ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ไม่แน่ใจว่าคนในห้องนี้จะรู้จัก อาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียรหรือไม่
เลยขอแจ้งให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและมิตรรักนักฟังรายการของอาจารย์ทราบ
อาจารย์ประทุมพรหรืออีกนามหนึ่งว่า "ดวงใจ"
ได้กลับคืนสู่อ้อมแขนของพระเจ้าไปแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 20 นี้เอง
สื่อมวลชนแจ้งข่าวคราวกันในวันที่ 21 คือเมื่อวานนี้
สวดมนต์ตามพิธีคริสตศาสนา 3 วันก่อนจะมอบร่างให้โรงพยาบาลไปประกอบการศึกษา

กูรูเองเลยเขียนเรื่องราวของเธอไว้ในเวปหนึ่ง เพื่อขอกราบลาอาจารย์ดังนี้
รับทราบข่าวเศร้าการลาจากของอาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร
เมื่อเช้านี้ 21 ธันวาคม ด้วยความสลดใจนัก
ดูเถอะ ในวัย 67 ปี ยังเห็นภาพอาจารย์พูดจา คล่องแคล่ว
กระฉับกระเฉง วิเคราะห์ข่าวต่างประเทศอย่างสนุกสนาน
บางครั้งก็พาคนฟังไปเที่ยวไหนต่อไหนราวกับมัคคุเทศก์มืออาชีพ

อาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร ใช้ชีวิตถึงบั้นปลาย
ด้วยหลายบทบาท หน้าที่อันทรงค่า
ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการตำแหน่งรองศาสตราจารย์
ในฐานะอาจารย์สอนภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
นักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศและพิธีกรรายการสนทนาประเด็นสำคัญๆ
เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีของเมืองนอกเมืองนา
ดีเจ รายการวิทยุ
นักเขียนนวนิยาย สารคดีท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างสนุกสนาน
ทำให้พงศาวดารที่ยืดยาว น่าเบื่อหน่ายกลายเป็นเรื่องสนุกครบอรรถรส
อีกทั้งเสี้ยวหนึ่งของชีวิต ก็ได้เป็นนักการเมืองแต่งตั้ง
ในบทบาทสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2549

กูรูรู้จักอาจารย์ประทุมพร
เมื่อมาเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะ
และรู้จักผ่านงานวรรณกรรมอีกหลายเรื่องในนามปากกา"ดวงใจ"

"แม่เขียนถึงหนูพุก"
งานเขียนยุคแรกในรูปแบบของจดหมายที่เขียนถึงลูกชายคนเดียว
ขณะอาจารย์กำลังศึกษาอยู่เมืองนอก
และลูกชายยังเด็กตัวกะเปี๊ยก


"จากดวงใจ"
นวนิยายยาวเรื่องแรกที่ว่าด้วยสังคมปัญญาชนในแคมปัสที่เพนสเตท
อันเป็นมหาวิทยาลัยที่อาจารย์ใช้ชีวิตช่วงศึกษาต่อปริญญาโท
ตัวละครจากประเทศต่างๆได้มาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งร่วมกัน
เพื่อถกเถียง โต้แย้งในประเด็นปัญหาความสัมพนธ์ระหว่างประเทศ
แล้วบางคู่ก็สานสัมพันธ์กันต่อจริงๆหลังเรียนจบ
ยกเว้น"ปทิ่น" นางเอกของเรื่องที่ต้องกลับไทยด้วยมีพันธะหัวใจอยู่ก่อนแล้ว

"บ่วงกรรม"
นวนิยายเรื่องต่อมาว่าด้วยเรื่องรักต้องห้าม
ตัวละครที่เดินทางติดบ่วงในเรื่อง ก็ไม่ใกล้ไม่ไกล
อยู่ในแวดวงมหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ที่เธอสอนอยู่นั่นเอง
งานนี้ทำเอาตัวตนของผู้ที่ถูกนำมาสะท้อนเป็นพระเอก ผู้ช่วยพระเอก
นางเอก นางรองทั้งหลาย ร้อนๆหนาวๆไปหลายคน

"รัฐมนตรีหญิง"
เรื่องราวล้ำยุคของผู้หญิงในแวดวงการเมือง
ที่ได้รับเกียรติขึ้นมาเป็นถึงรัฐมนตรี(ผู้ช่วย)หญิง
ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ฉีกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองขณะนั้น
เพราะไม่เคยปรากฏว่าจะมีสส.หญิงคนใดก้าวขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้เลย

"บ้านรมณีย์"
การเริ่มต้นยุคแรก "Guest House"ในฝัน
ละแวกถนนประวัติศาสตร์เลียบแม่น้ำเจ้าพระยา
ก่อนที่ Guest House ของจริงผุดเต็มตรอกข้าวสาร
ไม่กี่ปีให้หลัง

และอีกหลายๆเรื่องในกาลต่อมา
รวมทั้งเรื่อง"คุณย่า.ดอทคอม"
สังคมบรรดาคุณย่าคุณยายที่ไม่ยอมตกยุคไฮเทค
หันมาสนุกสนานกับการใช้คอมพิวเตอร์กับลูกๆหลานๆ

นอกเหนือจากนิยายเรื่องยาว งานเขียนวิชาการแล้ว
งานเขียนสารคดีก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ "ดวงใจ"ถนัดและทำได้สนุกสนาน
สารคดีแทบทุกเรื่องของเธอ
มักพาให้เราเดินทางไปในสถานที่ที่โปรดปราน
ซึ่งไม่พ้นบรรดาประเทศในแถบยุโรปโดยเฉพาะอังกฤษ
ซึ่งอาจารย์บอกว่าไปมาเกือบยี่สิบครั้งแล้วในชีวิต
ไม่เคยเบื่อเลย และหวังว่าจะไปอีก

เพราะความประทับใจในประเทศอังกฤษนี้เอง
นอกเหนือจากสารคดีท่องเที่ยวบันทึกประสบการณ์
การเดินเท้าของอาจารย์แล้ว
ยังได้เป็นแรงบันดาลใจให้อาจารย์เขียนประวัติศาสตร์เล่มยาว
เรียงร่ายเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศเกาะสุดโปรด

"เบื้องหน้าเบื้องหลังบังลังก์อังกฤษ"
คือผลงานความเรียงเชิงประวัติศาสตร์ในแบบฉบับของ"ดวงใจ"เอง
จากการค้นคว้า สืบสาวราวเรื่อง เทียบเคียง
ผนวกจินตนาการเล็กๆน้อยๆ
ทำให้พงศาวดารเยิ่นเย้อของราชวงศ์อังกฤษนับพันปี
กลายเป็นเรื่องผจญภัย ชวนตื่นเต้น มีมนต์เสน่ห์ลึกล้ำ
จนพาเรากลับไปสู่ยุคสมัยนั้นๆอย่างแนบเนียน
ตัวละครโดยเฉพาะบรรดากษัตริย์ทั้งหลายที่จำชื่อก็แสนยาก
เพราะซ้ำกันไปหมด เทือกเถาเหล่ากอของตระกูลที่โยงพันไปราชวงศ์โน้นนี้
ถูกอาจารย์เอามาจัดวางใหม่ จับย่อประวัติและวีรกรรมสำคัญๆ
จนเห็นตัวตนของกษัตรย์/กษัตริยาองค์นั้นกระโดดออกมาเด่นชัด
พร้อมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ซ่อนงำไว้จากประวัติศาสตร์เชิงวิชาการ

อ่านงานเขียนเล่มนี้ของอาจารย์จบ
เป็นการทบทวนประวัติราชวงศ์อังกฤษได้อย่างจำติดจนตาย

ระยะหลังอาจารย์ไม่ค่อยได้เขียนงานอะไร
คงเป็นช่วงที่ต้องรับรักษาตัว
แต่กูรูก็ได้อ่านบทความในคอลัมน์หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ
ว่าด้วยเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม
อาจารย์เล่าเรื่องในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่มีนิวาศสถานแถวสีลม
และเผชิญกับการปิดล้อมของเหล่านักเล่นกีฬาสีอีกฝ่าย
อาจารย์และลูกชายได้เข้าไปพูดคุย ทำความเข้าใจ
ด้วยอยากรู้สาเหตุรากเหง้าของการประท้วงนี้จากปากชาวรากหญ้าจริงๆ

น่าเสียดาย อาจารย์คงได้เก็บข้อมูลเหล่านี้สำหรับงานเขียนเรื่องใหม่อีก
ถ้าไม่ใช่เพราะเช้ากลางเดือนธันวาคม ลมเย็นพัดมาวูบใหญ่

ดวงใจ จำจาก จำจร จารไกลแล้ว

ขอกราบคารวะอาจารย์มากับสายลมหนาวนี้ด้วย
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0

Re: ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ ที่เอาสิ่งดีๆมาให้อ่านนะครับ
พี่กูรู...เหมือนห้องสมุดครับ
อิอิอิ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0

Re: ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เห็นชื่ออาจารย์แล้ว แล้วนึกหน้าไม่ออก ครับ
เลยลอง search หาหน้า อาจารย์ ประทุมพร
อ๋อ.... เลยครับ
ไม่อยากเชื่อว่า อาจารย์ อายุ 67 แล้วนะครับ

หวังว่าเทคโนโลยี่ ในอนาคต จะทำให้เราอยู่กับมะเร็งได้อย่างสงบและสันติ

คนเราเมื่อพ้นโลกนี้ไปแล้ว ผมเชื่อว่าเป็นการไปหาความสุขครับ
ดังนั้น ถ้าจะอยู่ในโลกใบนี้ ก็ขอให้อยู่อย่างมีความสุขกันครับ

สุขกันเถอะเรา...
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

Re: ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อ่านแล้วนึกหน้าไม่ออก แต่พออ่านที่พี่กูรูโพสต์ ถึงบ้างอ้อครับ
เคยฟังอาจารย์วิเคราะห์ข่าวกับอาจารย์ผู้ชายอีกท่านบ่อยๆ สมัย 10 ปีที่แล้ว
อาจารย์ได้พักผ่อนแล้วครับ กลับสู่อ้อมอกของพระเจ้า
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

Re: ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ได้รับบทสุดท้ายที่เผยแพร่ต่อๆกันมา
เพื่อเป็นอนุสติสำหรับผู้ที่อยู่ข้างหลัง
เลยเอามาแบ่งปันให้เพื่อนอ่านในนี้
การตายและงานศพของฉัน

ประทุมพร วัชรเสถียร**

เมื่อชีวิตของฉันเดินทางมาถึงวันนี้ ฉันไม่มีความกลัวเรื่องความตายของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่สนใจว่าฉันจะตายเมื่อไร เหตุใดจึงตาย ตายแล้วจะไปไหน ฉันไม่สนใจใคร่รู้ทั้งนั้น รู้อยู่แต่ว่าฉันอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ (อีกนานเท่าไรไม่ทราบ) ให้เป็นประโยชน์ที่สุด และอย่างมีความสุขที่สุด

การทำชีวิตให้เป็นประโยชน์ที่สุด และมีความสุขที่สุดในทัศนะของฉัน น่าจะเป็นดังนี้คือ

๑.ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ให้ดีที่สุด สมบูรณ์ครบถ้วนที่สุด อย่างเต็มใจและอย่างสนุกที่สุด ภารกิจใดถ้าคิดว่าต้องฝืนใจทำ ทำแล้วไม่สนุก ทำแล้วเกิดความทุกข์ เกิดความกดดัน ทำให้เคร่งเครียด ฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด

ฉันมีวิธีเลือกภารกิจของฉันดังนี้คือ

๑.๑ ทำงานชนิดที่ชอบ ทำด้วยใจรัก ทำแล้วสนุก ทำแล้วมีความสุข

๑.๒ ทำงานที่ให้ประโยชน์แก่เพื่อนร่วมโลก

๑.๓ ทำงานที่ให้ค่าตอบแทนเป็นเงินตรา หากฉันยังคงมีความต้องการด้านนี้

๑.๔ ทำงานที่ให้ความสุขแก่ผู้อื่น แม้จะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ก็ตาม (แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรม)

๒. คบคนที่คบแล้วทำให้จิตใจสบาย ร่าเริง เบิกบาน เปิดสมองและโลกทัศน์ ฉันไม่กลัวว่าจะมีเพื่อนน้อย หากเพื่อนเพียง ๒ – ๓ คน ที่ฉันคบสนิทด้วยทำให้ฉันสบายใจ ผู้ใดที่ทำให้ฉันรกตาด้วยภาพ รกหูด้วยคำพูด รกใจด้วยเรื่องร้าย ฉันขออยู่ห่างที่สุด

๓. สิ่งใดที่ฉันคิดว่าเป็นสิ่งดีที่ควรทำ ฉันจะไม่ผลัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป เช่น

๓.๑ เขียนจดหมายถึงเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานาน หรือติดต่อนัดพบกับเขา หากทำได้

๓.๒ ไปเยี่ยมผู้ใหญ่อันเป็นที่รักและเคารพ ซึ่งมิได้เยี่ยมเยือนมานาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่มีใครเหลียวแล

๓.๓ อ่านหนังสือที่เคยคิดอยากอ่าน หรือหยิบมาเตรียมไว้ แต่ยังไม่เคยมีเวลาเปิดอ่าน

๓.๔ ตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อออกไปเดินเล่นท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ในสถานที่เหมาะสม เช่น สวนสาธารณะ หรือเดินชมกรุงเทพฯ ย่านที่ฉันเคยรู้จักและอยากกลับไปฟื้นความหลังอีก หรือย่านที่ไม่รู้จัก แต่อยากทำความรู้จัก ในฐานะที่ฉันเป็นชาวกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิด

๓.๕ ส่งเงินหรือสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลน โดยผ่านตัวแทนที่เชื่อใจได้ว่าจะนำความช่วยเหลือของฉันไปถึงตัวบุคคลที่ต้องการ (หากให้โดยตรงไม่ได้)

๓.๖ อ่านหนังสือธรรมะ หรือฟังข้อคิดทางธรรมะเป็นประจำ และปฏิบัติตามนั้น จะเป็นธรรมะของศาสนาใดก็ได้ ธรรมะที่ช่วยแก้ปัญหา อ่าน/ฟัง แล้วใจสบายนั้นคือธรรมะที่ถูกต้อง ธรรมะใดที่อ่าน/ฟังแล้วหนักใจ ทำให้เป็นคนเห็นแก่ตัว เต็มไปด้วยโมหะ สร้างความแตกแยก นั่นมิใช่ธรรมะ

๔. หากร่างกายและจิตใจของฉันอำนวย ฉันอยากมีอาชีพเป็นนักเขียนจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตของฉัน ฉันอยากเขียนเรื่องทุกชนิดที่มีสื่อเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นนวนิยาย บทความ เรื่องท่องเที่ยวจากประสบการณ์ คอลัมน์ประจำ บทวิจารณ์ หรือการตอบจดหมายแนะแนวทางแก้ไขปัญหาชีวิต รวมทั้งเรื่องธรรมะและการอบรมกล่อมเกลาจิตใจ และพฤติกรรมของมนุษย์

๕. ฉันจะรู้จักมี “มุมชีวิต” ของตัวเอง หมายความว่า ฉันจะต้องรู้ข้อจำกัดของบทบาทของฉันว่าควรยุ่งเกี่ยวกับชีวิตคนอื่นมากน้อยเพียงใด และควรพอใจบทบาทความเป็น “คนนอก”ของตัวเองเพียงใด ฉันจะต้องรู้ว่า ไม่ว่าฉันจะเป็นภรรยา หรือแม่ หรือพี่ หรือย่า หรือยายของผู้ใด ฉันย่อมไม่มีสิทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้องในการตัดสินใจเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของคนเหล่านั้น

หากฉันถูกขอคำปรึกษาหารือ ฉันจะให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ฉันจะไม่โกรธเคือง หรือเก็บเอามาเป็นอารมณ์ หากบุคคลเหล่านั้นไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำของฉัน ฉันจะมีแค่ หูเปิด ตายิ้ม ปากปิด ต่อพวกเขาเหล่านั้น

๖. ฉันจะไม่ “แบกโลก” ฉันจะไม่เป็นคนเจ้าทุกข์ ฉันจะไม่ทุกข์เกินขนาดที่ควรทุกข์ ฉันจะต้องเตือนใจตัวเองว่า

- ฉันจะไม่ทุกข์ต่อเรื่องที่แก้ไขได้ เพราะหากฉันสามารถแก้ไขได้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องมีความทุกข์

- ฉันจะไม่ทุกข์ต่อเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ เพราะต่อให้ฉันทุกข์จนหน้าไหม้ใจขมไปหมด ฉันก็ยังแก้ปัญหานั้นไม่ได้ แล้วฉันจะปล่อยให้ความทุกข์มาครองใจฉันจนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิตของฉันด้วยประโยชน์อันใด

๗. ฉันจะไม่โกรธ ฉันจะไม่โมโห เพราะความโกรธคือความโง่ ความโมโหคือความบ้า ฉันจะไม่เตรียมตัวตายอย่างคนโง่และคนบ้า



ก่อนฉันจะตาย

หากฉันตายโดยกะทันหัน เช่น อุบัติเหตุใหญ่ หรือหัวใจวายเฉียบพลันก็แล้วไป โปรดจัดงานศพของฉันดังที่ฉันจะได้เขียนต่อไป

หากฉันเจ็บไข้ด้วยโรคที่รักษาไม่ได้ ต้องนอนแซ่วอยู่บนเตียง หรือไม่รู้สึกตัว ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยสายระโยงระยาง และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ฉันขอร้องว่าอย่าเสียเวลาและเสียเงินเพื่อฉันมากมายอย่างนั้น ขอให้ใช้เวลาดูอาการของฉันไม่เกิน ๑ เดือน ต่อจากนั้นขอให้ยุติการต่อชีวิตฉันด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ โปรดอนุญาตให้ฉันจากไปด้วยวิธีธรรมชาติที่สงบที่สุดเถิด

หากฉันมีโรคภัยชนิดที่ทำให้ต้องเจ็บปวดทุรนทุราย และร้องครวญคราง ขอให้บอกแพทย์ให้ใช้ระงับความเจ็บปวดแก่ฉัน ในอัตราที่ฉันจะสงบทั้งความเจ็บปวดและเสียงครวญครางของฉันได้อย่างราบคาบ แม้ว่าวิธีนั้นจะทำให้ฉันตายเร็วขึ้น ก็ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าชีวิตของฉันที่ผ่านมา ฉันใช้ทำประโยชน์ให้แก่สังคมและชีวิตมนุษย์รอบตัวฉันมากพอที่ฉันไม่ควรจะต้องได้รับความทรมานในบั้นปลายของชีวิตเช่นนั้น

ก่อนฉันตาย ฉันอยากเห็นหน้าญาติมิตรและเพื่อนรักของฉัน และเพื่อนที่รักฉัน แต่ถ้าการมาหาฉัน ทำให้พวกเขาเสียเวลา หรือไม่สบายใจที่ต้องมาเห็นฉันในสภาพที่ผิดไปจากคนเดิมที่พวกเขาเคยเห็น เขาจึงไม่มาหาฉัน ฉันก็จะไม่โกรธ ไม่น้อยใจ จะไม่บ่นว่าอย่างใดเลย ในสภาพและวาระสุดท้ายเช่นนั้น ฉันควรจะต้องรู้จักให้อภัย และมีความเข้าใจต่อทุกสิ่งที่ว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นย่อมเกิดมาจาก “เหตุ”อันมี “ตรรกะที่เข้าใจได้” ทั้งสิ้น


งานศพของฉัน

ฉันได้อุทิศร่างกายและดวงตาให้แก่โรงพยาบาลที่มีวิทยาลัยแพทย์เรียบร้อยแล้ว

ฉันไม่อยากรบกวนญาติมิตร เพื่อนฝูงให้ต้องมาลำบาก เพราะความตายของฉัน เช่น ลำบากเดินทางมางานของฉัน ลำบากเสียเงินซื้อพวงหรีด หรือดอกไม้ หรือเสียเงินใส่ซอง

อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่อยากจะหายไปจากโลกนี้อย่างเงียบเชียบจนเกินไป มันดูเหงาพิลึก!

ฉันอยากขอร้องผู้ที่อยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นญาติสนิท หรือมิตรสหายที่รักชอบฉัน ให้ช่วยระลึกถึงการตายของฉัน ดังนี้

๑. ช่วยแจ้งแก่วิทยุที่มีบริการประกาศข่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายถึงข่าวตายของฉัน เพื่อคนรู้จัก เพื่อนฝูง ญาติที่ไม่เจอกันนานๆ จะได้ทราบว่าฉันไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว

๒. หากญาติมิตรคิดจะจัดงานระลึกถึงฉัน อยากให้หาสถานที่มารวมกันสักครั้งหนึ่ง เพื่อพูดคุยถึงฉันและผลงานของฉัน ไม่ต้องแต่งดำ ฉันอยากให้คนเหล่านั้นใส่เสื้อผ้าสีสวยๆ และนึกถึงฉันอย่างมีความสุขที่สุด ไม่ต้องชมเชยฉัน (และผลงานของฉัน) หรอก ตำหนิก็ได้ แต่อยากให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างผู้ที่เคยรู้จักฉันสักครั้งหนึ่ง ครั้งเดียวเท่านั้นเป็นพอ อย่าลืมว่าเมื่อฉันมีชีวิตอยู่ เราเคยมีความสุข สนุกรื่นเริงด้วยกัน ขอโอกาสอย่างนั้นให้แก่ฉันเป็นครั้งสุดท้ายเถิด

และถ้าไม่ “เวอร์” จนเกินไป ฉันอยากให้มีเพลง In The Monastery Garden ของ A. Ketelbeyเปิดคลอไปด้วย เพราะฉันชอบเพลงนี้มาก ทำนองเพลงนี้มีบรรยากาศเหมาะแก่การส่งดวงวิญญาณไปสู่สถานที่แห่งใหม่ (ซึ่งน่าจะสวยสดและเย็นฉ่ำ แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร)

๓. ฉันคิดว่า เมื่อฉันตายไปแล้ว ผู้ที่อยู่ข้างหลังคงไม่เดือดร้อน เพราะฉันไม่มีหนี้สินอะไร และพินัยกรรมฉันก็ทำไว้แล้ว ผู้ที่ได้รับสิ่งของจากฉันตามพินัยกรรมนั้น หากไม่พอใจ (เพราะน้อยเกินไป) ฉันต้องขอโทษด้วย เพราะฉันไม่ใช่คนรวย ฉันรับราชการด้วยความสุจริต รับแต่เงินเดือนมาตลอดชีวิต รายได้พิเศษของฉันก็มีเพียงจำกัดจากการเขียนหนังสือเท่านั้น หวังว่าผู้ที่ได้รับมรดกจากฉันคงเข้าใจ

๔. ฉันเตรียมบทความที่เขียนเอง (และเคยตีพิมพ์มาแล้ว) ไว้จำนวนหนึ่ง ถ้านำมารวมกันในเล่มเดียวจะเป็นการเล่าประวัติของฉัน และวาดภาพสังคมไทย (ในวงที่จำกัด) ช่วงหนึ่ง ฉันหวังว่าคนที่อ่านคงจะสนุกเพลิดเพลินและได้รับประโยชน์บ้าง หากเงินสวัสดิการต่างๆ ที่เป็นสิทธิ์ของฉันยังมีเหลืออยู่บ้าง ฉันอยากให้ญาติมิตรคนใดก็ตามช่วยจัดพิมพ์หนังสือนั้นให้ฉันด้วย ภายใต้ชื่อว่า “พาดผ่านกาลเวลา” คิดว่าพิมพ์เพียง ๒,๐๐๐ เล่มก็เกินพอแจกญาติมิตรและคนรู้จักที่ต้องการอ่านหนังสือเล่มนี้ ขอให้จัดส่งไปยังห้องสมุดต่างๆ สักจำนวนหนึ่งด้วย

ทั้งหมดที่ได้เขียนมา คงจะเพียงพอแล้วสำหรับที่ฉันจะบอกแก่คนใกล้ชิดว่า ฉันอยากให้วาระสุดท้ายของฉันมีการเตรียมการอย่างไรบ้าง ความจริงวิธีที่ดีสุดก็คือ ฉันไม่ควรกระทำการคล้ายกับ “เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง”เช่นนี้เลย แต่ฉันเกรงว่า หากไม่บอกแจ้งไว้เช่นนี้แล้ว ผู้ที่หวังดีต่อฉัน อาจต้องเสียแรง เสียเวลา และเสียเงินทองเพื่อฉัน โดยที่มิได้เป็นความปรารถนาของฉันเลย ฉันจึงควรบอกไว้เช่นนี้จะดีกว่า

ท้ายที่สุดนี้ ฉันขอให้ทุกคนที่เคยโกรธฉัน หรือไม่พอใจฉันด้วยเรื่องอะไรก็ตาม จงอโหสิให้แก่ฉัน และขอให้เข้าใจว่าฉันไม่เคยตั้งใจหรือวางแผน ทำให้ผู้ใดโกรธ หรือเสียใจ หรือน้อยใจเลย หากสิ่งนั้นเกิดแก่ผู้ใดอันเนื่องมาจากฉัน ขอได้โปรดรับทราบว่า สิ่งเหล่านั้นเกิดจากความโง่เขลาของฉันโดยแท้จริง ที่ทำให้ฉันตาบอด และใจบอด จนไม่สามารถมองเห็นและหยั่งไม่ถึงความคิดและความรู้สึกของผู้อื่น ขออโหสิแก่ฉันด้วยเถิด...

คำสุดท้ายที่ฉันอยากจะบอกแก่ใครๆ ก็คือ ขอให้ทุกท่านจงมีชีวิตที่ตั้งอยู่ใน “ธรรมะ” ไม่ว่าจะเป็นธรรมะของศาสนาใด หรือธรรมะจากธรรมชาติของโลก การเข้าถึงธรรมะได้อย่างแท้จริง คือการปฏิบัติตามธรรมะ จนธรรมะนั้นเกิดผลตรงตามเจตนารมย์ของธรรมะนั้นๆ ธรรมะทำให้จิตเป็นกุศล เมื่อจิตเป็นกุศลแล้ว เราจะมีความสุข และจะรู้จักแผ่สุขให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย

ฉันดีใจที่ได้เกิดมา และได้รู้จักท่านทุกคน

ขอขอบใจทุกท่านที่ยินดีเป็นเพื่อนของฉัน และช่วยเหลือเกื้อกูลฉัน

ขอขอบพระคุณท่านที่เคยมีบุญคุณแก่ฉัน

ขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับท่านที่คิดว่าเป็นเพื่อนกับฉันแล้วท่านสนุกและได้รับประโยชน์จากการพบปะ พูดคุย หรือปรึกษาหารือกับฉัน

ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ท่านทุกคน[
รูปภาพ

ขอกราบคารวะและส่งอาจารย์ด้วยเพลงนี้เลย :oops:

In the monastery garden
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0

Re: ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

วันนี้ ก็อีกคนครับ
ทนายความ ทองใบ ทองเปาด์
ท่านเหนื่อยกับการทำบุญมาเยอะ
ได้พักผ่อนเสียที
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

Re: ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

เออ..สงสัยกระทู้กูรูจะกลายเป็นแหล่งรวบรวมคนที่ได้เดินทางไกลไปเสียแล้ว :cry:

ไปค้นหนังสือที่เขียนโดยทนายขวัญใจคนจน เจอเล่มนี้เข้า

รูปภาพ

เลยไม่กล้าจะเอามาบอกกล่าวเนื้อหาในหนังสือว่าเป็นอย่างไร
เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้การเมืองต้องห้าม

ว่าแต่ signature ของคุณ San แปลว่ากระไร ใคร่ขอรู้ ถ้ามิเป็นการรบกวน :wink:
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
kotaro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1495
ผู้ติดตาม: 0

Re: ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน:ได้รับบทสุดท้ายที่เผยแพร่ต่อๆกันมา
เพื่อเป็นอนุสติสำหรับผู้ที่อยู่ข้างหลัง
เลยเอามาแบ่งปันให้เพื่อนอ่านในนี้
การตายและงานศพของฉัน

ประทุมพร วัชรเสถียร**

เมื่อชีวิตของฉันเดินทางมาถึงวันนี้ ฉันไม่มีความกลัวเรื่องความตายของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่สนใจว่าฉันจะตายเมื่อไร เหตุใดจึงตาย ตายแล้วจะไปไหน ฉันไม่สนใจใคร่รู้ทั้งนั้น รู้อยู่แต่ว่าฉันอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ (อีกนานเท่าไรไม่ทราบ) ให้เป็นประโยชน์ที่สุด และอย่างมีความสุขที่สุด

การทำชีวิตให้เป็นประโยชน์ที่สุด และมีความสุขที่สุดในทัศนะของฉัน น่าจะเป็นดังนี้คือ

๑.ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ให้ดีที่สุด สมบูรณ์ครบถ้วนที่สุด อย่างเต็มใจและอย่างสนุกที่สุด ภารกิจใดถ้าคิดว่าต้องฝืนใจทำ ทำแล้วไม่สนุก ทำแล้วเกิดความทุกข์ เกิดความกดดัน ทำให้เคร่งเครียด ฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด

ฉันมีวิธีเลือกภารกิจของฉันดังนี้คือ

๑.๑ ทำงานชนิดที่ชอบ ทำด้วยใจรัก ทำแล้วสนุก ทำแล้วมีความสุข

๑.๒ ทำงานที่ให้ประโยชน์แก่เพื่อนร่วมโลก

๑.๓ ทำงานที่ให้ค่าตอบแทนเป็นเงินตรา หากฉันยังคงมีความต้องการด้านนี้

๑.๔ ทำงานที่ให้ความสุขแก่ผู้อื่น แม้จะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ก็ตาม (แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรม)

๒. คบคนที่คบแล้วทำให้จิตใจสบาย ร่าเริง เบิกบาน เปิดสมองและโลกทัศน์ ฉันไม่กลัวว่าจะมีเพื่อนน้อย หากเพื่อนเพียง ๒ – ๓ คน ที่ฉันคบสนิทด้วยทำให้ฉันสบายใจ ผู้ใดที่ทำให้ฉันรกตาด้วยภาพ รกหูด้วยคำพูด รกใจด้วยเรื่องร้าย ฉันขออยู่ห่างที่สุด

๓. สิ่งใดที่ฉันคิดว่าเป็นสิ่งดีที่ควรทำ ฉันจะไม่ผลัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป เช่น

๓.๑ เขียนจดหมายถึงเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานาน หรือติดต่อนัดพบกับเขา หากทำได้

๓.๒ ไปเยี่ยมผู้ใหญ่อันเป็นที่รักและเคารพ ซึ่งมิได้เยี่ยมเยือนมานาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่มีใครเหลียวแล

๓.๓ อ่านหนังสือที่เคยคิดอยากอ่าน หรือหยิบมาเตรียมไว้ แต่ยังไม่เคยมีเวลาเปิดอ่าน

๓.๔ ตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อออกไปเดินเล่นท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ในสถานที่เหมาะสม เช่น สวนสาธารณะ หรือเดินชมกรุงเทพฯ ย่านที่ฉันเคยรู้จักและอยากกลับไปฟื้นความหลังอีก หรือย่านที่ไม่รู้จัก แต่อยากทำความรู้จัก ในฐานะที่ฉันเป็นชาวกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิด

๓.๕ ส่งเงินหรือสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลน โดยผ่านตัวแทนที่เชื่อใจได้ว่าจะนำความช่วยเหลือของฉันไปถึงตัวบุคคลที่ต้องการ (หากให้โดยตรงไม่ได้)

๓.๖ อ่านหนังสือธรรมะ หรือฟังข้อคิดทางธรรมะเป็นประจำ และปฏิบัติตามนั้น จะเป็นธรรมะของศาสนาใดก็ได้ ธรรมะที่ช่วยแก้ปัญหา อ่าน/ฟัง แล้วใจสบายนั้นคือธรรมะที่ถูกต้อง ธรรมะใดที่อ่าน/ฟังแล้วหนักใจ ทำให้เป็นคนเห็นแก่ตัว เต็มไปด้วยโมหะ สร้างความแตกแยก นั่นมิใช่ธรรมะ

๔. หากร่างกายและจิตใจของฉันอำนวย ฉันอยากมีอาชีพเป็นนักเขียนจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตของฉัน ฉันอยากเขียนเรื่องทุกชนิดที่มีสื่อเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นนวนิยาย บทความ เรื่องท่องเที่ยวจากประสบการณ์ คอลัมน์ประจำ บทวิจารณ์ หรือการตอบจดหมายแนะแนวทางแก้ไขปัญหาชีวิต รวมทั้งเรื่องธรรมะและการอบรมกล่อมเกลาจิตใจ และพฤติกรรมของมนุษย์

๕. ฉันจะรู้จักมี “มุมชีวิต” ของตัวเอง หมายความว่า ฉันจะต้องรู้ข้อจำกัดของบทบาทของฉันว่าควรยุ่งเกี่ยวกับชีวิตคนอื่นมากน้อยเพียงใด และควรพอใจบทบาทความเป็น “คนนอก”ของตัวเองเพียงใด ฉันจะต้องรู้ว่า ไม่ว่าฉันจะเป็นภรรยา หรือแม่ หรือพี่ หรือย่า หรือยายของผู้ใด ฉันย่อมไม่มีสิทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้องในการตัดสินใจเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของคนเหล่านั้น

หากฉันถูกขอคำปรึกษาหารือ ฉันจะให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ฉันจะไม่โกรธเคือง หรือเก็บเอามาเป็นอารมณ์ หากบุคคลเหล่านั้นไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำของฉัน ฉันจะมีแค่ หูเปิด ตายิ้ม ปากปิด ต่อพวกเขาเหล่านั้น

๖. ฉันจะไม่ “แบกโลก” ฉันจะไม่เป็นคนเจ้าทุกข์ ฉันจะไม่ทุกข์เกินขนาดที่ควรทุกข์ ฉันจะต้องเตือนใจตัวเองว่า

- ฉันจะไม่ทุกข์ต่อเรื่องที่แก้ไขได้ เพราะหากฉันสามารถแก้ไขได้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องมีความทุกข์

- ฉันจะไม่ทุกข์ต่อเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ เพราะต่อให้ฉันทุกข์จนหน้าไหม้ใจขมไปหมด ฉันก็ยังแก้ปัญหานั้นไม่ได้ แล้วฉันจะปล่อยให้ความทุกข์มาครองใจฉันจนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิตของฉันด้วยประโยชน์อันใด

๗. ฉันจะไม่โกรธ ฉันจะไม่โมโห เพราะความโกรธคือความโง่ ความโมโหคือความบ้า ฉันจะไม่เตรียมตัวตายอย่างคนโง่และคนบ้า



ก่อนฉันจะตาย

หากฉันตายโดยกะทันหัน เช่น อุบัติเหตุใหญ่ หรือหัวใจวายเฉียบพลันก็แล้วไป โปรดจัดงานศพของฉันดังที่ฉันจะได้เขียนต่อไป

หากฉันเจ็บไข้ด้วยโรคที่รักษาไม่ได้ ต้องนอนแซ่วอยู่บนเตียง หรือไม่รู้สึกตัว ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยสายระโยงระยาง และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ฉันขอร้องว่าอย่าเสียเวลาและเสียเงินเพื่อฉันมากมายอย่างนั้น ขอให้ใช้เวลาดูอาการของฉันไม่เกิน ๑ เดือน ต่อจากนั้นขอให้ยุติการต่อชีวิตฉันด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ โปรดอนุญาตให้ฉันจากไปด้วยวิธีธรรมชาติที่สงบที่สุดเถิด

หากฉันมีโรคภัยชนิดที่ทำให้ต้องเจ็บปวดทุรนทุราย และร้องครวญคราง ขอให้บอกแพทย์ให้ใช้ระงับความเจ็บปวดแก่ฉัน ในอัตราที่ฉันจะสงบทั้งความเจ็บปวดและเสียงครวญครางของฉันได้อย่างราบคาบ แม้ว่าวิธีนั้นจะทำให้ฉันตายเร็วขึ้น ก็ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าชีวิตของฉันที่ผ่านมา ฉันใช้ทำประโยชน์ให้แก่สังคมและชีวิตมนุษย์รอบตัวฉันมากพอที่ฉันไม่ควรจะต้องได้รับความทรมานในบั้นปลายของชีวิตเช่นนั้น

ก่อนฉันตาย ฉันอยากเห็นหน้าญาติมิตรและเพื่อนรักของฉัน และเพื่อนที่รักฉัน แต่ถ้าการมาหาฉัน ทำให้พวกเขาเสียเวลา หรือไม่สบายใจที่ต้องมาเห็นฉันในสภาพที่ผิดไปจากคนเดิมที่พวกเขาเคยเห็น เขาจึงไม่มาหาฉัน ฉันก็จะไม่โกรธ ไม่น้อยใจ จะไม่บ่นว่าอย่างใดเลย ในสภาพและวาระสุดท้ายเช่นนั้น ฉันควรจะต้องรู้จักให้อภัย และมีความเข้าใจต่อทุกสิ่งที่ว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นย่อมเกิดมาจาก “เหตุ”อันมี “ตรรกะที่เข้าใจได้” ทั้งสิ้น


งานศพของฉัน

ฉันได้อุทิศร่างกายและดวงตาให้แก่โรงพยาบาลที่มีวิทยาลัยแพทย์เรียบร้อยแล้ว

ฉันไม่อยากรบกวนญาติมิตร เพื่อนฝูงให้ต้องมาลำบาก เพราะความตายของฉัน เช่น ลำบากเดินทางมางานของฉัน ลำบากเสียเงินซื้อพวงหรีด หรือดอกไม้ หรือเสียเงินใส่ซอง

อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่อยากจะหายไปจากโลกนี้อย่างเงียบเชียบจนเกินไป มันดูเหงาพิลึก!

ฉันอยากขอร้องผู้ที่อยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นญาติสนิท หรือมิตรสหายที่รักชอบฉัน ให้ช่วยระลึกถึงการตายของฉัน ดังนี้

๑. ช่วยแจ้งแก่วิทยุที่มีบริการประกาศข่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายถึงข่าวตายของฉัน เพื่อคนรู้จัก เพื่อนฝูง ญาติที่ไม่เจอกันนานๆ จะได้ทราบว่าฉันไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว

๒. หากญาติมิตรคิดจะจัดงานระลึกถึงฉัน อยากให้หาสถานที่มารวมกันสักครั้งหนึ่ง เพื่อพูดคุยถึงฉันและผลงานของฉัน ไม่ต้องแต่งดำ ฉันอยากให้คนเหล่านั้นใส่เสื้อผ้าสีสวยๆ และนึกถึงฉันอย่างมีความสุขที่สุด ไม่ต้องชมเชยฉัน (และผลงานของฉัน) หรอก ตำหนิก็ได้ แต่อยากให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างผู้ที่เคยรู้จักฉันสักครั้งหนึ่ง ครั้งเดียวเท่านั้นเป็นพอ อย่าลืมว่าเมื่อฉันมีชีวิตอยู่ เราเคยมีความสุข สนุกรื่นเริงด้วยกัน ขอโอกาสอย่างนั้นให้แก่ฉันเป็นครั้งสุดท้ายเถิด

และถ้าไม่ “เวอร์” จนเกินไป ฉันอยากให้มีเพลง In The Monastery Garden ของ A. Ketelbeyเปิดคลอไปด้วย เพราะฉันชอบเพลงนี้มาก ทำนองเพลงนี้มีบรรยากาศเหมาะแก่การส่งดวงวิญญาณไปสู่สถานที่แห่งใหม่ (ซึ่งน่าจะสวยสดและเย็นฉ่ำ แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร)

๓. ฉันคิดว่า เมื่อฉันตายไปแล้ว ผู้ที่อยู่ข้างหลังคงไม่เดือดร้อน เพราะฉันไม่มีหนี้สินอะไร และพินัยกรรมฉันก็ทำไว้แล้ว ผู้ที่ได้รับสิ่งของจากฉันตามพินัยกรรมนั้น หากไม่พอใจ (เพราะน้อยเกินไป) ฉันต้องขอโทษด้วย เพราะฉันไม่ใช่คนรวย ฉันรับราชการด้วยความสุจริต รับแต่เงินเดือนมาตลอดชีวิต รายได้พิเศษของฉันก็มีเพียงจำกัดจากการเขียนหนังสือเท่านั้น หวังว่าผู้ที่ได้รับมรดกจากฉันคงเข้าใจ

๔. ฉันเตรียมบทความที่เขียนเอง (และเคยตีพิมพ์มาแล้ว) ไว้จำนวนหนึ่ง ถ้านำมารวมกันในเล่มเดียวจะเป็นการเล่าประวัติของฉัน และวาดภาพสังคมไทย (ในวงที่จำกัด) ช่วงหนึ่ง ฉันหวังว่าคนที่อ่านคงจะสนุกเพลิดเพลินและได้รับประโยชน์บ้าง หากเงินสวัสดิการต่างๆ ที่เป็นสิทธิ์ของฉันยังมีเหลืออยู่บ้าง ฉันอยากให้ญาติมิตรคนใดก็ตามช่วยจัดพิมพ์หนังสือนั้นให้ฉันด้วย ภายใต้ชื่อว่า “พาดผ่านกาลเวลา” คิดว่าพิมพ์เพียง ๒,๐๐๐ เล่มก็เกินพอแจกญาติมิตรและคนรู้จักที่ต้องการอ่านหนังสือเล่มนี้ ขอให้จัดส่งไปยังห้องสมุดต่างๆ สักจำนวนหนึ่งด้วย

ทั้งหมดที่ได้เขียนมา คงจะเพียงพอแล้วสำหรับที่ฉันจะบอกแก่คนใกล้ชิดว่า ฉันอยากให้วาระสุดท้ายของฉันมีการเตรียมการอย่างไรบ้าง ความจริงวิธีที่ดีสุดก็คือ ฉันไม่ควรกระทำการคล้ายกับ “เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง”เช่นนี้เลย แต่ฉันเกรงว่า หากไม่บอกแจ้งไว้เช่นนี้แล้ว ผู้ที่หวังดีต่อฉัน อาจต้องเสียแรง เสียเวลา และเสียเงินทองเพื่อฉัน โดยที่มิได้เป็นความปรารถนาของฉันเลย ฉันจึงควรบอกไว้เช่นนี้จะดีกว่า

ท้ายที่สุดนี้ ฉันขอให้ทุกคนที่เคยโกรธฉัน หรือไม่พอใจฉันด้วยเรื่องอะไรก็ตาม จงอโหสิให้แก่ฉัน และขอให้เข้าใจว่าฉันไม่เคยตั้งใจหรือวางแผน ทำให้ผู้ใดโกรธ หรือเสียใจ หรือน้อยใจเลย หากสิ่งนั้นเกิดแก่ผู้ใดอันเนื่องมาจากฉัน ขอได้โปรดรับทราบว่า สิ่งเหล่านั้นเกิดจากความโง่เขลาของฉันโดยแท้จริง ที่ทำให้ฉันตาบอด และใจบอด จนไม่สามารถมองเห็นและหยั่งไม่ถึงความคิดและความรู้สึกของผู้อื่น ขออโหสิแก่ฉันด้วยเถิด...

คำสุดท้ายที่ฉันอยากจะบอกแก่ใครๆ ก็คือ ขอให้ทุกท่านจงมีชีวิตที่ตั้งอยู่ใน “ธรรมะ” ไม่ว่าจะเป็นธรรมะของศาสนาใด หรือธรรมะจากธรรมชาติของโลก การเข้าถึงธรรมะได้อย่างแท้จริง คือการปฏิบัติตามธรรมะ จนธรรมะนั้นเกิดผลตรงตามเจตนารมย์ของธรรมะนั้นๆ ธรรมะทำให้จิตเป็นกุศล เมื่อจิตเป็นกุศลแล้ว เราจะมีความสุข และจะรู้จักแผ่สุขให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย

ฉันดีใจที่ได้เกิดมา และได้รู้จักท่านทุกคน

ขอขอบใจทุกท่านที่ยินดีเป็นเพื่อนของฉัน และช่วยเหลือเกื้อกูลฉัน

ขอขอบพระคุณท่านที่เคยมีบุญคุณแก่ฉัน

ขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับท่านที่คิดว่าเป็นเพื่อนกับฉันแล้วท่านสนุกและได้รับประโยชน์จากการพบปะ พูดคุย หรือปรึกษาหารือกับฉัน

ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ท่านทุกคน[
รูปภาพ

ขอกราบคารวะและส่งอาจารย์ด้วยเพลงนี้เลย :oops:

In the monastery garden
ขอบคุณพี่กูรูครับ วันนี้ได้รับ fw mail เหมือนกัน

ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของ มรณานุสสติ มากขึ้น
ขอให้ อจ หลับให้สบายนะครับ......................................................................................................................
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
ภาพประจำตัวสมาชิก
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0

Re: ดวงใจ จากเจ้าแล้ว จำจร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน:
ว่าแต่ signature ของคุณ San แปลว่ากระไร ใคร่ขอรู้ ถ้ามิเป็นการรบกวน :wink:
ขอโทษครับ พี่กูรู

เดี๋ยวนี้นานๆ ผมถึงเข้ามาในห้องนี้ทีนะครับพี่
พอดี งานที่ทำงาน ช่วงนี้เยอะมากครับ
บางทีนอนดึกเลยครับ ผมทำงานเกี่ยวกับงานออกแบบพวกสาธารณูปโภค ครับ

เห็นใบไม้ที่ร่วงหล่นไป ทีละใบ เห็นแล้วก็ใจหาย แต่ละท่านก็สร้างส่งที่ดีๆให้สังคมเรามากมาย แต่อีกใจก็นึกได้ว่า บุคคลเหล่านั้นไปมีความสุข และพ้นทุกข์กันไปแล้ว

signature ผม
ก็....เกิดจาก
ช่วงนี้......ไม่แน่ใจว่า....กำลังสับสน หรือว่า กำลังจะตกตะกอน
ผมไม่แน่ใจตัวเองจริงๆครับพี่
: )

มีอย่างนึง ที่รู้สึกได้ก็คือ
ช่วงนี้ ชีวิตมีความสุขมากๆครับ
พอดีนึกได้ว่า......เวลาในระยะหลังและถัดจากนี้ไปของเรา คือ กำไรของชีวิตครับ
แค่นึกก็สุขใจแล้วครับ อิอิอิ

ภาษาจีน มีความหมายว่า มี ไม่มี นะครับ
ตัวเรา จะละ หรือว่า ปล่อยวาง หรือว่า บรรเทา จากสิ่งที่ยึดเหนี่ยวต่างๆ รอบตัว ได้รึป่าว

เกิดมาก็ 2 มือเปล่า ตายไปก็ 2 มือเปล่า ต่อให้เอาอะไรไว้ในโลงมากมายก็เอาไปไม่ได้ซักคน
แต่พี่เชื่อป่าวครับ ขนาดคิดได้แบบนี้ แต่ว่าเวลาผมเผากระดาษเงินกระดาษทองให้พ่อแม่ เป็นอีกอย่างนึงที่มีความสุข

ส่วนที่มีตัวเลข คือ พยายาม เตือนตัวเองว่า post ให้น้อยลง เอาเวลาไปดูดดื่มกับความสุขจากชีวิตรอบตัวมากขึ้น หรือว่า นั่งอ่านคนอื่นมากกว่าเดิม เขียนให้น้อยลงนะครับพี่

มันเป็นสิ่งที่เรียก อารมณ์สุนทรี อีกรูปแบบนึง ได้ป่าวครับพี่

: )
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
โพสต์โพสต์