ยาฆ่าเชื้อ อย่าง Zithromax 250mg dose คือทานยังไงคะ ?

[กล้วยทอด]

ขอรบกวนเวลาหน่อยค่ะ เผื่อเพื่อนๆ พี่ๆ พอจะทราบ
ยาฆ่าเชื้ออย่าง Zithromax ขนาด 250mg สำหรับผู้ใหญ่
เค้ามี dose การทานเป็นอย่างไรคะ
วันละกี่มื้อ หรือทานไม่เกินกี่วัน

กล้วยทอดมีอาการจาม กับไอ เมื่อตอนต้นอาทิตย์ค่ะ
ได้รับจ่ายยาตัวนี้มา ขอบคุณค่ะ

[MarginofSafety]

Zithromax ขนาด 250mg
ทานครั้งละ 2 เม็ด วันละครั้งก่อนอาหาร
ทานติดต่อกัน 3 - 5 วัน

หายไวๆครับพี่กล้วย

On behalf of หมอ Ano  

[กล้วยทอด]

พี่กล้วยไป search หา สรรพคุณยานี่ อ่านแล้วตกใจ
รึว่าคุณหมอจะแอบตรวจเจอโรคอื่นด้วยเนี่ย
สรรพคุณรักษาได้เพียบค่ะ :lol:  

Zithromax is used to treat many different types of infections caused by bacteria, such as respiratory infections, skin infections, ear infections, and sexually transmitted diseases.

จะคุ้นกับยาชื่อ ampicilin หรือ amoxycillin มากกว่าค่ะ

แปลกใจที่ค่ารักษาด้วยค่ะ เล่าซะเลย
ปีนี้พี่กล้วยออกกำลังกายน้อยค่ะ  เลยเป็นหวัดมา 3 ครั้ง
ไปรักษาโรงพยาบาลเดิม(ไม่เอ่ยชื่อนะคะ) โรคเดิม แต่ค่ารักษาไม่เท่ากันสักครั้ง
800, 1000, 1500 บาท ง่าค่ายานี่ บอกผ่านตลอด ไม่เคยขอต่อเสียด้วยจิ

Zithromax ขนาด 250mg
ทานครั้งละ 2 เม็ด วันละครั้งก่อนอาหาร
ทานติดต่อกัน 3 - 5 วัน

หายไวๆครับพี่กล้วย

ขอบคุณค่ะคุณหมอ Ano (ผู้น่ารัก) กะน้องหวี (ผู้ชักนำคุณหมอเข้าวงการ)  :D
พี่กล้วยดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ

[gradius173]

กำลังทำเป้ามั่งครับช่วงปลายปี

ผมว่าURIที่ไม่ได้ติดในโรงพยาบาล และไม่มีประวัติดื้อยาชัดเจน
ผมว่าZithromaxค่อนข้างเกินจำเป็นครับ

แต่ถ้าทานแล้วควรทานจนหมดน่ะครับ

ขอให้หายดีไวๆ

[กล้วยทอด]

กำลังทำเป้ามั่งครับช่วงปลายปี

ผมว่าURIที่ไม่ได้ติดในโรงพยาบาล และไม่มีประวัติดื้อยาชัดเจน
ผมว่าZithromaxค่อนข้างเกินจำเป็นครับ

แต่ถ้าทานแล้วควรทานจนหมดน่ะครับ

ขอให้หายดีไวๆ

เรื่องยา กล้วยทอดไม่ค่อยทราบอะไรมากดอกค่ะ
URI นี่ก็เพิ่งไป search มา น่าจะหมายถึง
Upper Respiratory tract Infection : ไข้หวัดใช่ไม๊คะ

ยาฆ่าเชื้ออย่าง amoxy ตาม link นี้
http://www.lifedd.net/drug2.php
ราคาน่าจะประมาณเม็ดละ 4-5บาท
Zithromax ราคาแพงกว่าอยู่ตั้ง 20เท่าแหน่ะ
ราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ

ง่า.. นโยบายทำเป้านี่ ไม่ทราบเลย แต่ก็ไม่อยากคิดแง่นั้นค่ะ
เกรงคุณหมอท่านอื่นๆ จะเสียกำลังใจ
เคยได้ยินว่า ถ้าคนไข้ดื้อยา คุณหมอก็อาจจะลองเปลี่ยนชนิดบ้าง
อีกอย่างยาแพงๆ ข้อดีคือ จำนวนมื้อที่ทานน้อยกว่ายาถูก
(แต่จะเป็นยาแรงกว่าหรือเปล่าหว่า)
เหมาะสำหรับคนขี้รำคาญ ไม่อยากยุ่งยากบ่อยๆ
บางทีคนไข้เห่อยาแพงว่าวิเศษ ยาถูกรักษาไม่หาย
ก็ว่ากันไป

กล้วยทอดชอบให้มันค่อยๆ หายไปตามธรรมชาติดีกว่า
ยาแรงๆ กลัวมีผลข้างเคียงภายหลังนิ

ที่เขียนเรื่องราคา เพราะงง ว่ามันต่างกันเยอะจัง
ถ้าเป็นโรคอื่นที่ร้ายแรงกว่านี้ สัดส่วนค่ารักษามันอาจจะเยอะกว่านี้
(กลัวเป็นลมเวลาจ่ายค่ารักษาคราวหน้าอยู่เหมือนกัน  :lol:)
เพราะไม่ทราบมาตรฐานของการวินิจฉัยแต่ละท่านค่ะ

[Ano]

หวัดดีค่ะ พี่กล้วย

คราวนี้ขอตอบเอง  แสดงความคิดเห็นเองซะหน่อย

1. เรื่องการใช้ยา  Zithromax  คงต้องถามพี่กล้วยก่อนว่าเป็นหวัดครั้งนี้  ไปตรวจและได้รับยา  Zithromax แต่แรกหรือไปครั้งที่สอง ที่สามแล้วถึงได้ยาคะ
จริงๆแล้วหวัด  ทั่วไป  อาจเป็น
- ไวรัส  ซึ่งหายได้เองไม่ต้องทานยาปฏิชีวนะก็ได้
- แบคทีเรีย  แนะนำทานยาฆ่าเชื้อ  ตัวที่นิยมใช้กัน  ก็เป็นยา  amoxillin ที่พี่กล้วยคุ้นเคย
- แบคทีเรีย  กลุ่ม พิเศษ ที่มักลงหลอดลม  และยากลุ่ม penicillin ( amoxicillin) จัดการไม่ได้

ฉะนั้นไม่จำเป็นว่าพี่กล้วยจะติดเชื้อใน รพ.หรือไม่  ถ้าทาน  amoxicillin แล้วไม่ดี  อาจเกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย ที่ดื้อยา หรือ จาก แบคทีเรียกลุ่มพิเศษนี้  ซึ่งประวัติและ การตรวจร่างกาย อาจช่วยได้บ้าง  การที่แพทย์จ่ายยา  Zithromax ในความคิดของ  Ano ไม่ใช่เรื่องแปลก  

2. จากที่ทำงาน รพ.มา  ไม่เคยมีทราบข้อมูลว่ามีนโยบาย จ่ายยาแพงเพื่อทำยอด   แพทย์จะทำยอด ก็อยู่ที่ค่าแพทย์ที่ได้  ไม่น่าเกี่ยวกับค่ายา  
     ในการรักษาครั้งหนึ่งจะมีค่าใช้จ่ายแบ่งเป็นสี่ส่วน
- ค่าบริการทางการพยาบาล
- ค่าแพทย์ (doctor fee)
- ค่ายา
- ค่า lab เช่นการตรวจเลือด  การตรวจไข้หวัดใหญ่  
อันนี้พี่กล้วยสามารถดูได้ในใบเสร็จ  เพราะจะมีการแยกไว้  
ส่วนใหญ่  ค่าบริการทางการพยาบาลมักจะ fix   ค่าแพทย์มักไม่  vary มาก ถ้าแพทย์แค่ตรวจธรรมดา  ไม่มีหัตถการ ค่าแพทย์มากน้อยอาจขึ้นกับรพ.ด้วย   ส่วนค่ายาขึ้นกับชนิดและจำนวนยา   ค่า lab ก็ตามที่ส่ง  

ยกตัวอย่าง รพ.เอกชนที่อโน ทำ part time  แห่งหนึ่ง   ค่าบริการทางการพยาบาล 200 บาท ค่าแพทย์ 400-500 บาท   ถ้าพี่กล้วยมาตรวจแล้ว  ไม่รับยาเลย  หรือจะไปซื้อเอง  ก็ต้องเสีย อย่างน้อย 600-700 บาท  ไม่นับค่า  lab  และยา  ค่ะ  

3. ราคายา  Zithromax ต้องยอมรับว่าแพง จริง  ยาตัวเดียวกันราคาต่างกัน  ขึ้นกับ
- original VS local made  ถ้าของ บริษัทแม่  ก็แพงหน่อย  บริษัทไทยที่ทำตามเค้าก็ถูกหน่อยค่ะ
- รพ. ถ้า รพ.เอกชนราคาก็แพงกว่า รพ.รัฐอย่างแน่นอน  รพ.เอกชน hiso ก็แพงกว่า รพ.เอกชนทั่วไป อีก  แม้จะเป็นยาบริษัทเดียวกัน

รพ.เอกชนที่อโนทำอยู่  Amoxillin (500 mg) เม็ดละ 10 บาท
                                  Zithromax (250 mg) เม็ดละ 137 บาท

ถ้าคิดต่อ  course เทียบกัน
- Amoxicillin กิน 2 เม็ดวันละ 2 เวลา  7 วันต้องกิน 28 เม็ด  คิดเป็นเงิน 280 บาท
- Zithromax กินวันละ 2 เม็ด 3 วัน  คิดเป็นเงิน  822 บาท  

จะเห็นว่า ราคาต่างกันแค่ 3 เท่า  ถ้าคิดต่อ  course ไม่ใช่ต่อเม็ด

4.  การที่ไม่ได้ประวัติของพี่กล้วยอย่างละเอียด  และไม่ได้ตรวจร่างกายเอง  จึงเป็นการยากที่จะวิจารณืแพทย์ที่ให้การรักษาพี่กล้วยค่ะ  และอโนก็ว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่แพทย์คนนึงจะวิจารณ์การรักษาของแพทย์คนอื่นอย่างนี้  เป็นเหตุผลที่อโน  ตอบพี่กล้วยแค่ขนาดยา  ตามที่พี่กล้วยถามมาแต่แรก  

เพิ่มเติมอีกนิดนึง  การรักษาปัจจุบันตาม รพ.เอกชนแพงมาก  แต่การบริการก็ดีมาก เช่นกัน  ญาติผู้ใหญ่ของอโน  เพิ่งเสียชีวิตเมื่อเช้านี้  ท่านอยู่ ICU รพ.เอกชน Hi-so แห่งหนึ่ง 3 วัน เสียค่าใช้จ่ายไป ล้านกว่าบาท    :shock:   ค่ะ  

คนไข้เอกชนของอโน 80-90% มักมีประกันกันทั้งนั้น   ก็ช่วยผ่อนภาระด้านนี้ได้บ้างค่ะ

[กล้วยทอด]

ขอบคุณค่ะคุณหมอ Ano  แยกเป็นข้อๆ ชัดเจนดีค่ะ

พี่กล้วยอ่านฉลากยาผิดค่ะ เจ้า Zithromax ตอนแรกทานไปแค่มื้อละ 1 เม็ด
พอมา confirm กับข้อมูลหลายๆ ทาง เลยโทรไปถามทางโรงพยาบาลค่ะ
เค้าแนะนำว่าให้ทานต่อไปเลย แต่ถ้าตกใจ หรือมีการหยุดทานในมื้อแรกๆ
ก็ให้เริ่มนับหนึ่งกันใหม่ดีกว่า  

พี่ได้ Zithromax มาทาน 3 วัน ในราคา 125 บาทต่อแคปซูล
แต่ราคาของ amoxy ของที่นี่ไม่แน่ใจค่ะ  (แต่คิดว่าน่าจะ >4-5บาท)
แต่ก็น่าจะย่อมเยากว่าที่คุณหมอยกตัวอย่างนิ

เห็นค่าใช้จ่ายในการติดต่อโรงพยาบาลในบางบ้านนี่ ทำเอาคนรวยกลายเป็นจนได้ง่ายๆ เลยนะคะ
โดยเฉพาะถ้าต้องรักษาต่อเนื่อง ไม่รู้จบ หวังว่าคนอ่านทุกท่านจะมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงค่ะ  

ปล. ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของญาติของคุณหมอท่านนั้นด้วย ท่านไปสบายแล้วค่ะ

[MarginofSafety]

ทีเราป่วยเป็นหวัด ดันถูกใช้ไปล้างรถ
ไม่เห็น 1 2 3 4 แบบนี้เลย  :lol:

[Ano]

แล้วถ้ามี doctor fee จะจ่ายป่าวคะ พี่หวี

[สามัญชน]

[quote="Ano"]

[Windy]

อย่างงี้ค่าประกันสุขภาพก็ต้องขึ้นไปเรื่อยๆตามค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ขึ้นราคาตลอด

คนที่รับภาระก็ไม่พ้นคนที่ทำประกันสุขภาพ (โดยเฉพาะคนที่สุขภาพดี) ซึ่งต้องรับภาระค่าประกันสุขภาพที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆตามค่ารักษาพยาบาล

แต่ถ้าไม่ทำประกันสุขภาพ เวลาเป็นอะไรก็แย่เหมือนกัน อาจจะหมดตัวได้

หรือเราควรจะเก็บเงินไว้ ประกันสุขภาพตัวเอง  :roll:

[สถาปนิกต่างดาว]

ขอถามหน่อยนะครับ
๑ ระดับชาวบ้าน พอจะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นหวัดจากไวรัส หรือเป็นหวัดจาก  แบคทีเรีย
๒ สมัย สุโขทัย หรือ อยุธยา เวลาคนไทยเป็นหวัด เขากินยาอะไรครับ
อยากรู้จริงครับ มิได้กวน
  คือคิดเอาเองว่า ไวรัสไทย แบคทีเรียไทย น่าจะใช้ยาไทยๆ
  และอีกอย่าง เวลาผมกินยาแก้หวัด ก่อนไวรัสมันจะย่ำแย่  อ้ายตัว
  กระผมก็พลอยย่ำแย่ไปด้วย มึน เมา เหมือนกินเหล้าเลย  :lol:

[reiter]

1. สำหรับผู้ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ อาจจะแยกยากสักหน่อยครับ เพราะในทางปฎิบัติผมเองใช้การตรวจร่างกาย ( การดูคอ ) เป็นสำคัญ ในการแยกระหว่างไวรัสกับแบคทีเรีย ลำพังแค่ประวัติ อาจจะแยกเชื้อก่อโรคสองกลุ่มนี้ได้ลำบาก

2 สมัยก่อนคงไม่ได้ได้ทานยาครับ เพราะว่ากันตามตรง โรคพวกนี้สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องทานยาฆ่าเชื้อก็ได้ เพียงแต่การทานยาจะทำให้ระยะการเป็นโรคสั้นลง และลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคคออักเสบ ( ซึ่งก็คือโรคหัวใจรูมาติก )

[Ano]

ขออภัย  เป็นตัวตั้งประเด็นแต่มาตอบช้า

เห็นด้วยกับคุณ reiter ค่ะว่าแยกยากซักหน่อย  สำหรับบุคคลทั่วไป  แต่ในแง่ประวัติอาจลองเอาไปปรับใช้ได้ค่ะ  

ในทางปฏิบัติที่ตรวจคนไข้
- ประวัติ :
-->ถ้าเป็นมาวันสองวัน, อาการแบบน้ำมูกใสๆ,  คอแห้ง,  ไข้ไม่สูง, เด็กเล็ก, ถ้าเป็นเด็กแล้วมีอาเจียน ท้องเสียด้วย,  ก็คิดถึงไวรัสไว้ก่อน
- ตรวจร่างกาย
--> ดูคอค่ะ  มีหนองป่าว, มีต่อมน้ำเหลืองที่คอโตไหม  แล้วก็ตรวจร่างกายอื่นอีก  แต่ขอไปลงรายละเอียด  

ส่วนเรื่องยาแผนไทย  ไม่มีความรู้ค่ะ  ขอไม่วิเคราะห์แล้วกัน

*พี่กล้วยคะ  คุณตาของอโนไปสบายแล้วค่ะ  ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ  วันก่อนไปงานฝังท่าน  หลุมลึกมากๆๆ  เล่นเอาตอนไปโยนดอกไม้กะดิน  แล้วกลัวๆไปเลย  

[กล้วยทอด]

[quote="Ano"]
*พี่กล้วยคะ

[กล้วยทอด]

อย่านอนดึกมาก จะป่วยเอาได้นะ เอาใจใส่ตัวเองกันหน่อย แค่กๆ  :D

[อินทรีย์ทองแดง]

[quote="Ano"]

2. จากที่ทำงาน รพ.มา

[Ano]

ประเด็นที่คุณอินทรีย์กล่าวมา  มีมูลค่ะ  

มีแพทย์ท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นใน thaiclinic.com/doctorrroom ไว้ได้น่าสนใจ  ขอ quote มาแล้วกันค่ะ

โนบิตะ  15 ธค. 52 :

"ถ้าคิดว่า การรักษาพยาบาล เป็นการประกอบอาชีพ(วิชาชีพ)
การขายบริการ และยา  ที่ไม่เอาเปรียบ   ก็น่าจะยอมรับได้

งบส่งเสริมการขาย..  
งบโฆษณา   งบเอนเทอร์เทนลูกค้า  และการบรรจุหีบห่อหรูหรา    
..ของสินค้าอื่นๆ
ก็ไม่ได้น้อยกว่า ของบริษัทยาเลย ..

ยา ทำโฆษณากับคนไข้ไม่ได้  .. เลยมาลงที่หมอไม่กี่คน    
ยอดต่อหัว  ดูเยอะ .. แต่คิดว่า
คนไข้ ไม่ได้เสียเปรียบเท่าไหร่หรอก เมื่อเทียบกับสินค้าอื่น  

บรรดายี่ปั๊ว  ผู้แทนจำหน่าย  ของสินค้าอื่นๆ
ก็เห็นได้โบนัส  ได้พาเที่ยว .. ทุกปีๆ ไม่น้อยเหมือนกัน
นอกเหนือจาก รายจ่าย ให้สื่อโฆษณา .ดารา ฯลฯ
ไหนจะ เรื่องค่า ทำหีบห่อ ที่ไม่เกี่ยวกับการใช้สอยดื่มกิน..
มันเป็นธรรมชาติ ของการทำตลาดเสรี ..ไม่น่ามองว่าไร้สาระ  

เพียงแต่ ต้องไม่ป็นการ "ยัดเยียด" ให้คนไข้
คนไข้  มีสิทธิเลือกซื้อ เลือกบริโภค เลือกรับบริการเอง  "



ว่าแต่ว่า  ถ้าเป็นไปได้รบกวนผู้แทนมาพาไปเลี้ยงข้าว  กะรับ-ส่งสามี  แถวนี้ให้หน่อยสิคะ  :D   เพราะยังไม่มีลูกไปฝากเค้ารับส่ง

ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย  งานด้านที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่มีผู้แทนยามาสนใจค่ะ  


ส่วนเรื่องหวัด  เป็นเองหายเองได้ค่ะ  ส่วนตัวกินพาราเซตามอลปีนึงๆนับครั้งได้เลย  พักผ่อนให้พอหวัดก็หายเองได้  ถ้าเป็นไม่รุนแรง  Codeine น่าจะทำให้ง่วงแล้วก็หลับดีขึ้น  ตัวยาพารากะ codeine ไม่น่าดีกกะแบ่ตัวของไวรัสได้ค่ะ  ฉะนั้นคงไม่ได้ใช้ในแง่กับกันการลุกลามของโรค