ทำเงินให้โตเท่าตัวแบบไหน ยากที่สุด

[sylph]

Poll นี้ หมายถึงยากที่สุดใน 3 เคสนี้นะครับ
ทำไมผมรุ้สึกว่าเงินยิ่งเยอะยิ่งโตง่ายกว่า
ผมโหวต 100k-->200k

ปล ตอนนี้ผมอยุ่ในขั้นแรกนั่นแหละเลยคิดแบบนี้
อยากเห็นมุมมองจากคนอื่นที่อยุ่ในแต่ละระดับ หรือผ่านระดับไหนมาได้แล้ว

ขอบคุณครับ

[วรันศ์ บัฟเฟต]

Poll นี้ หมายถึงยากที่สุดใน 3 เคสนี้นะครับ
ทำไมผมรุ้สึกว่าเงินยิ่งเยอะยิ่งโตง่ายกว่า
ผมโหวต 100k-->200k

ปล ตอนนี้ผมอยุ่ในขั้นแรกนั่นแหละเลยคิดแบบนี้
อยากเห็นมุมมองจากคนอื่นที่อยุ่ในแต่ละระดับ หรือผ่านระดับไหนมาได้แล้ว

ขอบคุณครับ

ปัจจัยความรู้สึก ... no good...................

ถ้าโตจากลงทุนในหุ้น ดูเป็น %.............. เท่ากันหมดครับ

ถ้าดู absolute amount ใช้วิธีการอะไรก็ได้ เงินน้อยยิ่งง่าย

เรื่องเดียวสำหรับเม็ดเงินเยอะกับน้อยและการลงทุนให้หุ้นคือ สัดส่วนจำนวนเงินที่เข้าซื้อหุ้นประเภท liquidity น้อย turnover ต่ำ..... ต่อเงินที่มีทั้งหมดควรจะสูงกว่า แต่สุดท้ายก็ subjective อยู่ดี ขึ้นอยู่กับ perception ของคน และ การมองหุ้นสภาพคล่องต่ำสูงต่างกันยังไง

เงินน้อยทยอยซื้อ ไม่ถึงเกณฑ์ต่อวัน เสีย com ขั้นต่ำอีก เหอะๆ

หวังว่าตอบคำถามได้นะครับ

[วรันศ์ บัฟเฟต]

สรุปผมไม่มีคำตอบครับ เพราะมันตอบไม่ได้ และ เพิ่มเติมนิดนึงครับ ข้างบนที่ผม post คือ assume อย่างอื่นทุกอย่างเช่นความสามารถ ประสบการณ์ etc. constant หมดนะครับ เอาเงินเป็นตัวตั้งอย่างที่คุณว่าเลย

[sylph]

เสริมนิดนึงครับ

สำหรับผม คิดว่าถ้าเงินเยอะ เวลาหุ้นลงมันถัวได้ พอหุ้นขึ้นเราสามารถขาย take profit

ปล.หุ้นลงแล้วถัวนี่คือ เราคิดว่า เป็นหุ้นพื้นฐานดี ราคาเหมาะสมแล้ว แต่บางที set มันลง
หุ้นเราก็ดันลงด้วย ถึงจะนิดหน่อย แต่ถ้าถัวได้ก็ทำให้ทุนต่ำลง

.....แต่เป็น poll เฉยๆ ครับ ไม่ได้ซีเรียสกับทุกคำตอบ แค่อยากดูความคิดเห็นหลาย ๆแบบ

ขอบคุณครับ

[akekarat]

ผมว่ายิ่งมากยิ่งยากครับ เพราะว่าวิธีการ หรือเงินที่นำมาเติม มันจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณที่กำหนด
เช่น 100k>200k จะเร็วมากเพราะว่าสามารถนำเงินจากช่องทางต่าง ๆ เข้ามาสะสมได้
แต่ถ้ามองแค่ว่า กำหนดให้ลงทุนอย่างเดียว ผมก็ยังคิดว่ายิ่งมากยิ่งยากอยู่ดี
เพราะถ้าเป็นเรื่องหุ้น ก็จะถูกกำหนดด้วยสภาพคล่อง และขนาดตลาด
ต่อให้เป็นเรื่องอื่นเช่นธุรกิจ ก็จะมีปัจจัยแบบนี้เหมือนกัน

[กล้วยไม้ขาว]

ผมผ่านข้อแรกมาแล้วใช้เวลาแค่ปีเดียว
แต่ผมเลือกข้อสองเนื่องจากเป็นเส้นแบ่งทางจิตวิทยา

ล้านแรกยากที่สุด

[baggio]

ผมว่าเงินยิ่งเยอะ ยิ่ง manage ยากกว่าครับ เพราะ ความกล้าเสี่ยงมันจะลดลงตามจำนวนเงินที่มากขึ้น การลงทุนจะเน้นแบบปลอดภัยไว้ก่อนเป็นหลัก และเน้นกระจายความเสี่ยงมากขึ้นโดยอัตโนมัติครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยส่วนบุคคลด้วยล่ะ

[โอรสสวรรค์]

หากไม่มีการเติมเงินจากที่อื่น ใช้เงินก้อนเดิมลงทุนไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่าข้อแรกยากที่สุดครับ

1. การกระจายความเสี่ยงทำได้ยาก ทำให้ต้องลงทุนแบบกระจุกตัว เฉพาะตัวที่เราคิดว่าจะขึ้นก่อนจากหุ้นทั้งหมดที่เราต้องการจะลงทุนหากมีเงินเพียงพอ ซึ่งหุ้นที่ขึ้นอาจจะเป็นตัวที่เราไม่ได้ซื้อก็เป็นได้

2. ต้นทุนในการซื้อจะสูงกว่า เพราะขั้นต่ำของการซื้อประมาณ 40,000 บาทถึงจะคุ้มค่านายหน้า

แต่ถ้ามีเงินเยอะมาก ๆ ระดับประมาณ 500 ล้านบาทขึ้นไป ผมคิดว่าการทำให้เป็น 2 เท่ายากกว่าเยอะครับ (อยากลองพิสูจน์เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังห่างไกลครับ )

[sylph]

หากไม่มีการเติมเงินจากที่อื่น ใช้เงินก้อนเดิมลงทุนไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่าข้อแรกยากที่สุดครับ

1. การกระจายความเสี่ยงทำได้ยาก ทำให้ต้องลงทุนแบบกระจุกตัว เฉพาะตัวที่เราคิดว่าจะขึ้นก่อนจากหุ้นทั้งหมดที่เราต้องการจะลงทุนหากมีเงินเพียงพอ ซึ่งหุ้นที่ขึ้นอาจจะเป็นตัวที่เราไม่ได้ซื้อก็เป็นได้

2. ต้นทุนในการซื้อจะสูงกว่า เพราะขั้นต่ำของการซื้อประมาณ 40,000 บาทถึงจะคุ้มค่านายหน้า

แต่ถ้ามีเงินเยอะมาก ๆ ระดับประมาณ 500 ล้านบาทขึ้นไป ผมคิดว่าการทำให้เป็น 2 เท่ายากกว่าเยอะครับ (อยากลองพิสูจน์เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังห่างไกลครับ )

555 ข้อแรกตรงกับผมมากเลยทีเดียว
ผมคิดว่า ถ้าเงินเยอะ เราลงหลายตัว ตัวไหนวิ่งไปเยอะแล้วเราขาย นำมาลงทุนต่อยอดตัวที่เราเล็งไว้แต่ยังไม่วิ่งได้อีก