กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 1
เอาไว้ใช้สังเกตพวกสินค้าอวดอ้างสรรพคุณจอมปลอมทั้งหลาย
กลยุทธ์ที่ใช้ในปัจจุบัน
1. นำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือความเชื่อที่มีผู้สนใจจำนวนมาก โดยอ้างว่าสิ่งที่นำเสนอสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มักบอกว่าเป็นนวัตกรรมล่าสุด มักมีศัพท์วิทยาศาสตร์เช่น นาโน ควอนตัม ชีวภาพ เรโซแนนซ์ สเต็มเซลล์
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักหยิบยกคำศัพท์หรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มาอ้าง แต่ใช้ผิดที่ผิดทาง ตีความผลลัพธ์ตามอำเภอใจของผู้นำเสนอ เพื่อให้คนที่มีพื้นฐานความรู้ไม่มากนักหลงเคลิ้ม และเชื่อถือ และบ่อยครั้งหลักการทำงานของผลิตภัณฑ์ไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือรับรอง หรือหยิบหลักฐานที่อ่อนด้อยมาพูดให้ดูดี
2. อ้างหลักฐานสนับสนุน เช่นผลการทดสอบจากสถาบัน (มักเป็นจากต่างประเทศ แต่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน) การได้ตรารับรอง (่เช่น อย.) หรือสิทธิบัตร
การได้รับการรับรองจาก อย. เป็นสิ่งจำเป็นทางกฏหมายว่าผลิตภัณฑ์อาหารและยาใด ๆ ที่นำเข้าและจำหน่ายในเมืองไทย ต้องได้รับการรับรองก่อนเสมอ แต่การรับรองเป็นเพียงการรับรองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นอาหารจริง ไม่ได้รับรองสรรพคุณ หรือประสิทธิภาพของมันว่าดีอย่างที่อวดอ้าง บ่อยครั้งการรับรองของ อย.เป็นอาหาร แต่มักอวดอ้างว่าเป็นยา
3. อ้างบุคคลน่าเชื่อถือ หรือบุคคลที่กลุ่มลูกค้าให้การยอมรับ
เช่นการอ้างแพทย์ หรือนักวิทยาศาสตร์ (ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือต่างประเทศ) ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าดูดี และทำให้คนที่สงสัยเกิดความลังเลที่จะโต้แย้ง สำหรับสื่อทีวีหรือวิทยุ ให้ระวังการนำพิธีกรมีชื่อ เหล่าเซเลบ มาพูดคุยและพูดสนับสนุนเป็นการโฆษณาแฝงในรายการของตน ควรตรวจสอบคุณวุฒิและประสบการณ์ หรือหลักฐานของบุคคลเหล่านั้นก่อนเสมอ
4. อ้างความสำเร็จหรือผลการใช้จากผู้มีประสบการณ์
การสาธิตหรือทดลองใช้ แล้วประสบความสำเร็จมักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาโดยการบอกต่อ หรือเผยแพร่ข้อมูลเหล่านั้นโดยให้ผู้ใช้จริงเป็นผู้เล่า ทั้ง ๆ ที่ผลที่ได้อาจเกิดจากปัจจัยอื่น หรือเกิดโดยบังเอิญ
5. อ้างอิงความเชื่อที่ยึดถือกันโดยทั่วไป เช่นการตั้งราคาสินค้าให้สูง เพื่อให้เชื่อว่าผลิตภัณฑ์นั้นน่าจะได้ผลจริง (เพราะมันแพง ถ้าไม่ได้ผลคงไม่ตั้งราคาให้แพงขนาดนี้ เนื่องจากจะไม่มีใครโง่พอที่จะซื้อ ... หารู้ไม่ว่า เราอาจะเป็นหนึ่งในคนโง่เหล่านั้นในไม่กี่อึดใจ), การติดป้ายว่า "ขายดี" "ยอดขายเป็นอันดับ 1" ไม่ได้บอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นขายดี หรือเป็นของดีจริง (เพราะแทบไม่มีใครไปตรวจสอบว่ายอดขายเป็นเช่นนั้นหรือไม่)
6. การสาธิตเพื่อให้เห็นจริง และโน้มน้าวให้เชื่อ เช่นการใช้ "หน้าม้า" แฝงตัวเข้ามาเป็นผู้ชม และอาสาทดลองใช้กันสด ๆ เพื่อให้กลุ่มผู้รับชมเกิดความเชื่อว่าได้ผล
7. การตอบโต้ข้อวิจารณ์ โดยมุ่งโจมตีตัวบุคคล หากการวิจารณ์นั้นมีแนวโน้มที่จะคุกคามยอดขาย หรือลดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ เจ้าของสินค้าอาจเลือกโจมตีผู้วิจารณ์โดยตรง เพื่อลดความน่าเชื่อถือของบุคคล มากกว่าจะโต้แย้งข้อสงสัย หรือหลักการ / หลักฐานทางวิชาการ ถ้ารุนแรงมากอาจมีการข่มขู่ หรือฟ้องร้องหมิ่นประมาท
วิทยาศาสตร์จอมปลอมมักใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ข้างต้นผสมผสานกัน มากบ้างน้อยบ้าง การสร้างภูมิคุ้มกันทางปัญญาและหัดสงสัย หรือตั้งคำถาม แสวงหาคำตอบด้วยตนเอง น่าจะป้องกันการหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้
กลยุทธ์ที่ใช้ในปัจจุบัน
1. นำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือความเชื่อที่มีผู้สนใจจำนวนมาก โดยอ้างว่าสิ่งที่นำเสนอสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มักบอกว่าเป็นนวัตกรรมล่าสุด มักมีศัพท์วิทยาศาสตร์เช่น นาโน ควอนตัม ชีวภาพ เรโซแนนซ์ สเต็มเซลล์
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักหยิบยกคำศัพท์หรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มาอ้าง แต่ใช้ผิดที่ผิดทาง ตีความผลลัพธ์ตามอำเภอใจของผู้นำเสนอ เพื่อให้คนที่มีพื้นฐานความรู้ไม่มากนักหลงเคลิ้ม และเชื่อถือ และบ่อยครั้งหลักการทำงานของผลิตภัณฑ์ไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือรับรอง หรือหยิบหลักฐานที่อ่อนด้อยมาพูดให้ดูดี
2. อ้างหลักฐานสนับสนุน เช่นผลการทดสอบจากสถาบัน (มักเป็นจากต่างประเทศ แต่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน) การได้ตรารับรอง (่เช่น อย.) หรือสิทธิบัตร
การได้รับการรับรองจาก อย. เป็นสิ่งจำเป็นทางกฏหมายว่าผลิตภัณฑ์อาหารและยาใด ๆ ที่นำเข้าและจำหน่ายในเมืองไทย ต้องได้รับการรับรองก่อนเสมอ แต่การรับรองเป็นเพียงการรับรองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นอาหารจริง ไม่ได้รับรองสรรพคุณ หรือประสิทธิภาพของมันว่าดีอย่างที่อวดอ้าง บ่อยครั้งการรับรองของ อย.เป็นอาหาร แต่มักอวดอ้างว่าเป็นยา
3. อ้างบุคคลน่าเชื่อถือ หรือบุคคลที่กลุ่มลูกค้าให้การยอมรับ
เช่นการอ้างแพทย์ หรือนักวิทยาศาสตร์ (ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือต่างประเทศ) ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าดูดี และทำให้คนที่สงสัยเกิดความลังเลที่จะโต้แย้ง สำหรับสื่อทีวีหรือวิทยุ ให้ระวังการนำพิธีกรมีชื่อ เหล่าเซเลบ มาพูดคุยและพูดสนับสนุนเป็นการโฆษณาแฝงในรายการของตน ควรตรวจสอบคุณวุฒิและประสบการณ์ หรือหลักฐานของบุคคลเหล่านั้นก่อนเสมอ
4. อ้างความสำเร็จหรือผลการใช้จากผู้มีประสบการณ์
การสาธิตหรือทดลองใช้ แล้วประสบความสำเร็จมักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาโดยการบอกต่อ หรือเผยแพร่ข้อมูลเหล่านั้นโดยให้ผู้ใช้จริงเป็นผู้เล่า ทั้ง ๆ ที่ผลที่ได้อาจเกิดจากปัจจัยอื่น หรือเกิดโดยบังเอิญ
5. อ้างอิงความเชื่อที่ยึดถือกันโดยทั่วไป เช่นการตั้งราคาสินค้าให้สูง เพื่อให้เชื่อว่าผลิตภัณฑ์นั้นน่าจะได้ผลจริง (เพราะมันแพง ถ้าไม่ได้ผลคงไม่ตั้งราคาให้แพงขนาดนี้ เนื่องจากจะไม่มีใครโง่พอที่จะซื้อ ... หารู้ไม่ว่า เราอาจะเป็นหนึ่งในคนโง่เหล่านั้นในไม่กี่อึดใจ), การติดป้ายว่า "ขายดี" "ยอดขายเป็นอันดับ 1" ไม่ได้บอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นขายดี หรือเป็นของดีจริง (เพราะแทบไม่มีใครไปตรวจสอบว่ายอดขายเป็นเช่นนั้นหรือไม่)
6. การสาธิตเพื่อให้เห็นจริง และโน้มน้าวให้เชื่อ เช่นการใช้ "หน้าม้า" แฝงตัวเข้ามาเป็นผู้ชม และอาสาทดลองใช้กันสด ๆ เพื่อให้กลุ่มผู้รับชมเกิดความเชื่อว่าได้ผล
7. การตอบโต้ข้อวิจารณ์ โดยมุ่งโจมตีตัวบุคคล หากการวิจารณ์นั้นมีแนวโน้มที่จะคุกคามยอดขาย หรือลดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ เจ้าของสินค้าอาจเลือกโจมตีผู้วิจารณ์โดยตรง เพื่อลดความน่าเชื่อถือของบุคคล มากกว่าจะโต้แย้งข้อสงสัย หรือหลักการ / หลักฐานทางวิชาการ ถ้ารุนแรงมากอาจมีการข่มขู่ หรือฟ้องร้องหมิ่นประมาท
วิทยาศาสตร์จอมปลอมมักใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ข้างต้นผสมผสานกัน มากบ้างน้อยบ้าง การสร้างภูมิคุ้มกันทางปัญญาและหัดสงสัย หรือตั้งคำถาม แสวงหาคำตอบด้วยตนเอง น่าจะป้องกันการหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ 

คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณอาจารย์หมอนะครับที่กรุณาให้ความรู้
ผมเป็นเหยื่อมาแยะแล้วครับ
ต้องหาโอกาสสอบถามอาจารย์เวลาจะซื้อครั้งต่อๆไปครับ
เพราะผมเป็นคนชอบของแปลกๆเสียด้วย
ลองซื้อลองใช้ทั้งๆที่ไม่แน่ใจทุกทีเลย
ผมเป็นเหยื่อมาแยะแล้วครับ
ต้องหาโอกาสสอบถามอาจารย์เวลาจะซื้อครั้งต่อๆไปครับ
เพราะผมเป็นคนชอบของแปลกๆเสียด้วย
ลองซื้อลองใช้ทั้งๆที่ไม่แน่ใจทุกทีเลย

ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 7
เห็นด้วยครับพี่หมอ ในแต่ละปีผมคิดว่าประเทศเราเสียเงินซื้อสินค้าจอมปลอมพวกนี้ปีละนับพันนับหมื่นล้าน ผมคงพูดไม่ผิดเพราะบางบริษัทแจ้งยอดขายด้วย ผมคิดว่าเป็นความสูญเปล่าแทนที่จะนำเงินไปใช้จ่ายทางอื่นหรือเก็บเป็นเงินออม รัฐน่าจะมีหน่วยงานรับผิดชอบปราบปรามโดยตรง เสียเงินหลักร้อยล้าน พันล้าน แต่ประหยัดเงินให้ประชาชนหมื่นล้าน ผมมองว่าคุ้ม เรื่องที่จะให้ความรู้ประชาชนเป็นเกราะผมมองว่ายาก เพราะต้องอาศัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์พอสมควร แม้แต่คนที่ร่ำเรียนมาเป็นหมอ ครูอาจารย์ บางครั้งยังเผลอไผลเคริบเครึ้มเลยครับ แต่ไม่ไช่ว่าไม่ควรจะทำ ควรทำทั้งป้องกันและปราบปรามควบคู่ไปด้วย ที่จริงรัฐมีกฏหมายควบคุมการขายตรงหรือสินค้าเหล่านี้โดยเฉพาะ แต่ก็เหมือนกฎหมายทั่วไปที่ดีแต่การปฎิบัติหย่อนยาน ส่วนใหญ่จะควบคุมในสื่อโฆษณาที่เข้าถึงได้กว้างขวางอย่างทีวี แต่เวลาไปขายจริงๆนี่คนละเรื่องเพราะส่วนใหญ่ใช้พนักงานขาย ซึ่งจะพูดอะไรก็ได้ที่คนเชื่อและซื้อสินค้า ผลลัพธ์ก็เลยออกมาอย่างที่เห็นๆกัน
สินค้าอาหารเสริมจะมีประโยชน์กับคนที่ขาดสารอาหารเท่านั้น ถ้าเสียเงินทานอาหารให้ครบหมู่ ไม่รู้จะไปเสียเงินซื้ออาหารเสริมอีกทำไม ยกเว้นทานแล้วสบายใจก็ถือว่าจ่ายเงินเพื่อสร้างความสบายใจ อีกส่วนหนึ่งสินค้าที่เป็นยาซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาที่อวดอ้างว่ามีสรรพคุณรักษาโรคเรื้อรังหรือโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่ได้แล้ว คนป่วยเหล่านี้ไม่มีความหวังอะไรเลย ดังนั้นหากมียาที่อาจจะทำให้หายป่วยได้ เค้าจะเต็มใจซื้อทันที แม้ราคาแสนแพงหรือโอกาสรักษาได้จริงมีน้อยนิดแต่ก็ต้องซื้อ เป็นการซื้อความหวัง ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ผลจริงๆ

สินค้าอาหารเสริมจะมีประโยชน์กับคนที่ขาดสารอาหารเท่านั้น ถ้าเสียเงินทานอาหารให้ครบหมู่ ไม่รู้จะไปเสียเงินซื้ออาหารเสริมอีกทำไม ยกเว้นทานแล้วสบายใจก็ถือว่าจ่ายเงินเพื่อสร้างความสบายใจ อีกส่วนหนึ่งสินค้าที่เป็นยาซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาที่อวดอ้างว่ามีสรรพคุณรักษาโรคเรื้อรังหรือโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่ได้แล้ว คนป่วยเหล่านี้ไม่มีความหวังอะไรเลย ดังนั้นหากมียาที่อาจจะทำให้หายป่วยได้ เค้าจะเต็มใจซื้อทันที แม้ราคาแสนแพงหรือโอกาสรักษาได้จริงมีน้อยนิดแต่ก็ต้องซื้อ เป็นการซื้อความหวัง ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ผลจริงๆ

การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 8
สินค้าที่หาประโยชน์ไม่ได้จริง แต่มาร์จิ้นเยอะ ... มักไม่แคล้วพัวพันกับระบบสินบน หรือผลตอบแทนของสมาชิก (MLM) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตนเอง (แทนที่จะใช้ความดีของสินค้าเป็นภูมิ)
สินค้าพวกนี้มักอยู่ในกลุ่มขายตรง .. หรือมีการโฆษณาเป็นประจำถี่ยิบในช่องเคเบิ้ล .. ปูแดงงี้, มหาบำบัดงี้
เจ้าหน้าที่ของรัฐก็รับส่วย ได้ประโยชน์ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่มิใช่น้อย บางทีผลประโยชน์มันโยงขึ้นไปถึงผู้บริหารระดับสูง หรือนักการเมืองเลยทีเดียว
มันต้องกำจัดระบบนี้ให้ได้ด้วยคู่กันไปกับการบังคับใช้กฏหมาย
สินค้าพวกนี้มักอยู่ในกลุ่มขายตรง .. หรือมีการโฆษณาเป็นประจำถี่ยิบในช่องเคเบิ้ล .. ปูแดงงี้, มหาบำบัดงี้
เจ้าหน้าที่ของรัฐก็รับส่วย ได้ประโยชน์ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่มิใช่น้อย บางทีผลประโยชน์มันโยงขึ้นไปถึงผู้บริหารระดับสูง หรือนักการเมืองเลยทีเดียว
มันต้องกำจัดระบบนี้ให้ได้ด้วยคู่กันไปกับการบังคับใช้กฏหมาย
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- killyz
- Verified User
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 9
ใจเย็นๆ ครับ คุณหมอแรนดี้ ออกมาให้ความรู้และเตือนพี่น้อง TVI ครับWarantact เขียน:แค้นอะไรพวกขายตรงบางยี่ห้อรึเปล่าครับ
ธุรกิจ MLM ในไทย คล้ายแชร์ลูกโซ่ในไทย
แต่ใช้สินค้าแทนเงินสด เพื่อจะได้ไม่ผิดกฏหมาย
สินค้ามันดีจริงสมกับราคาที่แพงไหม อีกเรื่อง
โดยรวมเท่าที่ผมเคยดูสินค้าในธุรกิจ MLM
ขอบอกว่าราคาสินค้า Overvalue มาก และเทรดกันที่ P/E สูงอีก
อาหารเสริมปีโป้ 1 ซองราคา 100 บาท ซึ่งผมใช้กินข้าวได้ทั้งวัน
ถ้าผมกินซองเดียวแล้วไม่ต้องกินข้าวทั้งวันจะรอดไหมครับ
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 10
ผมมีข้อสังเกตครับ
ว่า MLM เวลาโฆษณา จะไม่ โฆษณาสินค้า
แต่จะเน้นการหาสมาชิก และบอกว่า ทำแล้ว รวยเร็วแค่ไหน
...........
เคยไปต่างจังหวัด และเห็นการประชุมของ MLM
ตกใจครับ เพราะป้าๆลุงๆ ชาวบ้านมาเต็มไปหมดครับ
..........
น่าเป็นห่วง แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี
เพราะไม่ได้เป็น สส. :lol: :lol: :lol:
ว่า MLM เวลาโฆษณา จะไม่ โฆษณาสินค้า
แต่จะเน้นการหาสมาชิก และบอกว่า ทำแล้ว รวยเร็วแค่ไหน
...........
เคยไปต่างจังหวัด และเห็นการประชุมของ MLM
ตกใจครับ เพราะป้าๆลุงๆ ชาวบ้านมาเต็มไปหมดครับ
..........
น่าเป็นห่วง แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี
เพราะไม่ได้เป็น สส. :lol: :lol: :lol:
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 13
มีเรื่องสอบถามน้าหมอ mprandy เรื่องสินค้าเหล่านี้ในมุมมองของหมอ
ในเรื่องสารอาหาร คือว่าผม กินบ่อย ๆ นะครับ เวลา เหนื่อยนะครับ
1. โปรตีน Amway
2. Brand รังนก
3. ซุปไก่ Scott
สงสัยจะเริ่มมีอายุ

ในเรื่องสารอาหาร คือว่าผม กินบ่อย ๆ นะครับ เวลา เหนื่อยนะครับ
1. โปรตีน Amway
2. Brand รังนก
3. ซุปไก่ Scott
สงสัยจะเริ่มมีอายุ

มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 413
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 14
ไม่ใช่หมอแรนดี้ แต่ขอเสนอว่า กินไข่แทนจะวีไอกว่าครับ ส่วนตัวก็กินไข่ขาวแทน ถูกกว่า แต่อย่างว่า มันไม่ค่อยสะดวก ผมว่าพวกนั้นที่สดชื่นทันตาเห็นส่วนนึงเพราะมันมีน้ำเย็นๆผสมด้วย ถ้ากินไข่ ก็ตามด้วยน้ำเย็นๆก้อสดชื่นได้เหมือนกัน^^BeSmile เขียน: 1. โปรตีน Amway
2. Brand รังนก
3. ซุปไก่ Scott
สงสัยจะเริ่มมีอายุ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 15
ถามนิดนึงครับmprandy เขียน: เจ้าหน้าที่ของรัฐก็รับส่วย ได้ประโยชน์ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่มิใช่น้อย บางทีผลประโยชน์มันโยงขึ้นไปถึงผู้บริหารระดับสูง หรือนักการเมืองเลยทีเดียว
มันต้องกำจัดระบบนี้ให้ได้ด้วยคู่กันไปกับการบังคับใช้กฏหมาย
คุณหมอ เป็น จนท ของรัฐ ด้วย รึป่าวครับ
555
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 16
อาหารเสริมพวกนี้ ถ้าจะกินก็กินได้ อย่างรังนกคนไข้ให้มาเยอะมาก ก็ทยอยกินบ้าง เผื่อแผ่คนรอบข้างบ้าง ส่วนซุปไก่กินไม่เป็น แจกหมดเลยครับBeSmile เขียน:มีเรื่องสอบถามน้าหมอ mprandy เรื่องสินค้าเหล่านี้ในมุมมองของหมอ
ในเรื่องสารอาหาร คือว่าผม กินบ่อย ๆ นะครับ เวลา เหนื่อยนะครับ
1. โปรตีน Amway
2. Brand รังนก
3. ซุปไก่ Scott
สงสัยจะเริ่มมีอายุ
ส่วนโปรตีนแอมเวย์ ไม่เคยได้ ไม่เคยซื้อ เลยไม่เคยกิน บอกไม่ได้ครับ
สารอาหารหน่ะมีแน่ ... แต่คุ้มราคาหรือไม่ ตนเองตอบเอง ดีที่สุด
ป.ล. ตกลงผมแก่ขนาดเป็นน้าแล้วเหรอครับ

ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 20
เสริมอีกอัน
หลังๆนี่มีอ้างกันหน้าด้านๆด้วย
มี forward mail เกี่ยวกับการรักษามะเร็ง อ้างถึงมหาวิทยาลัยใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริการซะด้วย
มีอาจารย์ท่านหนึ่งสงสัยจึงไปดูในเวบหลักของมหาวิทยาลับแห่งนั้น...
มีขึ้นป้ายตัวเบอเร่อ กรุณาอย่าเชื่อ forward mail นั้น เพราะ paper ไม่ได้ออกจากมหาวิทยาลัย ...
ดูซิ หากินกันง่ายเหลือเกิน...
หลังๆนี่มีอ้างกันหน้าด้านๆด้วย
มี forward mail เกี่ยวกับการรักษามะเร็ง อ้างถึงมหาวิทยาลัยใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริการซะด้วย
มีอาจารย์ท่านหนึ่งสงสัยจึงไปดูในเวบหลักของมหาวิทยาลับแห่งนั้น...
มีขึ้นป้ายตัวเบอเร่อ กรุณาอย่าเชื่อ forward mail นั้น เพราะ paper ไม่ได้ออกจากมหาวิทยาลัย ...
ดูซิ หากินกันง่ายเหลือเกิน...
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
กลยุทธ์การตลาดของวิทยาศาสตร์จอมปลอม!
โพสต์ที่ 21
ขอบคุณครับคุณลุงแรนดี้
ลงทุนเพื่อชีวิต