นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 1
อันว่ากาลครั้งหนึ่งนานมา.............พระพุทธสัมมาท่านตรัสสอน
สมมติธรรมล้ำค่าพึงสังวรณ์...........จึงมาย้อนเล่าให้ได้ฟังกัน
เป็นนิทานอ่านไว้ได้คุณค่า............ศึกษาเป็นชาดกได้สร้างสรร
พยายามเขียนกลอนไว้แบ่งปัน.......หวังให้ท่านได้รู้สนุกสุขสำราญ
หากใครใคร่ช่วยเขียนยินดีแสน......เพื่อนพี่แม้นอยากร่วมสมานฉันท์
เขียนได้เลยไม่ต้องขอไม่ว่ากัน.......สนุกสนานกันได้บันเทิงใจ
กลอนดีดีสร้างได้ให้ข้อคิด.............ส่งเสริมจิตรู้รสธรรมจรุงใจให้
มีประโยชน์เสริมเพิ่มทีวีไอ.............สมกันไซร้เวบคุณค่าของเราเทอญ
สมมติธรรมล้ำค่าพึงสังวรณ์...........จึงมาย้อนเล่าให้ได้ฟังกัน
เป็นนิทานอ่านไว้ได้คุณค่า............ศึกษาเป็นชาดกได้สร้างสรร
พยายามเขียนกลอนไว้แบ่งปัน.......หวังให้ท่านได้รู้สนุกสุขสำราญ
หากใครใคร่ช่วยเขียนยินดีแสน......เพื่อนพี่แม้นอยากร่วมสมานฉันท์
เขียนได้เลยไม่ต้องขอไม่ว่ากัน.......สนุกสนานกันได้บันเทิงใจ
กลอนดีดีสร้างได้ให้ข้อคิด.............ส่งเสริมจิตรู้รสธรรมจรุงใจให้
มีประโยชน์เสริมเพิ่มทีวีไอ.............สมกันไซร้เวบคุณค่าของเราเทอญ
แก้ไขล่าสุดโดย ayethebing เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2004 11:38 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 2
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 3
.............................................................สุวรรณสามชาดก.........................................................................
ยังไม่จบนะครับ ยังมีต่อ............กาลครั้งหนึ่ง ณ ป่าใหญ่.........มีสหายสนิท มิตรแท้ เรือนอยู่ใกล้
กล่าวกันว่า เพื่อนเอย สัญญาใจ..........หากเพื่อนได้ ลูกหญิงชาย ให้แต่งกัน
เพื่อนคนหนึ่ง ลูกกำเนิด เป็นบุตรชาย..อีกคนได้ บุตรสาว สมดั่งฝัน
บุตรชายชื่อ ว่าทุ กูลกุมาร...................บุตรีนั้น ปาริการ กุมารี
เด็กทั้งสอง งดงาม มีปัญญา................ฝึกธรรมะ มั่นในศีล ทุกแห่งที่
ขอพ่อไว้ ว่าอยากบวช ตลอดชีวี...........รักษาดี พรหมจรรย์ โปรดเมตตา
อันละว่า พ่อขอ ให้แต่งงาน.................คำสัตย์มั่น ตั้งไว้ โปรดเถิดหนา
ช่วยแต่งให้ พ่อได้ คงสัญญา...............ลูกเอยอย่า ให้พ่อ เสียเรื่องราว
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสอง จึงจำแต่ง................แต่ไม่แว้ง ข้องเกี่ยว ฉันท์ชู้สาว
ยังคงความ บริสุทธ์ ไม่มัวเมา...............แล้วสองเจ้า ก็ออกบวช ตามเจตนา
เป็นดาบส ดาบสินี ที่ป่าใหญ่...............นุ่งเปลือกไม้ เว้นฆ่าสัตว์ และสิงสา
ไม่เบียดเบียน ทำร้าย แผ่เมตตา...........อยู่กันมา ช้านาน สุขสำราญ
โอ้แต่ว่า ผลกรรม แต่ปางก่อน..............ทำเดือดร้อน มาชาตินี้ ดั่งไฟผลาญ
ทุกูลดาบส เจ้านั้น ว่าแต่กาล...............ชาติก่อนนั้น เป็นหมอ รักษาตา
เคยรักษา ตาให้ ซึ่งเศรษฐี...................ครั้นหายดี กลับไม่จ่าย ค่ารักษา
ปาริกา ดาบสินี เป็นภรรยา...................เพ็ดทูลว่า สร้างยาพิษ ในทันที
หากป้ายตา สักนิด ตาจักบอด...............คงไม่รอด หลอกให้ เจ้าเศรษฐี
หากอยากหาย ต้องป้าย อีกสักที............แค้นเรานี้ คงได้หาย สบายใจ
ฝ่ายเศรษฐี พอป้าย ตาบอดสนิท...........บาปกรรมผิด จึงตกแก่ ชาตินี้ได้
เป็นทุกโทษ ที่ทำมา แต่หนไหน............เป็นมหันต์ภัย ก่อไว้ แก่สองพราหม์
พระอินทร์ท่าน ได้รู้ ในทุกจุด................จึงเสกบุตร จุติไว้ ชื่อสุวรรณสาม
ยามเกิดนั้น ผิวดั่งทอง สุดงดงาม..........จึงได้นาม มงคล มีแก่ตน
เด็กน้อยคอย ปรนนิบัติ ทั้งพ่อแม่...........มีเพื่อนแท้ คือสัตว์ป่า ทั้งไพรสนต์
จดจำตาม พ่อแม่ทำ ทุกสิ่งจน...............ได้หลุดพ้น บำเพ็ญธรรม สมดั่งใจ
แต่แล้วมา วันหนึ่ง กรรมตามถึง..............ฝนตกขมึง ทึงมา เป็นห่าใหญ่
สองฤษี ต้องหลบ ฝนอยู่ใต้...................จอมปลวกใกล้ ที่พัก พำนักพิง
จอมปลวกกลับ มีรู งูพิษร้าย...................ฝนหยดไหล ย้อยลงรู งูอยู่สิง
ตกใจมาก ปล่อยพิษร้าย ไม่ประวิง..........โดนจริงจริง เข้าสองตา ท่านเต็มที
ตาบอดสนิท ชาติก่อนทำ คนอื่นไว้.........ชาตินี้ได้ รับกรรม คืนสนองที่
ทั้งดาบส อีกทั้ง ดาบสินี........................สิ้นวิถี การมองเห็น เหลือแต่กาย
สุวรรณสาม พอได้รู้ ก็ร้องไห้...................สงสารไซร้ พ่อแม่ จักษุหาย
แต่แล้วก็ หัวเราะ เพราะดีใจ....................เพราะจะได้ รับใช้ ตอบแทนคุณ
แก้ไขล่าสุดโดย ayethebing เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2004 11:42 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 5
ตอนที่สอง: สุวรรณสามสิ้นชีพ
แหะ แหะ มีตอนจบ ฉบับหน้าครับ 8)สุวรรณสาม ปรนนิบัติ หาผลไม้..................สองฤษี อยู่สบาย ไม่ว้าวุ่น
สัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อน ช่วยค้ำจุน.............มาคอยทุ่น แรงให้ อย่างเพื่อนกัน
ทำเชือกไว้ ให้พ่อแม่ ที่พำนัก.....................คอยเป็นหลัก ให้เดินได้ อย่างสร้างสรร
คอยตักน้ำ ที่ท่าไว้ ใช้ทุกวัน.......................ก็สุขสันต์ ตามอัตภาพ มานานปี
แล้วอยู่มา วันหนึ่ง พระปิลยักขราช..............เป็นกษัตย์ชาติ แห่งเมือง พาราณสี
ชอบล่าสัตว์ สิงสา ดั่งชีวี...........................เป็นผู้ที่ มีฝีมือ ในธนู
ครานั้น พระองค์ เสด็จประพาส...................ไม่ให้ขาด ได้ล่าสัตว์ อย่างที่รู้
องค์กษัตย์ ย่ำมา ถึงเขตคู..........................ที่สถิตอยู่ ที่ตักน้ำ ท่านที
บัดนั้น สุวรรณสาม มาตักน้ำ.......................เพื่อจะนำ กลับไป ไว้ให้ที่
บ้านบิดร มารดา ได้ใช้ดี.............................เหมือนทุกวี่ วันที่ ทำกันมา
สัตว์ทั้งหลาย ล้อมรอบ เหมือนดั่งเคย..........ไม่กลัวเลย เมตตามั่น เป็นหนักหนา
ช้างเสือสิงห์ ไม่วิ่งหนี เห็นกันมา..................ดื่มน้ำพา กายสบาย ไม่ร้อนรน
พอพระเจ้า ปิลยักขราช เห็นดังนั้น...............กลับงงงัน สงสัย ให้ฉงน
นี่เป็นเทพ หรือเป็น เพียงแค่คน.............หรือมีมนต์ กำราบสัตว์ ให้เชื่องดี
อันจะออก ไปถาม ให้รู้แน่............................กลัวว่าแย่ ตกใจ หลบหายหนี
เลยคิดว่า ยิงธนู คงเข้าที............................กำหนดนี้ ให้สิ้นแรง ค่อยถามไป
จึงยิงธนู อาบยา ไปยังเจ้า..........................ไปโดนเข้า ทะลุกายา ขวาไปซ้าย
สุวรรณสาม ล้มลง ในทันใด........................เจ็บลึกใน แต่ยังไม่ ถึงวายปราณ
เจ้าเด็กน้อย เจ็บปวด ได้พลันกล่าว.......โอ้ใครเล่า ปองร้ายเรา ให้อาสัญ
เนื้อหนังเรา กินไม่ได้ ไม่ใช้กัน............เหตุใดท่าน ทำร้ายเรา ไม่เข้าใจ
สดับคำเจ้า สุวรรณสาม แถลงขาน..............แสนอ่อนหวาน ไร้โกรธขึ้ง มึนตึงไฉน
พระราชา ทรงสดับ พลันแปลกใจ................ทรงละอาย ทำผิดบาป แก่กุมาร
จึงทรงถาม ว่าเจ้าอยู่ ที่หนไหน...................อยู่กับใคร ในป่านี้ ช่วยขับขาน
สุวรรณสาม ร่ำไห้ และรำพัน.......................ว่าข้านั้น อยู่กับ บิดามารดร
ท่านตาบอด มองไม่เห็น ลำบากนัก..............ถ้าข้าจาก เดาดิ้น สิ้นด้วยศร
ที่ปักอก เจ็บนัก ไม่สังวรณ์.........................ไม่รุ่มร้อน ห่วงหา เท่าร้อนใจ
โอ้พ่อแม่ ทำอย่างไร ลูกไม่อยู่....................ไม่มีผู้ ปรนนิบัติ และรับใช้
ต้องอดน้ำ ภักษาหาร นั่นแน่ไซร้.................ลูกไม่ได้ ช่วยเหลือ เหมือนอย่างเคย
กษัตริยะฟัง คำเจ้า สุวรรณสาม...................ทรงชอกช้ำ ทำผิดหนัก โอ้อกเอ๋ย
เราผู้ครอง แผ่นดินธรรม ยังไม่เคย...............ทำเกินเลย เหมือนคราว ในครั้งนี้
อันว่าเจ้า สุวรรณสาม โอ้เจ้าหนู...................รู้กตัญญู บุพการี ประเสริฐศรี
ไม่ทำร้าย ละเว้นการ คร่าชีวี........................ตัวเรานี้ มิอาจเทียบ และเทียมทัน
จึงตรัสว่า ดูเถิด เจ้าเด็กน้อย........................เราจะคอย ดูแล พ่อแม่ท่าน
ให้อยู่สบาย เหมือนที่เคย ทุกวี่วัน.................เราจะหมั่น มั่นคง อย่างเจ้าทำ
พอได้ฟัง คำตรัส สัญญาให้........................เด็กน้อยไหว้ กราบกราน บอกคำพร่ำ
ฝากบอกพ่อ และแม่ ท่านวานจำ...................คงเป็นคำ ลาจาก จากลูกยา
ลูกลาแล้ว แก้วตาลูก ทั้งสองท่าน................ลาจากกัน ชาตินี้ เศร้าหนักหนา
ลูกไม่อยู่ รับใช้เพราะ ไร้บุญญา...................เพียงหวังว่า ท่านสุข ไม่ทุกข์ใจ
พอลาจบ สุวรรณสาม ก็วายปราณ................กษัตรย์ท่าน เศร้าโศก และร้องไห้
ได้คิดอยู่ ต้องทำตาม คำมั่นไว้...................จึงเดินไป อาศรม ดั่งสัญญา
แก้ไขล่าสุดโดย ayethebing เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2004 6:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 7
คุณ wke_d (เดาว่าย่อมาจาก wicked ) ไม่สมัครเป็นสมาชิกเหรอครับ จะได้มีอมยิ้มของ TVI สักที
พอเรื่องนี้จบ เรื่องต่อไปจะเป็นฉบับย่อลงแล้วกัน เดี๋ยวจะเบื่อกันซะ
พอเรื่องนี้จบ เรื่องต่อไปจะเป็นฉบับย่อลงแล้วกัน เดี๋ยวจะเบื่อกันซะ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 8
..wke_d ไม่ได้ย่อมาจาก wicked ค่ะayethebing เขียน:คุณ wke_d (เดาว่าย่อมาจาก wicked ) ไม่สมัครเป็นสมาชิกเหรอครับ จะได้มีอมยิ้มของ TVI สักที
พอเรื่องนี้จบ เรื่องต่อไปจะเป็นฉบับย่อลงแล้วกัน เดี๋ยวจะเบื่อกันซะ
เป็นใคร ที่ไม่มีใครรู้จักจะดีกว่า
ไว้ให้ศึกษามากกว่านี้ แล้วจะมาเป็นสมาชิกค่ะ
แปลกดี ที่นี่มีกลอนให้อ่านด้วย
อ่านเพลินไปเลย
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 9
ตอนที่สาม - ตอนจบ
ครั้นแล้วพระ ทรงหาบ น้ำที่ตัก.........................ไม่หยุดพัก มุ่งตรง ไปเสาะหา
ออกเดินทาง ไปยัง ที่ศาลา.............................ไม่รอช้า ถึงอาศรม ท่านสองพราหม์
ฝ่ายทุกูล ดาบส ได้ยินเสียง............................ไม่ใกล้เคียง เสียงฝีเท้า สุวรรณสาม
จึงร้องบอก ว่าใครมา จงบอกนาม.....................มาด้วยความ เหตุใด ให้เอ่ยวจี
ฝ่ายพระปิล ยขักราช จึงตอบให้....................... เรานั้นไซร้ เป็นกษัตริย์ พาราณสี
ท่องเที่ยวมา ล่าสัตว์ ที่ป่านี้.............................เจตนาดี ไม่มุ่งร้าย อย่ากังวล
ดาบสจึง กล่าวว่า ขอเชิญเข้า..........................อาศรมเรา แม้นอยู่ไกล ที่ไพรสนต์
ต้อนรับได้ ข้าจ้าว คนทุกชน............................คลายหมองหม่น สบายกาย ให้สงบใจ
ดาบสพลาง เล่าถึง สุวรรณสาม........................บุตรคนงาม ช่วยเหลือ ดูแลให้
ไปตักน้ำ ทุกค่ำเช้า เก็บผลไม้...........................ไปไม่ไกล เดี๋ยวก็ คงกลับมา
พระราชา ทรงเก้อ ไม่อยากบอก.........................กลัวช้ำชอก เฉาใจ แทบไม่กล้า
ในที่สุด ก็ตรัสอย่าง เศร้าอุรา.............................โอ้ท่านดา บสและ ดาบสินี
สุวรรณสาม ไม่กลับ ลาลับโลก...........................แสนวิปโยค โศกเศร้า ด้วยข้านี้
ยิงศรพิษ ปลิดปลง คร่าชีวี.................................ข้าผิดที่ โฉดเขลา เบาปัญญา
พอได้ฟัง คำกล่าว แห่งกษัตย์............................เหมือนคลื่นซัด กรรมซ้ำ ช้ำหนักหนา
สองฤษี ร่ำไห้ปิ่ม สิ้นชีวา...................................โอ้ลูกยา มาเคราะห์ร้าย จนชีพวาย
ปาริการ ดาบสินี พาลโกรธขึ้ง.............................เหตุใยจึง พาลบ้า มาทำร้าย
สุวรรณสาม แสนรัก เจ้าลูกชาย..........................ไม่เคยหมาย คิดชั่ว กับใครเลย
แต่ทุกูล ดาบส พลันกล่าวว่า...............................โปรดจงอย่า โกรธเคือง เลยน้องเอ๋ย
คงเป็นกรรม ทำมา อย่าเศร้าเลย..........................จงนิ่งเฉย สำรวมจิต คิดปล่อยวาง
อันเคราะห์นี้ มีแต่ เราทั้งสาม...............................คงเป็นกรรม ตามแต่ จากหนหลัง
อันว่าบาป บุญแท้ มีพลัง.....................................เจ้าจงฟัง คำนี้ไว้ เป็นสัจจธรรม
แล้วกล่าวกับ พระท่าน ช่วยวานไหว้......................พาเราไป พบศพ สุวรรณสาม
ปาริการ ได้ยิน ก็ติดตาม......................................ไปด้วยความ เศร้าใจ อาลัยนัก
พอถึงที่ ก็เร่งรี่ เข้าไปกอด....................................รำพันพรอด พร่ำให้ โอ้ลูกรัก
สุวรรณสาม แสนดี แม่ประจักษ์.............................คอยเป็นหลัก ค้ำชู พ่อแม่จริง
ทั้งดาบส ดาบสินี บนบานกล่าว............................โอ้ลูกเรา จิตเมตตา ในทุกสิ่ง
ประพฤติดี กตัญญู แน่แท้จริง.................................เจ้าเป็นมิ่ง ขวัญตา บิดามารดร
ด้วยสัจจะ สะสม ในชาตินี้.....................................ขอเทวี เทวดา ถอดถอนศร
ปลดพิษลง โปรดจง ช่วยให้พร..............................อย่าร้างรอน คำขอ ของสองข้า
สุวรรณสาม เจ้าเอง ก็มีบุญ....................................คอยเกื้อหนุน เลี้ยงพ่อแม่ ดีหนักหนา
ไม่เบียนเบียด เคียดขึ้ง มีเมตตา.............................ช่วยดลพา ให้หาย ฟื้นชีวี
พอจบคำ อธิษฐาน สองท่านกล่าว..........................เทพเจ้า เทพธิดา บันดาลศรี
รู้ถึงบุญ สุวรรณสาม ที่เคยมี..................................ขจัดพิษที่ เด็กน้อยได้ คืนชีวา
ทั้งยังเสก สองฤษี กลับมองเห็น.............................พ้นยากเร้น เวรกรรม หมดกันหนา
ทั้งสามพ่อ แม่ลูก สุดปรีดา....................................หมดเคราะห์พา พ้นโศก หมดโรคภัย
พระราชา พิศวง เหลือจะกล่าว................................ถามไถ่เจ้า สุวรรณสาม ว่าเหตุไฉน
เจ้าคืนชีพ ทั้งพ่อแม่ ก็พ้นภัย..................................อีกทั้งได้ ดวงตา กลับคืนมา
สุวรรณสาม ฟังคำ จึงตอบกษัตริย์..........................สิ่งอุบัติ ชัดเจน เป็นหนักหนา
บุคคลใด เลี้ยงดู และรักษา...................................ซึ่งบุพกา รีนั้น ด้วยความรัก
บุคคลนั้น เปรียบเหมือน ดั่งได้พร..........................จากอัปสร เทวดา เป็นประจักษ์
แม้ปราชญ์ก็ สรรเสริญ เป็นยิ่งนัก...........................แม้จะจาก โลกไป ไม่กังวล
จะไปเกิด อีกหน บนสวรรค์...................................เสวยสุขสันต์ ตามบุญ เป็นเพราะผล
แห่งกตัญญู คุณพ่อแม่ ศรีแห่งตน.........................พ้นทุกข์ทน สุขใจ ในทางธรรม
ปิลยขัก ราชา พอสดับ........................................เหมือนได้รับ แสงส่องทาง สว่างล้ำ
มองเห็นธรรม ที่แท้ ได้ชี้นำ.................................จึงบอกความ ตามจิต ที่ตั้งไว้
อันข้านั้น วันนี้ ได้รู้แล้ว......................................ว่าแก่นแก้ว ธรรมะ ควรฝักใฝ่
ตั้งปฏิญญาณ บำเพ็ญบุญ ตลอดไป.....................และจะไม่ ไล่เบียดเบียน ก่อบาปกรรม
แล้วพระองค์ ก็กลับ พาราณสี..............................ทั้งสองฤษี อีกทั้งเจ้า สุวรรณสาม
บำเพ็ญเพียร มั่นคง ไปตามความ..........................มั่นในธรรม ปลดบาป ตลอดไป
พอสิ้นชีพ ก็ไปเกิด ในพรหมโลก.........................หมดทุกข์โศก โรคภัย ไม่กรายใกล้
เกิดอยู่กัน พ่อแม่ลูก สุขสบาย...............................กุศลได้ สะสมไว้ ได้พึ่งพิง
ชาดกนี้ สอนให้ ได้รู้ว่า.........................................อันเมตตา ต่อมนุษย์ และสรรพสิ่ง
รวมอีกทั้ง กตัญญู ได้แอบอิง................................เป็นขวัญมิ่ง แก่บิดา และมารดร
เป็นกุศล สูงสุด ที่พีงสร้าง....................................บุตรอย่าร้าง รีรอ ตามคำสอน
รีบทำเลย อย่าเฉย พึงสังวร์...................................บิดามารดร ท่านจง แทนคุณเอย
แก้ไขล่าสุดโดย ayethebing เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 25, 2004 11:57 am, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 10
เสร็จแล้วครับ เรื่องนึงเป็นกลอน 8 ขนาด 32 บทครับ
เรื่องต่อไปคงจะสั้นกว่านี้ครับ
เรื่องต่อไปคงจะสั้นกว่านี้ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 11
เรื่องต่อไป นี่กำลังแต่งอยู่หรือคะ ..ayethebing เขียน:เสร็จแล้วครับ เรื่องนึงเป็นกลอน 8 ขนาด 32 บทครับ
เรื่องต่อไปคงจะสั้นกว่านี้ครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
นิทานชาดก พยายามเขียนเป็นกลอนครับ
โพสต์ที่ 12
ยังไม่ได้แต่งเลยครับ เดี๋ยวแต่งเสร็จแล้วจะรีบมา post เน้อ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ