ระวัง "น้ำเขื่อนแตก" ครับ

[humdrum]

ใครกลัว "น้ำเข้า" บ้าน เห็นรูปนี้แล้วต้องระวัง "น้ำเขื่อนแตก"
ในช่วงเวลาแห่ง "ความไม่แน่นอน" อย่างนี้
ใครก็ไม่อยากเจอ "ความทุกข์" ถ้าไม่จำเป็น
ใช่ไหมครับ?
ถ้ามันหนีมัน จัด INVERT มันไปเลย
ยอมรับมันไปเลย
ถ้าเป็นอย่างนั้น ความทุกข์มันหายไปเลยนะ
จากตอนแรก สร้างโน้นสร้างนี้ป้องกันน้ำ
พอมันแตก ก็ตกใจกันใหญ่
มันไม่ได้เคยเพราะน้ำแตก แต่คนเอาอะไรไปขวางมันไว้
ถ้าไม่ขวาง มันก็ไม่มีแตกหรอก
เหมือนรูปข้างบนอย่างไรอย่างนั้น
ขวางนิด ขวางหน่อย "น้ำเขื่อน" แตกกระจาย

พอเรา INVERT แล้ว
ความสนใจของผมไม่ได้อยู๋ที่หลีกหนีความเจ็บปวดที่เกิดจากน้ำท่วม
ไม่ได้อยู่ที่การหลีกเหลี่ยง ความขัดแย้ง ความคลุมเครือ ความสับสน
ไมได้อยู่ที่การวิ่งหนี "ความทุกข์"
แต่อยู๋ที่การให้มองเห็นความหมายใน "ความทุกข์" ที่เรากำลงเผชิญอยู่
เปลี่ยนทัศคติทีมีต่อ "ความทุกข์" ให้หมดครับ
แล้ว "ความทุกข์" จะไม่ใช่ความทุกทรมานอีกต่อไปเลย
คุณจะกลายเป็น "วีรบุรษ"
ยกเว้นว่า...
คุณเป็นคนประเภทที่ชอบสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเอง
อย่างนั้นก็ระวัง "น้ำเขื่อนแตก" ครับ

[^^]

ผมรู้สึกเหมือนน้ำกำลังเล่นเกมส์Pinballที่มนุษย์สร้างขึ้นอยู่
ใครคันกั้นน้ำสูงกว่าได้เปรียบแล้วน้ำมันก็เลยเล่นแบบPinballโดนคันโน้นคันนี้
ในที่สุดมวลก้อนนี้ก็ต้องหาทางออก สุดท้ายเหตุการณ์ไม่คาดฝันคือท่วมในที่ๆไม่คิดว่าจะท่วม คันกั้นน้ำพาน้ำไปในที่ใหม่ ที่ๆต้องไปสร้างคันใหม่ เพื่อให้เกิดการกระดอนต่อไป
จนกว่าน้ำจะแห้ง หรือน้ำหาทางออกจนเจอ

[pakhakorn]

เมื่อรู้ว่า มวลน้ำท่วมทุ่งจำนวนมหาศาลที่ยังต้องไหลลงมาในพื้นที่ เพื่อผ่านทางไปลงทะเล

การแถลงของหน่วยงานต่างๆ และประชาชนที่ไม่ยอมรับให้เกิดน้ำท่วมก็เหมือนฝืนความจริง(เมื่อน้ำยังต้องไหลผ่านไปลงทะเล)

คันกั้นน้ำ และการบริหารจัดการคันกั้นน้ำ จึงมีความสำคัญมาก ไม่ใช่เพื่อป้องกันน้ำท่วมอย่างเดียว หากแต่เวลานี้คงต้องยอมรับให้เกิดน้ำท่วมได้ด้วย

คันกั้นน้ำจึงน่าจะใช้เพื่อควบคุมระดับการท่วมและยอมให้น้ำผ่านในระดับที่ควบคุมได้ แล้วเร่งระบายมวลน้ำออกสู่ทะเลโดยรวดเร็วต่างหาก (ไม่ใช่รอให้มันกั้นไว้ไม่ไหว แล้วแตกเอง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเขื่อนแตก ทำให้การควบคุมยุ่งยากหรือควบคุมระดับท่วมไม่ได้เลย)

มีความจำเป็นต้องแจ้งให้ประชาชนรับทราบให้ชัดเจน ว่าจำเป็นแล้วที่ต้องยอมให้น้ำท่วม(ในระดับที่ควบคุมได้บ้าง) จะได้จัดการจัดเก็บทรัพย์มีค่าไว้ในที่ที่ปลอดภัย แล้วยอมให้น้ำไหลผ่านทางไปลงทะเลได้ น้ำจะได้ลดลงได้อย่างรวดเร็ว การแก้ไขและจัดการความเสียหายก็จะได้เริ่มต้นได้เ็ร็วขึ้น น่าจะจัดการให้มันจบเร็วขึ้นได้

[halogen]

เมื่อรู้ว่า มวลน้ำท่วมทุ่งจำนวนมหาศาลที่ยังต้องไหลลงมาในพื้นที่ เพื่อผ่านทางไปลงทะเล

การแถลงของหน่วยงานต่างๆ และประชาชนที่ไม่ยอมรับให้เกิดน้ำท่วมก็เหมือนฝืนความจริง(เมื่อน้ำยังต้องไหลผ่านไปลงทะเล)

คันกั้นน้ำ และการบริหารจัดการคันกั้นน้ำ จึงมีความสำคัญมาก ไม่ใช่เพื่อป้องกันน้ำท่วมอย่างเดียว หากแต่เวลานี้คงต้องยอมรับให้เกิดน้ำท่วมได้ด้วย

คันกั้นน้ำจึงน่าจะใช้เพื่อควบคุมระดับการท่วมและยอมให้น้ำผ่านในระดับที่ควบคุมได้ แล้วเร่งระบายมวลน้ำออกสู่ทะเลโดยรวดเร็วต่างหาก (ไม่ใช่รอให้มันกั้นไว้ไม่ไหว แล้วแตกเอง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเขื่อนแตก ทำให้การควบคุมยุ่งยากหรือควบคุมระดับท่วมไม่ได้เลย)

มีความจำเป็นต้องแจ้งให้ประชาชนรับทราบให้ชัดเจน ว่าจำเป็นแล้วที่ต้องยอมให้น้ำท่วม(ในระดับที่ควบคุมได้บ้าง) จะได้จัดการจัดเก็บทรัพย์มีค่าไว้ในที่ที่ปลอดภัย แล้วยอมให้น้ำไหลผ่านทางไปลงทะเลได้ น้ำจะได้ลดลงได้อย่างรวดเร็ว การแก้ไขและจัดการความเสียหายก็จะได้เริ่มต้นได้เ็ร็วขึ้น น่าจะจัดการให้มันจบเร็วขึ้นได้

ผมว่าคงไม่ค่อยจะมีหมู่บ้านไหนยอมให้หมู่บ้านตัวเองท่วมหรอกครับ ดูจากการทะเลาะกันที่ออกสื่อ ของแต่ละชุมชน

[humdrum]

น้ำในโลกเรามันเป็น "ระบบปิด"
ทั้งจืดทั้งเค็มรวมกัน มันมีอยู่ประมาณห้าร้อยกว่าล้าน ลูกบาศก์กิโลเมตร
มันมีเท่านี้ตั้งแต่ 4000 กว่าล้านปีที่แล้ว
ปีนี้มันแวะมาบ้านเราเยอะหน่อยเท่านั้นเอง

ร่างกายเราเป็นของแข็งมากกว่าของเหลว
ต้องกลัว "ขาดน้ำ" มากกว่า "น้ำเกิน"
ถ้าเราขาดน้ำเป็นอย่างไร?
ริมฝีปากจะหายไปก่อน
ตามมาจมูกหดไปเรื่อยๆ
เหงือกจะดำ
ผิวรอบดวงตาหดไปจนกระพริบตาไม่ได้

โห.....มาเถอะ
ไม่อยากเหงือกดำไปมากกว่านี้

[humdrum]

แก้คำผิดครับ :
เดิม : ร่างกายเราเป็นของแข็งมากกว่าของเหลว
แก้เป็น : ร่างกายเราเป็นของเหลวมากกว่าของแข็งครับ

ขออภัยครับ

[humdrum]

“ภัยแล้งปี 53” ภัยเงียบที่เราต้องตระหนัก

“กระทั่งตอนนี้กรุงเทพฯ ต้องดึงน้ำมาจากจังหวัดกาญจนบุรี (ผ่านแม่น้ำแม่กลอง) มาสำรองเพื่อใช้ทำน้ำประปา”

ปีนี้กรุงเทพไม่ส่งน้ำไปกาญจนบุรีบ้าง?

[pakhakorn]

สิ่งหนึ่งที่ไม่มีการแจ้งให้ประชาชนทราบ คือคันกั้นน้ำที่ก่อสร้างด้วยดิน และกระสอบทราย สามารถป้องกันน้ำสูงจากคันได้กี่เมตร และเป็นเวลากี่วันที่สามารถป้องกันได้ที่ระดับความสูงนั้นพร้อมความแรงของน้ำที่ไหล

คนที่น่าจะคุ้นเคยคือคนทำนากุ้ง ที่ทำคันกั้นน้ำสูง บ่อเลี้ยงกุ้งอยู่สูงจากพื้น จะรู้ความเสี่ยงของคั้นดินที่มีโอกาสแตกและรั่วได้สูงเมื่อน้ำยิ่งสูง

แล้วปัจจุบันน้ำท่วมบางที่ 3-4 เมตร(แล้วกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกได้ตามจำนวนมวลน้ำท่วมทุ่งที่ยังมาไม่หมด)
การไม่ระบายออกให้ลดลงบ้าง ก็คือการรอให้คันแตก(เหมือนเขื่อนแตก)เวลานั้นจะควบคุมอะไรไม่ได้ และจะเสียหายรุนแรงกว่าเิดิม

การไม่ยอมรับน้ำท่วม ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องรับน้ำท่วม การเตรียมตัวรับไว้น่าจะดีสุด เพราะเหตุการณ์ขณะนี้ถ้ายันน้ำไว้อย่างเดียวไม่ระบายออกในระดับที่เหมาะสม ก็คือการยันไว้รอวันคันแตกเท่านั้น

[pakhakorn]

วันนี้ดูข่าว tv ของ thai PBS ช่วง 19.00 น. ก็ถือว่ายังได้ยินข่าวที่น่าจะดีขึ้นบ้าง ที่ กทม.ยอมเปิดทางให้น้ำเข้าคลองใน กทม.ได้(ให้น้ำ ใช้ผ่านทางลงสู่ทะเลได้) เพื่อเร่งสูบระบายออกสู่ทะเลได้ ซึ่งควรจะทำมาก่อนหน้านี้มาหลายๆวันก่อนแล้ว ทำวันนี้ถึงช้าก็ยังดีกว่าไม่ทำ ไม่เช่นนั้นผลสุดท้าย กทม.ก็อาจไม่รอดหรือเสียหายในแบบควบคุมและจัดการไม่ได้

นึกถึงคำโบราณจริงๆ..... ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

[^^]

ผมว่าปล่อยเข้ามาให้มวลน้ำกระจาย ในเมื่อมวลมากแรงมาก กำลังทำลายสูง
ให้มวลลดลงและกระจายตัวแบบนี้แหละดีแล้ว

คนนครสวรรค์รับความทุกข์แทนคนกรุงเทพอยู่นะครับ
แล้วพอกั้นไม่ได้ก็
คนอยุธยารับความทุกข์แทนคนกรุงเทพ
กั้นไม่ได้ก็
คนปทุมรับความทุกข์แทนคนกรุงเทพอยู่นะครับ
กั้นไม่ได้ก็
คนบางบัวทอง สายไหมรับความทุกข์แทนคนกรุงเทพอยู่นะครับ

เมื่อไหร่มีการขีดเส้นว่าที่ไหนห้ามเปียก ห้ามท่วม มันยิ่งเป็นปัญหา

ปล่อยมาเถอะ ช่วยๆกันดีกว่า ปัญหาเกิดจากเราทำอะไรมากเกินไป
อีกนัยคือเราใส่ตัวแปรจนทำให้มวลน้ำมันรวมกันขนาดนี้ และแรงขนาดนี้นั่นเอง


บ้านผมก็ไม่ตั้งกระสอบทราย ผมเอาเงินสดไว้ซื้อประทังชีวิตเผื่อน้ำท่วมดีกว่า
ถ้าสูงเท่าข้อเท้า กั้นไปก็เปลืองตัง
สูงเท่าหัว ไม่รู้จะกั้นไปทำไม
สรุปย้ายของขึ้นชั้น2 รอน้ำมาอย่างเดียว

[pakhakorn]

คนที่รู้ดีและเชี่ยวชาญเรื่องน้ำมากๆคนหนึ่งที่ผมรอคอย แล้วก็ได้ออกมาพูดเสียที แต่แปลกใจเพียงเป็นถึง ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ทำไมท่านผู้ว่า..เพิ่งยอม แล้วที่ปรึกษาถึงขั้นต้องบอกผ่าน ช่อง9 เผื่อประชาชนด้วย

http://goo.gl/6F7pv

ปราโมย์แนะทางรอดน้ำท่วมกรุง

20 ตุลาคม 2554 เวลา 18:57 น. |
เปิดอ่าน 3,171 |
comment ความคิดเห็น 4

ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

"ปราโมทย์"แนะผันน้ำสู่ตะวันออก ปล่อยบางส่วนผ่านกทม.ชั้นใน เตือนอย่าให้คลองหกวาปะทะหนัก

นายปราโมทย์ ไม้กลัด ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.เปิดเผยว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง9 ว่า ทางออกของแก้ปัญหาน้ำขณะนี้คือการผันน้ำออกไปทางฝั่งตะวันออก และให้น้ำผ่านกรุงเทพชั้นใน และอธิบายให้ประชาชนทราบว่า มีการควบคุมอย่างดีก็ไม่น่าจะมีปัญหาหากยังยื้อกับน้ำกันแบบนี้ผนังกั้นน้ำต่างๆก็จะรับไม่ไหว

นายปราโมทย์ อธิบายว่า การระบายไปทางตะวันออก คือการระบายตั้งแต่ รังสิต คลองหกวา และสายไหม ขณะเดียวกันก็ให้ไหลผ่าน คลองแสนแสบ คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต คลองประเวส คลองสำโรง

"ต้องหาทางผ่อนคลาย อย่าให้เกิดการปะทะที่คลองหกวา ควรปล่อยน้ำเข้ากทม.ชั้นใน แล้วกำกับควบคุมให้ชัดเจน หากฝนไม่ตกก็ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ต้องหาทางไปให้น้ำไปทางตะวันออก และผ่านกทม.ชั้นใน"นายปราโมทย์ กล่าว

[pakhakorn]

ก่อนอื่นต้องขออภัย ดูข่าวอีกครั้ง ค่อยรู้ว่าท่านผู้ว่า กทม. เพิ่งจะเชิญท่านปราโมทย์ ไม้กลัด มาเป็นที่ปรึกษา เมื่อวานนี้เอง (หรือเป็นที่ปรึกษามาก่อนด้วยหรือเปล่่า?อันนี้ไม่แน่ใจ?)

สิ่งที่่น่าเป็นห่วง และไม่อยากให้เกิดขึ้นคือน้ำท่วมกทม.แบบควบคุมและจัดการไม่ได้(เิกิดจากคันกั้นน้ำแตกหรือเขื่ิอนชั่วคราวแตก เหมือน 5-6 นิคม ที่คันกั้นน้ำแตก(ที่ยันน้ำไว้ รอจนคันกั้นน้ำแตกเอง) แล้วน้ำเข้าท่วมแบบควบคุมและบริหารจัดการไม่ได้)

เช้านี้ดูข่าว tv ช่อง thaiPBS ท่านปราโมทย์ ไม้กลัด ก็มาออกรายการอีกครั้ง หวังว่าการจัดการน้ำ การบริหารคันกั้นน้ำ การบริหารการท่วมของน้ำ การให้น้ำผ่านทางลงทะเล ของกทม.ส่วนใน และส่วนขอบนอกกทม.จะทำได้ดีขึ้นมากๆ (ถึงจะเริ่มทำช้าไปหน่อยก็ดีกว่าไม่ทำหรือไม่แก้ไข)

และขอให้กทม.รอดพ้นจากการเกิดน้ำท่วมแบบควบคุมและบริหารจัดการไม่ได้

**ขออย่าให้การเสียสละของพื้นที่ของจังหวัดที่ผ่านๆมา(ก่อนและรอบข้างกทม.)และน้ำยังท่วมอยู่ขณะนี้ เป็นการเสียสละที่ศูนย์เปล่าหรือไร้ค่าเลย**