กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 1
ไม่เคยได้ตั้งกระทู้อะไรกับเค้าสักที วันนี้มาแนวอนุรักษ์ภาษาไทย ด้วยตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเขียนกาพย์ โคลง กลอน ฉันท์ดีกว่าครับ ใครอยากแจมด้วยที่ตัวเองแต่งเองหรือของที่ทั่นอื่นแต่งแต่ชอบก็มาแจมกันเลยนะครับ
เริ่มด้วยโคลงสี่สุภาพ
๐ ๐ ๐ เอก โท ๐ X (๐ ๐)
๐ เอก ๐ ๐ X เอก โท
๐ ๐ เอก ๐ X ๐ เอก (๐ ๐)
๐ เอก ๐ ๐ โท เอก โท ๐ X
ตัวอย่าง
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
จากลิลิตพระลอ
เริ่มด้วยโคลงสี่สุภาพ
๐ ๐ ๐ เอก โท ๐ X (๐ ๐)
๐ เอก ๐ ๐ X เอก โท
๐ ๐ เอก ๐ X ๐ เอก (๐ ๐)
๐ เอก ๐ ๐ โท เอก โท ๐ X
ตัวอย่าง
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
จากลิลิตพระลอ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 2
กาพย์ มีหลายรูปแบบ ทั้งกาพย์ยานี 11 กาพย์สุรางคนางค์ 28 กาพย์ฉบัง 16 ที่เห็นบ่อยๆ และส่วนตัวผมชอบคือ กาพย์ยานี 11
กาพย์ยานี 11 มี 11 คำแบ่งเป็น 5 คำและ 6 คำ ตามรูป
┌──↓─┐
○○○○● ○○●○○●
┌─────────┘
○○○○● ○○○○○●┐
┌──↓─┐ │
○○○○● ○○●○○●┘
┌─────────┘
○○○○● ○○○○○●┐
│
ตัวอย่าง
การเกิดต้องเจ็บปวด ต้องร้าวรวดและทรมา
ในสายฝนมีสายฟ้า ในผาทึบมีถ้ำทอง
มาเถิดมาทุกข์ยาก มาบั่นบากกับเพื่อนพ้อง
อย่าหวังเลยรังรอง จะเรืองไรในชีพนี้
ก้าวแรกที่เราย่าง จะสร้างทางในทุกที่
ป่าเถื่อนในปฐพี ยังมีไว้รอให้เดิน
(หนทางแห่งหอยทาก:เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
จะเห็นว่าแต่งให้เพราะต้องมีคำพ้องพยัญชนะในวรรคนึงด้วยเช่น ร้าวรวด เป็นต้น
กาพย์ยานี 11 มี 11 คำแบ่งเป็น 5 คำและ 6 คำ ตามรูป
┌──↓─┐
○○○○● ○○●○○●
┌─────────┘
○○○○● ○○○○○●┐
┌──↓─┐ │
○○○○● ○○●○○●┘
┌─────────┘
○○○○● ○○○○○●┐
│
ตัวอย่าง
การเกิดต้องเจ็บปวด ต้องร้าวรวดและทรมา
ในสายฝนมีสายฟ้า ในผาทึบมีถ้ำทอง
มาเถิดมาทุกข์ยาก มาบั่นบากกับเพื่อนพ้อง
อย่าหวังเลยรังรอง จะเรืองไรในชีพนี้
ก้าวแรกที่เราย่าง จะสร้างทางในทุกที่
ป่าเถื่อนในปฐพี ยังมีไว้รอให้เดิน
(หนทางแห่งหอยทาก:เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
จะเห็นว่าแต่งให้เพราะต้องมีคำพ้องพยัญชนะในวรรคนึงด้วยเช่น ร้าวรวด เป็นต้น
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 3
ส่วนฉันท์ มีหลายรูปแบบเหมือนกัน ประวัติแล้วมาจากพวกคัมภีร์ของอินเดีย ผมว่าเป็น รูปแบบที่เห็นแต่งกันน้อยที่สุดในสมัยนี้
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%89% ... 7%E0%B9%8C
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดังจอมเมฆในฤดูใบไม้ผลิ (ฤดูฝน)" เป็นหนึ่งในฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด เนื่องจากอ่านแล้วฟังได้รื่นหู รู้สึกซาบซึ้งจับใจ มักใช้แต่งชมความงาม และสดุดีความรักหรือของสูง
* ตัวอย่างคำประพันธ์
สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ
ช่อฟ้าตระการกลจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆัมพร
บราลีพิลาสศุภจรูญ นภศูลประภัสสร
หางหงส์ผจงพิจิตรงอน ดุจกวักนภาลัย
รอบด้านตระหง่านจตุรมุข พิศะสุขอร่ามใส
กาญจน์แกมมณีกนกะไพ ฑุริย์พร่างพะแพรวพราย
บานบัฏพระบัญชระสลัก ฉลุลักษณ์เฉลาลาย
เพดาลก็ดารกะประกาย ระกะดาดประดิษฐ์ดี
จาก สามัคคีเภทคำฉันท์ - ชิต บุรทัต
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%89% ... 7%E0%B9%8C
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดังจอมเมฆในฤดูใบไม้ผลิ (ฤดูฝน)" เป็นหนึ่งในฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด เนื่องจากอ่านแล้วฟังได้รื่นหู รู้สึกซาบซึ้งจับใจ มักใช้แต่งชมความงาม และสดุดีความรักหรือของสูง
* ตัวอย่างคำประพันธ์
สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ
ช่อฟ้าตระการกลจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆัมพร
บราลีพิลาสศุภจรูญ นภศูลประภัสสร
หางหงส์ผจงพิจิตรงอน ดุจกวักนภาลัย
รอบด้านตระหง่านจตุรมุข พิศะสุขอร่ามใส
กาญจน์แกมมณีกนกะไพ ฑุริย์พร่างพะแพรวพราย
บานบัฏพระบัญชระสลัก ฉลุลักษณ์เฉลาลาย
เพดาลก็ดารกะประกาย ระกะดาดประดิษฐ์ดี
จาก สามัคคีเภทคำฉันท์ - ชิต บุรทัต
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 4
ส่วนกลอน นั้นแทบไม่ต้องอธิบายมาก เพราะนิยมแต่งกันอยู่แล้วทั้งกลอน 6 กลอน 8 ท่านบรมครูในการแต่งกลอนสมัยเก่าก็ต้องสุนทรภู่ มีรูปแบบของกลอน 8 ตามนี้
ตัวอย่างครับ
บนลานอโศก
หยาดน้ำแก้วกลอกกลิ้งกิ่งอโศก โลกทั้งโลกลอยระหว่างความว่างเปล่า
มีความรื่นร่มเย็นแผ่เป็นเงา ลมแผ่วเบาบอกลำนำคำกวี
เราพบกันฝันไกลในความรัก เริ่มรู้จักซึ้งใจ ในทุกที่
มีแต่เรามิมีใคร ในที่นี้ ใบไม้สีสดสวยโบกอวยชัย
อยากให้รู้ว่ารักสักเท่าฟ้า หมดภาษาจะพิสูจน์พูดรักได้
เต็มอยู่ในความว่างกว้างและไกล คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน
หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน ฟังเพลงกลอนพี่กล่อมถนอมขวัญ
ใจระงับรับใจในจำนรรจ์ ต่างแพรพันผูกใจห่มให้นอน
โอ้ดอกเอ๋ยดอกโศกตกจากต้น เปียกน้ำฝนปนทรายปลายเกสร
โศกสำนึกหนาวกมลคนสัญจร นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะร่อนลง
เมตตาแล้วแก้วตาอย่างทิ้งทอด ช่วยให้รอดอย่าปล่อยบินลอยหลง
จะหุบปีกหุบปากฝากใจปลง ขอเกาะกรงแก้วกมลไปจนตาย
งามเอยงามนัก แฉล้มพักตร์ผ่องเหมือนเมื่อเดือนฉาย
งามตาค้อนคมเยื้องชำเลืองชาย ลักยิ้มอายแอบยิ้มงามนิ่มนวล
จะห่างไกลไปนิดก็คิดถึง ครั้นดื้อดึงโดยใจก็ไห้หวน
ถนอมงามห้ามใจควรไม่ควร ให้ปั่นป่วนไปทุกยามนะความรัก
ผีเสื้อทิพย์พริบพร้อยลอยแตะแต้ม เผยอแย้มยิ้มละไมใจประจักษ์
ทุกก้านกิ่งมิ่งไม้เหมือนทายทัก ร้อยสลักใจเราให้เฝ้ารอ
ฝันถึงดอกบัวแดงแฝงผึ้งภู่ คล้ายพี่อยู่เป็นเพื่อนในเรือนหอ
ชื่นเสน่ห์เกษรอ่อนละออ โอ้ละหนอหนาวนักเอารักอิง
ในห้วงความคิดถึงซึ่งเงียบเหงา ใจสองเราเลื่อนลอยอย่างอ้อยอิ่ง
คอยคืนวันฝันเห็นจะเป็นจริง โลกหยุดนิ่งแนบสนิทในนิทรา
ร่มอโศกสดใสในความฝัน ร่มนิรันดร์ลานสวาทปรารถนา
ร่มลำธารสีเทาเจ้าพระยา และร่มอาณาจักร ความรักเรา
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ตัวอย่างครับ
บนลานอโศก
หยาดน้ำแก้วกลอกกลิ้งกิ่งอโศก โลกทั้งโลกลอยระหว่างความว่างเปล่า
มีความรื่นร่มเย็นแผ่เป็นเงา ลมแผ่วเบาบอกลำนำคำกวี
เราพบกันฝันไกลในความรัก เริ่มรู้จักซึ้งใจ ในทุกที่
มีแต่เรามิมีใคร ในที่นี้ ใบไม้สีสดสวยโบกอวยชัย
อยากให้รู้ว่ารักสักเท่าฟ้า หมดภาษาจะพิสูจน์พูดรักได้
เต็มอยู่ในความว่างกว้างและไกล คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน
หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน ฟังเพลงกลอนพี่กล่อมถนอมขวัญ
ใจระงับรับใจในจำนรรจ์ ต่างแพรพันผูกใจห่มให้นอน
โอ้ดอกเอ๋ยดอกโศกตกจากต้น เปียกน้ำฝนปนทรายปลายเกสร
โศกสำนึกหนาวกมลคนสัญจร นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะร่อนลง
เมตตาแล้วแก้วตาอย่างทิ้งทอด ช่วยให้รอดอย่าปล่อยบินลอยหลง
จะหุบปีกหุบปากฝากใจปลง ขอเกาะกรงแก้วกมลไปจนตาย
งามเอยงามนัก แฉล้มพักตร์ผ่องเหมือนเมื่อเดือนฉาย
งามตาค้อนคมเยื้องชำเลืองชาย ลักยิ้มอายแอบยิ้มงามนิ่มนวล
จะห่างไกลไปนิดก็คิดถึง ครั้นดื้อดึงโดยใจก็ไห้หวน
ถนอมงามห้ามใจควรไม่ควร ให้ปั่นป่วนไปทุกยามนะความรัก
ผีเสื้อทิพย์พริบพร้อยลอยแตะแต้ม เผยอแย้มยิ้มละไมใจประจักษ์
ทุกก้านกิ่งมิ่งไม้เหมือนทายทัก ร้อยสลักใจเราให้เฝ้ารอ
ฝันถึงดอกบัวแดงแฝงผึ้งภู่ คล้ายพี่อยู่เป็นเพื่อนในเรือนหอ
ชื่นเสน่ห์เกษรอ่อนละออ โอ้ละหนอหนาวนักเอารักอิง
ในห้วงความคิดถึงซึ่งเงียบเหงา ใจสองเราเลื่อนลอยอย่างอ้อยอิ่ง
คอยคืนวันฝันเห็นจะเป็นจริง โลกหยุดนิ่งแนบสนิทในนิทรา
ร่มอโศกสดใสในความฝัน ร่มนิรันดร์ลานสวาทปรารถนา
ร่มลำธารสีเทาเจ้าพระยา และร่มอาณาจักร ความรักเรา
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
Re: กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 6
พี่่ ayethebing ครับayethebing เขียน:
เริ่มด้วยโคลงสี่สุภาพ
๐ ๐ ๐ เอก โท ๐ X (๐ ๐)
๐ เอก ๐ ๐ X เอก โท
๐ ๐ เอก ๐ X ๐ เอก (๐ ๐)
๐ เอก ๐ ๐ โท เอก โท ๐ X
ตัวอย่าง
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
จากลิลิตพระลอ
เอก โท นี้คืออะไรครับ ใช่เสียงเอก หรือ เสียงโท หรือเปล่าครับ
แต่ก่อนผมชอบอ่าน กลอนของ 'ขายหัวเราะ ' ครับ เท่่าที่จำได้ขึ้นใจก็จะมี
'คิดถึงทุกวัน ยังจำได้ใหม
ก็คนนั้นไง คนที่จุดไฟเผาบ้านเธอ' :lol:
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 7
ใช่ครับเอก โท คือวรรณยุกต์นั่นเอง ในบางครั้งก็จะมีการใช้ตัวสระและตัวสะกดเสียงสั้นแทน เอกได้เหมือนกัน เช่น
ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้น คืนสนอง
ศรีปราชญ์
ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้น คืนสนอง
ศรีปราชญ์
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 8
ผมว่ากลอน 8 เป็นฉันทลักษณ์ที่แต่งง่ายและสามารถออกได้หลายหลายรูปแบบมากที่สุดจึงเป็นที่นิยมกันมาก เช่น บทนี้ของกวีซีไรต์ อย่าง เนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์เป็นแบบหวานๆ แนวสุนทรภู่เลยครับ
เอนระนาบ อาบน้ำค้าง กลางแดดหนาว
ทอดรวงยาว ยอดระย้า ราน้ำใส
ละลานรอบ ขอบฟ้า คราพริ้วใบ
เพียงพรมใหญ่ ไหวระยาบ ทาบเปลวทอง
เพรียกเพลงเรือ เมื่อสาง หมอกจางสี
ระเรื่อยรี่ เลียบลัด ตัดชายหนอง
สาวเจ้าพาย ย้ายเยื้อง ชำเลืองมอง
หนุ่มก็พร้อง เพลงเกี่ยว เกี่ยวแก้กัน
โอ้ช่อทิพย์ รวงทอง ชะน้องเอ๋ย
พี่ควงเคียว เกี่ยวเกย ไม่เคยหวั่น
หวาดแต่ใจ เจ้าไม่จริง มิ่งแจ่มจันทร์
จะเกี่ยวค้าง เสียกลางคัน เท่านั้นเอย
สาวสะเทิ้น เอิ้นเอ่ย เผยโอษฐ์โอ้
ดอกโสน ริมนา พี่ยาเอ๋ย
จะลดเลี้ยว เกี่ยวใจ น้องไม่เคย
ที่ไหนเลย จะเชี่ยวเท่า คนเจ้าชู้
เพลงรักแว่ว แผ่วหวาน กังวาลหวิว
ทั้งทุ่งทิว ทั่วใกล้ ไกลเกินกู่
นกร่ายฟ้า มาเรียง เคียงริมคู
สาวหนุ่มคู่ คลอแข่ง ร่วมแรงงาน
เขาเริงรื่น ลงแขก แลกแรงเรี่ยว
ต่าง จับหน้า คว้าเคียว เกี่ยวผสาน
ล้วนข้าวงาม อร่ามกอ คลอน้ำนาน
เขาขานบอก ออกอุทาน หวานคมเคียว
เอนระนาบ อาบน้ำค้าง กลางแดดหนาว
ทอดรวงยาว ยอดระย้า ราน้ำใส
ละลานรอบ ขอบฟ้า คราพริ้วใบ
เพียงพรมใหญ่ ไหวระยาบ ทาบเปลวทอง
เพรียกเพลงเรือ เมื่อสาง หมอกจางสี
ระเรื่อยรี่ เลียบลัด ตัดชายหนอง
สาวเจ้าพาย ย้ายเยื้อง ชำเลืองมอง
หนุ่มก็พร้อง เพลงเกี่ยว เกี่ยวแก้กัน
โอ้ช่อทิพย์ รวงทอง ชะน้องเอ๋ย
พี่ควงเคียว เกี่ยวเกย ไม่เคยหวั่น
หวาดแต่ใจ เจ้าไม่จริง มิ่งแจ่มจันทร์
จะเกี่ยวค้าง เสียกลางคัน เท่านั้นเอย
สาวสะเทิ้น เอิ้นเอ่ย เผยโอษฐ์โอ้
ดอกโสน ริมนา พี่ยาเอ๋ย
จะลดเลี้ยว เกี่ยวใจ น้องไม่เคย
ที่ไหนเลย จะเชี่ยวเท่า คนเจ้าชู้
เพลงรักแว่ว แผ่วหวาน กังวาลหวิว
ทั้งทุ่งทิว ทั่วใกล้ ไกลเกินกู่
นกร่ายฟ้า มาเรียง เคียงริมคู
สาวหนุ่มคู่ คลอแข่ง ร่วมแรงงาน
เขาเริงรื่น ลงแขก แลกแรงเรี่ยว
ต่าง จับหน้า คว้าเคียว เกี่ยวผสาน
ล้วนข้าวงาม อร่ามกอ คลอน้ำนาน
เขาขานบอก ออกอุทาน หวานคมเคียว
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 9
หรือจะเป็นแนวธรรมะ
* ถ้าพูดว่า "ยิ่งเจริญ คือยิ่งบ้า"
ดูจะหา คนเชื่อ ได้ยากยิ่ง
เพราะต่างชอบ ความเจริญ ที่เกินจริง
เจริญอย่าง ผีสิง ยิ่งชอบกัน
* โลกเจริญ เกินขนาด ธรรมชาติแหลก
เกิดของแปลก แปลงโลก ให้โศกศัลย์
ทำมนุษย์ ให้เป็นสัตว์ พิเศษพลัน
คือฆ่ากัน ทั้งบนดิน และใต้ดิน
* ยิ่งเจริญ ยิ่งดุเดือด ด้วยเลือดอาบ
ยิ่งฉลาด ยิ่งมีบาป กว่ายุคหิน
สร้างปัญหา ยุ่งยาก มากระบิล
โลกทั้งสิ้น สุมความบ้า ว่าความเจริญ ฯ
ท่านพุทธทาส ภิกขุ
* ถ้าพูดว่า "ยิ่งเจริญ คือยิ่งบ้า"
ดูจะหา คนเชื่อ ได้ยากยิ่ง
เพราะต่างชอบ ความเจริญ ที่เกินจริง
เจริญอย่าง ผีสิง ยิ่งชอบกัน
* โลกเจริญ เกินขนาด ธรรมชาติแหลก
เกิดของแปลก แปลงโลก ให้โศกศัลย์
ทำมนุษย์ ให้เป็นสัตว์ พิเศษพลัน
คือฆ่ากัน ทั้งบนดิน และใต้ดิน
* ยิ่งเจริญ ยิ่งดุเดือด ด้วยเลือดอาบ
ยิ่งฉลาด ยิ่งมีบาป กว่ายุคหิน
สร้างปัญหา ยุ่งยาก มากระบิล
โลกทั้งสิ้น สุมความบ้า ว่าความเจริญ ฯ
ท่านพุทธทาส ภิกขุ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 10
หรือจะออกแนววาบหวิวแบบจินตนาการ
เจ้ากับพี่นี่ก็เห็นเป็นกุศล จึงหนีพ้นมารมาไม่อาสัญ
จะเคียงคู่ชู้ชื่นทุกคืนวัน โอ้เจ้าขวัญนัยนาได้ปราณี
พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า ค่อยต้องเต้าเต่งอุรามารศรี
พระเชยปรางทางฉะอ้อนผ่อนอินทรีย์ ร่วมฤดีเดือนหงายสบายใจ
อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็นคลื่นคลั่ง เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว
กระฉอกฉาดหาดเหวเป็นเปลวไฟ พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชกพัด
เมขลาล่อแก้วแววสว่าง อสูรขว้างเขวี้ยงขวานประหารหัก
พอฟ้าแวบปราบแปลบแฉลบลัด เฉวียนฉวัดวงรอบขอบพระเมรุ
พลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง เป็นฝนฟุ้งฟ้าแดงดังแสงเสน
สีขริณทร์อีกสินทรก็อ่อนเอน ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย
สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย
สัมผัสพิงอิงแอบเป็นแยบคาย ไม่เคลื่อนคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์
จาก พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีได้นางเงือก
สุนทรภู่
เจ้ากับพี่นี่ก็เห็นเป็นกุศล จึงหนีพ้นมารมาไม่อาสัญ
จะเคียงคู่ชู้ชื่นทุกคืนวัน โอ้เจ้าขวัญนัยนาได้ปราณี
พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า ค่อยต้องเต้าเต่งอุรามารศรี
พระเชยปรางทางฉะอ้อนผ่อนอินทรีย์ ร่วมฤดีเดือนหงายสบายใจ
อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็นคลื่นคลั่ง เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว
กระฉอกฉาดหาดเหวเป็นเปลวไฟ พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชกพัด
เมขลาล่อแก้วแววสว่าง อสูรขว้างเขวี้ยงขวานประหารหัก
พอฟ้าแวบปราบแปลบแฉลบลัด เฉวียนฉวัดวงรอบขอบพระเมรุ
พลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง เป็นฝนฟุ้งฟ้าแดงดังแสงเสน
สีขริณทร์อีกสินทรก็อ่อนเอน ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย
สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย
สัมผัสพิงอิงแอบเป็นแยบคาย ไม่เคลื่อนคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์
จาก พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีได้นางเงือก
สุนทรภู่
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 11
ช่วงนี้หน้าฝน ขอฝากบทประพันธ์เสี่ยวๆเกี่ยวกับฝนหน่อยครับ
ฝนที่ตกอยู่โน้น หนาวมา ทางนี้
ข้าฯมิพักรำพา พร่ำเพ้อ
หนาวกายแม่แต่อาต์ ยะเยื่อก หัวใจ
ข้าฯค่อนรอจนเก้อ มิกล้าเอ่ยคำ
ฝนที่ตกอยู่โน้น หนาวมา ทางนี้
ข้าฯมิพักรำพา พร่ำเพ้อ
หนาวกายแม่แต่อาต์ ยะเยื่อก หัวใจ
ข้าฯค่อนรอจนเก้อ มิกล้าเอ่ยคำ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 12
เพราะดีครับ ท่านโชเบ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 13
ผมไปขุดกระทู้เก่าๆ มา ได้โคลงบทนึงที่เคยแต่งไว้นานแล้ว เอามา share กันครับ
ว้าวุ่นวันเหว่ว้า.........................หวั่นไหว
ร้าวเล่ห์รุมรักร้าย.......................รุ่มร้อน
ค่ำคิดครุ่นครวญคล้าย..............หมองหม่น
สุดโศกแสนเศร้าซ้อน...............สวาทสิ้น ร้าวทรวง
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 14
พี่ ayethebing ครับ
ผมมีสองคำถามครับ
1.ทำไมต้องมีกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ และเอาไว้ใช้สำหรับอะไรบ้างครับ
2. เพลงไทยเดิม , เพลงสุนทราภรณ์ และเพลงไทยสากล อันนี้ใช้วิธีการแต่งรูปแบบใหนครับ
ผมมีสองคำถามครับ
1.ทำไมต้องมีกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ และเอาไว้ใช้สำหรับอะไรบ้างครับ
2. เพลงไทยเดิม , เพลงสุนทราภรณ์ และเพลงไทยสากล อันนี้ใช้วิธีการแต่งรูปแบบใหนครับ
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 15
ไปทำ research มาให้ครับ ในส่วนคำถามที่ 1
กาพย์
ประวัติความเป็นมา
กาพย์สันนิษฐานว่าได้มาจากการแต่งฉันท์ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากคัมภีร์กาพย์สารวิลาสินีและกาพย์คันถะของอินเดีย ซึ่งแต่งไว้ด้วยภาษามคธและสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นในแคว้นล้านนาไทยสมัยที่พระ สิริมังคลาจารย์แต่งคัมภีร์ มังคลัตถทีปนี พ.ศ. ๒๐๖๗ ราวสมัยพระเจ้าติโลกราช ซึ่งตรงกับสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ความ หมาย กาพย์ เป็นคำประพันธ์ร้อยกรองชนิดหนึ่งของไทยมาจากคำว่า กาวฺย ในภาษาสันสกฤตหรือ กวิ ในภาษาบาลีแปลตามรูปศัพท์ว่า "คำของกวี"หรือ "เหล่ากอแห่งกวี " กาพย์เป็นคำประพันธ์ที่ไม่บังคับ คำเอก คำโท คำครุ คำลหุ แต่บังคับการจัดวรรค จำนวนคำ และสัมผัส กาพย์มีหลายชนิดเช่น กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ กาพย์ยานี กาพย์ขับไม้ เป็นต้น
กาพย์ที่นิยมแต่งกันทั่วไป
วรรณคดีและวรรณกรรมที่เป็นร้อยกรองของไทย ในสมัยอยุธยา มีการแต่งกาพย์ปนอยู่ในเรื่องที่แต่งเป็นคำฉันท์ เพื่อช่วยในการดำเนินเรื่อง หรือแต่งปนกับโคลง เช่น กาพย์ห่อโคลง แต่งปนกับกลอน เช่น ในบทพากย์โขนเรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการแต่งกาพย์เป็นแบบเรียนภาษาไทย เป็นนิทานสำหรับเด็ก เช่น ประถม ก กา พรรณพฤกษา สัตวาภิธาน กาพย์พระไชยสุริยา เป็นต้น
กาพย์ที่นิยมแต่งกันโดยทั่วไปมีดังนี้ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒และ กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖
Source: www.sema.go.th
โคลงเป็นร้อยกรองรูปแบบหนึ่งซึ่งมีวิธีเรียบเรียงถ้อยคำเป็นคณะ มีกำหนดเอก โท และสัมผัส แต่ไม่มีบังคับครุและลหุ[1]
[แก้] กำเนิดและวิวัฒนาการ
...[โคลงนั้น] จะคิดแต่งเมื่อครั้งไรไม่ปรากฏ มีเค้าเงื่อนแต่ว่าโคลงนั้นดูเหมือนจะเป็นของพวกไทยข้างฝ่ายเหนือคิดขึ้น มีกำหนดอักษรนับเป็นบาทสองบาท สามบาท สี่บาท เป็นบทเรียกว่าโคลงสอง โคลงสาม โคลงสี่ โคลงเก่า ๆ มีที่รับสัมผัสและที่กำหนดใช้อักษรสูงต่ำน้อยแห่ง แต่มามีบังคับมากขึ้นภายหลัง เห็นจะเป็นพวกไทยข้างฝ่ายใต้ได้รับอย่างมาแต่งประดิษฐ์เติมขึ้น...
— สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ[2]
โคลงของชาวล้านนานั้นเรียก “ครรโลง” “คะโลง” หรือ “กะโลง” [3] มีสามประเภทคือ 1) ครรโลงสี่ห้อง 2) ครรโลงสามห้อง และ 3) ครรโลงสองห้อง กับทั้งยังมีกลวิธีแต่งที่ปลีกย่อยมากมาย เช่น โคลงบทหนึ่งว่า “กรนารายณ์ หมายกงรถ บทสังขยา สราสังวาล...” [4]
หลักฐานที่แสดงว่าชาวล้านนาสนใจและนิยมแต่งโคลงมาแต่โบราณแล้วคือ จินดามณีซึ่ง กล่าวถึงโคลงลาวประเภทต่าง ๆ อันได้แก่ 1) พระยาลืมงายโคลงลาว 2) อินทร์เกี้ยวกลอนโคลงลาว 3) พวนสามชั้นโคลงลาว 4) ไหมยุ่งพันน้ำโคลงลาว และ 5) อินทร์หลงห้องโคลงลาว[5]
คำว่า “ลาว” ข้างต้น หมายถึง ชาวล้านนา ชาวอยุธยาแต่ก่อนเรียกรวมทั้งชาวล้านนาและชาวล้านช้างว่าลาว[6]
วรรณคดีของชาวไทยฝ่ายใต้เรื่องแรงที่ปรากฏโคลงคือ ลิลิตโองการแช่งน้ำ อันแต่งด้วยโคลงห้าและร่ายดั้นสลับกัน กับทั้งยังเป็นวรรณคดีเรื่องเดียวที่ปรากฏโคลงห้าอีกด้วย[7] ในสมัยต่อมาโคลงก็ได้ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมไทยนานาเรื่องตราบปัจจุบัน อนึ่ง มีข้อสังเกตว่าชาวไทยนิยมโคลงอย่างยิ่ง เนื่องจากโคลงปรากฏในวรรณกรรมไทยส่วนใหญ่
Source: Wikepedia
ฉันท์ เป็นลักษณ์หนึ่งของร้อยกรองในภาษาไทย โดยแต่งกันเป็นคณะ มี ครุ และลหุ และสัมผัส กำหนดเอาไว้ด้วย ฉันท์ในภาษาไทยได้ถ่ายแบบมาจากประเทศอินเดีย ตามตำราที่เขียนถึงวิธีแต่งฉันท์ไว้ เรียกว่า "คัมภีร์วุตโตทัย" ซึ่งแต่เดิมฉันท์จะแต่งเป็นภาษาบาลีและสันสกฤต ต่อมา เมื่อเผยแพร่ในประเทศไทย จึงเปลี่ยนแบบมาแต่งในภาษาไทย โดยเพิ่มเติมสัมผัสต่างๆ ขึ้นมา แต่ยังคงคณะ (จำนวนคำ) และเปลี่ยนลักษณะครุลหุแตกต่างไปเล็กน้อย และเพิ่มความไพเราะของภาษาไทยลงไป
Source: Wikepedia
กลอน เป็นลักษณะของคำประพันธ์ในภาษาไทย ซึ่งเรียบเรียงคำต่างๆ เป็นคณะ มีสัมผัสต่างๆ ตามลักษณะของกฎหรือบัญญัติของแต่ละชนิดของกลอน แต่ไม่มีการบังคับเอกโทและครุลหุ
กาพย์
ประวัติความเป็นมา
กาพย์สันนิษฐานว่าได้มาจากการแต่งฉันท์ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากคัมภีร์กาพย์สารวิลาสินีและกาพย์คันถะของอินเดีย ซึ่งแต่งไว้ด้วยภาษามคธและสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นในแคว้นล้านนาไทยสมัยที่พระ สิริมังคลาจารย์แต่งคัมภีร์ มังคลัตถทีปนี พ.ศ. ๒๐๖๗ ราวสมัยพระเจ้าติโลกราช ซึ่งตรงกับสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ความ หมาย กาพย์ เป็นคำประพันธ์ร้อยกรองชนิดหนึ่งของไทยมาจากคำว่า กาวฺย ในภาษาสันสกฤตหรือ กวิ ในภาษาบาลีแปลตามรูปศัพท์ว่า "คำของกวี"หรือ "เหล่ากอแห่งกวี " กาพย์เป็นคำประพันธ์ที่ไม่บังคับ คำเอก คำโท คำครุ คำลหุ แต่บังคับการจัดวรรค จำนวนคำ และสัมผัส กาพย์มีหลายชนิดเช่น กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ กาพย์ยานี กาพย์ขับไม้ เป็นต้น
กาพย์ที่นิยมแต่งกันทั่วไป
วรรณคดีและวรรณกรรมที่เป็นร้อยกรองของไทย ในสมัยอยุธยา มีการแต่งกาพย์ปนอยู่ในเรื่องที่แต่งเป็นคำฉันท์ เพื่อช่วยในการดำเนินเรื่อง หรือแต่งปนกับโคลง เช่น กาพย์ห่อโคลง แต่งปนกับกลอน เช่น ในบทพากย์โขนเรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการแต่งกาพย์เป็นแบบเรียนภาษาไทย เป็นนิทานสำหรับเด็ก เช่น ประถม ก กา พรรณพฤกษา สัตวาภิธาน กาพย์พระไชยสุริยา เป็นต้น
กาพย์ที่นิยมแต่งกันโดยทั่วไปมีดังนี้ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒และ กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖
Source: www.sema.go.th
โคลงเป็นร้อยกรองรูปแบบหนึ่งซึ่งมีวิธีเรียบเรียงถ้อยคำเป็นคณะ มีกำหนดเอก โท และสัมผัส แต่ไม่มีบังคับครุและลหุ[1]
[แก้] กำเนิดและวิวัฒนาการ
...[โคลงนั้น] จะคิดแต่งเมื่อครั้งไรไม่ปรากฏ มีเค้าเงื่อนแต่ว่าโคลงนั้นดูเหมือนจะเป็นของพวกไทยข้างฝ่ายเหนือคิดขึ้น มีกำหนดอักษรนับเป็นบาทสองบาท สามบาท สี่บาท เป็นบทเรียกว่าโคลงสอง โคลงสาม โคลงสี่ โคลงเก่า ๆ มีที่รับสัมผัสและที่กำหนดใช้อักษรสูงต่ำน้อยแห่ง แต่มามีบังคับมากขึ้นภายหลัง เห็นจะเป็นพวกไทยข้างฝ่ายใต้ได้รับอย่างมาแต่งประดิษฐ์เติมขึ้น...
— สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ[2]
โคลงของชาวล้านนานั้นเรียก “ครรโลง” “คะโลง” หรือ “กะโลง” [3] มีสามประเภทคือ 1) ครรโลงสี่ห้อง 2) ครรโลงสามห้อง และ 3) ครรโลงสองห้อง กับทั้งยังมีกลวิธีแต่งที่ปลีกย่อยมากมาย เช่น โคลงบทหนึ่งว่า “กรนารายณ์ หมายกงรถ บทสังขยา สราสังวาล...” [4]
หลักฐานที่แสดงว่าชาวล้านนาสนใจและนิยมแต่งโคลงมาแต่โบราณแล้วคือ จินดามณีซึ่ง กล่าวถึงโคลงลาวประเภทต่าง ๆ อันได้แก่ 1) พระยาลืมงายโคลงลาว 2) อินทร์เกี้ยวกลอนโคลงลาว 3) พวนสามชั้นโคลงลาว 4) ไหมยุ่งพันน้ำโคลงลาว และ 5) อินทร์หลงห้องโคลงลาว[5]
คำว่า “ลาว” ข้างต้น หมายถึง ชาวล้านนา ชาวอยุธยาแต่ก่อนเรียกรวมทั้งชาวล้านนาและชาวล้านช้างว่าลาว[6]
วรรณคดีของชาวไทยฝ่ายใต้เรื่องแรงที่ปรากฏโคลงคือ ลิลิตโองการแช่งน้ำ อันแต่งด้วยโคลงห้าและร่ายดั้นสลับกัน กับทั้งยังเป็นวรรณคดีเรื่องเดียวที่ปรากฏโคลงห้าอีกด้วย[7] ในสมัยต่อมาโคลงก็ได้ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมไทยนานาเรื่องตราบปัจจุบัน อนึ่ง มีข้อสังเกตว่าชาวไทยนิยมโคลงอย่างยิ่ง เนื่องจากโคลงปรากฏในวรรณกรรมไทยส่วนใหญ่
Source: Wikepedia
ฉันท์ เป็นลักษณ์หนึ่งของร้อยกรองในภาษาไทย โดยแต่งกันเป็นคณะ มี ครุ และลหุ และสัมผัส กำหนดเอาไว้ด้วย ฉันท์ในภาษาไทยได้ถ่ายแบบมาจากประเทศอินเดีย ตามตำราที่เขียนถึงวิธีแต่งฉันท์ไว้ เรียกว่า "คัมภีร์วุตโตทัย" ซึ่งแต่เดิมฉันท์จะแต่งเป็นภาษาบาลีและสันสกฤต ต่อมา เมื่อเผยแพร่ในประเทศไทย จึงเปลี่ยนแบบมาแต่งในภาษาไทย โดยเพิ่มเติมสัมผัสต่างๆ ขึ้นมา แต่ยังคงคณะ (จำนวนคำ) และเปลี่ยนลักษณะครุลหุแตกต่างไปเล็กน้อย และเพิ่มความไพเราะของภาษาไทยลงไป
Source: Wikepedia
กลอน เป็นลักษณะของคำประพันธ์ในภาษาไทย ซึ่งเรียบเรียงคำต่างๆ เป็นคณะ มีสัมผัสต่างๆ ตามลักษณะของกฎหรือบัญญัติของแต่ละชนิดของกลอน แต่ไม่มีการบังคับเอกโทและครุลหุ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 16
ส่วนคำถามข้อที่ 2 ผมว่าเป็นแบบกลอนนะครับ แต่ในการแต่งเพลงของสมัยเก่าจะมีสัมผัสไพเราะทั้งสัมผัสนอกสัมผัสใน คล้ายกับกลอนสุภาพ มากกว่าปัจจุบัน ลองเทียบเพลงรุ่นเก่ากับรุ่นนี้ดูครับ
อุษาสวาท - อ.เอื้อ สุนทราภรณ์
ยาม อุษานภากระจ่าง ทั่วนภาสว่างแล้ว
ตื่นนิทราเสียเถิดน้องแก้ว สว่างแล้วนะแก้วตา
แจ้วจำเรียงเสียงกระซิบสั่งดั่งสัญญา
กระซิบคำรักว่า อุษาสวาทเอ่ย
อย่าข้องใจมอบฤทัยไว้ร่วมกัน
ยามน้องหนาวตัก พี่ซบทรวงพัก
อบไอรักจนอุ่นพลัน ต่างสุขสันต์
ขวัญตาเจ้าอย่าลืมสัมพันธ์
ครองรักกันจนวันตาย
ระยะทำใจ กันเดอะสตาร์
เจ็บและจริงๆก็พร้อมจะไป แต่วันนี้เธอเป็นคนที่ขอให้รอ
อีกครั้งที่จะยอมเธอแม้ใจมันจะท้อ
กับการต้องรอให้เธอนั้นเคลียร์เรื่องเขา
หลบอยุ่ลำพังเพ้อหวังลมๆ กับเหตุผลที่เธอเป็นคนพูดให้ดีใจ
กับเขาที่คบทุกวันมันเหมือนทนกันไป อยู่ในระยะทำใจในการเลิกรา
* อีกนานไหมเธอจะทำใจได้หรือเปล่า
หากว่ามันยืดยาว แล้วฉันต้องทำเช่นไร
ที่มันท้อไม่ใช่ต้องรอเท่าไหร่ แต่กลัวเธอไม่ตัดใจ
สุดท้ายคนรอไม่เหลืออะไร ยิ่งซ้ำเติมความเสียใจให้ คนที่มันรักเธอ
เสี่ยงอยู่กับรักที่ต้องทนรอ แต่เธอขอก็พร้อมจะรอแม้นานเพียงใด
ก็รู้ลึกๆแล้วเธอยังรักเขาเต็มใจ
ความหวังที่รอในใจมันอาจไม่มี
(ซ้ำ * )
สุดท้ายคนรอไม่เหลืออะไร
ยิ่งซ้ำเติมความ เสียใจให้คนที่มันรักเธอ
อุษาสวาท - อ.เอื้อ สุนทราภรณ์
ยาม อุษานภากระจ่าง ทั่วนภาสว่างแล้ว
ตื่นนิทราเสียเถิดน้องแก้ว สว่างแล้วนะแก้วตา
แจ้วจำเรียงเสียงกระซิบสั่งดั่งสัญญา
กระซิบคำรักว่า อุษาสวาทเอ่ย
อย่าข้องใจมอบฤทัยไว้ร่วมกัน
ยามน้องหนาวตัก พี่ซบทรวงพัก
อบไอรักจนอุ่นพลัน ต่างสุขสันต์
ขวัญตาเจ้าอย่าลืมสัมพันธ์
ครองรักกันจนวันตาย
ระยะทำใจ กันเดอะสตาร์
เจ็บและจริงๆก็พร้อมจะไป แต่วันนี้เธอเป็นคนที่ขอให้รอ
อีกครั้งที่จะยอมเธอแม้ใจมันจะท้อ
กับการต้องรอให้เธอนั้นเคลียร์เรื่องเขา
หลบอยุ่ลำพังเพ้อหวังลมๆ กับเหตุผลที่เธอเป็นคนพูดให้ดีใจ
กับเขาที่คบทุกวันมันเหมือนทนกันไป อยู่ในระยะทำใจในการเลิกรา
* อีกนานไหมเธอจะทำใจได้หรือเปล่า
หากว่ามันยืดยาว แล้วฉันต้องทำเช่นไร
ที่มันท้อไม่ใช่ต้องรอเท่าไหร่ แต่กลัวเธอไม่ตัดใจ
สุดท้ายคนรอไม่เหลืออะไร ยิ่งซ้ำเติมความเสียใจให้ คนที่มันรักเธอ
เสี่ยงอยู่กับรักที่ต้องทนรอ แต่เธอขอก็พร้อมจะรอแม้นานเพียงใด
ก็รู้ลึกๆแล้วเธอยังรักเขาเต็มใจ
ความหวังที่รอในใจมันอาจไม่มี
(ซ้ำ * )
สุดท้ายคนรอไม่เหลืออะไร
ยิ่งซ้ำเติมความ เสียใจให้คนที่มันรักเธอ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 17
นิราพาธเลิศเพี้ยง.............พรรณราย
นรชาติใครได้หมาย...........สุขแท้
ผองชนหมดหนี้หาย...........มีค่า ประหนึ่งทอง
ลาภประเสริฐคุณแม้...........นพเก้า เพชรงาม
ไม่มีโรคและหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ
นรชาติใครได้หมาย...........สุขแท้
ผองชนหมดหนี้หาย...........มีค่า ประหนึ่งทอง
ลาภประเสริฐคุณแม้...........นพเก้า เพชรงาม
ไม่มีโรคและหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 19
ตามพระอาจารย์พี่ป้อมเข้ามา
มาแล้วขอแจมนิดนึงแล้วกันครับ...
อิอิ...กลอนจีบสาวสมัยเรียน
บนท้องฟ้า.. มีดวงดาว
ในเมืองลาว.. มีข้าวเหนียว
บนกะทะ.. มีไข่เจียว
ใจดวงเดียว.. มีแต่เธอ...ฮ่า... :lol:
(มาทำกระทู้เค้ารกเลยไม๊ล่ะ)
มาแล้วขอแจมนิดนึงแล้วกันครับ...
อิอิ...กลอนจีบสาวสมัยเรียน
บนท้องฟ้า.. มีดวงดาว
ในเมืองลาว.. มีข้าวเหนียว
บนกะทะ.. มีไข่เจียว
ใจดวงเดียว.. มีแต่เธอ...ฮ่า... :lol:
(มาทำกระทู้เค้ารกเลยไม๊ล่ะ)
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 20
เป็นมนุษย์หรือเป็นคน?
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา
เปรมปรีดา คืนวัน สุขสันต์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง
แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก
จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอยฯ
ท่านพุธทาสภิกขุ
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา
เปรมปรีดา คืนวัน สุขสันต์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง
แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก
จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอยฯ
ท่านพุธทาสภิกขุ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 21
ยินดีครับทั่นสายชล
เด๋วลองแต่งกลอนจีบสาวให้นะครับ
เด๋วลองแต่งกลอนจีบสาวให้นะครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 22
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์
โพสต์ที่ 23
ธรณีนี่นี้ เป็นจำเลย
อยากร่ำรวยชะเอิงเงิง เล่นหุ้น
เราเป็นศิษย์ซื้อตาม เซียนชอบ
เซียนขายแล้วหมดลุ้น ปล่อยทิ้ง เราดอย
อยากร่ำรวยชะเอิงเงิง เล่นหุ้น
เราเป็นศิษย์ซื้อตาม เซียนชอบ
เซียนขายแล้วหมดลุ้น ปล่อยทิ้ง เราดอย
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ