ความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนเกิด กับ เหตุการณ์ทีมท่าเรื่อ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
ความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนเกิด กับ เหตุการณ์ทีมท่าเรื่อ
โพสต์ที่ 1
ผมเขียนด้วย "อคติ" โปรดอ่านด้วยความระมัดระวัง
อย่าเชื่อเพราะ "อคติ" ของท่าน
ผมอาจผิด อะไรก็เป็นไปได้ครับ....
------------------
ซิกมัน ฟรอย กล่าวว่า กฎของธรรมชาติที่ลึกที่สุดในใจคนคือ ทุกคนอยากเป็นคนสำคัญ
อคติข้อนี้อาจเป้นต้นเหตุของ critical mass ทีเกิดขึ้นกับทีมฟุตบอลท่าเรือ มีอคติทีเชื่อกันในหมู๋ทีมฟุตบอลว่ากรรมการมักเข้าข้างทีมเมืองทองมากกว่าทีมอื่น
ท่านสามสลึงกล่าวไว้ว่า คนเราพอปักใจเชื่ออะไรเสียแล้ว ก็จะกอดความเชื่อนั่นเอาไว้ แม้หลักฐานหรือข้อมูลที่ได้รับจะไม่ตรงกับความเชื่อหรือภาพที่วาดไว้ในใจ ก็จะไม่ยอมละทิ้งความคิดความเชื่อนั้นง่าย ๆ แต่จะสรรหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดความเชื่อของตน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเชื่อฝังหัวแล้ว บางทีตา หู ลิ้นและอายตนะอื่น ๆ ก็พลอยคล้อยตามความคิดไปด้วย
ทีมอื่นต้องประสบภาวะทุกข์ใจจากปมด้อยทางใจบางประการ ครั้งหนึ่งพวกเขาอาจเคยคิดว่าทีมฟุตบอลของตัวเองเป้นทีม สำคัญ แต่เดี๋ยวนี้กลับได้รับการปฎิบัติเหมือนเป้นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่า ทีมฟุตบอลทีมอื่นรู้สึกว่าตัวเองถูกลดค่าความ เป้นคนสำคัญ ลงไปมาก ในทางทางตรงกันข้าม.....คุณค่าของความเป้น คนสำคัญ ของแฟนบอลทีมเมืองทองกลับได้รับการส่งเสริมมากขึ้น
หมอท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า เมืออาการบางอย่างมากเกินไป ก็สะท้อนกลับว่ามีอะไรบางอย่างที่มันน้อยไป ในกรณีนี้ ซึ่งพอมีจุดสังเกตความแตกต่างชนิดตรงกันข้ามของการตัดสินใจของกรรมการในวันนั้นแม้เพียงครั้งเดียว ทีมท่าเรื่อมีความเชื่อบางอย่างอยู่แล้ว ว่ากรรมการจะเข้าข้างทีมเมืองทอง สายตาแฟนบอลเห็นกรรมการมีพิรุธตลอดเวลาตั้งแต่แรก ไม่ว่าเขาจะเดิน จะวิ่ง หรือพูดอะไรก็ส่ออาการของอาการลำเอียง ภาพของกรรมการในสายตาของแฟนบอลท่าเรื่อเปลี่ยนไปตั้งแต่เกมเริ่มต้น ภาพเปลี่ยนไปเพราะ อคติ ที่เปลี่ยนไปมาสักระยะหนึ่งแล้ว
ความ ไม่ยุติธรรม ทำให้ทีมท่าเรื่อถูกลดค่าความเป้น คนสำคัญ ลงแต่มันสะท้อนกลับทำให้ความเป้น คนสำคัญ ของอีกทีมมีค่ามากขึ้น .....ข้อสังเกตของ อคติ ที่สร้างพฤติกรรมที่ตามมาก่อนเกิด critical mass....
.แฟนบอลทีมเมืองทองบางคนขนาดสำคัญผิดคิดว่าตัวเองเป้นผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นปฎิกริยาของทีมท่าเรือที่รู้สึกอิจฉาและคับแค้นใจต่อทีมตรงข้ามที่ได้รับอภิสิทธิ์นี้จึงแสดงออกมาในหลายลักษณะตั้งแต่การแข่งขันจะเริ่มขึ้นโดยมีการด่าทอกรรมการตั้งแต่แรก
เมื่อใดก้ตามที่คนส่วนใหญ่ซึ่งเคยได้รับการส่งเสริมคุณค่าความเป้น คนสำคัญ มาก่อนและวันนหึ่งคุณค่าความเป้นคนถูกลดค่าลงไปอย่างนี้ แต่คนส่วนน้อยกลับได้รับการส่งเสริมความเป้น คนสำคัญมากขึ้น ผลที่ตามาจึงรุนแรงเสมอ เพราะฉะนั้นความไม่พอใจขุ่นเคืองโดยทั้วไปในเกมฟุตบอลล้วนมีสาเหตุทางกายภาพมาจาก กรรมการ และจะทวีความรุนแรงมากที่สุดเมื่อมีความกดดันที่ท่าเรื่อตามหลังอยู๋ 2 ประตู เป้นการกดดันทางใจเข้าไปผสมอีกด้วย
คนส่วนใหญ่ไม่แปลกใจที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้
แต่เราสามารถหลีเหลี่ยงและเอาความผิดลพาดนี้ไว้เป็นบทเรียนโดยใช้มุมมองของ critical mass model ในการอธิบาย อคติ ของคนที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของคนที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน ในกรณีทีมฟุตบอล ความกดดันทั้งสองทางทั้งทางกายภาพและทางใจมาพร้อมกันและเกมจบลงด้วยการต่อสู้ ในเมื่อแฟนบอลพบเห้นการใช้กำลังทำร้ายกันในสังคมไทยในยุคปัจจุบันอยู่เป้นประจำอยู่แล้ว แรงกระตุ้นให้เกิดการทำร้ายกันอย่างโหดร้ายรุนแรงจึงเพิ่มขึ้นและไม่แปลกกว่าที่คาดคิดแต่อย่างใด
มองกรณีของทีมฟุตบอล นักลงทุนได้เรียนรู้อะไรจากการผิดพลาดนี้ ความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนเกิดได้เพราะอคติ และอคติของนักลงทุนส่งผลต่อการรับรู้ของพวกเขา และอคติสามารถสรรหาเหตุผลมารองรับได้ร้อยแปดพันเก้า อย่าแปลกใจหากคนบางคนจะหลงเชื่อเซียนหุ้นอย่างหัวปักหัวปำ ไม่ว่าใครจะมาชี้แจงอย่างไร เขาก็ไม่เปลี่ยนใจ และทั้ง ๆ ที่หลักฐานปรากฏทนโท่ เขาก็ไม่สนใจ ยังศรัทธาเซียนคนนั้นเหมือนเดิม อคติของนักลงทุน มีกลไกลนานัปการ ที่จะปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกเล่นงานง่าย ๆ แถมใช้กลไกนี้สร้างตัวมันให้เข้มแข็ง ดูน่าเชื่อถือ เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว เราจึงควรจะระแวดระวัง อคติ ของเราให้ดี อย่าเชื่อมันง่าย ๆ เพราะมันสามารถหลอกเราจนเสียเงินและเสียคนได้หากเราไม่รู้ทัน อคตินั้นเป็น 'คนใช้' ที่ดีของเรา แต่เป็น 'นาย' ที่แย่ ดังนั้นจึงควรมีสติ อย่าปล่อยให้ อคติ มันเป็นนายเราครับ.....
อย่าเชื่อเพราะ "อคติ" ของท่าน
ผมอาจผิด อะไรก็เป็นไปได้ครับ....
------------------
ซิกมัน ฟรอย กล่าวว่า กฎของธรรมชาติที่ลึกที่สุดในใจคนคือ ทุกคนอยากเป็นคนสำคัญ
อคติข้อนี้อาจเป้นต้นเหตุของ critical mass ทีเกิดขึ้นกับทีมฟุตบอลท่าเรือ มีอคติทีเชื่อกันในหมู๋ทีมฟุตบอลว่ากรรมการมักเข้าข้างทีมเมืองทองมากกว่าทีมอื่น
ท่านสามสลึงกล่าวไว้ว่า คนเราพอปักใจเชื่ออะไรเสียแล้ว ก็จะกอดความเชื่อนั่นเอาไว้ แม้หลักฐานหรือข้อมูลที่ได้รับจะไม่ตรงกับความเชื่อหรือภาพที่วาดไว้ในใจ ก็จะไม่ยอมละทิ้งความคิดความเชื่อนั้นง่าย ๆ แต่จะสรรหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดความเชื่อของตน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเชื่อฝังหัวแล้ว บางทีตา หู ลิ้นและอายตนะอื่น ๆ ก็พลอยคล้อยตามความคิดไปด้วย
ทีมอื่นต้องประสบภาวะทุกข์ใจจากปมด้อยทางใจบางประการ ครั้งหนึ่งพวกเขาอาจเคยคิดว่าทีมฟุตบอลของตัวเองเป้นทีม สำคัญ แต่เดี๋ยวนี้กลับได้รับการปฎิบัติเหมือนเป้นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่า ทีมฟุตบอลทีมอื่นรู้สึกว่าตัวเองถูกลดค่าความ เป้นคนสำคัญ ลงไปมาก ในทางทางตรงกันข้าม.....คุณค่าของความเป้น คนสำคัญ ของแฟนบอลทีมเมืองทองกลับได้รับการส่งเสริมมากขึ้น
หมอท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า เมืออาการบางอย่างมากเกินไป ก็สะท้อนกลับว่ามีอะไรบางอย่างที่มันน้อยไป ในกรณีนี้ ซึ่งพอมีจุดสังเกตความแตกต่างชนิดตรงกันข้ามของการตัดสินใจของกรรมการในวันนั้นแม้เพียงครั้งเดียว ทีมท่าเรื่อมีความเชื่อบางอย่างอยู่แล้ว ว่ากรรมการจะเข้าข้างทีมเมืองทอง สายตาแฟนบอลเห็นกรรมการมีพิรุธตลอดเวลาตั้งแต่แรก ไม่ว่าเขาจะเดิน จะวิ่ง หรือพูดอะไรก็ส่ออาการของอาการลำเอียง ภาพของกรรมการในสายตาของแฟนบอลท่าเรื่อเปลี่ยนไปตั้งแต่เกมเริ่มต้น ภาพเปลี่ยนไปเพราะ อคติ ที่เปลี่ยนไปมาสักระยะหนึ่งแล้ว
ความ ไม่ยุติธรรม ทำให้ทีมท่าเรื่อถูกลดค่าความเป้น คนสำคัญ ลงแต่มันสะท้อนกลับทำให้ความเป้น คนสำคัญ ของอีกทีมมีค่ามากขึ้น .....ข้อสังเกตของ อคติ ที่สร้างพฤติกรรมที่ตามมาก่อนเกิด critical mass....
.แฟนบอลทีมเมืองทองบางคนขนาดสำคัญผิดคิดว่าตัวเองเป้นผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นปฎิกริยาของทีมท่าเรือที่รู้สึกอิจฉาและคับแค้นใจต่อทีมตรงข้ามที่ได้รับอภิสิทธิ์นี้จึงแสดงออกมาในหลายลักษณะตั้งแต่การแข่งขันจะเริ่มขึ้นโดยมีการด่าทอกรรมการตั้งแต่แรก
เมื่อใดก้ตามที่คนส่วนใหญ่ซึ่งเคยได้รับการส่งเสริมคุณค่าความเป้น คนสำคัญ มาก่อนและวันนหึ่งคุณค่าความเป้นคนถูกลดค่าลงไปอย่างนี้ แต่คนส่วนน้อยกลับได้รับการส่งเสริมความเป้น คนสำคัญมากขึ้น ผลที่ตามาจึงรุนแรงเสมอ เพราะฉะนั้นความไม่พอใจขุ่นเคืองโดยทั้วไปในเกมฟุตบอลล้วนมีสาเหตุทางกายภาพมาจาก กรรมการ และจะทวีความรุนแรงมากที่สุดเมื่อมีความกดดันที่ท่าเรื่อตามหลังอยู๋ 2 ประตู เป้นการกดดันทางใจเข้าไปผสมอีกด้วย
คนส่วนใหญ่ไม่แปลกใจที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้
แต่เราสามารถหลีเหลี่ยงและเอาความผิดลพาดนี้ไว้เป็นบทเรียนโดยใช้มุมมองของ critical mass model ในการอธิบาย อคติ ของคนที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของคนที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน ในกรณีทีมฟุตบอล ความกดดันทั้งสองทางทั้งทางกายภาพและทางใจมาพร้อมกันและเกมจบลงด้วยการต่อสู้ ในเมื่อแฟนบอลพบเห้นการใช้กำลังทำร้ายกันในสังคมไทยในยุคปัจจุบันอยู่เป้นประจำอยู่แล้ว แรงกระตุ้นให้เกิดการทำร้ายกันอย่างโหดร้ายรุนแรงจึงเพิ่มขึ้นและไม่แปลกกว่าที่คาดคิดแต่อย่างใด
มองกรณีของทีมฟุตบอล นักลงทุนได้เรียนรู้อะไรจากการผิดพลาดนี้ ความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนเกิดได้เพราะอคติ และอคติของนักลงทุนส่งผลต่อการรับรู้ของพวกเขา และอคติสามารถสรรหาเหตุผลมารองรับได้ร้อยแปดพันเก้า อย่าแปลกใจหากคนบางคนจะหลงเชื่อเซียนหุ้นอย่างหัวปักหัวปำ ไม่ว่าใครจะมาชี้แจงอย่างไร เขาก็ไม่เปลี่ยนใจ และทั้ง ๆ ที่หลักฐานปรากฏทนโท่ เขาก็ไม่สนใจ ยังศรัทธาเซียนคนนั้นเหมือนเดิม อคติของนักลงทุน มีกลไกลนานัปการ ที่จะปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกเล่นงานง่าย ๆ แถมใช้กลไกนี้สร้างตัวมันให้เข้มแข็ง ดูน่าเชื่อถือ เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว เราจึงควรจะระแวดระวัง อคติ ของเราให้ดี อย่าเชื่อมันง่าย ๆ เพราะมันสามารถหลอกเราจนเสียเงินและเสียคนได้หากเราไม่รู้ทัน อคตินั้นเป็น 'คนใช้' ที่ดีของเรา แต่เป็น 'นาย' ที่แย่ ดังนั้นจึงควรมีสติ อย่าปล่อยให้ อคติ มันเป็นนายเราครับ.....
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนเกิด กับ เหตุการณ์ทีมท่าเรื่อ
โพสต์ที่ 2
[quote="humdrum"]มองกรณีของทีมฟุตบอล นักลงทุนได้เรียนรู้อะไรจากการผิดพลาดนี้ ความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนเกิดได้เพราะอคติ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนเกิด กับ เหตุการณ์ทีมท่าเรื่อ
โพสต์ที่ 6
เห็นโ้ด้ยครับvision เขียน:อ่านท่อนท้ายๆ นึกว่าพูดถึง GT200
ที่ว่าเชื่ออย่างหัวปักหัวปำ ไม่ว่าใครจะชี้แจงอย่างไรก็ตาม
อย่ายอมแพ้
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
ความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนเกิด กับ เหตุการณ์ทีมท่าเรื่อ
โพสต์ที่ 7
เซนสอนไว้ว่า
อย่ามองอะไรด้วยแว่นแห่งสามัญสำนึก
สิ่งที่เราเชื่อ สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยิน ถ้าเรายังไม่ได้พิสูจน์ความจริง
มันก็เปนเพียงแค่สิ่งที่เราไม่รู้
จงทำตนให้เหมือนแก้วที่ว่างเปล่าที่พร้อมจะรับสิ่งต่างต่างอย่างเป็นกลาง
อย่ามองอะไรด้วยแว่นแห่งสามัญสำนึก
สิ่งที่เราเชื่อ สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยิน ถ้าเรายังไม่ได้พิสูจน์ความจริง
มันก็เปนเพียงแค่สิ่งที่เราไม่รู้
จงทำตนให้เหมือนแก้วที่ว่างเปล่าที่พร้อมจะรับสิ่งต่างต่างอย่างเป็นกลาง