คือบัณฑิต ฤทธิ์ถกล ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้เอง

http://www.manager.co.th/Entertainment/ ... 0000115433ถือเป็นข่าวเศร้าของคนในวงการอีกครั้ง
หลังมีรายงานว่าผู้กำกับชื่อดังของไทย "บัณฑิต ฤทธิ์ถกล"
เจ้าของผลงานภาพยนตร์ยอดนิยมหลายเรื่องได้เสียชีวิตลงแล้ว
ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงวันที่ผ่านมาของวันนี้ ณ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
ทั้งนี้สาเหตุของการเสียชีวิตนั้นคาดว่าน่าจะเกิดมาจากหัวใจ-ไตวาย
โดยเมื่อ 10 กว่าวันที่ผ่านมาเจ้าตัวก็เพิ่งจะเข้าโรงพยาบาลเพื่อไปทำบอลลูนที่ข้อเข่ามา
สำหรับศพของผู้กำกับชื่อดังนั้นมีรายงานในเบื้องต้นว่าจะมีการนำไปไว้ที่วัดมกุฎกษัตริยาราม
และจะมีการรดน้ำศพในเย็นวันนี้ ซึ่งรายละเอียดอื่นๆ
ทาง ซูเปอร์บันเทิงจะนำมาเสนอต่อไป
เลยถือโอกาสแสดงความคารวะมาในฐานะผู้ที่มีโอกาสได้ดูผลงานของคุณบัณฑิต
แม้จะไม่ใช่ทุกเรื่องก็ตาม
คุณบัณฑิตไม่ใช่นักสร้างหนังแบบอลังการ์ยิ่งใหญ่เป็นมหากาพย์เอพิค
ไม่ใช่นักสร้างหนังเพื่อชีวิตของคนชั้นล่่าง
ไม่ใช่นักสร้างหนังแนวอาร์ตๆที่ส่งเข้าประกวดเทศกาลหนังนานาชาติ
แต่หนังของคุณบัณฑิตสอดแทรกแง่คิด
สาระที่สะท้อนอารมณ์ มุมมองและโลกทัศน์ของคนทำหนังคนหนึ่ง
ที่หวังจะให้เนื้อหนังเรื่องๆนั้นได้บ่งหนามที่ยอกอยู่ในใจคนดูออกได้บ้าง
ผลงานของคุณบัณฑิตที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุด
เห็นจะหนีไม่พ้น ซีรีสชุด "บุญชู" ที่มีตั้งหลายตอน
หนังตลกๆที่เห็นวิวัฒนาการของหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งที่เข้ามาแสวงหาชีวิตในเมืองหลวง
กูรูได้ดูเป็นบางตอน ก็เห็นแก๊กขำๆเปิ่นเท้อที่คนกรุงมองคนบ้านนอกอย่างบุญชูว่า
เป็นคนชายขอบ(กรุง)เสียจริง
แต่ด้วยการมองโลกในแง่บวกของคนสร้าง
คาแรคเตอร์อย่าง"บุญชู" จึงดูใสซื่อ บริสุทธิ์ จับจิตจับใจและจดจำได้
เสมือนเป็นสะพานทอดสู่ความเข้าใจของเมืองกรุงกับชนบท
ก้อไม่ใช่อื่นไกล ญาติมิตรเคียงเรือนกันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม
โชคดีที่ได้ดูหนังของคุณบัณฑิตอีกหลายเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียสด้วยเนื้อหาและบทสะท้อนสังคม
อย่างเข่น "คนดีที่บ้านด่าน" กล่าวถึงการออกค่ายอาสาของนักศึกษา
ที่ต้องผจญกับอิทธิพลมืดในถิ่นกันดาร
จนเกิดโศกนาฎกรรมการสูญเสียชีวิตนักศึกษาไป
ยังจำเสียงเพลงร้องขับขาน เป็นคนดีที่ไหนก็ได้ ขอให้เป็นคนดีที่แท้จริง
ด้วยเกล้า
จากเมล็ดข้าวไม่กี่หยิบมือที่เก็บได้ในพิธีแรกนาขวัญ ท้องสนามหลวง
กลายเป็นจุดบันดาลใจให้ชาวนาคนหนึ่งมุ่งมั่นปลูกข้าวเลี้ยงคนและครอบครัว
แต่ยิ่งปลูกก็ยิ่งจน ภัยธรรมชาติที่โถมกระหน่ำ หนี้สินพะรุงพะรัง จนต้องขายข้าวที่ถูกกดราคาไป
ท้ายสุดก็ต้องหันไปปลูกพืชเกษตรอย่างอื่น
เหลือทิ้งแปลงนาข้าวทดลองให้เตือนระลึกถึงความตั้งใจครั้งเก่าก่อน
นี่คือชะตากรรมของชาวนาไทยที่เป็นมาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว
จรัญ มโนเพ็ชร แสดงฝีมือจนสุดชีวิตจริงๆ
"ส.อ.ว.ห้อง 2 รุ่น 44 (2533)"
ชื่อหนังแสนยาวเรื่องนี้มาจากคำเฉลยของนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง
ที่จบจากห้องเรียนเดียวกัน ต่างเติบโต ก้าวหน้าไปตามวิถีทางต่างๆ
บ้างก็ประสบเคราห์กรรมจากการถูกทำร้ายจากเพศบุรุษ
บ้างก็ทำตัวเป็นนายหน้าค้าเพศเสียเอง
ขณะที่นางเอกของเราเป็นนักข่าวที่ทำทุกวิถีทาง
เพื่อเปิดโปงความเลวร้ายในสังคม
จนในที่สุดก็ต้องยอมเสียเพื่อนร่วมห้องเดียวกันไป
เป็นภาพยนตร์ไทยไม่กี่เรื่อง
ที่สามารถใส่ความเนียนของการต่อสู้สิทธิสตรีลงไปโดยไม่ยัดเยียด
"14 ตุลา สงครามประชาชน"
เรื่องนี้บอกชัดๆว่าเป็นหนังเกี่ยวกับการเมือง
ดัดแปลงจากผลงานของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ในหนังสือ "คนล่าจันทร์"
บอกเล่าชีวประวัติของผู้เขียนกับเหล่าสหายที่ถูกกาลเวลาชะล้างบาดแผลจนแห้งดีแล้ว
ค่อยเล่าย้อนรำลึกถึงบริบทในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จากนาครสู่วนา
จากความเชื่อมั่นในอุดมการณ์สู่การล้มละลายแห่งศรัทธา
แม้ไม่ประสบความสำเร็จดังที่หวัง
ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับการเก็บเล่าไว้ในหอบันทึกประวัติศาสตร์
ครั้งหนึ่ง วันเวลาของคนหนุ่มสาวได้พลัดหายไปไปกับพายุร้าย
เมื่อฟ้าโล่งลมวงบ ค่อยกลับออกมาเก็บเศษเสี้ยวชีวิตที่เหลือใหม่
ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เพื่อนที่ได้ดูผลงานผู้กำกับท่านนี้ออกมาเล่าบ้าง
ท้ายสุด ขอคารวะแด่ร่างที่จากไปอีกหนด้วยเพลง "คนดีที่บ้านด่าน"
เป็นคนดีที่ไหนก็ได้ ขอให้เป็นคนดีที่แท้จริง
เป็นคนดี เป็นคนดี เป็นคนดี ตลอดไป
