EQ ในชีวิตประจำวัน

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องยังไงดี
ผมตั้งห้องนี้ เพราะผมคิดว่า มีหลายเรื่องมากๆที่ผมอยากพูด หรือระบายออกมา หรือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องของ ทัศนคติ หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ในการใช้ชีวิต
เพื่อนๆพี่ๆคนใดมีเรื่องอยากแชร์หรือคิดเห็นอย่างไรขอเชิญโพสต์ได้เลยครับ เรื่องอะไรก็ได้(กลัวจะเหงาโพสต์อยู่คนเดียว)
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอเรื่องแรกก่อน
เรื่อง คิดว่าตัวเองเก่ง ความสำเร็จของคนอื่นแค่โชคช่วย

ผมกำลังพูดถึงกลไกในการคิดเข้าข้างตัวเอง คิดยกตนข่มท่าน หรือคิดแนวๆนี้ว่า เราเก่งที่สุด ความสำเร็จของคนอื่นเป็นเพราะโชคดี ฟลุ๊ค อะไรทำนองนี้
ผมคิดว่ากลไกความคิดนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ว่า ตนเองนั้นเป็นคนสำคัญ

ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ที่ลงทุนมาด้วยกัน แล้วนานๆทีก็จะมาคุยกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ผมกับเพื่อนคนนี้เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ จะลงทุนแบบfocus ถือหุ้นน้อยตัวและจะมีหุ้นที่ถือเยอะสุดๆและมั่นใจสุดๆอยู่คนละตัว
เวลาผ่านไป ผมก็เฝ้าศึกษาหุ้นของผมตลอดเวลา ศึกษาเรื่อยๆเป็นปี และบางครั้งนานๆทีก็แอบดูหุ้นที่เพื่อนผมถืออยู่ และผมก็เชื่อว่าเพื่อนผมก็ทำบ้างเหมือนกัน เป็นการแข่งกันกลายๆ

ปลายปี2554 เกิดตลาดหุ้นตกหนัก เพื่อนผมขายหมด ผมไม่ขายแต่ซื้อเพิ่มและก็บอกเหตุผลให้เพื่อนคนนี้ฟัง เค้าก็ยังคงเชื่อว่าความคิดตนเองถูกตามสไตล์

เวลาผ่านไปแค่ต้นปี2555 เพื่อนผมก็มาคุยกับผมอีกรอบ เค้ายอมรับว่าพลาดในครั้งนี้ แต่สิ่งที่เค้าพูดมาทำให้ผมประหลาดใจ เค้าพูดเชิงสั่งสอนผม อะไรซักอย่างผมจำไม่ได้ ผมก็ได้แต่ อืมมๆ พูดทำนองรักษาน้ำใจ ผมรู้สึกตลกมาก แทนที่จะเป็นผมที่จะบอกเค้าว่าทำยังไงถึงผ่านมาได้....
ผมสังเกตเห็นกลไกป้องกันตัวทางความคิดของเพื่อนผม เค้าคงคิดว่าตนเองนั้นโชคร้าย ส่วนผมที่ไม่ขายอาจจะโชคดี ไม่แม้แต่จะถามความคิดของผมด้วยซ้ำว่าผมคิดอย่างไร

และล่าสุด ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เมื่อไม่นานนี้ ตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นมาก ผมไปเจอเค้า เค้าคุยจ้อเลยทีเดียว เรียกได้ว่าไม่เปิดช่องให้ผมพูดเหมือนเดิม เค้าบอกว่าได้กำไรเยอะมากทีเดียว และพูดว่าเค้าคิดอย่างไรถึงสำเร็จ.... เมื่อถึงตาผมพูดบ้าง ผมก็พูดถึงหุ้นที่ผมมีอยู่มากที่สุดและมั่นใจที่สุด และสิ่งที่เค้าพูดมา ก็แสดงให้เห็นถึงความคิดเค้าเช่นเดิม
เค้าพูดทำนองว่า ที่หุ้นของผมขึ้นมาเพราะโชคดี
ผมยังคงรักษาน้ำใจ โดยอธิบายให้เค้าฟัง เค้าก็เงียบๆ

แต่ที่ผมตลกมากคือ นี่แหละน้าาา คนเรา เค้าไม่ได้ทันคิดก่อนพูดด้วยซ้ำว่า.... เค้าไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำว่าหุ้นที่ผมถืออยู่มันมีbusiness model อย่างไร เค้าไม่เคยศึกษาเลยแม้แต่นิด แต่สามารถพูดต่อหน้าคนที่ศึกษาหุ้นตัวนี้มาเป็นปีว่า คุณโชคดี ฮ่าๆๆๆๆ

ผมต้องขอบคุณเพื่อนผมนะเนี่ย ที่ทำให้ผมตระหนัก เพราะว่า ผมก็เคยเกิดความคิดเช่นนี้เหมือนกัน"เราเก่งจริง ไอนี่มันแค่ฟลุ๊ค" ความคิดเช่นนี้รังแต่จะทำให้เกิดbiasและไม่ฟังเหตุผลคนอื่น หรือเป็นไปได้ว่า มันเกิดจากความรู้สึก "อิจฉา" แต่ไม่อยากยอมรับ และสร้างเรื่องในสมองตัวเองขึ้นมาเพื่อเข้าข้างตัวเอง

ถ้าเรารู้ทันความคิดแบบนี้ของตัวเอง แล้วหยุดมันไว้ เปิดใจ จะได้เปิดกรอบความคิดของตัวเองรับฟังเหตุผลคนอื่นและนำมาไตร่ตรองดู ยิ่งได้พัฒนาตนเองยิ่งๆขึ้นไป จะได้ไม่ตกหลุมพรางความคิดของตัวเอง
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เพือนคุณเค้าก็อาจคิดเหมือนกับคุณแบบนี้อยู่เหมือนกันนะ

เท่าที่อ่าน ผมก็เห็น กูเก่ง อยู่มากทีเดียวนะ
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ดำ เขียน:เพือนคุณเค้าก็อาจคิดเหมือนกับคุณแบบนี้อยู่เหมือนกันนะ

เท่าที่อ่าน ผมก็เห็น กูเก่ง อยู่มากทีเดียวนะ
ใช่ครับ ก็ผมบอกแล้วนี่ ท้ายๆข้อความ ว่า ผมก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แล้วเพื่อนผมมาพูดแบบนี้ มันทำให้เหมือนส่องกระจกตัวเองเลยแฮะ และหลังๆมานี่ มันช่วยเตือนสติผมบ้างก่อนที่จะคิดว่าความคิดตัวเองถูกอยู่คนเดียว
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เรื่องถัดไป
เรื่อง อิจฉา

ผมเคยคิดว่าตัวเอง มีความคิดในแง่บวก(เอาอีกแล้ว คิดเอาเองหลงเอาเอง) ปกติผมไม่ใช่คนที่เกิดความรู้สึกอิจฉาใครนัก แต่ผมได้เห็นพอร์ตของเพื่อนคนหนึ่งที่ดูดีมาก มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที

อารมณ์ความรู้สึกด้านมืดพวกนี้ ตราบใดที่เรายังคงเป็นคนธรรมดา มีกิเลสเหมือนกันหมด ยากที่จะลบความรู้สึกพวกนี้ออกไปได้ และเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ต่อไป

ในเมื่อเราลบกิเลสเหล่านี้ทิ้งไปหมดไม่ได้....วิธีแก้ที่ผมใช้คือ อยู่กับมันแบบมีสติ ครั้งใดที่เกิดความรู้สึกด้านมืดขึ้นมา ผมก็จะคิดขึ้นมากับตัวเองว่า"อ้าวๆ มึงกำลังอิจฉานะ รู้ตัวไว้"....การมี"สติ"ระลึกได้ ตระหนักถึงกิเลสที่กำลังก่อในตัวเรา จะช่วยทำให้เราใจเย็นลง และก็พิจารณาได้ว่า อิจฉาไป ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา เกิดแต่ทุกข์ทั้งนั้น เมื่อคิดได้แล้วมันก็จะทำให้กิเลสและความทุกข์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นค่อยๆจางหายไปในที่สุด

หวังว่าโพสต์ของผมคงมีประโยชน์บ้างนะครับ
ปล. ผมว่าธรรมะกับEQในชีวิตประจำวันบางทีมันก็เรื่องเดียวกัน
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

น้อง sakkaphan ตั้งกระทู้แบบนี้ ล่อเป้านี่นา... เห็นแล้วคันไม้คันมือ ถึงกับต้องหยิบโน้ตบุ็คเปิดขึ้นมาทันที 555... ตั้งกระทู้แบบนี้ระวัง มาม่า นะครับ...


เอาประเด็นที่ 2 ก่อน เรื่อง อิจฉา...

ในทางธรรม ความอิจฉา เกิดจากการที่เรายังเข้าใจเรื่องกรรมและวิบาก หรือที่เรียกว่า กฎแห่งกรรมไม่มากพอ เพราะ ถ้าเราเข้าใจในเรื่องของกรรมและวิบาก เราจะรู้ว่าสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับคนอื่นมีเหตุที่สมควรแล้ว เพียงแต่เราไม่ได้เข้าไปเห็นเหตุอันนั้น อย่างเวลาเราเห็นลูกเศรษฐี คนถูกหวย ถูกล็อตตอรี่ หรือแม้กระทั่งคนที่เล่นหุ้นมั่วๆ ซั่วๆ ซื้อตามคนอื่นเค้า แต่รวยจริง รวยจัง จริงๆ พวกนี้ก็เป็นไปตามกรรมเหมือนกัน

ในอีกมุมหนึ่ง ในส่วนของเราเอง บางทีเราเจอเรื่องที่ไม่ดี เจอทุกขเวทนา เหล่านี้ก็เป็นไปตามกรรมเช่นกัน ซึ่งถ้าหากเราเจริญสติอย่างต่อเนื่อง สังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวอย่างละเอียดละออ ก็จะเกิดองค์ธรรมที่จะช่วยขัดเกลาความอิจฉาได้นั้นคือ พรหมวิหาร 4 การเข้าถึงพรหมวิหาร 4 ช่วยให้เรา เมตตาคือความรัก ทั้งกับตัวเองและกับเพื่อนร่วมทุกข์ เมื่อเขาทุกข์เราปรารถนาที่จะให้เค้าพ้นจากความทุกข์ เมื่อเขาสุข เราก็ยินดีที่เค้ามีความสุข และ เข้าใจในขอบเขตของสิ่งที่เราทำได้และทำไม่ได้ เมื่อเกิดขอบเขตที่เราทำได้ เราก็สามารถที่จะวางอุเบกขา และเข้าใจในคำที่ว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ได้อย่างแท้จริง

แต่การเข้าใจในพรหมวิหาร 4 ก็มีลำดับขั้นของมันตามกำลังของสติของเรา ยิ่งสติแก่กล้า ความเข้าใจในทุกข์ก็จะมีมากยิ่งขึ้น ยิ่งเข้าใจในทุกข์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจในเหตุแห่งทุกข์มากเท่านั้น ยิ่งเข้าใจในทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ ก็ยิ่งเข้าใจในกรรมและวิบาก และเมื่อเข้าใจในสิ่งเหล่านี้มากยิ่งขึ้นๆ เราก็จะรู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีเหตุ เมื่อคนอื่นได้ดี เราก็จะศึกษาไปที่เหตุของเค้า แต่ไม่ได้ไปอิจฉาที่ผลของเขา และเมื่อเราเข้าใจว่าเค้าได้สร้างเหตุที่ดีมาจึงได้รับผลที่ดี เราก็สามารถที่จะอนุโมทนา หรือเกิดมุฑิตาจิตกับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับเค้าได้ และถ้าหากเราอยากได้ผลที่ดี ให้เกิดขึ้นเฉกเช่นเดียวกับเค้า เราก็เร่งความเพียรในการสร้างเหตุดีๆ เพื่อให้สิ่งนั้นเกิดกับเราบ้าง

เค้าว่ากันว่า ความอิจฉา คนที่ทุกข์ที่สุด ถูกทำร้ายมากที่สุด ก็คือ ตัวคนที่อิจฉานั่นเอง เพราะ เวลาเราอิจฉาคนอื่น จิตใจมันจะรุ่มร้อน และวิธีในการบรรเทาความอิจฉาที่อาจารย์ผมสอนมา ก็คือ การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง วิธีการแผ่ ผมก็จะแผ่ว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้าปราศเวร" จนจิตใจสงบลง และเมื่อจิตสงบลงแล้ว ก็ใช้สติตามดูกาย-ใจตัวเองต่อไป

เป็น trick เล็กๆ น้อยๆ เอาไว้แลกเปลี่ยนนะครับ... หากสิ่งที่เขียน รุกล้ำ จนทำให้ผู้อ่านขัดใจอะไรบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

เปล่าหรอกครับ ผมแค่ลองโพสท์ทดสอบ EQ ดูน่ะ อิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

กลับมาเรื่องที่ 1

ยิ่งวัน ผมยิ่งพูดน้อยลง ยิ่งฟังมากขึ้น... เดี๋ยวนี้เวลาออกไปข้างนอกรู้สึกได้แต่ฟังคนอื่น พอบทจะพูด พูดก็พูดได้แค่สั้นๆ พูดอะไรไม่ค่อยออก... (ขัดแย้งกับที่นั่งพิมพ์อยู่รึเปล่าเนี่ย 555)

ผมรู้สึกว่า การพูด สิ่งที่พูดแล้วมีประโยชน์นี่มีน้อยมาก คนฟังบางทีเค้าก็ไม่ได้อยากฟังเรา ฟังก็ฟังๆ ไปเป็นมารยาท หรือบางทีฟังไป ก็ไม่เข้าใจ เพราะ วิธีการสื่อสารของเราไม่ดีพอบ้าง สาระ เนื้อหาไม่สอดคล้องกับเค้าบ้าง เวลายังไม่เหมาะสมบ้าง หรือสิ่งที่เราพูดไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเค้าบ้าง หลังๆ ผมรู้สึกว่าผมพูดน้อยลงเรื่อยๆ อย่างเป็นธรรมชาติ และไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใจด้วย รู้สึกชอบที่จะฟังมากกว่า (แต่ชอบที่สุด คือ ชอบที่จะอยู่สงบๆ ไม่เจอใครมากกว่า 555)

ในขณะที่ การฟัง ทำให้ผมได้เรียนรู้โลก เรียนรู้คนอื่น และที่สำคัญ เรียนรู้ กิเลส ที่แฝงมากับกิจกรรมที่เค้ากำลังเล่าให้เราฟัง ทำให้เราได้ย้อนกลับมามองตัวเอง ได้รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น และบางครั้งก็ทำให้เราได้ตระหนักถึงเรื่องบางเรื่องจากการที่ "ตั้งใจ" ฟังสิ่งที่เค้าพูด

ไม่รู้เหมือนกัน หลังๆ ผมรู้สึกว่า การฟังนี้มีประโยชน์กว่าการพูดเป็นไหนๆ... การที่เพื่อนคุณไม่ปล่อยโอกาสให้คุณพูด อาจเป็นสิ่งที่ดีแล้วก็ได้... 555
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

sakkaphan เขียน:ปล. ผมว่าธรรมะกับEQในชีวิตประจำวันบางทีมันก็เรื่องเดียวกัน
หรือว่า EQ จะเป็น subset ของธรรมะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ผมชอบมุมมองธรรรมะของคุณ picatos นะ ทั้งในกระทู้นี้แล้วก็ที่เคยอ่านในกระทู้อื่นๆด้วย

รบกวนถามครับว่า ทำอย่างไรถึงจะ"พูดให้น้อยลง" ได้

บางทีผมตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่หลายครั้งเพื่อนโทร.มาคุย หรือนัดกินข้าวกัน พอจบกิจกรรมนั้นๆ แยกย้ายกันไปทีไร ลองย้อนนึกดูปรากฏว่า ตัวเองพูดมากไปทุกทีครับ
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ดำ เขียน:เปล่าหรอกครับ ผมแค่ลองโพสท์ทดสอบ EQ ดูน่ะ อิอิ
ฮ่าๆๆๆๆๆ พี่ดำเล่นแรงนะครับเนี่ยยย

คือ จุดประสงค์ที่ตั้งกระทู้นี้ คือ แลกเปลี่ยนทัศนคติ หรือธรรมะหรือการปฏิบัติตัวทางอารมณ์ในชีวิตประจำวัน(ผมไม่รู้จะตั้งชื่อไงดี ภาษาไม่แน่น-_-') รวมถึง ไว้แชร์หรือระบาย ปัญหาที่ตัวเองเจอ กันด้วย เผื่อใครมีวิธีแก้ไขจะได้บอกๆกันไงครับ

ผมไม่ได้จะโชว์ EQ ของตัวเองนะ ไม่ใช่เลยคร้าบบบบ(อย่างที่บอกผมก็เกิดอารมณ์ด้านมืด แต่ผมก็พยายามหาวิธีแก้ แล้วก็อยากจะแชร์วิธีของคนอื่นด้วยไงครับว่าทำยังไงกัน)

เอ๊ะ หรือบางประโยคของผม ฟังดูโอ้อวด หรือเรียบเรียงไม่ดี ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดนะ (เห็นมั้ยมีอีกประเด็นละ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ :P ) ยังไงถ้าดูไม่ดีตรงไหนก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะคร้าบบ

ส่วนที่พี่ picatos บอกว่าอาจเกิดมาม่า หวังว่าคนที่เข้ามาอ่านในนี้ ได้อ่านโพสต์นี้ของผม คงเข้าใจจุดประสงค์ คงไม่มาม่ากันนะคร้าบบบ :D
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

picatos เขียน:
เค้าว่ากันว่า ความอิจฉา คนที่ทุกข์ที่สุด ถูกทำร้ายมากที่สุด ก็คือ ตัวคนที่อิจฉานั่นเอง เพราะ เวลาเราอิจฉาคนอื่น จิตใจมันจะรุ่มร้อน และวิธีในการบรรเทาความอิจฉาที่อาจารย์ผมสอนมา ก็คือ การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง วิธีการแผ่ ผมก็จะแผ่ว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้าปราศเวร" จนจิตใจสงบลง และเมื่อจิตสงบลงแล้ว ก็ใช้สติตามดูกาย-ใจตัวเองต่อไป

เป็น trick เล็กๆ น้อยๆ เอาไว้แลกเปลี่ยนนะครับ... หากสิ่งที่เขียน รุกล้ำ จนทำให้ผู้อ่านขัดใจอะไรบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
วิธีแผ่เมตตานี้ น่าจะใช้ได้กับกิเลสอย่างอื่นได้ดวยใช่มั้ยครับ?? เช่น เวลาโกรธ เป็นต้น
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ดำ เขียน:
บางทีผมตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่หลายครั้งเพื่อนโทร.มาคุย หรือนัดกินข้าวกัน พอจบกิจกรรมนั้นๆ แยกย้ายกันไปทีไร ลองย้อนนึกดูปรากฏว่า ตัวเองพูดมากไปทุกทีครับ
ผมก็เคยเป็นครับ แต่เป็นในเรื่องของ พูดเรื่องการลงทุน โดยที่ไม่ได้สนใจว่า ผู้ฟังเค้าสนใจในเรื่องนั้นๆหรือเปล่า พอเป็นหลายครั้งเข้าผมสังเกตว่ามันทำให้เสียบรรยากาศในหมู่เพื่อนทุกที หลังจากนั้นผมก็เลยไม่พูดเรื่องนี้เลยครับหากไม่มีเพื่อนคนไหนสนใจก่อน
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 14

โพสต์

sakkaphan เขียน:
ดำ เขียน:
บางทีผมตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่หลายครั้งเพื่อนโทร.มาคุย หรือนัดกินข้าวกัน พอจบกิจกรรมนั้นๆ แยกย้ายกันไปทีไร ลองย้อนนึกดูปรากฏว่า ตัวเองพูดมากไปทุกทีครับ
ผมก็เคยเป็นครับ แต่เป็นในเรื่องของ พูดเรื่องการลงทุน โดยที่ไม่ได้สนใจว่า ผู้ฟังเค้าสนใจในเรื่องนั้นๆหรือเปล่า พอเป็นหลายครั้งเข้าผมสังเกตว่ามันทำให้เสียบรรยากาศในหมู่เพื่อนทุกที หลังจากนั้นผมก็เลยไม่พูดเรื่องนี้เลยครับหากไม่มีเพื่อนคนไหนสนใจก่อน
นึกดูสงสัยเราจะเห็นคนฟังเป็นส้วม เป็นที่ระบาย (อัตตาของเรา)

เค้าอยากฟังไม่อยากฟังไม่รู้ไม่สน ก็ตรูอยากเล่าอ่ะ :wall:
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 15

โพสต์

sakkaphan เขียน:
picatos เขียน:
เค้าว่ากันว่า ความอิจฉา คนที่ทุกข์ที่สุด ถูกทำร้ายมากที่สุด ก็คือ ตัวคนที่อิจฉานั่นเอง เพราะ เวลาเราอิจฉาคนอื่น จิตใจมันจะรุ่มร้อน และวิธีในการบรรเทาความอิจฉาที่อาจารย์ผมสอนมา ก็คือ การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง วิธีการแผ่ ผมก็จะแผ่ว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้าปราศเวร" จนจิตใจสงบลง และเมื่อจิตสงบลงแล้ว ก็ใช้สติตามดูกาย-ใจตัวเองต่อไป

เป็น trick เล็กๆ น้อยๆ เอาไว้แลกเปลี่ยนนะครับ... หากสิ่งที่เขียน รุกล้ำ จนทำให้ผู้อ่านขัดใจอะไรบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
วิธีแผ่เมตตานี้ น่าจะใช้ได้กับกิเลสอย่างอื่นได้ดวยใช่มั้ยครับ?? เช่น เวลาโกรธ เป็นต้น
การแผ่เมตตานั้นเป็นการแก้ความโกรธได้โดยตรงเลยครับ คนฐานโทสะ เวลาอาจารย์ให้เจริญกรรมฐาน มักจะให้เจริญเมตตาภาวนา (ส่วนคนราคะจริต จะให้เจริญอสุภะกรรมฐาน)

ส่วนความอิจฉาริษยานั้นเป็นโลภะกับโทสะผสมกัน เลยใช้การแผ่เมตตาให้ตัวเอง ให้กระแสความเย็นลดความรุ่มร้อนของโทสะลงครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ดำ เขียน:ผมชอบมุมมองธรรรมะของคุณ picatos นะ ทั้งในกระทู้นี้แล้วก็ที่เคยอ่านในกระทู้อื่นๆด้วย

รบกวนถามครับว่า ทำอย่างไรถึงจะ"พูดให้น้อยลง" ได้

บางทีผมตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่หลายครั้งเพื่อนโทร.มาคุย หรือนัดกินข้าวกัน พอจบกิจกรรมนั้นๆ แยกย้ายกันไปทีไร ลองย้อนนึกดูปรากฏว่า ตัวเองพูดมากไปทุกทีครับ
ของผม การพูดน้อยลงเป็นผล เป็นอานิสงส์จากการเจริญสติครับ ไม่ได้เป็นเจตนาที่จะพูดให้น้อยลง

เพราะ เมื่อเจริญสติมากๆ เข้า กิจของเรา คือ การเป็นผู้ดู ไม่ใช่เป็นผู้กระทำ ดังนั้นโดยส่วนใหญ่แล้ว ในฐานะผู้ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายใจของเราแล้ว เวลาเข้าสังคม ธรรมชาติที่เราฝึกมา จะทำให้เราเป็นผู้ฟังที่ดีโดยอัตโนมัติ เมื่อฟังคนอื่นพูด เราก็จะพิจารณาสิ่งที่เค้าพูด และดูผลที่ตามมาที่เกิดขึ้นกับกายและใจของเรา ดังนั้นแค่ฟัง พิจารณา และตามดูอาการ แค่นี้ก็ไม่มีเวลาจะมาคิดว่าเราจะพูดอะไรแล้ว

และถ้าเมื่อใดที่สิ่งที่เราฟังมากระทบกับจิต จนทำให้เรามีความรู้สึกอยากที่จะพูด เราก็จะสังเกตอาการอยากที่จะพูด สังเกตการเรียบเรียงความคิดที่จะพูด พิจารณาถึงผลของการพูด ทำให้การพูดคำแต่ละคำออกมา ผ่านการพิจารณาไตร่ตรองละเอียดมากกว่าเดิม จนบางครั้งก็เปลี่ยนใจไม่พูด ส่งผลให้ เราฟังมากขึ้น และพูดน้อยลงโดยอัตโนมัติ

กลายเป็นว่า หลังๆ ผมจะฟังซะเยอะ แล้วก็ถามในประเด็นที่สนใจ ส่วนเวลาพูด ถ้าไม่ได้มีคนถามอะไรก็จะไม่ได้พูดอะไรมากนัก จะพูดออกมาเองก็เพื่อประคับประคองบรรยากาศการสนทนาให้ราบรื่น หรือพูดในเรื่องที่ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 17

โพสต์

picatos เขียน:
sakkaphan เขียน:
picatos เขียน:
เค้าว่ากันว่า ความอิจฉา คนที่ทุกข์ที่สุด ถูกทำร้ายมากที่สุด ก็คือ ตัวคนที่อิจฉานั่นเอง เพราะ เวลาเราอิจฉาคนอื่น จิตใจมันจะรุ่มร้อน และวิธีในการบรรเทาความอิจฉาที่อาจารย์ผมสอนมา ก็คือ การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง วิธีการแผ่ ผมก็จะแผ่ว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้าปราศเวร" จนจิตใจสงบลง และเมื่อจิตสงบลงแล้ว ก็ใช้สติตามดูกาย-ใจตัวเองต่อไป

เป็น trick เล็กๆ น้อยๆ เอาไว้แลกเปลี่ยนนะครับ... หากสิ่งที่เขียน รุกล้ำ จนทำให้ผู้อ่านขัดใจอะไรบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
วิธีแผ่เมตตานี้ น่าจะใช้ได้กับกิเลสอย่างอื่นได้ดวยใช่มั้ยครับ?? เช่น เวลาโกรธ เป็นต้น
การแผ่เมตตานั้นเป็นการแก้ความโกรธได้โดยตรงเลยครับ คนฐานโทสะ เวลาอาจารย์ให้เจริญกรรมฐาน มักจะให้เจริญเมตตาภาวนา (ส่วนคนราคะจริต จะให้เจริญอสุภะกรรมฐาน)

ส่วนความอิจฉาริษยานั้นเป็นโลภะกับโทสะผสมกัน เลยใช้การแผ่เมตตาให้ตัวเอง ให้กระแสความเย็นลดความรุ่มร้อนของโทสะลงครับ
ขอบคุณครับ ผมเป็นคนที่ ใจร้อน บ้างในบางครั้ง เหมือนกัน จะลองเอาไปใช้ดูครับเวลาเดือดขึ้นมา :D
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 18

โพสต์

sakkaphan เขียน:
picatos เขียน:
sakkaphan เขียน:
picatos เขียน:
เค้าว่ากันว่า ความอิจฉา คนที่ทุกข์ที่สุด ถูกทำร้ายมากที่สุด ก็คือ ตัวคนที่อิจฉานั่นเอง เพราะ เวลาเราอิจฉาคนอื่น จิตใจมันจะรุ่มร้อน และวิธีในการบรรเทาความอิจฉาที่อาจารย์ผมสอนมา ก็คือ การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง วิธีการแผ่ ผมก็จะแผ่ว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้าปราศเวร" จนจิตใจสงบลง และเมื่อจิตสงบลงแล้ว ก็ใช้สติตามดูกาย-ใจตัวเองต่อไป

เป็น trick เล็กๆ น้อยๆ เอาไว้แลกเปลี่ยนนะครับ... หากสิ่งที่เขียน รุกล้ำ จนทำให้ผู้อ่านขัดใจอะไรบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
วิธีแผ่เมตตานี้ น่าจะใช้ได้กับกิเลสอย่างอื่นได้ดวยใช่มั้ยครับ?? เช่น เวลาโกรธ เป็นต้น
การแผ่เมตตานั้นเป็นการแก้ความโกรธได้โดยตรงเลยครับ คนฐานโทสะ เวลาอาจารย์ให้เจริญกรรมฐาน มักจะให้เจริญเมตตาภาวนา (ส่วนคนราคะจริต จะให้เจริญอสุภะกรรมฐาน)

ส่วนความอิจฉาริษยานั้นเป็นโลภะกับโทสะผสมกัน เลยใช้การแผ่เมตตาให้ตัวเอง ให้กระแสความเย็นลดความรุ่มร้อนของโทสะลงครับ
ขอบคุณครับ ผมเป็นคนที่ ใจร้อน บ้างในบางครั้ง เหมือนกัน จะลองเอาไปใช้ดูครับเวลาเดือดขึ้นมา :D
ใจร้อน นี่ถ้าสังเกตดู คนที่เป็นทุกข์ที่สุดก็คือตัวเราเลยนะครับ เราไม่พอใจคนอื่น โกรธคนอื่น บางทีคนอื่นไม่รู้ตัว หรือถึงรู้ก็ไม่สนใจ แต่ในขณะนั้นใจของเราร้อนรุ่มเป็นทุกข์อย่างยิ่ง บางครั้งทุกข์มากขนาดที่อยากทำให้คนที่เราทุกข์รู้ตัว แล้วมาขอโทษเรา และบางครั้งทุกข์ขนาดอยากที่จะให้คนอื่นเจ็บปวด ทุกข์ไปกับเราด้วย จนทำให้เราล่วงคำพูด หรือการกระทำออกไปให้คนอื่นได้รู้ถึงความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นกับเราอยู่

ในเวลานั้นเราควรแผ่เมตตาให้กับตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการหลับตาแล้วแผ่เมตตาให้กับตัวเองว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร" แผ่ซ้ำไปเรื่อยๆ จนใจของเราสงบลง หากยังไม่สงบ ยังร้อนรนใจ ก็ลองไปยืนหน้ากระจก ดูสีหน้า ท่าทาง ดูอาการของความทุกข์ที่สะท้อนผ่านทางกายของเราในกระจก บางทีอาจจะช่วยได้ และถ้ายังควบคุมตัวเองไม่ได้ อยากไปเบียดเบียนคนที่ทำให้เราโกรธ ให้พยายามเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนสถานที่ หากิจกรรมอะไรอย่างอื่นทำก่อน อย่าพึ่งไปอยู่ใกล้คนที่ทำให้เราโกรธ หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้

ฝึกบ่อยๆ เข้า เราจะจัดการความโกรธของเราได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตหากฝึกบ่อยๆ ก็จะเปลี่ยนพลิกจิตจากอกุศลให้เป็นกุศลได้ โดยถือว่าเราได้ทำทาน คือ การให้อภัยทาน ได้ทำการฝึกจิต ฝึกความอดทนต่อสถานการณ์ต่างๆ มีความเข้าใจในตัวเองเพื่อนมนุษย์มากยิ่งขึ้น ทำให้จิตใจร่มเย็น มีความสุขมากยิ่งขึ้น
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ จะเก็บเอาไปใช้ครับ ใช้บ่อยๆ หวังว่าในอนาคต ผมจะกลายเป็นคนที่ใจเย็นมากๆกว่านี้ :D
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ได้แนวคิดธรรมะดีๆ เพียบเลย ขอบคุณทุกคนเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
todsapon
Verified User
โพสต์: 1137
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ก็ฟังเขาพูดแล้วกันอันไหนดีเอามาใช้ อันไหนไม่ดีก็ทิ้งไป
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
jverakul
Verified User
โพสต์: 1959
ผู้ติดตาม: 1

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 22

โพสต์

picatos เขียน:

เค้าว่ากันว่า ความอิจฉา คนที่ทุกข์ที่สุด ถูกทำร้ายมากที่สุด ก็คือ ตัวคนที่อิจฉานั่นเอง เพราะ เวลาเราอิจฉาคนอื่น จิตใจมันจะรุ่มร้อน และวิธีในการบรรเทาความอิจฉาที่อาจารย์ผมสอนมา ก็คือ การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง วิธีการแผ่ ผมก็จะแผ่ว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้าปราศเวร" จนจิตใจสงบลง และเมื่อจิตสงบลงแล้ว ก็ใช้สติตามดูกาย-ใจตัวเองต่อไป

เป็น trick เล็กๆ น้อยๆ เอาไว้แลกเปลี่ยนนะครับ... หากสิ่งที่เขียน รุกล้ำ จนทำให้ผู้อ่านขัดใจอะไรบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอบคุณครับพี่ Picatos สำหรับคำแนะนำดีๆ ผมกำลังมองหาวิธีการแก้อยู่พอดีเลยครับ
picatos เขียน:
ดำ เขียน:ผมชอบมุมมองธรรรมะของคุณ picatos นะ ทั้งในกระทู้นี้แล้วก็ที่เคยอ่านในกระทู้อื่นๆด้วย

รบกวนถามครับว่า ทำอย่างไรถึงจะ"พูดให้น้อยลง" ได้

บางทีผมตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่หลายครั้งเพื่อนโทร.มาคุย หรือนัดกินข้าวกัน พอจบกิจกรรมนั้นๆ แยกย้ายกันไปทีไร ลองย้อนนึกดูปรากฏว่า ตัวเองพูดมากไปทุกทีครับ
ของผม การพูดน้อยลงเป็นผล เป็นอานิสงส์จากการเจริญสติครับ ไม่ได้เป็นเจตนาที่จะพูดให้น้อยลง

เพราะ เมื่อเจริญสติมากๆ เข้า กิจของเรา คือ การเป็นผู้ดู ไม่ใช่เป็นผู้กระทำ ดังนั้นโดยส่วนใหญ่แล้ว ในฐานะผู้ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายใจของเราแล้ว เวลาเข้าสังคม ธรรมชาติที่เราฝึกมา จะทำให้เราเป็นผู้ฟังที่ดีโดยอัตโนมัติ เมื่อฟังคนอื่นพูด เราก็จะพิจารณาสิ่งที่เค้าพูด และดูผลที่ตามมาที่เกิดขึ้นกับกายและใจของเรา ดังนั้นแค่ฟัง พิจารณา และตามดูอาการ แค่นี้ก็ไม่มีเวลาจะมาคิดว่าเราจะพูดอะไรแล้ว

และถ้าเมื่อใดที่สิ่งที่เราฟังมากระทบกับจิต จนทำให้เรามีความรู้สึกอยากที่จะพูด เราก็จะสังเกตอาการอยากที่จะพูด สังเกตการเรียบเรียงความคิดที่จะพูด พิจารณาถึงผลของการพูด ทำให้การพูดคำแต่ละคำออกมา ผ่านการพิจารณาไตร่ตรองละเอียดมากกว่าเดิม จนบางครั้งก็เปลี่ยนใจไม่พูด ส่งผลให้ เราฟังมากขึ้น และพูดน้อยลงโดยอัตโนมัติ

กลายเป็นว่า หลังๆ ผมจะฟังซะเยอะ แล้วก็ถามในประเด็นที่สนใจ ส่วนเวลาพูด ถ้าไม่ได้มีคนถามอะไรก็จะไม่ได้พูดอะไรมากนัก จะพูดออกมาเองก็เพื่อประคับประคองบรรยากาศการสนทนาให้ราบรื่น หรือพูดในเรื่องที่ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์
ส่วนอันนี้ยังแก้ไม่หาย มีวิธีการแก้เฉพาะหน้าที่รวดเร็วใหมครับพี่ เพราะเท่าที่สังเกตุดูผมจะชอบโอ้อวดตัวเองเวลาอยู่กับเพื่อนฝูง แต่ก็ไม่เป็นมากเท่าใหร่เนื่องมาจากพูดไม่ทันเพื่อนคนอื่น แต่ถ้าไม่ใช่กลุ่มเพื่อน อัตตาตัวนี้จะเด่นชัดเลยครับ จนบางครั้งเหมือนดูถูกคนอื่นไปเลย
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 23

โพสต์

jverakul เขียน:
ส่วนอันนี้ยังแก้ไม่หาย มีวิธีการแก้เฉพาะหน้าที่รวดเร็วใหมครับพี่ เพราะเท่าที่สังเกตุดูผมจะชอบโอ้อวดตัวเองเวลาอยู่กับเพื่อนฝูง แต่ก็ไม่เป็นมากเท่าใหร่เนื่องมาจากพูดไม่ทันเพื่อนคนอื่น แต่ถ้าไม่ใช่กลุ่มเพื่อน อัตตาตัวนี้จะเด่นชัดเลยครับ จนบางครั้งเหมือนดูถูกคนอื่นไปเลย
สังเกตุเห็นตัวเองนี่ก็ถือว่าเริ่มต้นมาได้ดีแล้วครับผมว่า
พูดถึงเรื่องคุยโวโอ้อวดนี่ กำลังอยากจะเล่าเรื่องนี้อยู่เหมือนกันครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 24

โพสต์

เรื่อง คุยโม้โอ้อวด

ตั้งแต่ยังเด็กๆ ผมจำได้ว่า แม่ของผม มักจะเอาเรื่องที่เพื่อนหรือคนรู้จักโม้ มาพูดให้ผมฟัง
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง "ลูกของเพื่อนแม่ เค้าได้ทำงานบริษัทใหญ่.....เงินเดือนตั้ง xxxxx"
พร้อมกับตบท้ายว่า "ให้เอาแบบเค้ามั่ง"ตลอด....
จนบางครั้ง ผมก็ถึงกับคิดว่า ที่แม่อยากให้ผมได้งานบริษัทใหญ่ๆโน่นนี่ เงินเดือนเยอะๆ เป็นเพียงเพราะ"อยากจะเอาไปโม้มั่ง ว่าลูกกูเก่งกว่าลูกมึง"แค่นั้น....

ยายผม ก็มีลักษณะอย่างงี้ คล้ายๆกัน
ใครมาโม้อะไร ก็เชื่อหมด แล้วเอามาเปรียบเทียบ
ล่าสุด ผมเรียนป.โท ทำวิทยานิพนธ์อยู่ ซึ่งใช้เวลาเรียนมากกว่า 2 ปี
ยายผมก็คิดว่า ผมไม่เก่ง พร้อมกับบอกว่า ลูกหลานคนนั้นคนโน้นๆๆ เรียนถึงเมกาจบ 2 ปี บลาๆๆๆ
เพราะผมไม่ได้อธิบายให้ยายฟัง...นัยนึงคือ"ไม่ได้โม้"ให้ยายฟัง

แม่ผมก็คือๆกัน สุดท้าย ผมต้องโม้ให้แม่ฟัง บ้าง.... ถ้าคิดในแง่ดี เพราะมันทำให้แม่รู้สึกภูมิใจว่าเราเก่ง หรืออะไรทำนองนั้น....

กลายเป็นว่า คนที่คุยโม้ กลายเป็นคนเก่ง??? ส่วนคนที่ไม่โม้ อยู่นิ่งๆเฉยๆ กลายเป็นคนไม่เก่ง??????

ผมไม่ชอบลักษณะนิสัยแบบนี้ของคนในบ้านผมเลยแฮะ ไม่รู้ว่าเค้าอยู่เป็นสุขได้อย่างไร เมื่อมัวเอาแต่"เรื่องของคนอื่น"มาใส่ให้หนักกบาลอยู่แบบนี้
จะว่า ผมไม่เคยลองบอก ก็ไม่ใช่ ผมก็เคยบอกไปแล้วว่าอย่าไปเต้นเร่าๆตามคำโม้ของคนอื่น..แต่ก็ไม่เป็นผล...
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 25

โพสต์

jverakul เขียน:
ส่วนอันนี้ยังแก้ไม่หาย มีวิธีการแก้เฉพาะหน้าที่รวดเร็วใหมครับพี่ เพราะเท่าที่สังเกตุดูผมจะชอบโอ้อวดตัวเองเวลาอยู่กับเพื่อนฝูง แต่ก็ไม่เป็นมากเท่าใหร่เนื่องมาจากพูดไม่ทันเพื่อนคนอื่น แต่ถ้าไม่ใช่กลุ่มเพื่อน อัตตาตัวนี้จะเด่นชัดเลยครับ จนบางครั้งเหมือนดูถูกคนอื่นไปเลย
วิธีแก้โดยรวดเร็วคงจะไม่มี เพราะ กิเลส พวก มานะทิฎิฐิ เป็นกิเลสที่ฝังรากลึกมากๆ ทำให้ตัวเราเป็นตัวเราเลยทีเดียว ขนาดพระอนาคามียังมีกิเลสตัวนี้อยู่เลย ต้องระดับพระอรหันต์ถึงจะแก้ จะคุมกิเลสตัวนี้ได้อยู่หมัด

สำหรับผม ผมยังจัดการกิเลสตัวนี้ได้ไม่ดีเช่นกัน ผมยังต้องเรียนรู้กิเลสตัวนี้อีกเยอะ เลยไม่รู้ว่าจะแนะนำอย่างไรเช่นกัน

แต่เท่าที่ผมพยายามทำ คือ ผมพยายามเข้าสังคมให้น้อยลง เพื่อจำกัดขอบเขตความเสียหายของกิเลสตัวนี้ คือ ถ้าเราเจอคนน้อยลง เราก็มีโอกาสที่จะเบียดเบียนคนอื่นด้วยคำพูดน้อยลง (คิดดูสิ ขนาดผมนั่งพิมพ์ ตอบกระทู้ ผมยังพิมพ์ เพื่อสนองอัตตา เนื่องจากกิเลสตัวนี้อยู่ไม่ใช่น้อย ผมพยายามเลี่ยงสังคม เพื่อคุมกิเลสตัวนี้ แต่มันก็หาช่องทางในการแสดงอัตตาตัวเองผ่านการโพสต์ความเห็นผ่าน website) และเมื่อมีเหตุจำเป็นต้องพบเจอผู้คน พูดคุยกับผู้คน ผมก็จะพยายามมีสติให้มากที่สุด ในการฟัง ในการพูด ในการแสดงออกทางกาย และเมื่อกลับบ้านก็จะมาพิจารณา สิ่งที่ตัวเองพลาดไปในการออกไปพบปะ คนในสังคม เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป

คิดย้อนกลับไปกลับมา ผมก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ให้ตายเถอะ การเลี่ยงไม่ต้องเจอกับคนอื่น คงจะเป็นการป้องกันภัยที่ดีที่สุดแล้วมั้ง พูดคุยเท่าที่จำเป็น พูดคุยเฉพาะสิ่งที่จำเป็น และเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตัวเองเท่านั้น จนกว่าที่เราจะมั่นใจว่าเราคุมกิเลสตัวนี้ได้จริงๆ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 26

โพสต์

sakkaphan เขียน:เรื่อง คุยโม้โอ้อวด

ตั้งแต่ยังเด็กๆ ผมจำได้ว่า แม่ของผม มักจะเอาเรื่องที่เพื่อนหรือคนรู้จักโม้ มาพูดให้ผมฟัง
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง "ลูกของเพื่อนแม่ เค้าได้ทำงานบริษัทใหญ่.....เงินเดือนตั้ง xxxxx"
พร้อมกับตบท้ายว่า "ให้เอาแบบเค้ามั่ง"ตลอด....
จนบางครั้ง ผมก็ถึงกับคิดว่า ที่แม่อยากให้ผมได้งานบริษัทใหญ่ๆโน่นนี่ เงินเดือนเยอะๆ เป็นเพียงเพราะ"อยากจะเอาไปโม้มั่ง ว่าลูกกูเก่งกว่าลูกมึง"แค่นั้น....

ยายผม ก็มีลักษณะอย่างงี้ คล้ายๆกัน
ใครมาโม้อะไร ก็เชื่อหมด แล้วเอามาเปรียบเทียบ
ล่าสุด ผมเรียนป.โท ทำวิทยานิพนธ์อยู่ ซึ่งใช้เวลาเรียนมากกว่า 2 ปี
ยายผมก็คิดว่า ผมไม่เก่ง พร้อมกับบอกว่า ลูกหลานคนนั้นคนโน้นๆๆ เรียนถึงเมกาจบ 2 ปี บลาๆๆๆ
เพราะผมไม่ได้อธิบายให้ยายฟัง...นัยนึงคือ"ไม่ได้โม้"ให้ยายฟัง

แม่ผมก็คือๆกัน สุดท้าย ผมต้องโม้ให้แม่ฟัง บ้าง.... ถ้าคิดในแง่ดี เพราะมันทำให้แม่รู้สึกภูมิใจว่าเราเก่ง หรืออะไรทำนองนั้น....

กลายเป็นว่า คนที่คุยโม้ กลายเป็นคนเก่ง??? ส่วนคนที่ไม่โม้ อยู่นิ่งๆเฉยๆ กลายเป็นคนไม่เก่ง??????

ผมไม่ชอบลักษณะนิสัยแบบนี้ของคนในบ้านผมเลยแฮะ ไม่รู้ว่าเค้าอยู่เป็นสุขได้อย่างไร เมื่อมัวเอาแต่"เรื่องของคนอื่น"มาใส่ให้หนักกบาลอยู่แบบนี้
จะว่า ผมไม่เคยลองบอก ก็ไม่ใช่ ผมก็เคยบอกไปแล้วว่าอย่าไปเต้นเร่าๆตามคำโม้ของคนอื่น..แต่ก็ไม่เป็นผล...
น้อง sakkaphan ที่รัก พี่ว่า ทุกข์ของเค้า ก็คงจะเป็นทุกข์ของเค้าอยู่วันยันค่ำ เรารู้ว่าความคิดแบบนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์ เราก็หลีกเลี่ยงด้วยตัวของเราที่จะสร้างเหตุก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว น่าอนุโมทนาด้วย แต่คนอื่นเค้าอาจจะยังไม่เห็นเหมือนกับเรา ด้วยมุมมอง ประสบการณ์ ปัญญาในทางธรรม รวมไปถึงยังไม่มีเหตุปัจจัยที่ทำให้เค้าเห็นว่าสิ่งๆ นี้คือทุกข์ ผลก็คือเค้าก็คงจะยังไม่เปลี่ยนตัวเอง แม้ว่าเราจะชี้สิ่งๆ นี้ให้เค้าเห็นแล้วก็ตาม

และถึงแม้จะเห็นทุกข์แล้ว การจะเข้าใจในเหตุ และหาทางในการดับเหตุ ก็เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า

ดังนั้นในกรณีอย่างนี้ ธรรมอันชื่อว่าอุเบกขา จึงควรที่จะนำมาใช้ เมื่อเราทำในสิ่งที่เราควรทำแล้ว ด้วยความรัก และความหวังดีให้เค้าพ้นจากสิ่งที่เราคิดว่าเป็นทุกข์ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ การปล่อยวาง และเชื่อว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เค้าจะเข้าใจในสิ่งที่เราพูด หรือ เราอาจจะยังเข้าไม่ถึงในสิ่งที่เค้าเป็นด้วยกรรมของเรา ด้วยวิธีการของเรา ก็คงถึงเวลาที่จะต้องปล่อยวางเสียที อย่าให้เรื่องเหล่ามาทำให้เราต้องเศร้าหมอง จนเสียโอกาสที่จะทำประโยชน์ให้กับตัวเอง
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 27

โพสต์

picatos เขียน:
ดังนั้นในกรณีอย่างนี้ ธรรมอันชื่อว่าอุเบกขา จึงควรที่จะนำมาใช้ เมื่อเราทำในสิ่งที่เราควรทำแล้ว ด้วยความรัก และความหวังดีให้เค้าพ้นจากสิ่งที่เราคิดว่าเป็นทุกข์ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ การปล่อยวาง และเชื่อว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เค้าจะเข้าใจในสิ่งที่เราพูด หรือ เราอาจจะยังเข้าไม่ถึงในสิ่งที่เค้าเป็นด้วยกรรมของเรา ด้วยวิธีการของเรา ก็คงถึงเวลาที่จะต้องปล่อยวางเสียที อย่าให้เรื่องเหล่ามาทำให้เราต้องเศร้าหมอง จนเสียโอกาสที่จะทำประโยชน์ให้กับตัวเอง
ขอบคุณครับมากๆครับพี่ ทำไมผมลืมที่จะใช้"การปล่อยวาง"ในเคสนี้ไปนะ ...อาจจะเป็นเพราะ แม่กะยายเป็นคนที่เรารัก เราเลยอยากให้เค้าเข้าใจและภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น ไม่ใช่เอาไปเปรียบเทียบกะคำคุยโตของเพื่อนบ้าน...กลายเป็นว่าบางทีเราก็ร้อนรุ่มไปกับคำพูดของแม่กะยายไปด้วยซะงั้น....ขอบคุณที่เตือนสติครับพี่ :D


จะว่าไป อุเบกขาหรือ การปล่อยวาง เนี่ย เป็นหลักธรรมที่ผมว่าสุดยอดที่สุดเลย เพราะในอดีต มันเคยช่วยผมให้หลุดจากความทุกข์มาได้หลายครั้ง.... ล่าสุดก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ไว้จะมาเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ :D
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 28

โพสต์

sakkaphan เขียน:จะว่าไป อุเบกขาหรือ การปล่อยวาง เนี่ย เป็นหลักธรรมที่ผมว่าสุดยอดที่สุดเลย เพราะในอดีต มันเคยช่วยผมให้หลุดจากความทุกข์มาได้หลายครั้ง.... ล่าสุดก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ไว้จะมาเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ :D
มารอภาคโรแมนซ์ครับ :oops:
ภาพประจำตัวสมาชิก
peacedev
Verified User
โพสต์: 668
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 29

โพสต์

เข้ามาเสพธรรมะด้วยคนครับ :)

ต้องขอขอบพระคุณพี่ Picatos ที่มาช่วยเผยแพร่ธรรมะให้กับน้อง ๆ

ช่วงหลัง ๆ ผมไม่ค่อยชอบโพสอะไรตามเว็บบอร์ดเท่าไหร่
เพราะโพสที จิตก็ฟุ้งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

แม้แต่โพสนี้ยังคิดนานเลยครับ ว่าจะโพสดีไม่โพสดี :D
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: EQ ในชีวิตประจำวัน

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ดำ เขียน:
sakkaphan เขียน:จะว่าไป อุเบกขาหรือ การปล่อยวาง เนี่ย เป็นหลักธรรมที่ผมว่าสุดยอดที่สุดเลย เพราะในอดีต มันเคยช่วยผมให้หลุดจากความทุกข์มาได้หลายครั้ง.... ล่าสุดก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ไว้จะมาเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ :D
มารอภาคโรแมนซ์ครับ :oops:
โห พูดซะ นึกภาพเหมือนนิยายรักสุดหวานเลย แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นค้าบบบ ฮ่าๆๆๆ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
โพสต์โพสต์