ก็ตาม แต่จากโฆษณาของทรูที่ใช้ซูเปอร์สตาร์สุดฮอตถึงสองคน คือ ณ เดชน์ และญาญ่า มาชักชวนให้ใช้บริการ 3G ของทรู สะท้อนให้เห็นว่า ณ วันนี้ ทรูพร้อมแล้วที่จะก้าวข้ามยุค 2G เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ของทรู

“ความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ถ้าเราไม่สามารถปรับตัวให้ทัน เราก็จะไม่อาจแข่งขันได้ ถ้าเปรียบกับในระบบธรรมชาติ สัตว์ที่ปรับตัวไม่ทันในที่สุดก็คงต้องสูญพันธุ์ไป” ศุภชัยเคยกล่าวไว้บนเวทีเสวนา “ผู้นำ นำการเปลี่ยนแปลง”

ผู้บริหารสูงสุดแห่งทรูยังย้ำว่า แม้ว่าความเปลี่ยนแปลงจะทำให้ปวดหัว แต่การเปลี่ยนแปลงก็มักจะนำมาซึ่งโอกาสเสมอ และนั่นคือสิ่งที่ตัวเขาและกลุ่มทรูได้เรียนรู้มาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

“ความฉลาดไม่ใช่ตัวพิสูจน์ความอยู่รอด จริงๆ แล้วมันคือความสามารถในการปรับตัว” ศุภชัยกล่าว


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ยกฟ้อง"ประชัย"คดียักยอกเช่าตึกทีพีไอ
13 พฤศจิกายน 2555

ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" ไม่ผิดคดียักยอก เช่าตึกทีพีไอ ชี้สัญญาเช่าไม่ผิดกฎหมาย


เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ศาลอาญามีคำพิพากษายืนตามคำสั่งเดิมยกฟ้องในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด มหาชน (บมจ.), บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีคัลไทย (ทีพีไอ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตกรรมการบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยกลุ่มเครือญาติ รวม 6 คน ในข้อหายักยอกทรัพย์จากการเช่าตึกทีพีไอ โดยชำระค่าเช่าล่วงหน้า 90 ปี มูลค่า 956,842,206 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีระยะเวลาเกินกฎหมายกำหนดไว้ อีกทั้งกลุ่มผู้ให้เช่าและกลุ่มผู้เช่า เป็นกลุ่มเดียวกันซึ่งอาจผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2538 - 2542

สำหรับคดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสิน ให้ศาลชั้นต้นกลับมาพิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากผู้พิพากษาในขณะนั้น ลงนามรับรองร่างคำพิพากษาขณะที่ไม่ได้นั่งอยู่บนบังลังก์ ประกอบกับหลังจากการลงนามสิ้นสุดผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ก็พ้นจากตำแหน่ง ทำให้โจทก์ร่วมเห็นมิชอบต่อการพิพากษาของศาลชั้นต้น

โดยหลังการพิจารณาใหม่ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานโจทก์ ไม่สามารถชี้ให้เห็นว่าการทำสัญญาเช่าตึกทีพีไอทาวน์เวอร์ ของจำเลยที่ 1 - 3 มีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์ ขณะที่การทำสัญญาเช่าก็ไม่เคยมีผู้ถือหุ้นรายใดโต้แย้ง และแม้เมื่อมีคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูเข้ามา ก็ไม่มีการโต้แย้งว่าสัญญาเช่านั้นไม่ชอบอย่างไร จึงถือว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่มีความผิดตาม พรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ส่งผลให้จำเลยที่เหลือจึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุน ประกอบกับคำแถลงการณ์ปิดคดีจึงไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิม คือยกฟ้อง

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 8

โพสต์

โวย'บีบีซี'ประเคนบำเหน็จผอ.ฉาว

วันที่ 12 พ.ย. บรรษัทวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์อังกฤษ หรือบีบีซี ตกเป็นเป้าวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง กรณีจ่ายเงินเดือน 12 งวดเป็นบำเหน็จจำนวนกว่า 22.5 ล้านบาทให้นายจอร์จ เอ็นทวิสเซิล ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่ง ผู้บริหารซึ่งเพิ่งเข้ามานั่งเพียง 2 เดือนเพื่อรับผิดชอบต่อกรณีปล่อยให้รายการข่าวดัง "นิวส์ไนต์" กล่าวหานักการเมืองพรรคอนุรักษนิยมอย่างไม่มีหลักฐานว่าล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน

ประเด็นนี้กลายเป็นที่ถกเถียงในรัฐสภาของอังกฤษ โดยนายจอห์น วิตทิงเดล ส.ส.พรรคอนุรักษนิยม กล่าวว่า นายเอ็นทวิสเซิลไม่ควรรับเงินภาษีประชาชนทั้งที่ทำตัวอื้อฉาวเช่นนี้ ขณะที่นางแฮร์เรียต ฮาร์แมน ส.ส.พรรคแรงงาน ก็วิจารณ์การจ่ายเงินบำเหน็จดังกล่าวว่า "เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้"

วันเดียวกัน นางเฮเลน โบเดน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของบีบีซี ประกาศลาออกพร้อมด้วยผู้ช่วย หลังเกิดข้อครหาว่า บรรดาหัวหน้าข่าวจงใจไม่ยอมให้รายการนิวส์ไนต์ ออกอากาศสารคดีเจาะลึกคดีล่วงละเมิดทางเพศของเซอร์จิมมี่ ซาวิลล์ อดีตพิธีกรผู้ทรงอิทธิพลของบีบีซี ในขณะที่บีบีซีกำลังถูกสอบสวนว่ามีส่วนช่วยปกปิดและเพิกเฉยต่อการ กระทำผิดของนายซาวิลล์มากน้อยเพียงใด

รูปภาพ
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8020 ข่าวสดรายวัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 9

โพสต์

รูปภาพ
ปิดตำนานแช็ต เอ็มเอสเอ็น เมสเซ็นเจอร์ ยุบทิ้ง-ควบรวมสไกป์!



http://www.khaosod.co.th/view_news.php? ... B4TXc9PQ==

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 10

โพสต์

รูปภาพ

สรุปราคา iPhone 5 พร้อมแพ็คเกจ เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ ใครถูกใครแพง

สรุปราคา iPhone 5 พร้อมแพ็คเกจจากทั้ง ais,dtac และ Truemove H ใครถูกใครแพงมาดูกัน จากราคาจะเห็นได้ว่า รุ่น 16GB นั้น dtac จะถูกที่สุด ส่วนรุ่น 32GB ทาง Truemove H จะถูกที่สุดและสุดท้ายรุ่น 64GB ทาง Truemove H ก็ถูกที่สุดเช่นกัน สำหรับราคาเครื่องเปล่านั้นจะแพงขึ้นอีกประมาณพันบาทต่อรุ่น หรือน้อยกว่านี้


รูปภาพ

01 พ.ย. 2555
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 11

โพสต์

รูปภาพ

ฟิตเนส เฟิรส์ท ชูแคมเปญ บัตรเดียว “ฟิต” ได้ทั่วโลก

บริษัท ฟิตเนส เฟิรส์ท(ประเทศไทย) จำกัด ชูแคมเปญ “อินเตอร์เนชั่นแนล พาสปอร์ตทู แอคเซส อินเตอร์เนชั่นแนล คลับ (International Passport to access International Club)” เอาใจลูกค้าด้วยสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกของฟิตเนส เฟิรส์ทให้สามารถเข้าใช้บริการได้ที่ฟิตเนส เฟิร์สทุกคลับทั่วโลก กว่า 460 แห่ง ทั้งในทวีปยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และตะวันออกกลางเพียงใช้บัตรสมาชิก พร้อม“International Passport Book” ขนาดพกพา ยื่นที่ฟิตเนส เฟิรส์ทคลับที่ลูกค้าต้องการเข้าใช้บริการ โดยแคมเปญ “อินเตอร์เนชั่นแนล พาสปอร์ตฯ” นี้ได้รับการสร้างสรรค์มาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ใช้บริการที่รักการออกกำลังกายแต่มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องเดินทางระหว่างประเทศเป็นประจำ โดยปัจจุบัน ฟิตเนส เฟิรส์ท เป็นแบรนด์ผู้ให้บริการสถานออกกำลังกายอันดับหนึ่งของโลก มีพนักงานทั่วโลกกว่า... โดยได้รับความมั่นใจจากจำนวนสมาชิกกว่า 1.2 ล้านคนทั่วโลก และสำหรับฟิตเนส เฟิรส์ท ประเทศไทย มียอดการเติบโตสูงสุดในทวีปเอเชีย อีกทั้งฟิตเนส เฟิรส์ทยังคงเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนด้วยแผนการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นในประเทศในกลุ่มอาเซียน อาทิ มาเลเชีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ โดยปัจจุบัน ฟิตเนส เฟิรส์ท เป็นศูนย์ออกกำลังกายที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ด้วยจำนวนสาขาในประเทศกลุ่ม อาเซียน กว่า 75 สาขาสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 02 789 9997 หรือเข้าไปที่ www.fitnessfirst.co.th

นางอรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟิตเนส เฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า ในปัจจุบัน ฟิตเนส เฟิรส์ท ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้รักการออกกกำลังกาย จนสามารถขยายสาขาได้กว่า 460 คลับ ทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง สำหรับบริษัท ฟิตเนส เฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด ก็เช่นเดียวกัน ตลอดระยะเวลากว่า 11 ปี ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จนสามารถขยายสาขาได้ถึง 22 สาขาทั่วประเทศ ที่แบ่งเป็นคลับประเภทแพลตทินั่ม 3 คลับ และคลับประเภทปกติ 19 คลับ โดยมีจำนวนสมาชิกกว่า 60,000 คนทั่วประเทศ


อย่างไรก็ตาม ฟิตเนส เฟิรส์ท ได้ใช้แนวคิดในการดำเนินงานด้วย “Make the world a fitter place” คือการส่งเสริมให้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจในสุขภาพและรักการออกกำลังกาย โดยพร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้แก่สมาชิก จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแคมเปญ “อินเตอร์เนชั่นแนล พาสปอร์ตทู แอคเซส อินเตอร์เนชั่นแนล คลับ (International Passport to access International Club)” ซึ่งเป็นการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่สมาชิกที่มาในรูปแบบการมอบสิทธิประโยชน์อย่างไม่มีเงื่อนไขเพียงแค่เป็นสมาชิกของฟิตเนส เฟิรส์ทพร้อมมีInternational Passport Book ขนาดพกพา นำไปยื่น ณ จุดบริการลูกค้าของสาขาฟิตเนส เฟิรส์ทก็สามารถเข้าใช้บริการได้ที่ฟิตเนสเฟิร์สทุกสาขาทั้ง 460 คลับทั่วโลก นางอรวรรณกล่าว

“แคมเปญ“อินเตอร์เนชั่นแนล พาสปอร์ตฯ”เป็นแคมเปญที่ฟิตเนส เฟิรส์ท เล็งเห็นถึงความสำคัญในความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการ ที่อาจเป็นนักธุรกิจ กลุ่มคนทำงานทั่วไปหรือกลุ่มวัยรุ่นที่มีเวลาเข้าฟิตเนสน้อย เนื่องด้วยต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ จึงจัดแคมเปญนี้ขึ้น เพื่อให้ลูกค้าของฟิตเนส เฟิรส์ทไ ด้รับความสะดวกสบายสูงสุด ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ลูกค้าก็สามารถเข้าใช้บริการคลับของฟิตเนส เฟิรส์ท ได้ทุกสาขาทั่วโลก ซึ่งในแต่ละคลับนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปที่ลูกค้าสามารถเลือกออกกำลังกายหรือแวะผ่อนคลายได้ อาทิ ฟิตเนส เฟิรส์ท กัวลาลัมเปอร์ ที่สามารถมองเห็นวิวตึกแฝดและทิวทัศน์โดยรอบ 360 องศา ฟิตเนส เฟิรส์ท สิงคโปร์ ที่ดีไซน์มาพร้อมกับสระว่ายน้ำขนาดกว้างในร่ม เป็นต้น”

รูปภาพ

13 พ.ย. 2555
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 12

โพสต์

กรุงไทยออกเงินฝาก Forever Smile ให้ดอกเบี้ยสูงสุด 6.50% ต่อปี

รูปภาพ

ธนาคารกรุงไทยเขย่าวงการเงินฝาก ให้สมาชิกบัตรเครดิต KTC นำคะแนนสะสมมารับสิทธิฝากประจำ 10 เท่าของคะแนนที่แลก โดยเปิดบัญชีผ่าน KTB netbank ดอกเบี้ย 6.50% ต่อปี และผ่านสาขา ดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี พร้อมออกเงินฝากประจำ 48 เดือน และ 60 เดือน สำหรับองค์กรการกุศล ดอกเบี้ย 3% ต่อปี

นายชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจรายย่อยและเครือข่าย ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทในเครือ พัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าและประโยชน์สูงสุดของลูกค้านั้น ล่าสุดธนาคารได้ร่วมกับ บมจ.บัตรกรุงไทย หรือ KTC ออกเงินฝาก Forever Smile ซึ่งเป็นโครงการ แลกคะแนนสะสม รับสิทธิฝากประจำ 10 เท่าของคะแนนที่แลก รับดอกเบี้ยสูงสุด 6.50%ต่อปี โดยให้สิทธิสมาชิกบัตร KTC นำคะแนนสะสม KTC Forever Rewards มาแลกสิทธิเปิดบัญชีฝากประจำประเภท 3 เดือน ได้อัตราดอกเบี้ย 6.50% ต่อปี สำหรับบัญชี KTB netbank และหากฝากผ่านสาขา รับอัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี โดยสามารถฝากได้จำนวนสูงถึง 10 เท่าของคะแนน ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 – 28 กุมภาพันธ์ 2556

สมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญ เพียงโทรไปที่ KTC Call Center หมายเลข 0-2665-5000 เพื่อรับ SMS code สำหรับยืนยันการใช้สิทธิ และนำ SMS Code ไปทำธุรกรรมฝากเงินในวันถัดไป ซึ่ง SMS Code จะหมดอายุภายใน 15 วัน ทั้งนี้เจ้าของบัญชีเงินฝากต้องเป็นบุคคลเดียวกับผู้ถือบัตรเครดิต โดยแลกคะแนนสะสมเพื่อเปิดบัญชีขั้นต่ำ 1,000 คะแนน และไม่จำกัดยอดสูงสุด ธนาคารคาดว่าจะมียอดเงินฝากจากโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจูงใจมาก และฐานลูกค้าบัตร KTC มีจำนวนสูงถึง 2.2 ล้านราย แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 1.6 ล้านบัตร สมาชิกสินเชื่อบุคคล 6 แสนราย และยังมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ เพื่อเป็นการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มและทุกภาคส่วน ธนาคารยังได้ออกเงินฝากประจำสำหรับองค์กรการกุศล ระยะเวลาฝาก 48 เดือน และ 60 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี โดยจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนเข้าบัญชีคู่โอน รับฝากขั้นต่ำครั้งละ 10,000 บาท ซึ่งสามารถเปิดบัญชีได้ที่ทุกสาขากว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

รูปภาพ

13 พ.ย. 2555
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 13

โพสต์

รูปภาพ

สคบ.เตรียมฟ้อง "แคลิฟอร์เนีย ว้าว" 20ล้าน
หลังมีผู้ร้องเรียน 600 ราย ส่งเรื่องให้ดีเอสไอฟันอาญาต่อ


จากที่ธนาคารกรุงเทพ ได้ยื่นฟ้องบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ หรือฟิตเนส “แคลิฟอร์เนีย ว้าว” ต่อศาลล้มละลายกลางในกรณีที่บริษัทไม่ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญา จำนวนเงิน 71.90 ล้านบาท และดอกเบี้ยอีก 3.97 ล้านบาท รวมมูลค่า 75.87 ล้านบาท ต่อมาทางแคลิฟอร์เนียฯ ยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล อีกทั้งบริษัทยังปิดสาขาฟิตเนสที่มีเกือบทั้งหมด ส่งผลให้สมาชิกที่จ่ายเงินค่าบริการได้รับความเดือดร้อนจากการปิดฟิตเนสของบริษัทจึงเข้าร้องเรียนความเดือดร้อนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และหน่วยงานที่คุ้มครองผู้บริโภคอีกหลายแห่งนั้น

นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการ สคบ. เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนของ สคบ.ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มติที่ประชุมของสำนักกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคกรณีได้รับความเดือดร้อนจากการปิดสาขาของฟิตเนสจำนวน 600 ราย โดยแยกเป็นผู้ร้องเรียนทั่วไปจำนวน 300 ราย และผู้ร้องเรียนขอรับการชดเชย 300 ราย รวมเงินจะขอให้บริษัทชดเชยทั้งสิ้น 20 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ สคบ. จะร่วมเดินหน้าฟ้องร้องคดีด้วย ทั้งนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมข้อมูลของสำนักกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดำเนินการประสานงานกับอัยการที่รับเรื่อง

“คดีทางเพ่งเราจะจะร่วมดำเนินคดีไปกับผู้บริโภคส่วนคดีทางอาญาฐานฉ้อโกงประชาชนนั้น ได้ส่งเรื่องให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษตามนโยบายของ สคบ. ที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ แล้ว จากนี้ต้องติดตามผลเรื่องการยื่นขอฟื้นฟูกิจการและการชดเชยความเสียหายให้ผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด” นายจิรชัยกล่าว


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 14

โพสต์

รูปภาพ

อดทน!นิวยอร์กไม่มีไฟใช้14วันแล้ว

ชาวนิวยอร์ก เริ่มหมดความอดทน หลังทนอยู่กับความมืดมานานถึง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ประสบภัยพิบัติจาก "ซูเปอร์สตอร์ม แซนดี้"
13 พ.ย. 55 ลูกค้าหลายหมื่นคนของการไฟฟ้า "ลอง ไอส์แลนด์" หรือ "แอลไอพีเอ" ในนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติจาก "ซูเปอร์สตอร์ม แซนดี้" ยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้มานานถึง 2 สัปดาห์แล้ว และรัฐบาลก็มักจะออกตัวว่า สาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม

แอลไอพีเอ รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า มีประชาชนราว 67,000 ครัวเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยเปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ของตัวเลขเหล่านี้ เป็นบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากพายุ ขณะที่ประชาชนเกือบ 1 ล้าน 1 แสนคน มีไฟฟ้าใช้เหมือนเดิมเมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์เช่นกัน

สำหรับผู้ที่ยังอยู่ในความมืด พบว่า ในจำนวนนี้ มีอยู่ 46,300 คน ที่อาศัยอยู่ชายฝั่งทางใต้ของ ลอง ไอส์แลนด์ และแหลมร็อคอะเวย์ ที่แผงไฟฟ้าและสายไฟ ได้รับความเสียหายจากน้ำ และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าไม่สามารถจะเข้าไปเปิดเดินเครื่อง จนกว่าจะมีการตรวจสอบหรือเป็นไปได้ว่าอาจต้องมีการซ่อมแซมเสียก่อน แต่ก็คาดว่า ประชาชน 11,000 ครัวเรือน จะมีไฟฟ้าใช้ภายในคืนวันอังคารนี้

จอห์น บรั๊คเนอร์ ประธานระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้าแห่งชาติ ลอง ไอส์แลนด์ เปิดเผยว่า เขามีพนักงาน 15,000 คน ที่กำลังอยู่ระหว่างการฟื้นฟูระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่รวมทั้งพวกที่ซ่อมแซมสายไฟ 6,400 คน บริเวณแนวพรมแดนสหรัฐและแคนาดา

แอลไอพีเอ เป็นผู้ให้บริการไฟฟ้า ที่ไม่แสวงผลกำไร และเป็นคู่สัญญาของการไฟฟ้าแห่งชาติ โดยมีคณะกรรมการบริหารที่ถูกเลือกมาโดยผู้ว่าการรัฐและสมาชิกนิติบัญญัติ โดยมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการให้บริหารกระแสไฟฟ้าและการซ่อมบำรุง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการของรัฐนิวยอร์ก ได้เคยตำหนิแอลไอพีเอ เรื่องที่ไม่มีการสื่อสารกับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่สมัยพายุไอรีน พัดกระหน่ำเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงไม่ได้ตัดกิ่งไม้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการซ่อมบำรุง เพื่อป้องกันไม่ให้ระสายไฟอีกด้วย

นายแอนดรูว์ คูโอโม่ ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้ตำหนิการรับมือกับพายุของการไฟฟ้านิวยอร์ก และระบุว่า การบริหารจัดการในส่วนของลูกค้าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
--------------------

(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)


รูปภาพ
Dr.Jfk
Verified User
โพสต์: 458
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ผมเพิ่งเข้าเว็บนี้ไม่นาน

อ่านหัวข้อแปะข่าวรายวันคุณ ปรัชญา แล้ว ชอบ และนึกขอบคุณมากๆ ครับที่นำข่าวมาฝากกัน

เข้าใจเลยว่าเหนื่อย และยุ่งยาก แต่ก็เข้าใจดี ว่า ถ้าเราทำอะไรแล้ว มีคนชื่นชอบเราก็สุขใจหายเหนื่อย

แต่เห็นวันก่อนปิดกระทู้ไป ยังคิดว่าเหนื่้อย หรือติดธุระ ยังแอบนึกเสียดาย

ดีใจ ครับ ที่เห็นกระทู้นี้กลับมา

อยากบอกว่า ผมเองติดตาม และขอเป็นกำลังใจให้ครับ

ปล.ผมเห็นในลิ้งค์ข้างบน ถามถึงการเน้นสี ว่าผิดหรือไม่

มันมีฟังชั่นนี้ให้ใช้ ผมเองคิดว่าไม่่น่าจะผิดกฏ

ถ้ามีรบกวนบอกด้วยนะครับ อยากปฏิบัติตามกฏ ที่นี่ น่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 16

โพสต์

รูปภาพ

ใครฆ่าสิ่งพิมพ์

ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : ใครฆ่าสิ่งพิมพ์ : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ


สื่อสิ่งพิมพ์โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์รายวันเคยเป็นธุรกิจที่หอมหวนและทรงอิทธิพล แต่โลกยุคดิจิตอลในปัจจุบันนี้ทำให้สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลายกำลังตกอยู่ในภาวะล่อแหลมอันตราย ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกทยอยกันปิดตัวลงไปเรื่อยๆ ที่เหลืออยู่ก็มีแต่คนวิเคราะห์ว่ายากที่จะดำรงอยู่ได้ หรือที่อยู่ได้ก็ตกอยู่ในภาวะ “ไม่ตายแต่เลี้ยงไม่โต” ศัตรูตัวสำคัญที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น คือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่แพร่หลายกระจายไปได้รวดเร็วและกว้างขวางกว่า

หนังสือพิมพ์รายวันเริ่มได้รับสัญญาณอันตราย เมื่อมีการแข่งขันกันนำเสนอข่าวด้วยความรวดเร็ว ใครสามารถนำข่าวไปสู่ผู้บริโภคได้ก่อนคนนั่นคือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเหนือกว่า แต่จะเหนือกว่าทางด้านธุรกิจด้วยหรือไม่คงไม่สามารถตอบได้ ยุคเริ่มต้นครั้งนั้นหนังสือพิมพ์รายวันจึงเสนอขายข่าวทางเครื่องมือสื่อสาร เช่น เพจเจอร์, โทรศัพท์เคลื่อนที่ ฯลฯ ควบคู่กันไปกับการขายหนังสือพิมพ์ด้วย

ในมุมมองของผมนั่นคือสัญญาณอันตรายระยะแรก เพราะในเมื่อผู้บริโภคได้รับทราบผลสุดท้ายของข่าว ที่จะตามมาปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์อีกหลายชั่วโมงข้างหน้าไปแล้ว ก็มีความจำเป็นน้อยลงที่จะต้องไปจ่ายเงินซื้อหนังสือพิมพ์ บวกกับรสนิยมการบริโภคข้อมูลข่าวสารของคนยุคใหม่ ที่นิยมบริโภคเพียงแค่ผลสรุปและเอาเร็วเข้าว่า แม้หลายครั้งจะพบว่าเนื้อหรือข้อมูลของข่าวคลาดเคลื่อนไปบ้าง ผู้บริโภคยุคนี้ก็ยังทำใจรับกันได้ ข่าวด่วนชนิดรายงานสรุปข่าวจึงเป็นข่าวที่ถูกกับตลาดปัจจุบัน

ต่อมาหนังสือพิมพ์จึงถูกเบียดให้ตกลู่แข่งขันด้วยรายการเล่าข่าว เพราะนักเล่าข่าวลงทุนเพียงแค่ค่าหนังสือพิมพ์ไม่กี่บาท บวกกับลีลาการเล่าข่าวเฉพาะตัวก็สามารถทำรายการได้ แม้ในการเล่าข่าวจะทำราวกับว่าได้ให้เกียรติที่มาของหนังสือพิมพ์ที่นำข่าวมาเล่าแล้วก็ตาม แต่นั่นก็เท่ากับว่าฝังหนังสือพิมพ์รายวันให้ตายลึกลงไปในหลุมเข้าไปอีก เพราะจะมีใครยอมจ่ายเงินเพื่อรับรู้ข่าวที่ได้รู้แล้ว แถมยังรับรู้แบบมีอารมณ์ร่วมด้วยอีกต่างหาก

หมัดน็อกหมัดสุดท้ายคือการรายงานข่าวตามสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ที่ผู้จัดทำเว็บไซต์ลงทุนจ้างคนเพียงไม่กี่คน ค้นคว้าหาข่าวและนำมารายงานลงไปในสื่อที่จัดทำขึ้น ต่างจากหนังสือพิมพ์ที่ต้องลงทุนจ้างนักข่าวนับร้อยคนต่อฉบับสำหรับหนังสือพิมพ์รายวัน ต้นทุนที่ต่างกันแต่ได้รับรู้ข้อความเดียวกัน ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งนำเสนอได้รวดเร็วกว่า ย่อมทำให้รู้ได้ทันทีว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

อีกทั้งในทุกช่องทางการแข่งขันที่กล่าวมา หนังสือพิมพ์รายวันแทนที่จะตั้งรับในสนามที่ตนเองถนัด แต่กลับกลายเป็นว่ากระโดดลงไปเล่นแข่งขันในสนามของสื่ออื่น เพราะคิดว่าต้องการไล่ล่าขายความรวดเร็วของข่าวกับสื่ออื่นๆ ด้วย ซึ่งเปรียบได้กับว่าเมื่อมีการรายงานผลการแข่งขันกีฬาไปแล้ว จะมีใครอีกสักกี่คนที่จะติดตามชมรายการกีฬาเดียวกันนั้นในลักษณะเทปบันทึกภาพการแข่งขัน ยกเว้นแต่มีเหตุการณ์พิเศษมากๆ เกิดขึ้นในการแข่งขันรายการนั้นๆ เท่านั้น

ดังนั้น สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์หากไม่สามารถปรับยุทธวิธี ทั้งการนำเสนอและแนวทางการตลาดให้แตกต่างได้ ก็คงจะต้องทยอยปิดตัวลงดังเช่นที่เป็นข่าวกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ใครที่สามารถมองหากลยุทธ์และวิธีการต่อสู้เฉพาะตัวได้ ก็ยังมีโอกาสโลดแล่นต่อไปได้ในโลกของธุรกิจสื่อใบนี้ได้ต่อไป

--------------------

(ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : ใครฆ่าสิ่งพิมพ์ : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ)


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 17

โพสต์

Dr.Jfk เขียน:ผมเพิ่งเข้าเว็บนี้ไม่นาน

อ่านหัวข้อแปะข่าวรายวันคุณ ปรัชญา แล้ว ชอบ และนึกขอบคุณมากๆ ครับที่นำข่าวมาฝากกัน

เข้าใจเลยว่าเหนื่อย และยุ่งยาก แต่ก็เข้าใจดี ว่า ถ้าเราทำอะไรแล้ว มีคนชื่นชอบเราก็สุขใจหายเหนื่อย

แต่เห็นวันก่อนปิดกระทู้ไป ยังคิดว่าเหนื่้อย หรือติดธุระ ยังแอบนึกเสียดาย

ดีใจ ครับ ที่เห็นกระทู้นี้กลับมา

อยากบอกว่า ผมเองติดตาม และขอเป็นกำลังใจให้ครับ

ปล.ผมเห็นในลิ้งค์ข้างบน ถามถึงการเน้นสี ว่าผิดหรือไม่

มันมีฟังชั่นนี้ให้ใช้ ผมเองคิดว่าไม่่น่าจะผิดกฏ

ถ้ามีรบกวนบอกด้วยนะครับ อยากปฏิบัติตามกฏ ที่นี่ น่ะครับ

ขอบคุณมากครับที่ทักทาย
การพิมพ์การเน้นสี ไม่ผิดกฏกระมังครับ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ
เราบริสุทธิ์ใจครับ ทำกันไปแบบพี่ๆน้องๆลูกๆหลานๆ
ไม่เหนื่อยกายครับ เพราะชีวิตว่างตลอดไม่ได้ทำงานอะไร
อยู่บ้าน ดูแต่เคเบิ้ลทีวี เบื่อทีวีก็ดูคอมฯ เบื่อคอมก็ขับรถไปเลี้ยงนก
เลี้ยงห่าน เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา รดน้ำต้นไม้ หายใจทิ้งไปวันวันครับ

รายได้ที่มาเลี้ยงชีพก็ ได้เงินปันผลจากบริษัทฯจดทะเบียน ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
หุ้นส่วนธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ต แลขายน้ำขายขนมครับ

ผมใช้เวลา8ปีกับที่นี่ พอกินพอใช้ประหยัดหน่อยคงเลี้ยงตัวได้จนตาย
ขอบคุณที่ชอบครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 18

โพสต์

รูปภาพ

พาตัวพาใจไปผ่อนคลายสไตล์'ไวน์ รีพับลิก'

พาตัวพาใจไปผ่อนคลายสไตล์'ไวน์ รีพับลิก' : เรื่อง... รุ่งวชิรา ทับทิมทอง

อากาศเมืองไทยในช่วงนี้ เรียกว่า เป็นฤดูกาลแห่งปลายฝนต้นหนาวก็เห็นจะไม่ผิด เดี๋ยวแดดเดี๋ยวฝนคนทั่วเมืองมีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ ชาวผู้ดีอังกฤษเดินถือร่มกันให้ขวักไขว่ แทบปรับสภาพอุณหภูมิในร่างกายกันไม่ทัน แต่คงใช้ไม่ได้กับร้าน “Wine Republic” (ไวน์ รีพับลิก) ร้านอาหารแนวอิตาเลียนฟิวชั่น ผนึกกับเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นของเก่าเอามาทำใหม่ในสไตล์โมเดิร์นไม้ไทยจ๋าร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อิงเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาปรุงให้เข้ากับบรรยากาศสบายๆ ซึ่งจัดแต่งไว้คอยบริการลูกค้าทั้งชั้นบนและชั้นล่าง แต่โซนซึ่งได้รับนิยมเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นบริเวณบาร์ เพราะลูกค้าสามารถนั่งคุยพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มได้ตามความต้องการในหมู่เพื่อนฝูง โดยมีดีเจมาคอยเปิดเพลงเพิ่มความสำราญหลากหลายแนว ทั้งเพลงยุค 80 - ยุค 90 แนวอาร์แอนด์บี ฮิพฮอพ เมื่อตะวันหมดเวลาสาดแสงก็คล้อยต่ำลับตาบอกเวลาเย็นย่ำ ณ ที่แห่งนี้ก็เริ่มเวลาอันดื่มด่ำ ด้วยการเปิดดวงไฟสีส้มนวลเป็นสัญญาณของเวลาผ่อนคลาย ที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามบนเพดานชวนอบอุ่นท่ามกลางลมพัดกระทบผิวกายให้ยิ่งสบายเข้าไปอีก

บรรยากาศดีช่วยให้อิ่มเอมใจ แต่ไม่อิ่มท้องจึงต้องกางเมนูเล็งหาอาหาร จานแรกของมื้อนี้ที่ได้รับการแนะนำจากหนึ่งในหุ้นส่วนสำคัญของร้าน คือ ดีซี่ทู สเต็ป พิซซ่า+พาม่าร์ แฮม พิซซ่าโฮมเมดแป้งบางกรอบ ท็อปปิ้งด้วยเชคด้าชีสและเนื้อไก่เป็นหลัก ทว่าแอบเพิ่มรสชาติเอาใจคนไทยด้วยหอมแดงซอยคละเคล้ากันจนเข้ากับชีส รสชาติของหอมแดงซอยไม่ฉุนขึ้นจมูกจนแรงไป ได้ความนุ่มและความเข้มจากชีสมาช่วยกลบกลิ่นได้เป็นอย่างดี ยิ่งได้รสขมเล็กๆ ของเชคด้าช่วยชูรส อันเป็นสูตรพิเศษที่ทางร้านนำมาปรับให้เข้ากันได้อย่างลงตัว ทว่าเด็ดยิ่งกว่าตรงที่ลูกค้าสามารถเลือกผสมหน้าได้ตามใจชอบนี่สิ !!

ตามติดด้วยจานเส้นๆ อย่าง สปาเกตตี แคลป มีท ผัดแบบแห้งกับเนื้อปูเสิร์ฟกับผักร็อกเก็ต โดยเชฟไม่ลืมเสริมความจัดจ้านด้วยพริกให้คนกินไม่รู้สึกเลี่ยนจนเกินไป เมื่อบวกกับเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้ำสต๊อกสด ใหม่ และคงไว้ซึ่งรสชาติซีฟู้ด รวมถึงเรื่องของการต้มเส้นให้ออกมาเส้นนุ่มกำลังรับประทานส่งผลให้จานนี้มีรสเผ็ดมันกำลังดี อีกหนึ่งจานกลมกล่อมนุ่มละมุนลิ้น ลอบสเตอร์เทอร์มิดอร์ ปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะของทางร้านผัดใส่ครีมและเห็ดให้เข้ากัน โรยทับบนตัวกุ้งเมื่อตักทุกอย่างลงในช้อนพอดีคำกลิ่นเนื้อกุ้งหอมขึ้นจมูกตลบอบอวลชวนให้น้ำลายสอ ส่วนเทคนิคการรับประทานจานนี้ให้อร่อยยิ่งขึ้น มีเสียงกระซิบว่าต้องจิบไวน์แดงควบคู่กันไป

ต่อด้วย กริลล์ บาร์-บี-คิว พ็อค ริบส์ ที่ได้รสเผ็ดพอดีตามด้วยรสหวานปะแล่มลิ้นอย่างลงตัว ถึงชิ้นซี่โครงจะใหญ่ทว่าเนื้อนุ่มจนไม่ต้องเปลืองแรงเคี้ยว ยิ่งได้กินคู่กับเฟรนช์ฟรายช่วยตัดกันได้เป็นอย่างดี ระหว่างนี้หากคอแห้งก็มีเครื่องดื่มหวานๆ สำหรับสุภาพสตรี โตเกียวลิ้นจี่ มีสปาร์คกลิ้งผสมกับสาเก กลิ่นลิ้นจี่ และเยลลี่ แต่ไม่หวานเลี่ยน แต่ถ้าไม่ใช่นักดื่มชั้นเซียนหากเรียกหลายแก้วอาจมีอาการเพลี่ยงพล้ำเอาได้ง่ายๆ ส่วนใครไม่ถนัดแนวแอลกอฮอล์ก็มี ลิ้นจี่จิโต้ เครื่องดื่มใสๆ รสชาติเปรี้ยวนำจิบได้ไม่มีเบื่อ

ปิดตบท้ายด้วยของหวานหน้าตาน่ารักชวนชิมกับ วอร์ม ช็อกโกแลต ซัฟเฟิล ได้ความขมของต้นตำรับช็อกโกแลตเบลเยียมแท้ ถูกห่อด้วยเนื้อของแป้งขนมปัง กินตัดกันกับไอศกรีมวานิลลา จะได้รสออกขมนิดๆ หวานหน่อยๆ

รูปภาพ

ร้าน “ไวน์ รีพับลิก” ตั้งอยู่ปากซอยทองหล่อซอย 10 เปิดให้บริการในวันอาทิตย์-พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 17.00-01.00 น. ส่วนวันศุกร์-เสาร์ เปิดบริการตั้งแต่เวลา 17.30-01.30 น. สำรองที่นั่งได้ที่โทร.0-2714-7599 ทุกเมนูสนนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 90 บาทเท่านั้น !!...หากได้ลองมานั่งชิลๆ ที่ร้านแห่งนี้ เชื่อว่า "ลิ้นไม่ลืมรส" อย่างแน่นอน...
.......................................
(หมายเหตุ พาตัวพาใจไปผ่อนคลายสไตล์'ไวน์ รีพับลิก' : เรื่อง... รุ่งวชิรา ทับทิมทอง)


อ่านดูเล่นกันเพลินๆครับ กุ้งตัวนี้น่าจะแถวๆ3พันบาท
ผมว่าถ้าไม่ใช่โอกาสพิเศษสุดคงไม่มีคนทาน
(ผมก็ไม่เคยทานร้านนี้เผื่อใครจะแวะไปลองชิม)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 19

โพสต์

รูปภาพ

เนื้อแกะ แห่งฤดูใบไม้ผลิ”
เชฟภิเชฐ หนูพุฒ พ่อครัวใหญ่อารมณ์ดี
แห่งห้องอาหารเดอะสแควร์ เสิร์ฟเมนูสุดพิเศษ “เนื้อแกะ แห่งฤดูใบไม้ผลิ”
ให้กับทุกท่าน ด้วยความนุ่มและความอร่อยของเมนูเนื้อแกะชั้นดี นำเข้าจาก
ประเทศนิวซีแลนด์ อาทิ สลัดเนื้อแกะสไตล์กรีก โปรตีนสูง ไร้ไขมัน เหมาะสำหรับ
ท่านที่รักสุขภาพและต้องการควบคุมน้ำหนัก เมนูสุดโปรดตลอดกาลอย่างเคบับเนื้อแกะ
ซี่โครงแกะย่าง สตูว์เนื้อแกะหอมกรุ่น แกงกะหรี่เนื้อแกะ และอื่นๆ อีกมากมาย
ควบคู่ไปกับบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่ให้คุณทั้งเพลิดเพลิน แถมอิ่มอร่อยคุ้มค่า
มื้อค่ำ วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 18.00 – 22.30 น.
วันนี้ – 30 พฤศจิกายน ที่ห้องอาหารเดอะสแควร์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ เพลินจิต

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 20

โพสต์

รูปภาพ

“เห็ดทอดนาโหนด” จาก จ.พัทลุง คือตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เริ่มต้นจากการทำกันแบบพื้นบ้าน แต่เมื่อผ่านการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ โดยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าแล้ว ถึงวันนี้กลายเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง และกลายเป็นสินค้ายอดฮิตเข้าขายใน เซเว่น อีเลฟเว่น

รูปภาพ

คุณชัยยงค์ คชพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เห็ดทอดนาโหนด ฟู้ดส์ จำกัด วัย 26 ปี กุลีกุจอต้อนรับก่อนจะสละเวลามาให้ข้อมูลด้วยอัธยาศัยยิ้มแย้ม พร้อมเริ่มต้นให้ฟังเกี่ยวกับความเป็นมาของธุรกิจในความดูแลว่า คุณพ่อ-คุณแม่ของเขามีอาชีพหลักเป็นคุณครู และเริ่มต้นอาชีพเสริมเมื่อ พ.ศ.2522 ด้วยการเพาะเห็ดพันธุ์นางฟ้า หูหนู นางรม ออกขายชุมชนในละแวก ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง กระทั่งปี 2530 มีการพัฒนาเป็นฟาร์มเห็ดครบวงจร ขนาด 40 โรงเรือน ก่อนจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย

ในช่วงราวปี 2536 เกิดปัญหาเห็ดล้นตลาด ครอบครัวของเขาจึงหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกับสมาคมวิจัยและเพาะเห็ดฯ ด้วยการนำเห็ดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากชนิด อาทิ เห็ดทอด น้ำพริกเห็ด เห็ดสวรรค์ ฯลฯ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

“ฟาร์มเห็ดของครอบครัวทำกันแบบครบวงจร จึงมีผู้คนเข้ามาศึกษาดูงานกันหลายหมู่คณะ อาหารที่ทำเลี้ยงรับรองแขก ส่วนใหญ่เลยเป็นประเภทเห็ดแปรรูป โดยเฉพาะเห็ดชุบแป้งทอดนั้นทำบ่อย และได้รับคำชมตลอดว่าอร่อย ไม่เคยทานที่ไหนกันมาก่อน”

เขาก็ได้ลองนำเห็ดมาแปรรูปจนสามารถสร้างแบรนด์ธุรกิจเป็นของตัวเอง จากจุดเริ่มแค่กระทะ 1 ใบ ตั้งขายหน้าสถานีรถไฟในจังหวัดพัทลุง จำหน่าย 1 วัน ไม่ถึง 10 กิโลกรัม แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้ คุณชัยยงค์ ตั้งใจพัฒนาการทำธุรกิจเห็ดแปรรูป จนมาถึงวันนี้ “เห็ดทอดนาโหนด” มีการจ้างแรงงานกว่า 40 คน และกำลังผลิตกว่า 300 กิโลกรัมต่อวัน

รูปภาพ

เห็ดทอดนาโหนด ประกอบไปด้วย เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เห็ดหูหนู ใบบัวบก ใบตำลึง มันฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน ผักน้ำ เผือก มันเทศ แครอท ฟักทอง หัวปลีกล้วย มะระจีน ดอกเฟื่องฟ้า ดอกแค ดอกผักปลั่ง ดอกอัญชัญ ผักชีฝรั่ง ผักกาดหอม สายบัว ถั่วพู นำมาทอดในน้ำมันพืชใหม่ทุกครั้ง ให้ได้สีเหลืองนวลน่ารับประทาน

สิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือ การควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบและการผลิตแปรรูป ด้วยการสร้างโรงเพาะเห็ดขนาด 40 โรงเรือน และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาเห็ดไว้ให้ได้นานที่สุด นอกจากนั้นยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสุดยอด OTOP 1 ใน 10 ของประเทศ ในประเภทอาหาร

ผู้ที่สนใจอยากทานเห็ดทอดนาโหนด สามารถหาทานได้ที่ เดอะมอลล์ทุกสาขา โกลเด้นเพลส ร้านเลมอนฟาร์มทุกสาขา ตลาดหน้าสถานีรถไฟพัทลุง ตลาดถนนรื่นรมย์ ใกล้ๆ ศาลากลาง จ.ตรัง และใน เซเว่น อีเลฟเว่น หรือเข้าไปดูที่เว็บไซต์ www.thaitempura.com



รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 21

โพสต์

รูปภาพ


ฮือฮา!อินเดียเปิดตัวแท็บเล็ต 678 บาท
อินเดียเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งมีราคาถูกที่สุดในโลก ด้วยระบบการประมวลผลข้อมูลที่เร็วขึ้น และแบตเตอรีที่ได้รับการพัฒนาใหม่ โดยจะวางจำหน่ายให้แก่นักเรียนนักศึกษา ในราคาเพียง 1,130 รูปี (ราว 678 บาท)เท่านั้น

วันนี้(13พ.ย.55)แท็บเล็ต "Aakash" ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นแท็ลเล็ตที่มีราคาถูกที่สุดในโลก ได้รับการพัฒนาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สามารถเข้าถึงนักเรียนนักศึกษาในวงกว้าง ขณะที่อินเดียยังคงมีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตทั่วประเทศเพียง 10% เท่านั้น โดยบริษัท Datawind สัญชาติอังกฤษ เผยว่า แท็บเล็ต Aakash 2 ใช้ระบบประมวลผลที่มีความเร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า และมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงแบตเตอรีที่มีอายุการใช้งานได้ 3 ชม. ประธานาธิบดีปรานาบ มุเคอร์จี กล่าวในระหว่างการเปิดตัวอย่างเป็นทางการวานนี้ว่า เทคโนโลยีที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ถือเป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อการศึกษา และควรมีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ

รัฐบาลเปิดตัวแท็บเล็ตเวอร์ชันแรกเมื่อเดือนต.ค.ปีก่อน แต่เกิดข้อขัดข้องหลายประการ อาทิ แบตเตอรีอายุสั้นเกินไป อุปสงค์ที่มากกว่าอุปทาน และข้อยุ่งยากในการจัดจำหน่าย ทั้งนี้ แท็บเล็ตรุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาโดยวิศวกรชาวอินเดีย จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งอินเดีย พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 และหน้าจอขนาด 7 นิ้ว โดย 100,000 เครื่องแรก จะถูกจำหน่ายให้แก่นักศึกษาด้านวิศวกรรม ในราคา 1,130 รูปี หรือราว 678 บาท และตามร้านหนังสือในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่างๆ โดย Datawind เผยว่า ราคาขายตามท้องตลาดทั่วไป จะอยู่ที่ 3,500 รูปี

จากข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทางการได้เปิดการฝึกอบรมครูอาจารย์ตามวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆกว่า 250 แห่ง กว่า 15,000 คน ในการนำแท็บเล็ต Aakash ไปใช้เพื่อการศึกษา อินเดียมีประชากรเน็ตราว 115 ล้านคน หรือมากเป้นอันดับสามของโลกรองจากจีน และสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 22

โพสต์

รูปภาพ
แรงกดดันนอกปท.ฉุดหุ้นเช้าปิดลบ7.91จุด

แรงกดดันจากนอกประเทศ ฉุดตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปิดลบ7.91จุด แตะที่ระดับ1,286.59จุด

วันนี้ (13 พ.ย. 55) ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,286.59 จุด ลดลง 7.91 จุด(-0.61%) มูลค่าการซื้อขาย 22,888.54 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแดนลบ เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่และดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส รับแรงกดดันจากนอกประเทศเป็นหลัก ทั้ง Fiscal Cliff ของสหรัฐฯ และกรีซที่จะรับเงินช่วยเหลือทันศุกร์นี้หรือไม่ ส่วนในประเทศเล่นเก็งหุ้นรายตัวอิงตามงบฯ และใกล้สิ้นสุดประกาศงบฯ 15 พ.ย.นี้แล้วอาจทำให้ใกล้หมดข่าวบวก บ่ายนี้ตลาดฯคงผันผวนในกรอบ-อิงขาลง พร้อมให้แนวรับ 1,285-1,280 ส่วนแนวต้าน 1,295-1,300 จุด การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,293.15 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,283.70 จุด

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบไม่กว้างในแดนลบ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนลบ ซึ่งตลาดภูมิภาควันนี้ค่อนข้างเงียบเหงาเนื่องจากมีหลายตลาดปิดทำการอย่างตลาดสิงคโปร์ และมาเลเซีย อีกทั้งดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ยังอยู่ในแดนลบด้วย

ทั้งนี้ ตลาดฯรับแรงกดดันจากภายนอกประเทศเป็นหลัก จากปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐฯที่จะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และทางยุโรปก็มีเรื่องที่ต้องจับตาที่กรีซว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือทันในวันศุกร์นี้หรือไม่ ถ้าไม่ทันก็จะเริ่มผิดนัดชำระหนี้แล้ว เพราะมีหนี้ที่รัฐบาลจะต้องจ่าย

ส่วนปัจจัยในประเทศก็ยังคงเป็นการเล่นเก็งหุ้นรายตัวตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งก็ใกล้จะสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการแล้วในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ดังนั้นตลาดฯอาจจะใกล้หมดข่าวบวกไปด้วย สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะผันผวนในกรอบ โดยอิงไปทางขาลง พร้อมให้แนวรับ 1,285-1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,295-1,300 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

CPF มูลค่าการซื้อขาย 3,476.75 ล้านบาท ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 1.75 บาท
BTS มูลค่าการซื้อขาย 1,494.56 ล้านบาท ปิดที่ 6.30 บาท ลดลง 0.15 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 597.11 ล้านบาท ปิดที่ 4.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 479.82 ล้านบาท ปิดที่ 375.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 461.79 ล้านบาท ปิดที่ 180.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 23

โพสต์

รูปภาพ

7-11เล็งอัดแคมเปญใหญ่ทิ้งทวน สแตมป์รักเมืองไทยดันกำไรไตรมาส3เฉียด3พันล.

เซเว่นฯเดินหน้าอัดงบฯทำตลาดจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายโค้งท้าย มั่นใจสิ้นปีโตเกินเป้า 16-17% โกยกำไรทะลุหมื่นล้าน ต่อยอดความแรงจากแคมเปญแสตมป์ดันยอดซื้อต่อบิลพุ่ง เพิ่มผลประกอบการไตรมาส 3 กระฉูดเกินคาด สูงกว่าไตรมาส 2 ของปีนี้ และไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ได้แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ว่า มีผลกำไรสุทธิ 2,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไร 2,173 ล้านบาท เนื่องจากการขยายสาขาร้านเซเว่นฯเพิ่มขึ้นอีก 113 สาขา หรือเพิ่มเป็น 6,773 สาขา ในไตรมาส 3 ของปี 2555 จาก 6,206 สาขาในไตรมาส 3 ปี 2554 คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 9%

ขณะเดียวกันก็มีการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาต่อวันของร้านเดิม ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2555 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 16% คิดเป็นอัตราเติบโต 6% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2554 และมากกว่าไตรมาส 2 ของปี 2555 ที่มียอดขายสาขาเดิมอยู่ที่ 10% สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน) ซีพี ออลล์มีผลกำไร 8,261 ล้านบาท โตขึ้น 28% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2554 มีผลกำไร 6,426 ล้านบาท รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นจาก 25.3% ในไตรมาส 3 ปี 2554 เป็น 25.8% ในไตรมาส 3

ปี 2555 ขณะที่ต้นทุนดำเนินการในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ปรับลดลงจากปีก่อน อันเป็นผลมาจากนโยบายปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของรัฐบาล จาก 30% ลดเหลือ 23%

จากรายงานยังระบุว่าไตรมาส 3 มีรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อสาขาอยู่ที่ 91,779 บาท โต 16% เติบโตจากไตรมาส 2 ของปี 2555 ที่มียอดขายใช้เพิ่มขึ้น 10% ทั้งนี้ ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้วกว่า 497 สาขา

ทำให้รายได้รวมของบริษัทในไตรมาส 3 ปิดที่ 50,238 ล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน) มียอดขาย 141,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มียอดขาย 119,475 ล้านบาท หรือเติบโต 18%

สอดคล้องกับคำกล่าวของนายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในเรื่องนี้ว่า โปรโมชั่นสะสมแสตมป์ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดี ควบคู่กับการขยายสาขาใหม่ ปีนี้มีจำนวนมากกว่า 500 สาขา เนื่องจากสาขาส่วนหนึ่งหรือราว 40 สาขา ไม่สามารถเปิดได้ในปี 2554 จากสถานการณ์น้ำท่วม จึงเลื่อนมาเปิดปีนี้แทน โดยตัวเลข ณ สิ้นเดือนกันยายนมีสาขา 6,700 สาขา เป้าหมายปีนี้จะขยายสาขาได้ทั้งสิ้น 6,800 สาขา ยอดขายปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ถึง 16-17% จากเป้าหมายที่วางไว้จะมียอดขายเติบโต 14-15% จากปี 2554 ซึ่งบริษัทปิดรายได้ที่ 159,226 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,274 ล้านบาท

ขณะที่นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวในเรื่องนี้ว่า กำลังซื้อยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย สำหรับทิศทางของบริษัทยังคงใช้งบฯจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เมื่อจบแคมเปญแสตมป์ ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนมีแผนโปรโมตสินค้ากลุ่มต่าง ๆ ภายในร้านเซเว่นฯเพิ่มเติม ซึ่งทุกสินค้าและบริการสามารถนำมาสร้างคอนเซ็ปต์แคมเปญโปรโมชั่นกระตุ้นการใช้จ่ายได้ อาทิ เร็ว ๆ นี้จะจัดแคมเปญหนังสือดีมีคุณภาพ จำหน่ายในราคาเพียง 20 บาท โดยวางเป้ายอดขายไว้ที่ 1 ล้านเล่ม

รูปภาพ
13 พ.ย. 2555
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
whiteknight_p
Verified User
โพสต์: 315
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 24

โพสต์

มาขอบคุณและให้กำลังใจด้วยคนครับพี่
:D :D :D :D :D :D :D :D :D
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 25

โพสต์

whiteknight_p เขียน:มาขอบคุณและให้กำลังใจด้วยคนครับพี่
:D :D :D :D :D :D :D :D :D
ขอบคุณที่ทักทายยินดีมากครับ

ภาพชุดฝนตกหนักทำเวนิสจมน้ำทั้งเมือง รุนแรงสุดในรอบ 150 ปี

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เมื่อ 12 พ.ย. เดลี่เมล์รายงานว่า เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องมาแล้วหลายวันในอิตาลี ส่งผลให้เมืองเวนิส เมืองท่องเที่ยวชื่อดัง ถูกน้ำท่วมสูงถึงระดับเอวกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของทั้งเมือง แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
รายงานระบุว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำและคลองเพิ่มสูง ก่อนจะไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอีก ในคืนวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จนตอนนี้ มีรายงานว่า กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของเมืองเวนิสนั้นจมน้ำแล้ว และระดับน้ำที่ท่วมสูงเฉลี่ย 150 เซนติเมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งถือว่ารุนแรงกว่าน้ำท่วมทุกครั้งในรอบ 150 ปีเลยทีเดียว

รูปภาพ
wsrichad10
Verified User
โพสต์: 18
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 26

โพสต์

เป็นกำลังใจให้ ครับ
ACME49
Verified User
โพสต์: 3404
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ขอบคุณและดีใจมากมากที่พี่กลับมา ผมได้ประโยชน์จากการโพสของพี่อย่างมาก หวังว่าสิ่งดีๆที่พี่ทำขอให้สะท้อนกลับเข้าหาตัวพี่และครอบครัว ขอเป็นกำลังใจหนึ่งเสียงครับ :D
ในเกมการเงิน อะไรที่ไม่รู้ คือ ความเสี่ยง
torpongpak
Verified User
โพสต์: 2595
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ขอขอบคุณพี่ปรัชญามากครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
ภาพประจำตัวสมาชิก
RookieVI
Verified User
โพสต์: 162
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 29

โพสต์

มาเจิม :mrgreen:

ขอบคุณที่รวบรวมข่าวมาให้อ่านกันครับ จะคอยติดตามต่อไปนะครับเฮีย
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 30

โพสต์

รูปภาพ
ศาลปกครองเรียกผู้ตรวจการฯนัดไต่สวนประมูล3จีพรุ่งนี้
องค์คณะตุลาการศาลปกครอง เรียกผู้ตรวจการฯนัดไต่สวนประมูล 3 จี วันพรุ่งนี้
ห้องพิจารณาคดีที่ 6 ในคดีหมายเลขดำที่ 2865/2555 ที่ ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยเกี่ยวกับการจัดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz หรือ 3 จี เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2555 ที่คณะกรรการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดให้มีการประมูลคลื่นความถี่ตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications หรือ IMT) ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าการออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ดังกล่าวไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย

เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ยังไม่เอื้อหรือสนับสนุนการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมที่แท้จริงในสถานการณ์ที่ประเทศไทย มีผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมประมูลไม่มากนัก โดยหลังจาการออกประกาศที่เป็นข้อพิพาทคดีนี้แล้ว พบว่ามีผู้ขอเอกสารเพื่อเข้าร่วมประมูล 17 ราย แต่มีผู้ยื่นคำขอเพียง 4 รายเท่านั้น และมีเพียง 3 รายที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งทำให้เห็นและเชื่อว่า กสทช.ผู้ถูกฟ้อง ทราบดีอยู่แล้วหรือสามารถประมาณการได้มาตั้งแต่ต้นก่อนที่จะมีการจัดประมูลจริงว่า จะมีผู้ประกอบกิจการซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเข้าร่วมการประมูลนั้นมีจำนวนน้อยราย รวมทั้งยังอาจมีปัญหาว่าการกำหนดราคาเริ่มต้นต่อมูลค่าคลื่นความถี่สำหรับการประมูลครั้งนี้ที่ 4,500 ล้านบาท ว่าจะเป็นราคาตั้งต้นที่มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับสภาวการณ์ตลาดโทรคมนาคมของประเทศไทยหรือไม่

จึงขอให้ศาลเพิกถอนการดำเนินการประมูลดังกล่าวพร้อมทั้งประกาศที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุญาตให้คลื่นความถี่ดังกล่าว โดยคดีนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ขอให้ศาลไต่สวนเพื่อ กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว สั่งระงับการให้ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

รูปภาพ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555


ยินดีครับทักทายกันแบบเป็นกันเอง คุณtorpongpak คุณACME49 คุณwsrichad10 คุณRookieVI
คิดหวังอย่างไรขอให้ทุกท่านสมหวังทุกประการครับ