การลงทุนกับธรรมะประยุกค์

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
leechong
Verified User
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0

การลงทุนกับธรรมะประยุกค์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ใครมีหลักธรรมะ หรือคติธรรมะใดๆ ที่น่าสนใจ ส่งเสริม สนับสนุน ในการดำเนินชีวิตคู่กับการลงทุนบ้างไหมครับ เพราะผมคาดหวังให้นักลงทุนทุกท่านเป็นผู้มีความสุขควบคู่กับการการลงทุน ตลอดจนการทำงานในชีวิตในการทำงาน มีความถูกต้องตามหลักเหตุและผม (กรรมที่เป็นเหตุและกรรมที่เป็นผล) มีความถูกต้องตามศีลธรรม (ศีล, สัมมาอาชีวะ) มีการช่วยเหลือครอบครัว ญาติ สังคม เสมือนเป็นเกราะป้องกันภัย รวมถึงหลักการหาทรัพย์ หลักการใช้ทรัพย์ หลักการบริหารทรัพย์ ตามหลักธรรมะ
    ผมหวังว่าหลักธรรมะต่างๆที่ท่านทั้งหลายเสนอมานี้ จะเป็นการช่วยเหลือทุกๆท่านให้มีความสุขควบคู่กับการลงทุน และนักลงทุนหน้าใหม่ หรือผู้ที่มีใจใฝ่ในธรรมะ จะเป็นอุบายทางหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใกล้ธรรมะมากยิ่งขึ้นไป
    ขอบคุณครับ ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขการ สุขใจ ในเจตนาดีดีนี้ ทั้งผู้ให้และผู้อ่าน สวัสดีครับ
leechong
Verified User
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0

Re: การลงทุนกับธรรมะประยุกค์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

วันนี้ผมเจ้าของกระทู้ขอประเดิมก่อนเลยครับ
    ผมเป็นชาวพุทธคนหนึ่ง นับถือและน้อมนำมาปฎิบัติด้วย ตามระดับกำลังของผู้ปฎิบัติของผมเอง และผมขอบอกก่อนเลยว่าผมก็ยังมีความอยากได้ อยากมี อยากเป็นไม่น้อยไปกว่าผู้อื่น ผมจึงใช้เวลาว่างๆ นานๆที ในการค้นหาหลักธรรมสำหรับผู้ที่ปรารถนาจะรวย (ผมด้วย) ควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตในแต้ละวัน ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานหาเช้ามาก็กิน หาค่ำมากิน รับจ้างมาก็กิน ค้าขายมาก็กิน ลงทุนมาก็กิน รับโชคมรดกมาก็กิน อื่นๆอีกมากที่หามาก็กิน พึงสังเกตุได้ว่า วันหนึ่งวันหนึ่งในชีวิตเรา เวลาส่วนมากหมดไปกับการหาทรัพย์มาบำรุงเลี้ยงร่างกายเพื่อให้เกิดความสุขและความสบาย สุดท้ายแล้วตัวเราเองก็ได้รับความสุขบ้าง ได้รับความทุกข์บ้าง (ส่วนใหญ๋) คละเคล้ากันไป
    ดังนั้นผมจึงอยากให้ทุกๆท่าน (ผมด้วย) พึงเข้าใจแต่แรกก่อนว่าการจะเป็นผู้มีทรัพย์มากนั้นต้องมีเหตุที่มาสนับสนุนส่งเสริมเสียก่อน จึงจะได้รับผลที่ดีตามมาในภายหลัง (กฎแห่งกรรม) ซึ่งผมขอจำแนกเป็น 2 แบบ คือ 1. กรรมเก่า เป็นเหตุส่งเสริมเราในปัจจุบันนี้จากการที่เราได้ทำไว้ในอดีต 2. กรรมใหม่ (ปัจจุบัน) เป็นเหตุส่งเสริมเราในวันหน้าจากการที่เราได้ทำไว้ในวันนี้
    กรรมคืออะไร กรรมคือการกระทำและค่อยให้ผลทุกขณะเวลา ถ้าทำดีเราจัดว่าเป็นกรรมดี ผลดีจะให้ผลดี จะพลักดันเรามาในทางที่ดี (สูงขึ้น)   ทำชั่วเราจัดว่าเป็นกรรมชั่ว ผลชั่วจะให้ผลร้าย จะพลักดันเรามาในทางไม่ดี (ตกต่ำ)
    ผลของกรรมจะให้ผลในตอนไหน กล่าวคือกรรมจะให้ผลได้นั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบในขณะทำกรรม เช่น ความหนักเบาของเจตนาความตั้งใจขณะทำ ความเป็นประโยชน์ของมหาชนขณะทำ ความบริสุทธิ์ของจิตขณะทำ ความสม่ำเสมอขณะทำ ความสำคัญความจำเป็นขณะทำ ระดับของบุคคลหรือสถานที่ขณะทำ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นเหตุประกอบกับการทำกรรม ส่งผลถึงผลกรรมที่ตามส่งเราด้วย ดังนี้
    - ให้ผลภายใน 7 วัน หรือไม่ภายใน 7 เดือน หรือไม่ภายใน 7 ปี หรือไม่ภายใน 7 ชาติ ...ส่งผลต่อไป เช่น ทำกรรมดีกับพ่อกับแม่ จะเห็นผลเร็วก่อนตายประมาณ 80% , ทำบาปกรรมกับพ่อกับแม่ จะเห็นผลเร็วก่อนตายประมาณ 80% , ทำกรรมดีกับพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ พระกัมมักฐาน จะเห็นผลเร็วตามระดับภูมิธรรมแน่นอน 7 วัน, 7 เดือน, 7 ปี เป็นต้น แต่โดยมากกรรมจะให้ผลภายหลังจากทำกรรมไปแล้วนานหลายปี จนผู้ทำลืมไปแล้วก็ปี ตายไปก่อนก็มี จึงเป็นเหตุให้คนเรา (บางคน) ไม่กลัวบาปกรรม ส่งผลร้ายสู่เยาวชนคนรุ่นหลังทำตามอย่างไม่ดีได้
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างตั้งใจ เช่น ลงทุน ทำการค้าได้ผลสมตามที่ตั้งใจ
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างไม่ตั้งใจ เช่น ลงทุน ทำการค้าได้ผลไม่สมตามที่ตั้งใจ
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างบริสุทธิ์ใจ เช่น ลงทุน ทำการค้า ได้ผลงานจากงานที่บริสุทธิ์ สะอาดหมดจน
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ เช่น ลงทุน ทำการค้า ได้ผลงานจากงานที่ไม่บริสุทธิ์ ด่างๆ
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างสม่ำเสมอ เช่น ลงทุน ทำการค้า ได้ผลงานสม่ำเสมอ
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างไม่สม่ำเสมอตั้งใจ เช่น ลงทุน ทำการค้า ได้ผลงานบ้าง ไม่ได้ผลงานบ้าง
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างใจกว้าง เช่น ลงทุน ทำการค้า ได้ผลกว้างขวาง คนช่วยแนะ คนช่วยอุดหนุน ทำ 1 ได้ 2 หรือ ทำ 1 ได้ 10  
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างใจแคบ เช่น ลงทุน ทำการค้า ได้ผลแบบแคบๆ ทำ1 ได้ 1 หรือ ทำ 10 ได้ 1  
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างสุขใจ ผล เช่น ลงทุน ทำการค้า ได้ผลคือยิ่งได้ ยิ่งรวย ยิ่งความสุข
    - ถ้าเราทำกรรมดีอย่างทุกข์ใจ ผล เช่น ลงทุน ทำการค้า ได้ผลคือยิ่งได้ ยิ่งรวย ยิ่งมีความทุกข์
    อย่างไรก็ตาม แม้กรรมเก่าที่ทำไว้จะตามให้ผลอยู่ตลอดระยะเวลาหนึ่ง ก็ควรทำกรรมใหม่มาช่วยหนุนส่งเสริมด้วย หากว่ากรรมเก่าที่ให้ผลหมดแล้วจะได้ไม่เป็นทุกข์ เช่น กรรมเก่าส่งเสริม ถูกหวย ได้มรดก ลงทุนครั้งแรกกำไรงาม ชนิดเรียกว่ารวยข้ามคืน หากไม่ขยันเก็บ ขยันบริหาร เป็นกรรมใหม่มาหนุนส่งเสริมแล้ว เงินมากใช้มาก ใช้อย่างเดียวก็หมดได้ ดังนั้น ขอให้ทุกๆท่าน (ผมด้วย) 1. ต้องขยันหาทรัพย์ 2. ต้องขยันเก็บทรัพย์ 3. ใช้ทรัพย์ที่หามาได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และผู้อื่น 4. หมั่นคบหาสมคมกับกัลยามิตร (มีเพื่อนดี) เท่านี้ก็จะไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นเศรษฐี แต่หมายความว่าผู้มีทรัพย์น้อยก็มีความสุข ผู้มีทรัพย์มากก็มีความสุข เกิดความสุขแก่ตนเอง (สุขกาย สุขใจ) ครอบครัว ญาติ สังคมสืบไป
    ขอผลบุญนี้ส่งสำเร็จแก่เจ้าของเว็บ คณะทำงานเว็บ  ผู้ทำ ผู้อ่าน เพื่อนร่วมโลก สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ทุกรูปทุกนามเทอญ.
leechong
Verified User
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0

Re: การลงทุนกับธรรมะประยุกค์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

วันนี้ผมมีพุทธพจน์มาฝาก
    1. เรากล่าวว่าแม้ผู้ใดสาดน้ำล้างภาชนะหรือน้ำล้างขันไปที่บ่อน้ำครำหรือในบ่อโสโครกข้างประตูบ้านซึ่งมีสัตว์อาศัยอยู่ ด้วยความตั้งใจว่าสัตว์ที่อาศัยแหล่งน้ำนั้น จะดำรงชีพอยู่ได้ด้วยเศษอาหารในภาชนะ ก็เป็นเหตุ เป็นที่มาแห่งบุญแล้ว
                                                                                       (ชัปปสูตร)
    2. 1) ให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉาน พึงหวังผลร้อยเท่า
        2) ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลพันเท่า
        3) ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลแสนเท่า
        4) ให้ทานในบุคคลนอกศาสนาพุทธผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลหลายล้านเท่า
        5) ให้ทานในผู้เพียรเจริญสติเพื่อบรรลุมรรคผลขั้นแรก พึงหวังผลอันนับประมาณไม่ได้
                                                                           (ทักขิณาวิภังคสูตร)
    3. ทาน 5 ประการต่อไปนี้ เป็นมหาทาน เป็นเชื้อสายแห่งพระอริยะ ไม่มีบัณฑิตใดรังเกียจ คือ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่า เป็นผู้เว้นขาดจากการยักยอกทรัพย์ เป็นผู้เว้นขาดจากการผิดลูกเขาเมียใคร เป็นผู้เว้นขาดจากการโกหก และเป็นผู้เว้นขาดจากการดื่มน้ำเมา เมื่อเว้นขาดโดยประการทั้ง 5 นี้ ย่อมได้ชื่อว่าให้ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียนแก่สัตว์หาประมาณมิได้
                                                                            (ปุญญาภิสันทสูตร)
    4. ใครมีศีล รักษาศีลได้บริบูรณ์ กองสมบัติเป็นอันมากย่อมบังเกิดขึ้นแก่คนนั้น เพราะความไม่เป็นผู้ประมาท
                                                                           (มหาปรินิพพานสูตร)
    5. 1) ผู้ใดเข้าหาสมณะแล้วเปิดโอกาสให้ท่านขอสิ่งที่ประสงค์แต่กลับไม่ถวายสิ่งใดเลย เมื่อเคลื่อนจากอัตภาพนั้นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ถ้าทำการค้าขายอย่างใดๆ จะขาดทุน
        2) ผู้ใดเข้าหาสมณะแล้วเปิดโอกาสให้ท่านขอสิ่งที่ประสงค์แต่กลับไม่ถวายเท่าที่ท่านประสงค์ เมื่อเคลื่อนจากอัตภาพนั้นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ถ้าทำการค้าขายอย่างใดๆ จะไม่ได้กำไรตามที่คาดหวัง
        3) ผู้ใดเข้าหาสมณะแล้วเปิดโอกาสให้ท่านขอสิ่งที่ประสงค์แล้วถวายท่านครบตามประสงค์ เมื่อเคลื่อนจากอัตภาพนั้นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ถ้าทำการค้าขายอย่างใดๆ จะได้กำไรตามที่คาด
        4) ผู้ใดเข้าหาสมณะแล้วเปิดโอกาสให้ท่านขอสิ่งที่ประสงค์แต่กลับถวายท่านเกินความประสงค์ เมื่อเคลื่อนจากอัตภาพนั้นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ถ้าทำการค้าขายอย่างใดๆ จะได้กำไรเกินความคาดหมาย
                                                                                        (วณิชชสูตร)
    6. สำหรับชาวบ้านที่ยังบริโภคกาม อยู่ครองเรือน นอนเบียดบุตร ใช่เครื่องหอม และยังยินดีในเงินทองอยู่ ธรรม 4 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในปัจจุบัน คือ ขยันทำงานหาทรัพย์ รักษาทรัพย์ที่ได้มาให้ดี รู้จักเลือกคบคนดีมีธรรมะ และใช้ชีวิตให้เหมาะกับระดับทรัพย์สินที่มี
                                                                                     (ทีฆชาณุสูตร)
    ขอธรรมะจงสถิตอยู่ในดวงใจทุกๆท่าน
    ขอผลบุญนี้จงสำเร็จแก่ พ่อแม่ ญาติ ครูอาจารย์ เทวดา เจ้าของเว็บ เจ้าหน้าที่เว็บ ผู้พิมพ์ ผู้อ่าน เจ้ากรรม นายเวร เปตร ญาติทิพย์ กายทิพย์ สัพสัตว์ทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม รอบครอบจักรวาล ให้ทุกท่านอยู่ดีมีสุขเทอญ
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

การลงทุนกับธรรมะประยุกค์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมมีความเชื่อ และถือปฏิบัติมาพักใหญ่ ว่า ...
ให้ทาน บ่อยๆครับ ช่วยเหลือสังคมก็ได้ ให้เงินไม่ต้องหลายบาท ให้น้อยๆ แต่ทำบ่อยๆ จิตใจจะพัฒนา และ พอเพียงได้

อานิสง ให้จิตใจดีขึ้น ขาดทุนก็ไม่ทุกข์ร้อน กำไรก็ไม่เต้น

เฉยๆ ไม่สน พอไม่อยากได้อะไร มันมักจะมาตื้อครับ  :D
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
เด็กใหม่ไฟแรง
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1575
ผู้ติดตาม: 0

การลงทุนกับธรรมะประยุกค์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมขอไปประมวลคิดก่อนนะครับว่าจะ post อย่างไรดี
กระทู้นี้ post ต้องมีสาระ และ ประโยชน์
...................
อยากเห็นกระทู้แบบนี้มานานแล้ว
อยากให้อยู่นานๆ
มีคนอ่านแยะๆ
มีคน post แบบมีสาระมากๆ
....................
พวกเราอยู่ในโลกของคนมีกิเลศ รวมทั้งตัวเราเองด้วย
อยู่ในโลกหุ้นกิเลศยิ่งมากกว่าโลกอย่างอื่นๆ
อาชีพ งานอดิเรกของเรา ต้องได้มากจึงจะถือว่าดี
ต่างกันมากกับอีกหลายอาชีพ เช่น บริการทางการแพทย์ ครูอาจารย์
     หรืออาชีพอื่นๆที่ทำไปได้สร้างบุญบารมีไป
ของพวกเรา หุ้นขึ้นก็เสียดายซื้อน้อย หุ้นลงก็เสียดายไม่ได้ขาย
.....................
ทีมงาน moneytalk       พยายามล้างบาปสร้างบารมีเสมอ
ด้วยการทำรายการเกี่ยวกับการลงทุนแล้วชีวิตเป็นสุข
...แต่ที่ผ่านมายังไม่ค่อยได้ผล ยังไม่ค่อยมี impact เท่าไหร่ครับ
.....................
อนุโมทนาสำหรับเจ้าของความคิดกระทู้และผู้ที่มา post สาระนะครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
leechong
Verified User
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0

Re: การลงทุนกับธรรมะประยุกค์

โพสต์ที่ 6

โพสต์

หัวข้อ 3 กรรมด้านอื่นๆที่เกียวข้อง
    ผมมีความคิดว่า ผมต้องการรวยที่เป็นผลของความบริสุทธิ์ถูกต้อง และมีจิตใจที่ดีงามโดยการเผื่อแผ่ไปให้ผู้อื่นด้วย
    ความเห็นส่วนตัว
    รวยวันนี้ก็ยังไม่พอ รวมวันหน้าก็ยังไม่สม รวมถึงชาติหน้าก็ยังประมาท ต้องยังอยู่ในกระแสทาน โดยการผูกจิตไว้กับการให้ท่าน แล้วเราจะผูกจิตกับการให้ท่านได้อย่างไร ก็การทำบุญทาน ทำให้มีขึ้น ทำบ่อยๆ ทำเป็นนิสัย ทำเป็นสันดาน เมื่อจิตของเรามีส่วนรู้เห็นกับการทำทานอย่างนี้ อย่างนี้เป็นลำดับ ตามกำลัง ตามฐานะ ตามอัตตภาพของตนเองแล้ว จิตย่อมถูกผูกไว้กับการให้ทานมากขึ้นโดยลำดับ

    คัดจากหนังสือ กรรมด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
    ความร่ำรวยเกิดจากความมีน้ำใจกว้าง มีใจเผื่อแผ่ กรรมใดที่เป็นไปเพื่อความกรุณาต่อผู้อื่น ช่วยให้ทุเลาทุกข์ ช่วยให้ความสุข ช่วยให้ความสบาย ช่วยให้ความปลอดภัยกับมหาชน กรรมนั้นย่อมขยายขอบเขตอาณาจักรเงินทองได้ทั้งสิ้น
   
    คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตามสถานการณ์ บางชาติรวามแล้วให้ทานมากแต่รักษาศีลน้อย บางชาติรวมแล้วให้ทานน้อยแต่รักษาศีลมาก บางชาติรวมแล้วให้ทานและรักษาศีลพอประมาณ แต่ไม่ขวนขวายทำงาน ไม่มีหัวริเริ่มสร้างเครือข่ายธุรกิจของตนเอง ฉะนั้น การได้ทรัพย์มา และความเสื่อมาสูญไปของทรัพย์ จึงแบ่งแยกออกได้เป็นประเภทตามกรรมอันหลากหลาย แต่โดยย่นย่อแล้วสภาพความร่ำรวยแบ่งได้เป็น 4 ชนิด ดังนี้

    1. รวยด้วยลาภลอย

    บางคนเกิดมายากจน แต่อยู่ๆ ถูกหวยใต้ดิน หรือเล่นลอตเตอรี่ได้รางวัลที่ 1 หรืออยู่ๆ ได้รับการตกรางวัลก้อนโตเพราะทำเรื่องถูกอกถูกใจผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ อย่างนี้คือความหมายของ "รวยด้วยลาภลอย"

    ความรวยชนิดนี้มาจากการให้ทานแบบที่ส่งลาภลอยให้คนอื่น อยากให้เขาพ้นทุกข์โดยไม่คาดฝัน เช่น เดินทางกลางป่าพบพระธุดงค์ที่กำลังอดอยาก ถึงกับนำอาหารที่เตรียมมาเพื่อตนเองถวายท่านหมดแบบไม่เสียดาย หากผู้ให้มีกำลังใจยิ่งใหญ่ ส่วนผู้รับก็มีความบริสุทธิ์มาก ผลย่อมมหาศาลประมาณไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้รับเป็นพระอรหันต์ที่เพิ่งออกจากณานขั้งสูดสุด ก็ไม่ต้องรอลาภลอยในชาติต่อไป แต่จะบังเกิดผลทันทีภายใน 7 วันทีเดียว

    พวกที่ชอบตั้งสมาคมสังคมสงเคราะห์ หรือเศรษฐีที่อย่ากเปลี่ยนแปลงชีวิตหมู่คนแบบฉับพลันทันที ช่วยให้คนยากจนมีงานทำ มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็เข้าข่ายจะได้รับลาภลอยก้อนใหญ่เช่นกัน
    แม้กระทั่งอยากให้ใครประหลาดใจ ยินดีปรีดาเป็นล้นพ้นด้วยการให้ของขวัญหรือของสมนาคุณที่เกินความคาดฝัน ก็จะมีผลให้เกิดลาภลอยด้วย แต่ความยิ่งใหญ่ของผลอาจลดหลั่นลงไปตามกำลังใจที่คิดให้ ตลอดจนระดับศีลของผู้รับ และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผู้รับนั้นๆ

    2. รวยด้วยมรดก

    "กองมรดก" มีนิยามตามตัวบทกฎหมาย คือ บรรดาทรัพย์สินของผู้ตาย ส่วนใครมีสิทธิ์ครอบครองมรดกของผู้ตายก็ว่ากันไปตามพินัยกรรมหรือการสั่งเสีย มรดกยังมีประเภทของมันเอง เช่น ...
     
    - มรดกคู่ชีพ คือ เกิดมายังไม่ทันไรก็ได้เลย เช่น อายุยังไม่ถึง 20 แต่เจ้าคุณปู่แบ่งสมบัติให้แล้ว 100 ล้าน เห็นได้ชัดว่าเพียงรายได้อันเกิดจากดอกเบี้ยรายปี ก็มากกว่าคนทำงานกินเงินเดือนเกือบทั้งโลกแล้ว รากของกรรมที่ทำให้มีสิทธิ์ได้มรดกคู่ชีพ คือ บริจาคเงินเป็นประจำเพื่อเลี้ยงอาหารเด็ก คนชรา หรือผู้อนาถาด้อยโอกาสต่างๆ หรือไม่ก็ใส่บาตรพระทุกวัน ทุกอาทิตย์หรือทุกเดือน ซึ่งก็คือการหยิบยื่นแบบไม่มีเงือ่นไขให้ใครหลายๆ คนได้อยู่กินสบายตลอดเท่าที่ผู้บริจาคยังไม่สิ้นอายุ

    - มรดกเย็น คือ ได้แน่ๆ ตามกาล แบ่งกับญาติพี่น้องตามสัดส่วนที่ยุติธรรม หรือผู้ตายจัดสรรไว้ให้แน่นอนไม่เป็นอื่นแล้ว รากของกรรมที่ทำให้มีสิทธิ์ได้มรดกเย็น คือ เคยมีความโน้มเอียงให้ทานแบบปราศจากเงื่อนไข และจัดสรรให้อย่างยุติธรรม เช่น เมื่อมาที่สถานที่เลี้ยงเด็ก ก็เตรียมมาด้วยความตั้งใจจะเลี้ยงให้ครบทุกคน หรือให้ได้มากที่สุดโดยไม่เลือกหน้า พวกที่ให้ทานเย็นกับคนอื่นไว้ ก็มารวมเครือญาติรับมรดกเย็นร่วมกัน ทั้งนี้ แม้ของเก่าเป็นกรรมเย็น ก็ไม่แน่ว่าปัจจุบันใจจะเย็นไปด้วย

    - มรดกร้อน คือ ไม่รู้แน่ว่าจะได้หรือไม่ได้ ยังความร้อนใจกระวนกระวาย หรือกระทั่งการแตกคอกันในระหว่างหมู่ญาติ บางรายสู้รบกันในศาลเป็นสิบปียังไม่ตัดสิน รากของกรรมที่ทำให้มีสิทธิ์ได้มรดกร้อน คือ การให้ที่ไม่ตรงไปตรงมา ประเภทแจกของล่อใจชิ้นโต ยั่วกิเลสคนอย่างมีเงื่อนไข ต้องให้คนเขาสู้กัน หรือต้องให้แข่งขันชิงชัยเสียก่อน คนชนะจึงจะมีสิทธิ์ได้รับรางวัล พวกที่ให้ทานร้อนกับคนอื่นไว้ ก็มารวมเครือญาติรับมรดกร้อนร่วมกัน ทั้งนี้ แม้ของเก่าเป็นกรรมร้อน ก็ไม่แน่ว่าปัจจุบันใจจะต้องร้อนไปด้วย

    - มรดกเลือด คือ สมบัติเป็นเหตุแห่งศึกสายเลือด แย่งกันถึงขั้นคอขาดบาดตาบ หลายตระกูลทั่วโลกมีสมบัติมาก แต่ไม่ใช่เหตุแห่งความสุข จะเป็นเหตุแห่งความทุกข์เจียนคลั่งเสียมากกว่า เพราะแม้แต่พี่น้องของตัวเองก็ไว้ใจไม่ได้มากไปกว่าโจรที่จ้องฆ่ากัน รากของกรรมที่กำให้มีสิทธิ์ในมรดกเลือด คือ เคยตั้งรางวัลใหญ่ยั่วให้คนหรือสัตว์ฆ่าแกงกัน หรือทำร้ายตบตีชกต่อยกัน โดยผู้รอดหรือผู้ชนะค่อยเอารางวัลไป พวกที่ให้ทานบนน้ำมจโหดเหี้ยมก็มารวมเครือญาติรับมรดกเลือดร่วมกัน

    3. รวยด้วยน้ำพักน้ำแรง
   
    น้อยคนมากๆ ในโลกนี้ ที่ได้ลาภลอยหนเดียวแล้วรวยเลยตลอดไป ส่วนใหญ่ถ้าไม่รู้ว่าได้เงินก้อนโตมาอย่างไร ก็เท่ากับไม่รู้วิธีหาและรักษาไว้ ส่วนพวกที่รวยมรดกไปจนตาย ก็มักสบายแบบเคยตัว ประมาทในชีวิต คิดว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้

    และจากข้อก่อนคงเห็นแล้วว่าความพัวพันกับมรดกร้อนและมรดกเลือดนั้น จะก่อให้เกิดภัยเวรผูกกันไปอีก แสดงให้เห็นว่าทรัพย์อันเกิดจากศพของคนอื่น มักไม่นำมาซึ่งความสงบใจ สู้ทรัพย์อันเกิดจากกรรมของเราเองในอดีตและปัจจุบันไม่ได้ ให้ความรู้สึกว่าเป็นของเราจริง ไม่ต้องแย่งกับใคร และใครมาแย่งไม่ได้
   
    สรุปคือรวยลาภกับรวยมรดกนั้น ยังไม่แน่ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ต่างจากรวยด้วยตัวเอง อันนั้นมีตนเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นลาภ สนุกกับการสร้างลาภให้ตน และมีตนเป็นผู้รักษาเป็นไหนๆ

    การรวยด้วยน้ำพักน้ำแรงมีสองประเภทใหญ่ หนึ่งคือค้าขายเอาผลกำไร สองคืออาศัยความรู้ ความสามารถ ความเก่งกาจ หรือความฉลาดประดิษฐ์ในการทำให้มหาชนพอใจ แล้วแปรความพอใจอันใหญ่หลวงของมหาชนเป็นรายได้ในภายหลัง

    รากของกรรมอันบันดาลให้เป็นพ่อค้าแม่ขายที่ได้กำไร คือ เข้าไปไถ่ถามผุ้ทรงคุณว่าอยากได้อะไร แล้วหามาให้ตามที่ท่านขอหรือมากกว่านั้น จะเป็นเหตุสนับสนุนสำคัญให้ได้เป็นพ่อค้าแม่ขายที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จรุ่งเรือง ตรงจุดนี้ขอให้สังเกตด้วยว่า ภาพของกิริยาที่ทำกรรม ย่อมสะท้อนกลับมาเป็นภาพของปฎิกิริยาที่สอดคล้องเมื่อรับผลกรรม

    ส่วนรากของกรรมที่บันดาลให้เป็นคนรู้มาก สามารถมาก เก่งมาก ฉลาดมาก อีกทั้งมีผลให้มหาชนพอใจนั้น ให้ทานและรักษาศีลยังไม่พอ ต้องเป็นผู้เคยทำประโยชน์เฉพาะทางไว้่ก่อนด้วย ขอยกตัวอย่างสักสองสามอาชีพเพื่อให้เห็นภาพชัดดังนี้

     - ถ้าเคยทำขนมถวายพระ ใช้ใจ ใช้ความคิด ใช้ความสามารถทั้งหมดทุ่นเทให้กับการทำขนมอร่อยถวายพระอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน อย่างนี้เกิดใหม่จะมีทั้งไอเดียและฝีมือทำขนมตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นถ้าขยัยพอจะทำขนมขาย ก็จะมีทั้งรสขนมที่ถูกปากเป็นที่ติดใจแก่ลูกค้า กับทั้งมีรัศมีบุญดึงดูดคนเข้าร้านและอยากช่วยบอกต่อ

    - ถ้าเคยยอมเอากำลังแรงหรือชีวิตเข้าแลกในการปกป้องพระสงฆ์องค์เจ้า ลูกเด็กเล็กแดง หรือคนบริสุทธฺ์ ที่กำลังถูกศัตรูรุกราน อย่างนี้เกิดใหม่จะมีกำลังใหญ่ มีความฮึกเหิมห้าวหาญ หากไม่มีอาชีพอื่นให้เลือกและใจถึงพอ ก็เป็นนักมวย หรือเป็นนักสู้ระดับพระกาฬ ที่มหาชนชมการต่อสู้แล้วระทึก ช่วยกันเชียร์จนค่าตัวสูงลิบ ต่อให้ไม่ชนะทุกไฟต์ก็ตาม

    - ถ้าเคยใส่ใจไถ่ถามพระ หรือผู้ทรงศีล หรือพ่อแม่ ว่ามีโรคทางกายอย่างไร ลำบากเรื่องสุขภาพประการดใด แล้วขวนขวายหาหยูกยาหรือหนทางรักษาท่าน ด้วยความรู้จักเลือกยา เลือกหมอกับทั้งรักษาได้สำเร็จหรือช่วยให้พวกท่านทุเลาอาการลง อย่างนี้เกิดใหม่จะมีสัญชาตญาณและความสนใจรักษาคนป่วย อยากเห็นคนหายจากโรคภัยไขเจ็บ กับทั้งมีกำลังสมองเพียงพอจะรองรับศาสตร์หรือสาขาแพทย์แผนใดแผนหนึ่ง หรือกระทั่งมีสิทธิ์ค้นพบสูตรยาหรือวิธีรักษาอันลือลั่นได้ ยิ่งถ้าชาติไหนเป็นหมอมีฝีมืออยู่แล้ว และได้โอกาสรักษาพระอาพาธกลุ่มใหญ่ด้วยน้ำใจกรุณาก็ยิ่งเป็นเหตุให้ชาติถัดไปมีพรสวรรค์เหนือกว่าแพทย์อื่นเข้าไปอีก อาจถึงขั้นระดับประเทศหรือระดับโลกได้

    สรุปคือเคยทำบุญไว้เหมาะกับอาชีพแบบไหนมาก ก็จะเป็นผู้มีพรสวรรค์ ผลักดันให้เกิดความเพียรในสาขาวิชาชีพนั้นๆ เต็มใจทุ่มเทเวลาให้ กับทั้งรีดกำลังสมองทั้งหมดให้กับสิ่งที่ตนถนัด จนกลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในสาขาอาชีพ แล้วเงินทองกับการยกระดับชีวิตย่อมตามมาเอง

    4. รวยด้วยเส้นทางคนบาป

    เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนไม่เชื่อเรื่องผลของกรรม ก็เพราะผลกรรมมาช้า ถ้าผลกรรมมาเร็วทันตาทันใจ โลกนี้คงต่างไปจากที่เห็น เช่น เตะใครแล้วถูกเตะกลับแบบหมดสิทธิ์ป้องกันตัว ยกเค้าบ้านใครกลับมาเจอบ้านตัวเองว่างเปล่าบ้าง อย่างนี้ทุกคนจะกลัวบาปและอยากทำบุญกันหมด แต่นี่บางคนทำบ่อนอบายมุขแล้วรวย ขายเหล้าแล้วเป็นเศรษฐี โกงบ้านโกงเมืองแล้วยังมีหน้ามีตาอยู่ได้ คนทั่วไปเลยถอดใจ ไม่อยากเชื่อว่าผลของการทำบาปมีจริง

    ต่อเมื่อศึกษาจนเข้าใจแล้วว่าการเข้าท้องมนุษย์ มาเกิดกับพ่อแม่คู่หนึ่่งๆ มีรูปร่างหน้าตาและสติปัญญาแบบหนึ่งๆ ก็ด้วยผลรวมของกรรมเก่า กรรมเก่าวางแผนไว้ให้หมดแล้วว่าจะได้ดี หรือตกยากประมาณไหน ในช่วงต้น ช่วงกลาง หรือช่วงปลายชีวิต จึงค่อยเกิดศรัทธาขึ้นมาได้

    นอกจากรับกรรมเก่าแล้ว เราทุกคนก็กำลังสร้างกรรมใหม่จะส่งเสริมหรือขัดขวางกรรมเก่า เป็นสิทธิ์ที่จะเลือกได้ใหม่ไม่จำกัด เช่น บุญจากการให้ทานส่งให้คุณรวยตั้งแต่เกิด แต่ด้วยความไม่รู้ว่ารวยได้อย่างไร นึกว่าบังเอิญโชคดีแบบไม่มีเหตุผล ก็อาศัยความโชคดีนั้นไปสร้างธุรกิจปอกลอกเงินประชาชน แบบจะเอาเงินต่อเงินให้รวยยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ไม่รู้ตัวเลยว่านั่นเป็นการสร้างความหายนะให้กับตนเองเพียงใด

    ในชาติที่ทำธุรกิจโกงเงินประชาชน ถ้าบุญเก่าเลี้ยงไว้แบบจะให้สบายตลอดชีวิต อย่างไรก็ไม่ต้องติดคุก คุณอาจลอยหน้าลอยตา ยิ่งใหญ่คับฟ้าไม่เลิก แต่หากบุญเก่าไม่ได้สั่งให้ต้องสบายแน่ๆ ไปทั้งชาติ น้ำลดเมื่อไรตอก็ผุดเมื่อนั้น คุณอาจต้องเข้าคุกในบั้นปลายชีวิต แล้วถ้ามีสิทธิ์กลับมาเกิดใหม่ในแดนมนุษย์ ก็อาจมาอยู่กับครอบครัวที่สิ้นไร้ไม้ตอก โดนเขาโกงตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ตกทอดเรื่อยมาจนถึงรุ่นคุณ เรียกว่าได้หน้าดำคร่ำเครียดกับความยากจนตั้งแต่เกิดจนตาย พยายามหาเงินมาแค่ไหนก็โดนโกงไปแค่นั้น

    สรุปว่าจะร่ำรวยได้นั้น ไม่ว่าจะบนเส้นทางนักบุญหรือคนบาป อย่างไรก็ต้องมีบุญเก่าหนุนหลังอยู่ ส่วนคำถามที่มักเกิดขึ้นว่าทำไม่บางคนทำบาปขึ้น ทำไมบางคนพยายามหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ อันนี้ก็ต้องมาดูกัน มูลเหตุให้ทำบาปขึ้นนั้น เกิดจากการที่เคยใช้เงินเปื้อนบาปไปทำบุญ หรือเคยหลงผิดเข้าไปอยู่ในลัทธิความเชื่อประเภทบูชาเทพด้วยชีวิตสัตว์ หรือฆ่าคนด้วยเมตตาเป็นประจำ ด้วยเจตนาอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์พ้นทรมาน

    บุญเปื้อนบาป หรือบาปฉาบบุญนี่เองคือชนวนของการทำบาปขึ้นในชาติถัดมา ในอดีตคฤหบดีบางคนทำธุรกิจเหล้ายา แล้วเอาเงินไปสร้างวัด สร้างหอสมุดธรรมะ ทั้งทางโลกและทางธรรม ก็ช่วยให้รอดจากผลของการขายเหล้าไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่กรรมเผล็ดผล

    ในอดีตบางคนเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง มีอำนาจราชศักดิ์แล้วใช้อำนาจราชศักดิ์นั้นในการทำนุบำรุงศาสนาต่างๆ จิตใจกว้างขวาง คิดเอื้อประโยชน์สุขแก่สมณะและปวงชน เมื่อเกิดใหม่ก็ไม่น่าแปลกใจหากจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านเมืองอีก ส่วนจะคิดปกครองหรือเล่นการเมืองแนวใด ก็ขึ้นอยู่กับว่าในปัจจุบันต้องเข้ากับกลุ่มพวกที่มีความเชื่อทางการเมืองแบบไหน อาศัยอยู่ในประเทศใด อย่ามองแบบเหมาเข่งว่าเป็นนักการเมืองต้องโกงกินและไร้คุณงามความดีกันสักนิดเดียว

    คนมักคิดว่าความยากจนคือต้นเหตุของภยันตรายและความชั่วร้ายทั้งปวง แต่ข้อเท็จจริงคือ โจรหิวโซเป็นภัยได้แคบจำกัดกว่าเศรษฐีที่ยังอิ่มไม่พอ เพราะโจรกระจอกนั้น พอทำร้ายใครแค่คนเดียว ก็อาจโดนตำรวจจับเข้าคุกยาวกว่าจะออกมาก่อคดีอีก แม้เศรษฐีที่มีอิทธิพลใหญ่อาจใช้อำนาจเงินซื้อตำรวจไว้ทั้งเมือง แม้เข้าฆ่าคนตายหรือทำให้หลายครอบครัวเดือดร้อยแสนสาหัส ใครเล่าจะแตะต้องเขาได้ นอกจากวิบากกรรมที่จะตามมาเล่นงานซึ่งก็อาจเป็นเวลาเนิ่นนานต่อมา ใครทนรอเห็นผลที่จะเกิดกับมาเฟียใหญ่ไม่ไหว ก็อาจต้องเสื่อมศรัทธาในบาปบุญกันไป
leechong
Verified User
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0

Re: การลงทุนกับธรรมะประยุกค์

โพสต์ที่ 7

โพสต์

[quote="leechong"]หัวข้อ 4 คิดพิจารณา
    การทำบุญก็ดี การรักษาศีลก็ดี การเจริญภาวนาก็ดี ทั้ง 3 อย่างนี้พึงมี ทำให้มาก ทำให้แจ้ง
    ส่วนหัวข้อหลักที่ผมได้แสดงมาแล้วข้างต้นนั้น เป็นเสมือนจดหมายบอกเหตุ เมื่อเราได้ทำเหตุที่ดีแล้ว ทำเหตุที่ตรงแล้ว ทำเหตุที่ดีที่ตรงให้มากแล้ว บุญก็จะเริ่มสะสมให้มี สะสมให้บริสุทธิ์ สะสมให้มาก เมื่อถึงเวลาผลในบุญนั้นย่อมแสดงผลให้
    แต่เราก็มีเหตุน่าคิดอยู่เหมือนกัน เช่น คำว่า "เนื้อนาบุญ" หรือ "บุญเขต" เป็นต้น ซึงการสร้างบุญนั้นก็มีเหตุปัจจัยเข้ามากระทบอยู่เนืองๆ เพราะคำข้างต้น จนมีส่วนทำให้เราเป็นผู้ทำบุญแบบมุ่งเน้น หรือทำบุญแบบเฉพาะเจาะจง ขอยกตัวอย่าง เมื่อเราไปทำบุญใส่บาตรพระที่วัดในวันอาทิตย์เช้า โดยมากก็จะเลือกใส่กับพระผู้ใหญ่ พระดังๆ พระที่คิดว่าสำเร็จหรือมีบารมีมาก ๆ ส่วนพระรูปที่อยู่หางแถวก็ ...
    ถ้าเราพิจารณาตามเจตนาของการทำบุญทำทานนั้น เงื่อนไขตัวผู้รับก็น่าจะสมกับคำว่า "เนื้อนาบุญ" หรือ "บุญเขต" แต่ในแง่ของจิตที่คิดจะให้ท่านกับมีความหมายในวงแคบ เพราะเป็นการให้แบบเจาะจงเฉพาะรูป ไม่ใช่การให้แบบใจเปิดกว้าง คือการให้ได้ทุกรูป การให้แบบไม่เลือกหน้า หรือ
    ถ้าพระที่เราจะใส่บาตรมีหลายรูป แต่เรามี 1 ชุด หรือ 2 ชุด ไม่พอใส่ทุกรูป จะสังเกตุได้ว่า พระบางรุปได้อาหารหรือปัจจัย 4 มาก แต่บางรูปได้น้อยหรือขาดแคลน ถ้าเรามองในแง่ของความจำเป็นแล้ว อาหารหรือปัจจัย 4 ที่เราใส่บาตรให้พระรูปที่ขาดแคลนแล้วย่อมสามารถนำไปใช้ก่อเกิดประโยชน์ได้ทันที ส่วนพระอีกรูปย่อมเหลือใช้
    ฉะนั้น การทำบุญทำทานใส่บาตร ถวายปัจจัย 4 ก็มีเรื่องมาให้ใช้สมอง (พิจารณาไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน)  ในการพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป แต่ถ้าทำบุญแบบง่าย ๆ ผลของเราก็จะง่าย ๆ
    ผลของทานที่จะได้คือ เป็นผู้มีทรัพย์ ถ้าเราทำบุญทานที่ประกอบด้วยปัญญา ผลที่ได้คือ เจ้าทรัพย์มีปัญญาบริหารโภคทรัพย์ แต่เราชอบทำบุญทานแบบง่าย ๆ ก็เป็นเจ้าทรัพย์อับปัญญา ต้องจ้างคนอื่นมาช่วยดูแล ช่วยบริหารทรัพย์ให้
    อันนี้แล้วแต่จะท่านคิด
    ผมขอให้ผลบุญนี้จงเกิดแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปอง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงอยู่ดีมีสุขแล
โพสต์โพสต์